วันศุกร์ที่ 25 มกราคม พ.ศ. 2562

จับแม่ทัพไปไถนา - บทที่ 212 เซ่นไหว้บรรพบุรุษในเทศกาลตงจื่อ (1)


เหลียนฟางโจวแค่นเสียงเบาๆ “ท่านรู้เรื่องหวางซานที่โดนเราขายออกไปเมื่อสองสามวันก่อนหรือไม่?  คุณหนูใหญ่สกุลจ้าวซื้อเขาไป แล้วเปลี่ยนชื่อเขาเป็นจ้าวซาน  เขาเป็นคนขับรถม้าพาซี่เชวี่ยมาเมื่อครู่ก่อนล่ะ! “
“ที่แท้เป็นเช่นนี้นี่เอง !”  อาเจี่ยนพลันถึงบางอ้อ  ชายหนุ่มใคร่ครวญอยู่ครู่หนึ่ง จึงเอ่ยขึ้น “หากเป็นเช่นนั้น..เกรงว่าคุณหนูใหญ่สกุลจ้าวยังคงจับตาดูพวกเราอยู่ !”

ต่อให้นางยังจับตาดูไม่เลิก  นางก็ไม่รู้หรอกว่า ลึกๆแล้ว ฝ้ายคือสิ่งใด  บางทีนางคงจับเงื่อนงำอะไรบางอย่างได้  แต่ยังไม่เข้าใจถ่องแท้  ด้วยเหตุนั้น  การจับตาดูเรื่องนี้จึงเป็นไปอย่างจำกัดด้วย
เหลียนฟางโจวคลี่ยิ้ม  แล้วพูดขึ้น “บางทีนางคงแค่อยากรู้ขึ้นมาบ้างเล็กน้อยเท่านั้น  ดังนั้นการป้องกันทั้งหลาย พวกเราไม่ต้องเอาจริงเอาจังถึงขั้นเอิกเริกหรอก เอาแค่คอยเฝ้าระวัง คนที่เดินผ่านไปมาแล้วอาจเข้ามาทำความเสียหายก็พอ!”
อาเจี่ยนเข้าใจที่นางหมายความอย่างรวดเร็ว  พลางพยักหน้าแย้มยิ้ม “ เจ้าพูดถูกแล้ว!”
หากตนเองไม่แสดงท่าทีเฝ้าระวังอย่างเข้มงวด เช่นนั้นแล้ว ความสนใจของฝ่ายตรงข้ามก็จะลดลงไปโดยปริยาย นี่จึงนับเป็นการป้องกันที่ดีที่สุด
ทั้งหมดที่ต้องจับตาดูก็คือ จ้าวซานจะมีความเคลื่อนไหวไม่ชอบมาพากลอีกหรือไม่
ยามโพล้เพล้ เหลียนฟางโจว อาเจี่ยนและเหลียนเซ่อ พากันเข้าไปที่หมู่ตึกนั่น  พวกเขาเอาเนื้อหมูเป็นอันมาก รวมทั้งกับข้าวไปส่ง  ซ้ำยังแจ้งบรรดาบ่าวไพร่อีกด้วยว่า วันนี้พวกเขาได้สั่งตัดชุด รวมทั้งถุงเท้าและรองเท้าให้ รออีกสามสี่วัน จะไปรับกลับมาให้  โดยบ่าวไพร่แต่ละคนจะได้ชุดตัวในและตัวนอก คนละสองชุด
ทุกคนล้วนยินดีปรีดานัก ต่างพากันขอบคุณคนทั้งสาม
วันต่อมา  เหลียนฟางโจวและน้องๆตื่นกันตั้งแต่รุ่งสาง พอล้างหน้าบ้วนปากเสร็จแล้ว  ทั้งหมดจึงง่วนอยู่กับการเตรียมข้าวของเซ่นไหว้ บิดามารดาด้วยความสงบสำรวม
เหลียนฟางโจวและเหลียนเซ่ออัญเชิญป้ายวิญญาณบิดามารดา มาปัดฝุ่นทำความสะอาดจนใหม่เอี่ยม ส่วนของที่ต้องจัดวางบนโต๊ะเซ่นไหว้ อาทิเช่น  กระถางธูป เชิงเทียน ก็นำมาเช็ดทำความสะอาดด้วย
ฟากเหลียนฟางฉิงและเหลียนเช่อ  ก็ง่วนอยู่กับการนั่งพับกระดาษเงินกระดาษทองอย่างขะมักเขม้นอยู่ในเรือน
ส่วนในครัว  มีอาสามที่กำลังเตรียมเชือดไก่อยู่
เมื่อวานทอดปลาเตรียมไว้แล้ว เนื้อหมูที่เตรียมมาเซ่นไหว้ ก็ปรุงเสร็จแล้ว รออุ่นให้ร้อน  ก็สามารถนำไปเซ่นไหว้ได้แล้ว
นี่เป็นงานที่เข้มขวดจริงจังแฝงไว้ซึ่งความเศร้า  เมื่อเห็นหลานๆพากันเงียบขรึม อาสามจึงพรูลมหายใจออกมาสองเฮือก ฝ่ายอาเจี่ยนก็ไม่รู้จะพูดอันใดดี จึงได้แต่บอกว่า จะพาพวกวัวออกไปกินน้ำที่ริมแม่น้ำ
 “ฟางโจวถังเม่ย !  อาเซ่อ! เงาร่างในชุดเสื้อคลุมสีฟ้าอ่อนลายทางสีน้ำเงินเข้ม สะท้อนเข้าสู่นัยน์ตา เหลียนฟางโจวและเหลียนเซ่อซึ่งกำลังง่วนอยู่กับการเช็ดโต๊ะเซ่นไหว้อยู่นั้น พากันเงยหน้าหันขวับไปมอง จึงได้เห็นเหลียนไห่เดินเข้ามาในเรือน ด้วยใบหน้าอ่อนโยน
สายตาอันอ่อนโยนที่ทอดมองบรรดาญาติผู้น้องของเหลียนไห่ ดูมืดครึ้มหน่อยๆ  ชายหนุ่มสาวเท้าเข้ามาหา พลางเปล่งเสียงนุ่ม “มีอันใดให้ข้าช่วยหรือไม่?”
ที่แท้เขาตั้งใจมาเพื่อเซ่นไหว้บิดามารดาของพวกเธอโดยเฉพาะนี่เอง
            นัยน์ตาของเหลียนฟางโจวและเหลียนเซ่อปรากฏคลื่นความอบอุ่นและซาบซึ้งแผ่ขึ้นมาโดยไม่รู้ตัว
ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลประการใด  เหลียนไห่ได้ทำให้พวกเขาพี่น้องตระหนักแล้วว่า ชายหนุ่มแตกต่างจากเหลียนลี่และเฉียวซื่อ
ในเวลาอันสั้น ความรู้สึกประทับใจของเหลียนเซ่อและเหลียนตัวน้อยสองคนนั่น กลายเป็นดีเลิศประเสริฐกว่าแต่ก่อนนัก   ในขณะที่เหลียนฟางโจวไม่มีหลักฐานว่าเขาเป็นพวกหน้าเนื้อใจเสือมาก่อน  ถึงแม้หญิงสาวจะเผื่อใจหวาดระแวงไว้สองส่วน ทว่าก็ยังอยากเพิ่มความเชื่อใจขึ้นอีกสามส่วน
 “อ้อ ถางซยงมานั่นเอง!”  สองพีน้องทักทายกลับ ครั้นแล้วเหลียนฟางโจวก็ทอดถอนใจด้วยความซาบซึ้ง “ไม่ต้องหรอก ถางซยง เราพี่น้องทำกันเองได้ ! นี่คือสิ่งที่บุตรอย่างพวกเราสมควรทำ !”
 “อื้ม” เหลียนเซ่อพยักหน้าอีกคน
 “ดีล่ะ!” เหลียนไห่ผงกศีรษะ  ยิ้มแย้มเอ่ยด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน “ในเมื่อนี่เป็นการแสดงความกตัญญูอารองและอาสะใภ้รองของพวกเจ้า ข้าคงไม่ก้าวก่าย !   อย่างไรก็ขอข้าโขกหัวคำนับ จุดธูปไหว้อารองและอาสะใภ้รองด้วยนะ !”
เหลียนเซ่อได้ยินวาจานั้น ก็พลันเอ่ยด้วยความซาบซึ้ง “ขอบคุณมากๆถางซยง!”
ในสายตาเด็กหนุ่ม  ภายภาคหน้า ถางซยงย่อมจะเข้าสอบเคอจู่เของราชสำนัก เพื่อกลายเป็นขุนนางใหญ่โต  การที่ญาติหนุ่มสามารถทำความสำเร็จให้บิดามารดาเยี่ยงนี้ เขาประทับใจไม่น้อยทีเดียว และเพราะความขัดแย้งระหว่างบ้านเขากับเหลียนลี่และเฉียวซื่อที่มีมา  เขาจึงไม่นำพากับลมปากของเหลียนไห่สักเท่าไร  แต่กับการแสดงออกของญาติหนุ่มเยี่ยงนี้  กลับทำให้ใจเขารู้สึกอ่อนไหว
“นี่เป็นเรื่องสมควรแล้ว  อย่าได้เหลวไหล!” เหลียนไห่โบกไม้โบกมือ แล้วเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “เอาล่ะ พวกเจ้าจัดการงานในมือไปเถิด ข้าไม่รั้งพวกเจ้าให้เสียเวลาแล้ว !  ข้าขอไปรอที่โถงด้านนอกก่อน พวกเจ้ารีบทำสิ่งที่คั่งค้างให้เสร็จก่อนเถิด  แล้วค่อยไปกับข้า ก่อนอื่นพวกเราควรไปโขกศรีษะคำนับบรรพบุรุษ  จุดธูปไหว้  แล้วค่อยกลับมาเซ่นไหว้อารอง อาสะใภ้รองอีกทีก็แล้วกันนะ ! จริงสิ บิดาและมารดาข้า จะเข้ามาร่วมเซ่นไหว้บรรพบุรุษด้วย “
ก่อนจะเอ่ยประโยคท้ายสุดนั้น น้ำเสียงเขาสะดุดไปอย่างเห็นได้ชัด
เกือบลืมบรรพบุรุษไปเสียแล้วสิ !
เหลียนฟางโจวแอบร้องในใจด้วยความละอาย
เธอลืมไปเสียสนิท เหลียนฟางฉิงกับเหลียนเช่อย่อมไม่เข้าใจ เหลียนเซ่อเองก็นึกขึ้นได้ ทว่าป้ายวิญญาณบรรพบุรุษย่อมตั้งไว้ในนิวาศสถานของผู้อาวุโสสูงสุดของสกุลเหลียน ซึ่งก็คือบ้านลุงใหญ่นั่นเอง เหลียนเซ่อไม่เชื่อว่า ลุงใหญ่กับป้าใหญ่จะยอมให้พวกเขาพี่น้อง เข้าไปเซ่นไหว้จริงๆ
หากดึงดันจะเข้าไปให้ได้ แม้ตามหลักแล้ว พวกเขาพี่น้องจะเป็นลูกหลานของสกุลเหลียนด้วยก็ตาม  ทว่าคนไร้เหตุผลอย่างป้าใหญ่นั้น  คงได้หาเหตุทะเลาะสักหนึ่งยกก่อนจะยินยอมตกลงคล้อยตามเป็นแน่  เหลียนเซ่อเองไม่คิดอยากทะเลาะกับคนบ้านใหญ่ในวันนี้เลยสักนิด
พอถางซยงเป็นฝ่ายเอ่ยปากเรื่องนี้ขึ้นมาเอง เขาจะไม่ชอบใจได้อย่างไร ?
พลันบังเกิดความอบอุ่นสายหนึ่งขึ้นในใจเหลียนเซ่อ  เด็กหนุ่มจึงผงกศรีษะขอบคุณเหลียนไห่เสียหลายที
เหลียนฟางโจวแย้มยิ้มขอบอกขอบใจอีกคน
เรื่องนี้สมควรแล้ว  เห็นพวกเจ้าพูดมาเช่นนี้  จริงๆแล้ว ทำให้ข้ารู้สึกผิดยิ่งนัก !”  เหลียนไห่คลี่ยิ้ม แล้วจึงสาวเท้าออกไป
 “พี่ใหญ่ พวกเราเร่งมือขึ้นอีกนิดเถิด ! “  เหลียนเซ่อกลัวว่าจะไปเซ่นไหว้บรรพบุรุษล่าช้า จึงอดเร่งงานในมือให้เร็วขึ้นไม่ได้
 “อื้ม” เหลียนฟางโจวระบายยิ้ม เร่งมือขึ้นอีกคน
เพียงไม่นาน สองพี่น้องก็จัดการเช็ดถู โต๊ะบูชา กระถางธูป จนสะอาดเอี่ยมอ่อง รวมไปถึงพื้นห้อง ก็จัดการปัดกวาดเช็ดถูจนสะอาดสะอ้านด้วยเช่นกัน  แล้วจึงพากันเดินออกมา
ขณะที่ เหลียนไห่ เหลียนฟางฉิง และเหลียนเช่อ กำลังพูดคุยหัวเราะสนุกสนานไปพลาง มือก็พับกระดาษเงินกระดาษทองไปพลางด้วย พอเห็นทั้งสองคนเดินออกมาแล้ว จึงเอ่ยแย้มยิ้ม “กระดาษเงินกระดาษทองกองนี้พับแป๊ปเดียวก็เสร็จ  รออีกเดี๋ยวแล้วค่อยไปกันนะ !?
เหลียนฟางโจว เหลียนเซ่อ รับคำ  ทั้งสองจึงเอาน้ำใช้แล้วในอ่างไปเททิ้ง และล้างมือจนสะอาด ขณะที่เหลียนไห่พาซยงเม่ย (ญาติผู้น้อง) น้อยทั้งสองมายืนรอท่า เพื่อเตรียมเดินไปบ้านเดิมของตระกูล
เหลียนฟางโจวเอาไก่ต้มหนึ่งตัว ปลาทอดหนึ่งตัว พร้อมทั้งหมูสามชั้น ใส่ชาม แล้วจัดวางลงในตระกร้าสานไม้ไผ่  เพื่อเตรียมหิ้วไปด้วย พร้อมกันนั้นก็ไม่ลืมหอบกระดาษเงินกระดาษทอง เทียน ธูป และประทัดไปด้วย
เรื่องจำพวกเซ่นไหว้บูชาบรรพบุรุษนี้  นางคงไปแตะต้องข้าวของเครื่องใช้ของบ้านสายหลักไม่ได้
เหลียนไห่เห็นหญิงสาวเป็นแบบนี้ ก็ไม่ว่าอะไร  ชายหนุ่มคลี่ยิ้มบาง พลางเปล่งเสียง “มา..ให้ข้าถือเอง!” ว่าแล้วจึงหยิบตระกร้าสานใบที่ใส่หมูสามชั้น และปลาทอดมาหิ้วเอง
พอแจ้งกับอาสามเสร็จ  เหล่าพี่น้องจึงพากันเดินตามเหลียนไห่ไป
อาสามคือสตรีที่แต่งออกเรือนไปแล้ว การเซ่นไหว้บรรพบุรุษที่บ้านเดิมของสตรีเช่นนี้ นางย่อมไม่อาจเข้าร่วมได้
ทันทีที่ได้เห็นห้องซึ่งว่างเปล่าไร้ผู้คนในเรือน  อาสามได้ทอดถอนใจออกมา  รู้สึกใจหายขึ้นมาทันใด  หญิงกลางคนอดยกชายแขนเสื้อขึ้นมาปาดหางตาที่เปียกชื้นเบาๆไม่ได้
พี่สาวคนโตและน้องๆสี่คนนี้ล้วนดีกับนางนัก  เหลียนฟางโจวช่างเป็นคนใจกว้างดุจมหาสมุทร  นางจึงสะสมเงินทองได้ 4-5 ตำลึงแล้ว  รอเก็บเงินต่ออีกสักสองสามปี  พร้อมทั้งขอให้เหลียนฟางโจวช่วยด้วย  นางคงจะซื้อที่นา เนื้อที่ 4-5 หมู่ได้อย่างไม่มีปัญหาแล้ว กล่าวได้ว่า ต่อให้ภายภาคหน้าแก่ตัวลง เคลื่อนไหวลำบาก  นางก็ยังมีข้าวกิน
อย่างไร  ชีวิตนางก็คงลงเอยเช่นนี้อยู่แล้วแหละ !
ไร้สามี ซ้ำยังไร้บุตร  แล้วยังสามารถทำอะไรได้อีกเล่า?
นางอดหันไปเหลือบมองห้องปีกข้างแสนเล็ก ซึ่งเป็นที่ตั้งป้ายวิญญาณบิดามารดาของเหลียนฟางโจวไม่ได้   ยิ่งบังเกิดความเศร้าและขมฝาดขึ้นมาในใจโดยพลัน ต่อไปภายหน้า ยามที่นางลาจากโลกนี้ไปแล้ว แม้แต่ทายาทที่จะมาจุดธูปไหว้ก็ยังไม่มีกับเขา !
ส่วนคนพวกนั้นที่บ้านสามี  นางไม่เคยนับญาติด้วยมาตั้งนานแล้ว
-----------------------------------------------------------------------
ขอบคุณสำหรับทุกคอมเมนต์และการติดตามค่ะ ^_^

10 ความคิดเห็น:

  1. ขอให้ญาติผู้พี่มาดีเถอะ ป้าสามก็น่าสงสาร เหมือนตัวคนเดียว แต่นางเอกคงไม่ทอดทิ้งแน่ๆ😊😊😊

    ตอบลบ
  2. ญาติผู้พี่จะหาเรื่องมาให้ในภายหน้ารึเปล่านะห่วงฟางโจวจัง/ขอบคุณไรท์นะคะไรท์มาก็ดีใจหายไปก็คิดถึงค่ะ😊

    ตอบลบ
  3. ขอบคุณค่ะ ช่วงนี้ชีวิตสี่พี่น้องคงราบรื่นดีนะ

    ตอบลบ
  4. ขอบคุณค่ะ หวังว่าบ้านนี้จะได้ญาติดีๆบ้างเหอะ

    ตอบลบ
  5. มีเรื่องแน่นอน สังหรเลย

    ตอบลบ
  6. ไม่ระบุชื่อ27 มกราคม 2562 เวลา 11:52

    ไม่น่าจะมาดีนะเนี่ย

    ตอบลบ
  7. ขอบคุณมากค่ะ
    ดราม่าจะมาตอนไหนน้อ

    ตอบลบ
  8. ขอบคุณค่ะ ยังไม่ไว้ใจญาติผู้พี่นะ น่ากลัว

    ตอบลบ
  9. ไม่อยากให้ฟางโจวไว้ใจญาติผู้พี่คนนี้เลย

    ตอบลบ
  10. อาสามเด็กๆ ต้องช่วยดูแลอาบ้างแหละ ตบไหล่ปลอบคุณอา

    ตอบลบ