วันพุธที่ 16 มกราคม พ.ศ. 2562

จับแม่ทัพไปไถนา - บทที่ 211 ซี่เชวี่ยมาสอบถาม


“ที่จริง เอาเป็นว่าข้าแค่อยากมาหาท่าน  พรุ่งนี้จะเป็นวันเทศกาลตงจื่อแล้ว ข้า...”
ซี่เชวี่ยเปิดปากมามีแต่เรื่องสัพเพเหระ  อาเจี่ยนไหนเลยจะฟังเล่า? จึงตัดบทอย่างหงุดหงิด “ตกลงมีเรื่องอะไรกันแน่?”
ซี่เชวี่ยชะงักไป ดวงตาสบเข้ากับสายตาของชายหนุ่มที่มองมาด้วยสายตาเย็นชา ถ้อยคำเรื่อยเปื่อยไม่รู้จักจบจักสิ้นเหล่านั้น  พูดได้ว่าถูกบังคับให้กล้ำกลืนลงไป  สาวใช้สกุลจ้าวจึงเดินเข้าหาชายหนุ่มอีกนิด  หญิงสาวมีท่าทางเก้อเขินเล็กน้อย  ครั้นแล้วจึงเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “เรื่องนั้น  ข้าได้ยินว่าพวกท่าน ยามนี้ได้จัดเตรียมพื้นที่เพาะปลูกต้นกล้าฝ้ายหรือ!  ฝ้ายนี้ไม่เหมือนข้าว หน้ำซ้ำผู้ชำนาญเรื่องการเพาะต้นอ่อนฝ้าย ณ ตอนนี้ ก็ยังไม่มี?”
ที่แท้ก็มาด้วยจุดประสงค์นี้นี่เอง !

ประกายเรืองรองวาบขึ้นในดวงตาของอาเจี่ยนแล้วเลือนหายไป  ชายหนุ่มเอ่ยเสียงเรียบนิ่ง “เหตุใดข้าต้องรู้เรื่องด้วยล่ะ?  หากเจ้าอยากรู้ ก็ลองไปสอบถามเอา เจ้าอยากถามใคร ก็ไปถามเอาเอง เอาเป็นว่า ข้าไม่รู้เรื่องพวกนี้หรอก!”
เดิมทีเขาคิดจะบอกซี่เชวี่ยให้ไปถามเหลียนฟางโจวแทน  แต่พอคิดอีกที มิใช่ว่าผู้อื่นรอให้เขาเอ่ยวาจานั้นออกมาหรอกหรือ  พอเห็นเช่นนั้นแล้ว เขาจึงไม่เอ่ยอันใดออกมา
 “ที่แท้ท่านก็ไม่รู้เรื่องพวกนี้นี่เอง !” ซี่เชวี่ยแย้มยิ้ม “ถึงมิอยากจะเล่า ทว่า  เมื่อสองสามวันก่อน ท่านมิได้อยู่เตรียมดินเพาะปลูกกับเขาหรอกรึ?”
 “ใช่” อาเจี่ยนตอบด้วยน้ำเสียงห้วนจัด
ซี่เชวี่ยถึงกับใจเต้นกระตุก แล้วรีบเอ่ยต่อ “ได้ยินว่า พื้นที่นั้นเป็นแปลงเพาะต้นอ่อน พี่เจี่ยน ท่านจัดเตรียมมันอย่างไรล่ะ?”
อาเจี่ยนเหลือบมองนาง ด้วยสายตาเย็นชา แล้วถามขึ้น “ที่ข้าพูดมาทั้งหมดนี่ เจ้ายังไม่เข้าใจอีกหรือ?  ยังจะมาถามข้าทำอะไรข้าอีก !  อีกอย่าง เรื่องนี้มันเกี่ยวอันใดกับเจ้าด้วย ?”
“ข้าก็แค่อยากรู้ ก็เลยอยากจะถามสักหน่อย !” ซี่เชวี่ยเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “จวนสกุลจ้าวเองก็ได้รับเมล็ดฝ้ายแบ่งมาให้ เป็นจำนวนไม่น้อยเหมือนกัน  ข้าก็เลยเกิดอยากถามขึ้นมาแค่นั้น !”
อาเจี่ยนแค่นเสียงขึ้นคราหนึ่ง และไม่สนใจเสวนากับนางอีกต่อไป
ซี่เชวี่ยเอ่ยปากคุยขึ้นมาอีกสองสามประโยค ฝ่ายอาเจี่ยนก็ทำเป็นไม่ได้ยินเสียอย่างนั้น
ฝ่ายซี่เชวี่ยเห็นว่า ไม่ว่านางเพียรถามไปเท่าใด ก็ไม่มีอะไรเล็ดรอดจากปากชายหนุ่ม สาวใช้สกุลจ้าวให้รู้สึกกระอักกระอ่วนใจ  ครั้นแล้วจึงเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “ พี่เจี่ยน ท่านทำงานต่อเถิด  ข้าไปก่อนนะ ! รอให้ถึงเดือนหนึ่ง ปีหน้า ข้าจะมาอีก จะขอมากล่าวอวยพรพี่เจี่ยนในวันปีใหม่นะ....
นางลังเลอยู่ครู่หนึ่ง  แต่ก็ยังไม่กล้าไปถามเอากับเหลียนฟางโจว  ทั้งยังรู้ดีด้วยซ้ำว่า เหลียนฟางโจวจะไม่มีทางบอกนางเป็นแน่
อีกฟากหนึ่ง  จ้าวซานที่กำลังบ่นอุบในใจ ได้ทำการย้ายรถเข้าไปจอดแอบข้างประตูด้วยความฉุนเฉียว ยามเมื่อเขากลับเข้ามาก็พบว่า ในลานบ้านของคนสกุลเหลียนไม่มีใครอยู่เลยสักคน
อ้อ นี่กะจะทิ้งเขาให้ยืนหนาวตายอยู่ที่นี่เลยหรือไร !
จ้าวซานเดินจ้ำอ้าวตรงดิ่งเข้าไปในลานบ้านสกุลเหลืยน  ทาสหนุ่มอยากจะเข้าไปตอบโต้ด้วยโทสะที่พร้อมจะปะทุออกมาเต็มแก่  ซ้ำยังมั่นใจด้วยว่าตนจะสามารถระบายความแค้นครั้งนี้ได้สำเร็จ
ใครไม่เป็นเขาคงไม่รู้ว่า การที่ต้องเพี่ยงพร้ำครั้งแล้วครั้งเล่า  แถมมิได้ระบายความคับแค้นออกมาเสียที มันอึดอัดเพียงไหน  แล้วอย่างนี้จะไม่ให้เขาโมโหได้อย่างไร?
แม้ไม่มีใครเชื้อเชิญ  ทาสหนุ่มก็เดินอาดๆวางก้ามใหญ่โตเข้าไปในลานบ้านสกุลเหลียน  ตั้งใจกวาดสายตาหาจุดที่รกรุงรังไปทั่วบริเวณ  จนกระทั่งสายตาไปสะดุดที่ข้าวของเครื่องใช้ซึ่งกองสุมอยู่บนพื้นกองหนึ่ง  ทาสหนุ่มจึงจงใจใช้เท้าเตะเข้าให้
“ช่างทำตัวถ่อยเสียจริงๆ !” เหลียนเซ่อเหยียดมุมปาก เอ่ยด้วยน้ำเสียงดูแคลน
“ข้าจะไปไล่เขาเอง !” เหลียนฟางฉิงย่ำเท้าด้วยความขัดเคือง
เหลียนฟางโจวรั้งตัวน้องสาวไว้เบาๆ พลางเอ่ยด้วยรอยยิ้มบาง “เดิมทีเขาเป็นเพียงแค่บ่าวไพร่ ไร้สถานะอยู่แล้ว เจ้ายังหวังความดีงามอะไรจากเขารึ ?  วางใจเถิด  ไม่ต้องไปหรอก  ดูท่าเจ้านั่นน่าจะถึงคราวเคราะห์แล้วล่ะ !”
เหลียนฟางฉิงทำตาโตด้วยความฉงน เหลียนเช่อครุ่นคิดสักครู่ ดวงตาก็พลันทอประกายเจิดจ้า “พี่ใหญ่กำลังหมายถึงอาสาม....”
“อื้ม” เหลียนฟางโจวพยักหน้าน้อยๆ
อาสามได้ชื่อว่าเป็นคนรักข้าวของคนหนึ่ง จ้าวซานเดินเพ่นพ่านไปทั่วลานบ้านเช่นนี้  อาสามต้องกลัวว่าจ้าวซานจะมาแอบลักขโมยข้าวของๆตน  และจะต้องรีบมาจับตาดูทาสหนุ่มไม่ให้คลาดสายตาเป็นแน่
ยิ่งหาญกล้ามาเตะข้าวของจนกระจัดกระจาย  อาสามย่อมไม่มีทางละเว้นเขาแน่ !
อาสามเป็นผู้อาวุโส  บางเรื่องยกให้อาสามจัดการ ย่อมดีกว่าเหลียนฟางโจวและน้องๆลงมือเองเป็นไหนๆ
เหลียนฟางโจวพูดยังไม่ทันขาดคำ อาสามก็โผล่พรวดออกมาจากในครัวทันใด ในมือถืออ่างน้ำเย็นเจี๊ยบ สาดน้ำเย็นใส่จ้าวซานโครมใหญ่
เพราะอยู่ห่างกันไปหน่อย ในที่สุดจ้าวซานก็รู้สึกตัว จึงรีบกระโดดหนี
น้ำเย็นจากอ่างนั่นหาได้โดนเป้าหมายจังๆไม่  ทว่าก็ยังส่งผลให้เสื้อผ้าของทาสหนุ่มบางส่วนเปียกปอน
“ปัทโธ่  น่าเสียดายจริง !”  หลายคนในเรือนอดชกมือไม่ได้  แต่พอเห็นสภาพของจ้าวซานเท่านั้น  ต่างคนต่างกลั้นหัวเราะไม่ไหว
 “เจ้าทำอะไรน่ะ!”  จ้าวซานแตกตื่นตกใจหันขวับมา พลางจ้องอีกฝ่ายเขม็ง ต่างฝ่ายต่างจ้องมองกันด้วยดวงตาวาววับ
ครั้นอาสามเห็นทาสหนุ่มทำข้าวของของตนล้มระเนระนาด  ก็ให้รู้สึกเจ็บปวดใจอย่างห้ามไม่อยู่  ยิ่งมาเห็นเขาโดนน้ำสาดเพียงเฉี่ยวๆ ก็ออกจะเสียใจอยู่นิดๆ  อาสามจึงคลี่ยิ้มเอ่ยเสียงแหลมปรี๊ด “อ้าว เจ้ายังไม่ไปอีกรึ?  เสียงกุกกักสักนิดก็ไม่ได้ยิน ข้าไหนเลยจะรู้ว่ามีคนอยู่ในลานบ้านเล่า?  ขออภัยด้วยนะ!  พอดีข้าจะกวาดพื้น  เจ้าออกไปรอข้างนอกดีกว่า ฝุ่นจะได้ไม่เปื้อนตัวเจ้าไง !”
อาสามจ้องหน้าจ้าวซานเขม็ง บนใบหน้าปรากฏรอยยิ้ม  แต่ที่จริงกำลังกัดฟันกรอดๆอยู่ อาสามมิได้เอ่ยอันใดอีก ขณะสายตานางกำลังจับจ้องทาสหนุ่ม มือก็วางอ่างน้ำลง  แล้วไปหยิบไม้กวาดถือไว้
 “นางเฒ่าวิปลาส!” จ้าวซานคำรามเสียงต่ำ  ยังไม่ยอมถอยออกไป
ผู้อื่นอยากกวาดพื้น  เขายังจะห้ามได้หรือ? ลานบ้านเส็งเคร็งนี่ ก็ดันใหญ่โตไม่น้อย หากเขาไม่หลีกไป ฝุ่นคงได้ฟุ้งเข้าหัวเข้าหูเขาเป็นแน่ !  ช่างเถิดๆ  ไยเขาจะต้องไปทะเลาะกับยายแก่บ้านนอกคนหนึ่งด้วยเล่า !
อาสามเห็นจ้าวซานเดินออกไปแล้ว  จึงหัวเราะหึๆ  วางไม้กวาดในมือลง “ ไปยืนรออยู่ข้างประตูน่ะถูกต้องแล้ว !   เจ้าเป็นทาสคนหนึ่ง คนบ้านข้า ไม่มีใครไปเชิญเจ้าเข้ามา  เจ้ากล้าดียังไงถึงเข้ามาเดินเพ่นพ่าน ?  คนสกุลจ้าว ไม่รู้ธรรมเนียมถึงเพียงนี้เชียวหรือ !”
จ้าวซานถึงกับจุก พลางทำท่าถลึงตาใส่
เหลียนฟางโจวและน้องๆ แอบหัวเราะด้วยความขบขัน
ไม่นาน ซี่เชวี่ยผู้ซึ่งมีสีหน้าย่ำแย่ ก็โผล่ออกมาจากลานหลังบ้าน หญิงสาวก้าวขึ้นรถ  พลางออกคำสั่งให้จ้าวซานออกรถ  “ไปได้ !”
จ้าวซานนิ่งอึ้งไป  จะกลับไปดื้อๆแบบนี้รึ?  แล้วที่เขาหวังจะยืมมือซี่เสวี่ยแก้แค้นให้เขาเล่า !
“ไม่ได้ยินหรือไง?  ไปได้แล้ว !”   เมื่อซี่เชวี่ยเห็นว่ารถม้าไม่ยอมขยับเสียที  จึงอดรนทนไม่ได้ ตลบผ้าม่านขึ้น พลางถลึงตาใส่จ้าวซาน
“อ้า ขอรับๆ !”  จ้าวซานคล้ายคนเพิ่งตื่นจากความฝัน  เขาจำต้องขึ้นไปขับรถม้าด้วยความไม่พอใจ
หลังจากนั้นพริบตาเดียว อาเจี่ยนก็สาวเท้าเข้ามาในเรือนด้วยความโมโหฉุนเฉียว  ชายหนุ่มตวัดสายตาใส่เหลียนฟางโจว  อยากจะพูดสิ่งที่อัดอั้นออกมา แต่ยั้งไว้
เหลียนฟางโจวเห็นเขามีท่าทีออกจะคุกคาม ทำท่าอยากหาเรื่องคนเช่นนี้  โทสะขุมหนึ่งในใจเธอ ผุดขึ้นมารางๆโดยไม่รู้ตัว  หญิงสาวหน้าตึงขึ้นสองส่วน  น้ำเสียงที่เอ่ยจึงออกจะกระด้างดูไม่เป็นธรรมชาติ “แม่นางซี่เชวี่ยผู้นั้นของท่าน ไปแล้วรึ?”
แม่นางซี่เชวี่ยผู้นั้นของท่านรึ?  อาเจี่ยนได้ยินถ้อยคำนี้ถึงกับนิ่งงัน 
นางไม่รู้หรือไร ว่าเขารังเกียจซี่เชวี่ยผู้นั้นมากเพียงไหน  แล้วนางดันมาพูดคำว่า แม่นางซี่เชวี่ยผู้นั้นของท่าน อะไรนั่นอีก !
น้ำเสียงอาเจี่ยนห้วนกระด้างยามตอบโต้ “แม่นางซี่เชวี่ยผู้นั้นไม่ใช่ของข้า !   หากคราวหน้านางมาอีก เจ้าช่วยไล่นางไปให้ข้าหน่อย  ข้าไม่อยากเจอยาโถวผู้นั้นอีก !”
เหลียนฟางโจวนิ่งอึ้งไป  มิคาดว่าอาเจี่ยนจะเอ่ยออกมาเช่นนี้  พลันรู้สึกกะดากใจเล็กน้อย “อ้อ”  ครั้นแล้วจึงพูดอุบอิบ “เรื่องนั้น  ข้าเห็นท่านทำท่าจะเป็นจะตายเข้ามาในเรือน  ข้าก็นึกว่าท่านไม่พอใจที่แม่นางซี่เชวี่ยกลับเร็วไป....”
พอเห็นอาเจี่ยนยังมีท่าทีหงุดหงิดอยู่บ้าง หญิงสาวจึงรีบเงยหน้า พลางเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “ได้สิ  ครั้งหน้า ข้าจะช่วยขับนางออกไปให้ท่านเอง !  เพียงแต่ หากนางดื้อดึงจะมาพบท่านให้ได้ ข้าก็คงไม่มีสิทธิ์ยับยั้ง !”
อาเจี่ยนชะงัก  แล้วพรูลมหายใจเบาๆ “เจ้ารู้ไหมว่าซี่เชวี่ยผู้นั้นถามอันใดข้า?  นางถามเรื่องการเพาะต้นอ่อนฝ้ายในแปลงเพาะ “
ไม่เพียงเหลียนฟางโจว  เหลียนเซ่อยังตื่นตัวขึ้นมาอีกคน
“นางถามเรื่องนี้เพื่อการอันใด?  แล้วท่านบอกอะไรนาง?
“ข้าย่อมไม่บอกอันใดนางอยู่แล้ว !”  อาเจี่ยนสั่นศีรษะ  “บางที คุณหนูใหญ่สกุลจ้าวอาจสั่งให้นางมาถามก็เป็นได้  คุณหนูใหญ่ผู้นั้นเริ่มสนใจเรื่องที่นี่มาตั้งแต่เมื่อใดกัน?”
--------------------------------------------------------------------------------------
ขอบคุณสำหรับทุกคอมเมนต์และการติดตามนะคะ 
คราวที่แล้วอัพช้า เลยมาอัพบทนี้ให้เร็วหน่อยค่ะ ^_^

7 ความคิดเห็น:

  1. ขอบคุณค่ะ น่ารำคาญสกุลจ้าวจริงๆคุณหนูใหญ่นี่เก่งแบบอันธพาลนะแน่จริงทำไมไม่ไปผู้รู้เองละมีเงินกับอิทธิพลนี่ ต้องมาวอแวส่งสาวใช้กับคนขับรถม้ามารังควานชาวบ้านด้วย

    ตอบลบ
  2. สวัสดีค่ะไรท์มาช้าไม่เป็นไรค่ะรอได้ อาเจี่ยนโดนตื้ออีกแล้วแถมตอนนี้มีงอนกันนิดหน่อยด้วยอาโจวกับอาเจี่ยนน่ารักดีค่ะ

    ตอบลบ
  3. ขอบคุณมากค่ะ
    ต้องผจญมารร้ายสกุลจ้าวอีกนานแค่ไหนน้อ
    เบื่อจริง ๆ เลยคนพาลนี่

    ตอบลบ
  4. รอการปลูกฝ้ายค่ะ ขอบคุณมากนะคะ

    ตอบลบ
  5. มารเยอะมาก อยู่สุขๆกันได้ไม่นานเลย ขอบคุณผู้แปลมากค่ะ

    ตอบลบ
  6. เริ่มปีใหม่ก็มีมารผจญ

    ตอบลบ