วันอาทิตย์ที่ 10 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2562

จับแม่ทัพไปไถนา - บทที่ 215 ทาสเลวๆอย่าเอาไว้


“ช่างเถิด  เจ้าจะเดินทางมาเอาให้ลำบากลำบนทำไม ?”  เหลียนฟางโจวระบายยิ้ม ขณะมองดูอาเจี่ยนและเหลียนเซ่อช่วยกันขนตระกร้าผัก 2 ใบเข้าไปไว้ในครัว จากนั้นจึงเอ่ยถามด้วยรอยยิ้ม “บ่อน้ำขุดใหม่นั่นเป็นอย่างไรบ้างล่ะ ?”
 “บ่าวก็คิดเรื่องนี้อยู่เหมือนกัน  ตอนรุ่งสาง พอเปิดประตูออกมาได้ ก็รีบไปดูเลยเจ้าค่ะ โชคดีที่ยังอยู่ดี ไม่เป็นอะไรเลย !”  ใบหน้าหลี่ชื่อเปื้อนยิ้มขณะเอื้อนเอ่ย
เหลียนฟางโจวได้ยินนางบอกมาเช่นนี้  พลันเบาใจไปกว่าครึ่ง พร้อมกันนั้น  เธอได้ขอให้อาเจี่ยนกับเหลียนเซ่อไปตรวจดูอีกครา  จึงพบว่าน้ำในบ่อเป็นแผ่นน้ำแข็งบางๆใสแวววาวปานแก้วไปแล้ว  แต่เป็นเพราะว่าผนังบ่อก่อสร้างด้วยอิฐสีเขียวอมฟ้าชั้นดี  จึงไม่มีรอยแตกร้าว หรือสิ่งอื่นใดให้เห็น ทำให้โล่งใจไปได้เปลาะหนึ่ง

 “บ่าวชายพวกนั้นยังประพฤติตัวดีกันอยู่ใช่หรือไม่ ?  สองวันมานี่ไม่มีใครก่อเรื่องอันใดเลยใช่ไหม?”  อาเจี่ยนเบนสายตาไปยังบริเวณที่พักที่บ่าวชาย 12 คนพำนักอยู่ แล้วถามขึ้น
 “พวกเขา พวกเขาทุกคนยังทำตัวดีอยู่ ไม่มีอันใด ไม่มีเรื่องอันใดเลยเจ้าค่ะ !” หลื่ซื่อยิ้มประจบ
นัยน์ตาเหลียนฟางโจวผุดประกายวาบ  เมื่อเห็นแววลังเลเด่นชัดในดวงตาของหลี่ชื่อ ยิ่งจางซิ่วเอ๋อร์ด้วยแล้ว ถึงกับก้มหน้างุดเลยทีเดียว
เหลียนฟางโจวพลันรู้สึกถึงความไม่ชอบมาพากล ดวงตาหญิงสาวจับจ้องหลี่ชื่อ แล้วถามขึ้น “ตกลงแล้วเกิดเรื่องอันใดขึ้น?”
 “ไม่ ไม่มีอันใดเจ้าค่ะ....” หลี่ชื่อตัวสั่น ก้มหน้างุดโดยไม่รู้ตัว นางมิใช่คนพูดปด ยิ่งต่อหน้าเจ้านายด้วยแล้ว  ยิ่งมาพูดกดดันแบบนี้  ยิ่งไม่กล้าบอกเข้าไปใหญ่
อาเจี่ยนกับเหลียนเซ่อต่างมองหน้ากัน อาเจี่ยนเป็นฝ่ายเอ่ยขึ้น “พวกเราจะไปนั่งคอยแถวประตูทางเข้าก่อนนะ “
เหลียนฟางโจวพยักหน้า  เฝ้ามองคนทั้งสองสาวเท้าจากไป  ครั้นแล้วจึงหันมาซักไซร้หลี่ชื่ออีกคราว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น?
ยิ่งเห็นมาเห็นท่าทีขี้ขลาดและอ่อนปวกเปียกคนของหลี่ชื่อ  พาลให้ความอดทนของเหลียนฟางโจวแทบจะหมดไป  หญิงสาวนิ่วหน้าแล้วเอ่ยขึ้น “ตกลงมีเรื่องอันใดกัน  ยังไม่รีบพูดออกมาอีก !  เจ้าไม่พูดแสดงว่า กำลังต้องการปกปิดให้บ่าวไพร่พวกนั้น  รอข้ากลับไปเรียกเจ้าพวกนั้นมาซักฟอกทีละคนก่อนเถิด แม้แต่เจ้าเองก็ต้องโดนลงโทษด้วย !”
 “อย่านะเจ้าคะ !” หลี่ชื่อร้องขึ้นมาด้วยความตื่นตระหนก  หัวเข่าทั้งสองอ่อนยวบ  สาวใช้คุกเข่าลงดังตุบ ต่อหน้าเหลียนฟางโจว พลางก้มหน้าร้องครวญครางสะอื้นไห้
 “คุณหนู !”  ส่วนจางซิ่วเอ๋อร์ทนอดกลั้นไหม่ไหว ร้องไห้โฮออกมา พร้อมทั้งคุกเข่าตามไปด้วยอีกคน  นางโขกหัวให้เหลียนฟางโจว  แล้วเอ่ยออกมาทั้งน้ำตา “คุณหนู  โปรดเห็นแก่บ่าวเถิดเจ้าค่ะ !”
ใจของเหลียนฟางโจวหดเกร็ง หญิงสาวมุ่นคิ้วกำลังจะเอ่ยปากถาม  หลี่ชื่อกลับยื่นมือมาฉุดรั้งจางซิ่วเอ๋อร์ไว้  แล้วเอ่ยขอร้อง “ คุณหนู บ่าวขอให้ซิ่วเอ๋อร์ออกไปก่อนได้หรือไม่เจ้าคะ?”
เหลียนฟางโจวแทบจะหมดความอดทนอยู่รอมร่อแล้ว  จึงพยักหน้าเบาๆ
จางซิ่วเอ๋อร์ลุกขึ้นอย่างว่าง่าย แล้วเดินออกไป
หลี่ชื่อส่งเสียงร่ำไห้ออกมา นางเล่าอธิบายถึงต้นสายปลายเหตุให้เหลียนฟางโจวฟังอย่างกระท่อนกระแท่น
ส่วนเหลียนฟางโจวเกิดโทสะยามได้รับทราบเรื่องราว
ที่แท้  เรื่องของเรื่องก็คือ หลี่ซื่อลวนลามจางซิ่วเอ๋อร์ ซ้ำยังพูดจาแทะโลมอีกด้วย มิคาดว่าเมื่อคืนวาน เขาเกิดคิดมิดีมิร้ายแอบลอบติดตามเด็กสาว ตอนที่จางซิ่วเอ๋อร์เอาน้ำชาไปส่งให้ฉินเฟิงและซูจื่อจี้แล้วกลับออกมา มินึกเลยว่าเขาจะหน้ามืดตรงเข้าฉุดหญิงสาวหมายจะปลุกปล้ำข่มเหง
จางซิ่วเอ๋อร์ตระหนกตกใจ  ขัดขืนดิ้นรนสุดชีวิตจนหนีรอดออกมาได้  นางร้องไห้โฮขณะวิ่งตรงกลับเรือนพัก พอครอบครัวนางรู้เรื่องทั้งหมดเข้า ก็ได้แต่โกรธแค้น ซ้ำไม่กล้าแพร่งพรายให้คนนอกรู้ด้วย  เหตุผลหลักก็คือ เรื่องทำนองนี้หากได้รู้ถึงหูผู้อื่น อย่างไรเสีย ผู้ที่มีแต่เสียกับเสียก็คือฝ่ายหญิง คืนนั้นสองแม่ลูกกอดคอร้องไห้กันเกือบทั้งคืน
 “เจ้านี่มันเลอะเลือนจริงๆ !”  พอฟังเรื่องราวจบลง เหลียนฟางโจวใบหน้าเขียวคล้ำด้วยแรงโทสะ พลางส่งเสียงฮึดฮัด “มีเรื่องเยี่ยงนี้เกิดขึ้น ต่อให้ข้าไม่สนใจ พวกเจ้าก็ควรรายงานข้าผู้เป็นายสิ  ข้ารึอุตส่าห์ถามแล้วถามอีก ไยเจ้าไม่ยอมปริปาก?  นี่เท่ากับเจ้ายอมให้บุตรสาวโดนกระทำ โดยไม่เอาความรึ? คราวนี้โชคดี  แล้วคราวหน้าล่ะ? เจ้าจะมีโชคดีสักกี่ครั้งกัน !”
หลี่ชื่อหน้าซีดเผือด ยกมือกุมหน้าร่ำไห้ “ไม่ใช่ว่าบ่าวไม่อยากเล่า ทว่า เรื่องแบบนี้  ฝ่ายบ่าวคือ...เด็กสาว บ่าวขอร้องท่านเป็นพันครั้ง อย่าเอาซิ่วเอ๋อร์ของเราไปยกให้หลี่ซื่อเลยเจ้าค่ะ !   เมื่อคืนวานซิ่วเอ๋อร์กับเขา ยังไม่มีอะไรเกินเลยกันจริงๆ !”
 “เจ้าพูดจาเหลวไหลอันใด !”  เหลียนฟางโจวทั้งขำทั้งฉุน แล้วแจงต่อว่า “ไฉนเจ้าถึงได้คิดอะไรเยี่ยงนี้ !”
หลี่ชื่อเอาแต่ร้องไห้ นอกจากขอร้องวิงวอนแล้ว ก็ไม่เอ่ยอะไรอีก
ที่จริงเรื่องนี้นางไม่จำเป็นต้องบอก เหลียนฟางโจวตรองดูเองก็น่าจะเข้าใจ
ไม่ใช่ว่าทุกอย่างก็เป็นเช่นนี้มาตั้งแต่ยุคโบราณรึ ? ไม่ว่าจะโดนล่อลวงก็ดี หรือโดนบังคับด้วยกำลังก็ดี พอได้แตะเนื้อต้องตัวกันแล้ว ก็ถือว่าฝ่ายหญิงสูญสิ้นความบริสุทธิ์  นอกจากการตกลงปลงใจอยู่กินกับชายที่ทำลายความบริสุทธิ์ของหญิงสาวผู้นั้นแล้ว ก็ไม่มีทางสายอื่นให้หญิงนั้นเลือกเดิน !
ต่อให้ชายผู้นั้นจะเลวทรามต่ำช้าสักปานใด  ฝ่ายหญิงก็ทำได้แต่เพียงยอมรับชะตากรรมเท่านั้น !
พอคิดถึงจุดนี้แล้ว  เหลียนฟางโจวชักลังเลใจขึ้นมา
แน่นอน ไม่ว่าหลี่ซื่อจะถูกลงโทษสถานหนักหรือไม่  เธอเองก็คงไม่เก็บเจ้านั่นเอาไว้อีกต่อไป อย่างไรก็ดี เพื่อที่จะกำจัดคน  เธอจำต้องเปิดเผยเรื่องนี้ให้ผู้คนรับรู้ด้วย  ไม่ใช่แค่เพื่อต้องการให้ทุกคนเชื่อฟังกฏ  แต่ยังเป็นการเชือดไก่ให้ลิงดูอีกด้วย
เพียงแต่ว่า หากทำเช่นนั้นขึ้นมาจริงๆ  การที่ชื่อเสียงของจางซิ่วเอ๋อร์ต้องด่างพร้อย คงเป็นเรื่องที่หลีกเลี่ยงไม่ได้
เพียงชั่วเวลาสั้นๆ เหลียนฟางโจวยังคิดหาวิธีอะไรดีๆไม่ออก หญิงสาวจึงเอ่ยกับหลี่ซื่อ “เจ้าลุกขึ้นก่อนเถิด สองสามวันนี้ อย่าปล่อยให้จางซิ่วเอ๋อร์ไปไหนมาไหนคนเดียว ไม่ใช่แค่เฉพาะตอนกลางคืนเท่านั้น ในหมู่ตึกกว้างใหญ่นี่  มีคนหนุ่มจำนวนหนึ่งอาศัยอยู่ แถมในบริเวณรอบเรือนหลายแห่ง ล้วนเปลี่ยวไร้ผู้คน เกิดมีผู้ใดคิดอกุศลขึ้นมา  ผู้ใดเล่าจะรู้ ?  พวกเจ้าควรระวังตัวไว้บ้าง  เจ้าคนชั่วหลี่ซื่อนั่น ข้าจะไม่ปล่อยให้มันลอยนวลแน่ !  พวกเจ้าวางใจได้เลย !
ใบหน้าหลี่ชื่อพลันซีดขาว นางรีบเอ่ยละล่ำละลัก “คุณหนู  บ่าวขอร้องท่าน อย่ารื้อฟื้นเรื่องนี้ขึ้นมาอีกเลยเจ้าค่ะ หากพูดออกไป ชื่อเสียงของซิ่วเอ๋อร์คงป่นปี้ไม่มีชิ้นดี !”
 “หากเราบริสุทธิ์เสียอย่าง จะต้องกลัวอันใด ?”  เหลียวฟางโจวขมวดคิ้วมุ่น  พอเห็นใบหน้าซีดเผือดของหลี่ชื่อ หญิงสาวจึงเลิกทำหน้าดุ แล้วโพล่งขึ้น “ก็ได้ ข้ารู้หนักเบาหรอกน่า !  ยังไงเสีย วันนี้อย่าให้ซิ่วเอ๋อร์ออกไปเพ่นพ่านข้างนอกเด็ดขาด ให้นางหยุดงาน พักผ่อนอยู่แต่ในเรือนเสีย  ข้าจะจัดการเรื่องนี้ให้จบโดยเร็วที่สุด !”
 “เจ้าค่ะ คุณหนู.....” หลี่ชื่อผงกศรีษะรับคำ  จึงเห็นเหลียนฟางโจวเดินผละจากไป หลี่ชื่อฟังแล้วยังไม่แจ่มแจ้งนักว่า ลงท้ายแล้ว เหลียนฟางโจวรับปากที่ตนขอร้องแล้วหรือไม่   ที่ว่าจะไม่แพร่งพรายเรื่องนี้ให้ผู้อื่นล่วงรู้  นางอดรู้สึกกระวนกระวายมิได้
เหลียนฟางโจวสูดลมหายใจเข้าปอดลึกๆไปสองครา  จึงสงบจิตใจลงได้ หญิงสาวเดินไปเรียกเหลี่ยนเซ่อ รวมทั้งอาเจี่ยนให้ออกเดินทางไปเนินเขาเสี่ยวฮวากั่วซานด้วยกัน
เหลียนเซ่ออดซักไซร้พี่สาวไม่ได้ “พี่ใหญ่  เกิดอันใดขึ้นกันแน่?  ไยหน้าท่านถึงได้ดูเคร่งเครียดนัก?”
 “หืม ?” เหลียนฟางโจวชะงักไป หญิงสาวอดยกมือสัมผัสใบหน้าตนเองไม่ได้ “เห็นชัดปานนั้นเชียวหรือ?  ข้านึกว่าข้าเก็บซ่อนสีหน้าไว้ดิบดีแล้วนะ!”
อาเจี่ยนอดหัวเราะไม่ได้ “สีหน้าแบบนี้น่ะหรือ ที่บอกว่าซ่อนเอาไว้ดิบดี? ข้าว่าเจ้าเอาคันฉ่องมาส่องหน้าตัวเองดูเถิด !”
เหลียนฟางโจวถอนหายใจเบาๆ แล้วพูดโพล่งขึ้น “พวกเจ้าล้วนเป็นคนที่ข้าสนิทสนมที่สุด และไว้ใจที่สุด  ซ้ำยังไม่มีเรื่องอันใดเป็นความลับต่อกันด้วย ทว่า เมื่อพวกเจ้าฟังแล้ว อย่าได้แพร่งพรายให้ผู้อื่นรู้เด็ดขาดเชียว !” จากนั้นหญิงสาวก็เล่าเรื่องให้คนทั้งสองฟังตั้งแต่ต้นจนจบ
 “เรื่องจริงหรือนี่ ! ช่างอุกอาจเกินไปแล้ว !” เหลียนเซ่อเอ่ยอย่างชิงชัง “ไยถึงมีคนไร้ยางอายเช่นนี้อยู่!  ผู้อื่นเป็นเด็กสาวแสนดีใสซื่อบริสุทธิ์ปานนี้ มันยังรังแกได้ลงคอ ! ผู้อื่นเขามีบิดามารดา  มันยังไม่กลัวคนเขาจะตามมาคิดบัญชีอีก ! “
อาเจี่ยนเลิกคิ้วเล็กน้อย  เอ่ยอย่างเย็นชา “ดูไม่ออกเลยว่า หลี่ซื่อผู้นี้จะเป็นคนเจ้าเล่ห์ มากแผนการ ! เคราะห์ดีที่เมื่อคืนไม่มีสิ่งใดเกิดขึ้น  หากจางซิ่วเอ๋อร์ต้องถูกคนผู้นั้นทำลายความบริสุทธิ์ลงไปจริงๆ ต่อให้จางเสี่ยวจุนและภรรยาชิงชังเขาปานใด  พวกเขาจะมีทางเลือกอื่นหรือ นอกจากต้องยกจางซิ่วเอ๋อร์ให้แต่งงานกับเขา ?”
 “เรื่องนี้ เรื่องนี้.....”  เหลียนเซ่อตกตะลึง โทสะในใจพลันหดหาย  แทนที่ด้วยความรู้สึกสลดหดหู่สุดแสน  เด็กหนุ่มนิ่งไปเป็นนานจึงเอ่ยอย่างเซื่องซึม “นี่มันเหตุผลอันใดกัน ก็เห็นๆอยู่ว่า หลี่ซื่อผู้นั้นยังไม่ทันทำอันใด  แต่กลับจะยกประโยชน์ให้เขาไปง่ายๆ !  แถมดูเหมือนว่า ยังไม่มีวิธีอื่นที่ดีกว่านี้...”
 “ฮ้า “ พลันเหลียนเซ่อร้องออกมาด้วยความอึ้งทึ่งระคนหวาดหวั่น  เด็กหนุ่มรีบเอ่ยลำล่ำละลัก “พี่ใหญ่ เช่นนั้น..เช่นนั้นเรื่องนี้จะให้คนนอกล่วงรู้ไม่ได้ใช่หรือไม่?  หากเรื่องนี้ถูกร่ำลือออกไป  กลายเป็นว่า หลี่ซื่อจะได้ครอบครองนางสบายๆ โดยไม่ต้องลงทุนลงแรงอันใดเลย !”
----------------------------------------------------------------------------------
ขอบคุณสำหรับทุกคอมเมนต์ คำอวยพรและการติดตามนะคะ ^_^
อาเจี่ยนจะฟื้นความทรงจำได้อีกที ก็หลังจากแต่งงานกับนางเอกไปพักใหญ่ค่ะ ซึ่งปาไปเกือบหกร้อยตอน
***** ขณะนี้ทาง Application Blogger ไม่สามารถส่งข้อความเตือนการอัพนิยาย ไปทางผู้ใช้ google follower แล้วนะคะ เพราะทาง google ได้เอา feature ส่วนนี้ออกค่ะ จึงแจ้งมาเพื่อทราบค่ะ***


13 ความคิดเห็น:

  1. ชื่อใกล้เคียงกันซะจนงง ต้องกลับไปอ่านใหม่ว่าหลี่ซื่อคือใคร

    ตอบลบ
  2. ยังสนุกสนานต่อเนื่อง
    ขอบคุณมากค่ะ

    ตอบลบ
  3. ขอบคุณค่ะ

    ตอบลบ
  4. ฟางโจวจะแก้ปัญหายังไงนะเลวจริงๆเลย อย่าเอาไว้ เชือดให้หนักๆ

    ตอบลบ
  5. ต้องจัดหนักๆค่ะคนเลวๆแบบนี้

    ตอบลบ
  6. ขอบคุณค่า รอตอนต่อไปนะ

    ตอบลบ
  7. เสียเปรียบจริงๆต้องจัดการให้เข็ดหลาบ

    ตอบลบ
  8. ขอบคุณ​ค่ะ ยังรอกันอีกยาวเลย กว่าพระเอกเราจะจำได้ แอบกังวลเหมือนกัน กลัวมีคู่หมั้น​รึเมียอยู่แล้ว�� รู้สึกนางเอก จะเริ่มมีใจให้พระเอกมั้งแล้วใช่ไหมน๊า������

    ตอบลบ
  9. ผู้หญิงยุคโบราณ อยู่ยากจริงๆเมื่อมองจากยุคนี้

    ตอบลบ
  10. ใช่ๆ ชื่อคล้ายกันมาก ไอ้หลี่ซื่อ ไม่ซื่อเหมือนชื่อเลย...ส่วนแม่ของจางซิ่วเอ๋อร์ชื่อ จางหลี่ชื่อ ว่าแต่ไอ้ตรรกะจับหญิงแต่งกับผู้ร้ายที่มาข่มขืนนี่มันบ้าจริงๆ

    ตอบลบ
  11. เอ่อ หลี่ซื่อคือใครนะ จำไม่ได้แล้ว

    ตอบลบ