ผู้เป็นบุตรเผยเหตุผล “ทันทีที่อารอง อาหญิงรองถึงแก่กรรม
พวกนางพี่น้องก็กลายเป็นเด็กกำพร้าในทันที ภายหลัง ฟางโจวถางเม่ยยังโดนคนสกุลหยางถอนหมั้นอีก
เมื่อโดนมรสุมลูกแล้วลูกเล่าถาโถม พวกนางพี่น้องจึงต้องมีชีวิตอยู่อย่างกล้ำกลืนฝืนทน คนที่ประสบแต่หายนะมากมายเห็นปานนี้ ภายหลัง
อะไรๆแต่เดิมจะไม่เปลี่ยนไปได้อย่างไร?
หากคิดทบทวนในจุดนี้ ก็จะเข้าใจเหตุผลทุกอย่างชัดแจ้ง ทว่าพวกท่านก็เอาแต่ทึกทักว่านางผู้นั้น
ยังเป็นเหมือนเช่นเก่าก่อน พวกท่านถึงได้พ่ายแพ้ไง !”
เมื่อเฉียวชื่อได้ฟังเหตุผลที่บุตรชายสาธยายมา หญิงวัยกลางคนจึงพรูลมหายใจ “หากข้ารู้สักนิด
ก็คงมาถามเจ้าแต่แรกแล้ว ! ช่างน่าเสียดายนัก พูดเรื่องนี้ในตอนนี้จะมีประโยชน์อันใด ! ลูกแม่ เจ้าเป็นผู้เดียวที่รู้หนังสือ ต้องมีความคิดอ่านดีกว่าพวกเราแน่ เรื่องทั้งหมดนี้ ต่อไปคงต้องยกให้เจ้าสะสางต่อแล้วล่ะ !”
“ท่านแม่ !” เหลียนไห่เอ่ยเสียงเข้ม “ท่านยังคิดแก้แค้นอันใดอีก
การคิดแก้แค้นเอาคืนต่างๆนาๆนี่ จากนี้ไป
ท่านพ่อและท่านแม่อย่าได้พูดถึงเรื่องพวกนี้อีก แค่คิดก็ไม่ได้ด้วย ! ตัวอักษร ‘เหลียน’
เขียนออกมาเป็นสองแบบไม่ได้ฉันใด
พวกเราทั้งหมดล้วนเป็นคนสกุลเดียวกันฉันนั้น ! พวกท่านดูสิ หวงหยางที่บ้านพวกเขาล่ามาได้
ไม่ได้ส่งเป็นของกำนัลมาให้พวกเราหรือไร? หากพวกเขาไม่มองว่าเราเป็นคนสกุลเดียวกัน
พวกเขาคงไม่วุ่นวายส่งของมาให้หรอกกระมัง?
เพราะฉะนั้นข้าขอบอกไว้ตรงนี้เลยว่า เรื่องขัดแย้งที่ผ่านมาแต่หนหลัง
ก็ขอให้มันผ่านไปเสีย !”
“เจ้า เจ้าพูดพร่ำอันใดออกมากัน ! ทำไมถึงเป็นเช่นนี้ไปได้ ! เจ้าคิดจะทำให้แม่อกแตกตายใช่ไหม
!” เฉียวชื่อเบิกตากว้างแทบถลนตวาดเสียงแหลมปรี๊ด แทบจะผุดลุกยืนขึ้น
เหลียนไห่มีสีหน้าขรึมลง ความอดกลั้นของชายหนุ่มพลันลดลงไปสองส่วน ผู้เป็นบุตรชายเอ่ยเสียงเย็น
“ท่านแม่ ยามนี้พวกฟางโจวได้ถีบตัวไปคบหาสมาคมกับสกุลซูและสกุลชุยแล้ว พวกเราไปมีเรื่องกับพวกนาง
รังแต่จะสร้างปัญหา หาประโยชน์อันใดมิได้ !
สกุลซูคือคหบดีที่มั่งคั่งอันดับหนึ่งแห่งเมืองชวงหลิว
เห็นฟางโจวใช้จ่ายเงินมือเติบปานนี้ สกุลซูยินดีมอบเงินมากมายมหาศาลไว้ในกำมือฟางโจว
เช่นนั้นแล้ว...ย่อมไว้วางใจนางมากเป็นแน่ ! มิหนำซ้ำท่านชายชุยนั่น ยังสนิทสนมกับพวกนางมากปานนี้
หากข้าคาดการณ์ไม่ผิด ท่านชายชุยผู้นี้น่าจะเป็นญาติข้างฝ่ายนายหญิงใหญ่ของสกุลซู
ซึ่งมาจากตระกูลที่มีชื่อเสียงอันดับหนึ่งในภาคตะวันตกเฉียงใต้ของแคว้น ! ไม่แน่ในภายภาคหน้า ข้าอาจสอบเคอจู่เพื่อเป็นขุนนาง
ซึ่งยิ่งต้องขอการสนับสนุนจากผู้อื่นอีกต่างหาก ! เราจะสะบั้นความสัมพันธ์กับพวกนางด้วยเหตุผลใดกัน
? ซ้ำยังไม่คิดจะพึ่งพาพวกฟางโจวอีก
!”
เฉียวชื่อถึงกับอึ้งไป แต่สีหน้านาง
ดูไม่ถึงกับบึ้งตึงมาก ผ่านไปสักพัก ผู้เป็นมารดาก็กัดฟันพูด “ทว่า ข้าไม่เห็นดีด้วยเลยจริงๆนะ
! มันฝืนใจข้ายิ่งนัก !”
“ต่อให้ฝืนใจอย่างไรก็ต้องยอมทำ !” เหลียนลี่ได้ฟังบุตรชายอธิบายมาพักใหญ่ จึงพลันเข้าใจและเห็นดีเห็นงามตามในที่สุด
เขาแค่นเสียงพลางถลึงตาใส่เฉียวชื่อ “ยามรู้สึกฝืนใจ ก็ให้นึกถึงอนาคตของลูกชายเอาไว้ ไม่รู้จะทำอย่างไร อย่างน้อยก็ปรับสีหน้าและน้ำเสียงให้อ่อนลงนิดหนึ่งก็ยังดี
! ต่อจากนี้ไป
เมื่อเจอพวกเขา ก็อย่าทำตัวแปลกแยกให้ข้าเห็นอีก รู้จักยิ้มแย้ม
รู้จักทักทายพวกเขาบ้าง !”
เฉียวชื่อได้ฟังแล้ว แทบหมดแรง เหลียนไห่จึงกล่าวเสริม “ท่านแม่ไม่ต้องทำถึงขนาดนั้นหรอก เอาแค่ไม่ไปมีเรื่องขัดแย้งกับพวกเขาเป็นพอ
ที่เหลือปล่อยเป็นหน้าที่ข้าเอง !”
เหลียนไห่รู้จักนิสัยมารดาของตนดี
ให้นางไปพบและเป็นฝ่ายไปพูดคุยทักทายเหลียนฟางโจวกับเหล่าน้องๆนั่น นางคงเลือกยิ้มให้อย่างเดียวดีกว่า ยิ่งอยู่เฉยๆ
โดยไม่ต้องยิ้มด้วย ก็ยิ่งดีนัก
ชายหนุ่มถอนหายใจเบาๆ “ต่อให้ทำเพื่ออนาคตของข้า ไยต้องทำให้ท่านแม่มาแบกรับความเจ็บปวดด้วยเล่า? ท่านแม่
ครั้งหน้าหากเจอพวกเขา ก็แค่ทิ้งระยะอยู่ห่างๆ ไม่ถึงกับต้องรีบเดินเข้าไปประจบเอาใจพวกเขาหรอก
!”
บอกมาง่ายๆแบบนี้ ก็ดีนะสิ !
เมื่อเทียบกับวาจาของสามีแล้ว วาจาของบุตรชายถูกใจเฉียวชื่อมากกว่า
“ลูกชายข้าช่างเข้าใจความคับข้องใจของข้า
เฮ้อ !” เฉียวชื่อซาบซึ้งใจไม่หยุด ในขณะที่แม่ลูกก็ไม่ต้องมาทะเลาะกัน เรื่องขอให้เหลียนไห่แก้แค้นเพื่อนาง ผู้เป็นมารดาจึงพยักหน้าแย้มยิ้มอย่างถูกใจยิ่งนัก
“ได้ จากนี้ไป ข้าจะไม่รู้สึกฝืนใจยามพบปะพวกมันแล้วล่ะ !”
รอลูกชายนางได้เป็นขุนนางก่อนเถิด เมื่อนั้นจะให้พวกนั้นมาคุกเข่าอ้อนวอนต่อหน้าตนเองเสียให้เข็ด
!
เมื่อคิดได้ดังนี้ ใจของเฉียวชื่ออาบเอิบด้วยความยินดีเป็นล้นพ้น
**
ข้างฝ่ายเหลียนฟางโจว เดิมทีเธอตั้งใจจะดั้นด้นไปเมืองชวงหลิว
เพื่อนำของขวัญปีใหม่ไปมอบให้ฟางฉิงอยู่แล้ว ข้าวของต่างๆนาๆ จึงถูกจัดเตรียมไว้เกือบหมด ยามนี้พอได้หวงหยางนี้มา ก็ครบบริบูรณ์พอดี พอถึงพรุ่งนี้
ก็สามารถออกเดินทางได้เลย
ของขวัญที่จะนำไปมอบให้ หญิงสาววางแผนไว้อย่างดิบดี อย่างเห็ดตากแห้ง เธอคัดเฉพาะพันธุ์หายาก เลือกมาแต่ชิ้นดีๆ
บรรจุใส่ห่อไว้หนักราวๆ 7-8 ชั่ง แถมยังมีหัวไชเท้าตากแห้งที่ทำเตรียมไว้ก่อนหน้านั้นอีกสองสามชั่งด้วย
นอกจากนี้หญิงสาวยังหาคนไว้ใจได้ ไปเก็บน้ำผึ้งป่าที่ได้มาอย่างยากลำบาก
รวบรวมมาได้ 2 ไห ซึ่งหนักรวมกันราว 4
ชั่งเห็นจะได้ สมทบด้วยหวงหยางพร้อมเครื่องในอีกหนึ่งตัว ซ้ำก่อนหน้านั้นสองสามวัน
เธอได้ขอซื้อไก่ฟ้าสีทองที่ยังมีชีวิตอีก 1 คู่จากบ้านนายพรานซุนมาอีก
อาสามอยากให้หลานสาวเข้าไปซื้อขนม แพรพรรณ และของอื่นๆในเมืองมาเพิ่มเติม
ซึ่งเหลียนฟางโจวมิใคร่สนใจนัก ที่จวนสกุลซูนั่นมีข้าวของราคาแพงทำนองนี้อยู่แล้ว
ซื้อไปมอบให้ พอกลับไปแล้ว ทางโน้นก็คงส่งต่อให้บริวารอีกทอดหนึ่ง ซึ่งกลับเป็นการดูหมิ่นเธอไปเสียอีก
สู้ส่งสิ่งของจากธรรมชาติ ซึ่งหาได้เฉพาะเขตชนบทในท้องถิ่นนั้นๆก็ไม่ได้ แถมยังดูดีมีรสนิยมอีกด้วย
เมื่อกลับจากไปส่งเนื้อหวงหยางให้แต่ละบ้านตามที่ตั้งใจไว้แล้ว หญิงสาวจึงได้กลิ่นเนื้อเข้มข้นหอมตลบอบอวล
ออกมาจากในครัว ที่กำลังปรุงจานเนื้อหวงหยางอยู่ เหลียนฟางโจวอดสูดกลิ่นหอมกรุ่นนั้นเข้าไปอีกสองเฮือกไม่ได้
เนื้อสัตว์ป่าช่างให้ความแตกต่างเสียจริงๆ
เพียงสูดกลิ่นของเนื้อนี่เข้าไป ก็ทำให้ผู้คนน้ำลายหก ด้วยความหิวกระหายแล้ว
หญิงสาวเพิ่งสาวเท้าเข้าไปในเรือน และเตรียมจะเรียกพวกเหลียนเซ่อ ให้ไปเตรียมห่อของขวัญที่จะขนเดินทางไปด้วยในวันพรุ่งนี้
”ฟางโจวอยู่บ้านหรือเปล่า
!” ปรากฏว่าป้าจางส่งเสียงร้องเรียกจากด้านนอก
แล้วเดินเข้ามาในรั้วบ้านด้วยรอยยิ้มเต็มใบหน้า
เหลียนฟางโจวรีบขานตอบ แล้ววิ่งออกไปด้วยรอยยิ้ม
ป้าจางมาหาหญิงสาวเพื่อแสดงความขอบคุณ
เหลียนฟางโจวรีบยิ้มแย้มตอบรับผู้สูงวัยสองสามคำ ป้าจางหรี่ตาลงเล็กน้อย
ถามด้วยน้ำเสียงต่ำลง “ฟางโจวเอ้ย เจ้าได้ส่งของกำนัลไปให้ที่บ้านลุงใหญ่กับป้าใหญ่ของเจ้าหรือยัง?
เหลียนฟางโจวรีบพยักหน้าตอบ “ส่งไปให้เรียบร้อยแล้ว ข้าส่งหวงหยางไปให้ 1 ขา ท่านป้าว่า มันเพียงพอหรือไม่เจ้าคะ? “
“ส่งไปแล้วรึ พอล่ะ พอล่ะ!”
ป้าจางเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “ทุกวันนี้ บ้านเจ้ามีคนมากมาย ซ้ำยังบอกว่าจะส่งหวงหยาง 1 ตัวไปให้สกุลซูอีก อีกทั้งยังจ่ายแจกไปให้บ้านใกล้เรือนเคียงอีกมากมาย
ส่งไปให้พวกเขา 1 ขา นับว่าเหมาะสมทีเดียว !”
จากนั้นก็พูดเสริมขึ้นอีกพร้อมรอยยิ้ม “เด็กอย่างเจ้านี่ ช่างรู้หนักเบาเป็นอย่างดี
ที่ข้ามาพูดนี่ เสียเที่ยวซะแล้ว ! ไม่ว่าจะดีจะชั่วอย่างไร
พวกเขาล้วนเป็นญาติผู้ใหญ่ของพวกเจ้า มิหนำซ้ำ ถางสยงของเจ้านั้น ภายหลังกลับมา ก็ยังทำดีกับพวกเจ้าด้วย
! หากไม่ส่งของไปให้พวกเขา จะต้องโดนผู้คนติฉินนินทาเป็นแน่ ! ไอ้เรื่องซุบซิบทำนองนี้ คนชอบเอาไปลือนัก ไม่ส่งผลดีต่อพวกเจ้าพี่น้องเลย !”
เหลียนฟางโจวอดพยักหน้าเห็นพ้องไม่ได้ ครั้นแล้วจึงเอ่ยอย่างซาบซึ้งพร้อมรอยยิ้ม “ท่านป้า
ข้าขอบอกว่า ท่านและลุงหลี่คือญาติผู้ใหญ่ของข้า มีเพียงพวกท่านเท่านั้นที่ดีต่อข้า หมั่นคอยมาตักเตือนมิได้ขาด !”
พวกเขาพี่น้องกำพร้าบิดามารดา จะคิดทำสิ่งใด ก็เป็นที่จับตามองยิ่งกว่าผู้อื่น
หากทำสิ่งใดผิดพลาดไปแม้แต่นิดเดียว
ประโยคแรกที่ผู้อื่นหลุดปากออกมาก็คงเป็น “เด็กไม่มีบิดาคอยสั่งสอน ไม่มีมารดาคอยดูแล”
ซึ่งจะส่งผลกระทบใหญ่หลวงต่อความชอบธรรมของพวกเขา
อีกทั้งด้วยพวกเขายังมีจุดอ่อนไม่มั่นคงอยู่ หากถูกผู้อื่นใส่ความขึ้นมา จะยิ่งทำให้ผู้คนเคลือบแคลงใจในตัวพวกเขามากขึ้นโดยไม่จำเป็น
ผลกระทบทำนองนี้เมื่อเจอประปรายในแต่ละวัน แรกๆอาจไม่รู้สึกอันใด สุดท้ายเมื่อเจอหนักๆเข้าเพียงไม่กี่ครั้ง คนจะมองว่าพวกเขาเป็นเด็กเอาแต่ใจ และไม่น่าคบ
ยกตัวอย่างเช่น ในภายภาคหน้า หากเหลียนเซ่อและเหลียนเช่อจะแต่งภรรยา หากเหลียนฟางฉิงจะแต่งเข้าครอบครัวสามี
หรือเหลียนเช่อจะไปเข้าเรียนในสำนักศึกษา เพื่อสอบซิ่วไฉ เพื่อสอบเคอจู่หรืออะไรต่างๆนาๆ เมื่อเจอข่าวลือด้านลบมากๆเข้า ไม่ว่าผู้ใดจะยอมรับนิสัยใจคอและความประพฤติของพวกเขาได้หรือ?
จุดนี้เหลียนฟางโจวจำใจยอมรับมานานแล้ว
พวกเหลียนเซ่อและน้องน้อยอีกสองคน ก็เข้าใจเรื่องนี้ดีด้วย
สาเหตุที่ต้องสะบั้นความสัมพันธ์ระหว่างสองบ้านนั้น รวมทั้งหนังสือข้อตกลงที่เขียนไว้ทั้งสองฉบับ มิได้มีอะไรมากไปกว่า หวังเพียงสะกัดกั้นเหลียนลี่และภรรยาในการเข้ามาก้าวก่ายการงานและผลประโยชน์ของพวกหลานๆ มิได้หวังจะตัดขาดจนตายจากกันไปข้างหนึ่งจริงๆ
ป้าจางหัวเราะแล้วเอ่ยขึ้น “อันที่จริงข้าไม่จำเป็นต้องบอก ใจเจ้าก็กระจ่างแจ้งเรื่องทั้งหมดดีอยู่แล้ว ! พวกเจ้าพี่น้อง
ล้วนเข้าใจจิตใจผู้คนเป็นอย่างดี !”
“ข้าเองก็กลัวว่าจะมี ช่วงเวลาที่ตัวเองเลอะเลือนด้วยเหมือนกัน
!” เหลียนฟางโจวระบายยิ้ม แล้วเอ่ยขึ้น “ท่านป้า จากนี้ไป ไม่ว่าข้าจะคิดอ่าน ทำการใด ก็อยากให้ท่านคอยช่วยตักเตือนข้าด้วยนะ !”
“แน่นอนไม่ต้องห่วง ต่อให้เจ้าไม่ชอบถ้อยคำของข้า ข้าก็จะพูดอยู่ดี !”
“ไม่มีทางเป็นเช่นนั้นแน่ !”
ทั้งสองฝ่ายต่างสนทนาปราศัยกันอีกสักพัก ป้าจางจึงเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “คืออย่างนี้ ที่ข้ามาหาพวกเจ้า เพราะยังมีอีกเรื่องหนึ่ง ที่ต้องมาขอให้พวกเจ้าช่วยเหลืออย่างเร่งด่วน ไม่รู้ว่า....”
--------------------------------------------------------------------------------------
ขอบคุณสำหรับทุกคอมเมนต์และการติดตามค่ะ ^_^
ค้างคาใจแล้ว..ค่าปัญหาอะไรของป้าจางนะอยากรู้จัง ขอบคุณค่ะ
ตอบลบว่าแล้ว ว่าไม่น่าจะดี
ตอบลบขอบคุณไรท์นะคะจะรออ่านตอนต่อไปค่ะอยากรู้ว่าป้าจางมีเรื่องอะไร
ตอบลบงื้ออออ...ไรท์จะมาตัดฉับแบบนี้ม่ายยยดายยย
ตอบลบรัดทั้งหลายกำลังจะ ลงแดงงงง ไรท์ที่รัก 😘