บรรดาชายหนุ่มช่วยกันแบกซากหมาป่าที่เพิ่งสิ้นชีพ
ด้วยความยินดีปรีดา ใบหน้าปรากฏรอยยิ้มปลื้มปริ่ม ต่างคุยโขมงโฉงเฉงด้วยความชื่นมื่น
แต่ละคนชื่นชมอาเจี่ยน สายตาที่มองชายหนุ่มไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป กระทั่งเหลียนเซ่อและซุนฉางซิงเองต่างก็ได้รับคำชื่นชมเป็นอันมากด้วย
ผู้คนจำนวนมากยังคงเข้ามาเบียดเสียดรุมล้อมอาเจี่ยน
พวกเขาอยากเข้าถึงตัวชายหนุ่มเพื่อกล่าวคำพูดยกย่อง ฝ่ายอาเจี่ยนก็ไม่มีท่าทีหยิ่งทะนงหรือตื่นเต้นแม้แต่น้อย
ชายหนุ่มคุยโต้ตอบด้วยสีหน้าเรียบเฉย ยิ่งพาให้ทุกคนยกย่องสรรเสริญเขาไม่หยุด
ทุกคนช่วยกันแบกซากหมาป่า
ขณะเดินล้อมหน้าล้อมหลังอาเจี่ยนไปด้วย ทุกคนล้วนมีจิตใจแช่มชื่นเบิกบาน พูดคุยกันเสียงดังเซ็งแซ่ขณะมุ่งหน้ากลับเข้าหมู่บ้าน
เวลานี้ แสงเงินแสงทองเริ่มจับท้องฟ้าแล้ว สนามต่อสู้ในหมู่บ้านก็ปรากฏว่ามีการเก็บกวาดเสร็จเรียบร้อย ทุกคนในหมู่บ้านต่างมารวมตัวกันใต้ต้นหวย ซากหมาป่าถูกวางลงบนพื้นอย่างเป็นระเบียบเรียบร้อยใต้ต้นไม้
ทุกคนมายืนห้อมล้อมมุงดู พร้อมเอ่ยวิพากษ์วิจารณ์กันให้วุ่น
คนทั้งหมดล้วนมีสีหน้าตื่นเต้น
เหลียนฟางโจว
อาสาม เหลียนฟางฉิง รวมทั้งเหลียนเช่อซึ่งยืนมองดูอยู่ใกลๆ พากันเดินกลับไปหาอาเจี่ยน และเหลียนเซ่อ ใจของพวกเขาที่ตึงเครียดมาตลอดพลันคลายลงหมดสิ้น
ทั้งหมดคลี่รอยยิ้มบาน โดยเฉพาะน้องชายน้องสาวตัวน้อยทั้งสอง พากันวิ่งเข้ามาทักทายอย่างร่าเริงยินดี
ก่อนที่คนทั้งหมดจะก้าวถึงตัว จางลี่เจิ้ง
รวมทั้งผู้อาวุโสของหมู่บ้านหลายท่าน ซึ่งมีใบหน้าเปื้อนยิ้ม ดวงตาเปล่งประกาย พากันสาวเท้าเข้ามาหาอาเจี่ยน จางลี่เจิ้งตบบ่าอาเจี่ยนดังป้าบ พร้อมส่งยิ้มขอบคุณอาเจี่ยน
“อาเจี่ยน พวกเราขอบคุณเจ้าจริงๆ! หากไม่มีเจ้า
ข้าไม่อยากจะคิดเลยจริงๆว่าค่ำคืนนี้ หมู่บ้านเราจะเผชิญเคราะห์กรรมเลวร้ายแบบไหน เฮ้อ! อาเจี่ยน เจ้านี่แหละเป็นผู้ที่ช่วยชีวิตพวกเราทั้งหมู่บ้านต้าฝางเอาไว้!”
“ไอ้หยา
อาเจี่ยนช่างเก่งกาจแท้! หากไม่ใช่เพราะเขา
ไหนเลยพวกเราจะมีเรื่องอันน่ายินดีปานนี้ได้ ข้าเองก็ไม่เคยคิดเลยว่า
วันหนึ่งข้าจะมีโอกาสกระทั่งได้ตีหมาป่ากับเขาด้วย !”
ไม่รู้ว่าเด็กหนุ่มคนไหนตะโกนเสียงดังลั่นออกมาอย่างตื่นเต้น
ซึ่งพาให้เด็กหนุ่มคนอื่นๆต่างประสานเสียงขานรับเห็นพ้องด้วย
จางลี่เจิ้งแค่นเสียงใส่กลุ่มคนหนุ่มอย่างไม่สบอารมณ์
“เอาล่ะ เอาล่ะ! พวกเจ้าอย่ามัวเอาแต่พร่ำเพ้อไร้สติไปหน่อยเลย! หากไม่มีอาเจี่ยน พวกเจ้าแต่ละคนก็คงได้แต่หมอบกลัวตัวสั่นไม่กล้าขยับเขยื้อน
ไม่เปลี่ยนมายืนขาสั่นแทนแบบตอนนี้หรอก!”
“ฮ่าๆๆ”
พอขาดคำทุกๆคนต่างระเบิดหัวเราะลั่น
เจ้าเด็กหนุ่มเสียงแปดหลอดนั่นก็หัวเราะขำด้วยอีกคน มิได้มีความขุ่นเคืองอันใดเลย เขาเกาศรีษะหัวเราะลั่น แล้วเอ่ยอย่างหน้าชื่นตาบาน “ข้าก็มิได้พูดว่าไม่มีอาเจี่ยนสักหน่อย!”
ขณะที่พูดไป จิตใจพลันบังเกิดความฮึกเหิมแรงกล้า เขารีบเอ่ยขึ้น “พี่เจี่ยน ไม่เพียงจะมีฝีมือยิงธนูล้ำเลิศแล้ว
ลีลาการใช้ไม้พลองก็แคล่วคล่ององอาจนัก เห็นแล้วเรียกได้ว่าเป็นผู้เปี่ยมวรยุทธ์! พี่เจี่ยน
พี่เจี่ยน หากท่านมีเวลาว่างเมื่อไร
ช่วยสอนวรยุทธ์ให้ข้าด้วยนะ!”
“ข้าก็อยากเรียนด้วย
พี่เจี่ยน!”
“ข้าด้วย
ข้าอีกคน!”
พอสิ้นเสียงเด็กหนุ่มคนนั้น อารมณ์ของเหล่าเด็กหนุ่มทั้งหลายก็พลันพลุ่งพล่าน ต่างคนต่างร้องตะโกนออกมาเสียงขรม
ใบหน้าเหลียนเซ่อประดับด้วยยรอยยิ้มกว้าง
ทั้งเปล่งประกายแห่งความตื่นเต้นยินดี ดวงตาทั้งคู่สุกสกาวสว่างไสว คิ้วเลิกขึ้นอย่างภาคภูมิใจเต็มเปี่ยม
เขานี่แหละ...คือลูกศิษย์พี่เจี่ยนตัวจริงเสียงจริง!
ส่วนโก่วจื่อทั้งสองคน
ต่างแลกเปลี่ยนสายตากันอย่างกระอักกระอ่วนใจ ทว่าไม่มีมีเสียงเล็ดรอดออกจากลำคอใครเลยสักคน วรยุทธ์ของอาเจี่ยน พวกเขาย่อมประจักษ์อย่างไร้ข้อกังขา ทว่าไอ้เรื่องหน้าแตกยับเยินแบบนั้น หัวเด็ดตีนขาดพวกเขาจะไม่ยอมหลุดปากออกมาแน่
ยามเผชิญกับการยกยอปอปั้นของทุกๆคน สีหน้าของอาเจี่ยนยังคงความสงบราบเรียบ ชายหนุ่มเพียงระบายยิ้มและโต้ตอบกลับสองสามคำพอเป็นพิธีเท่านั้น
เขาจะสอนวรยุทธ์นี้ให้ใครที่นึกอยากเรียนง่ายๆได้อย่างไร?
จะมีใครรู้ดีไปกว่าเขาเล่า
ว่าคนเหล่านี้พูดไปเพราะความอยากเพียงชั่วแล่น
ไม่มีใครหรอกที่จะยอมแลกกับการฝึกอันหฤโหดยกเว้นเหลียนเซ่อ
ท่ามกลางเสียงพูดคุยดังอลหม่านเซ็งแซ่ เหล่าคนสกุลหวางชีหลาง พรั่งพร้อมด้วยพ่อแม่
ลูกๆ พี่ชาย พี่สะใภ้ ต่างแหวกฝูงชนสาวเท้าก้าวเข้ามา ทำท่าจะก้มลงคุกเข่าขอบคุณอาเจี่ยน
อาเจี่ยนจึงรีบเข้าไปประคองให้ลุกขึ้นมาโดยทันที บรรดาคนที่อยู่ข้างๆ
ต่างก็ช่วยกันคนละไม้คนละมือ ดึงรั้งพวกเขาไว้ด้วย ในเมื่อคุกเข่าไม่ได้ เหล่าครอบครัวหวางชีหลางจึงได้แต่กล่าวถ้อยคำยกย่องสรรเสริญอาเจี่ยนในวีรกรรมครั้งนี้
เหลียนฟางโจว
น้องๆ อาสาม ป้าจาง
รวมทั้งคนในครอบครัว ยืนอยู่ข้างๆเงียบๆ
ด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้มมาโดยตลอด พวกเขาเพียงทอดมองอาเจี่ยน
และไม่เข้าไปรุมล้อมชายหนุ่มดังเช่นชาวบ้านคนอื่นๆ
เมื่อกลับถึงบ้านแล้ว
ค่อยพูดเรื่องมากมายที่อัดอั้นไว้ในใจก็ยังไม่สาย พอเห็นอาเจี่ยนกับเหลียนเซ่อกลับมาโดยปลอดภัยไร้รอยขีดข่วน
ในใจเหลียนฟางโจวพลันบังเกิดความยินดีหาอย่างใดเปรียบ
เมื่อเห็นชาวบ้านทุกคนต่างกล่าวคำยกย่องสรรเสริญอาเจี่ยน เธอเองก็พลอยมีความสุขไปกับเขาด้วย
ความสุขเยี่ยงนี้ไม่สามารถใช้เหตุผลมาจาระไนได้
ประหนึ่งดังตาน้ำใสสะอาดไหลผ่านห้องหัวใจ เอิบอาบไปทั้งแขนขาและกระดูกทั่วร่าง ซึมซาบไปยังเส้นเลือดทุกๆเส้น
ทำให้เธอรู้สึกคล้ายตัวเบาราวกับลอยได้
เสียงพูดคุยอึกทึกวุ่นวายดังต่อไปอีกสองเค่อ
เมื่อจางลี่เจิ้งตะโกนให้ทุกคนเงียบอยู่สองสามรอบ
ภายหลังทุกๆคนจึงค่อยๆเงียบเสียงลง
ก่อนอื่นจางลี่เจิ้งกล่าวขอบคุณอาเจี่ยนอีกครั้ง
จากนั้นจึงกล่าวถึงเรื่องเกณฑ์ในการแบ่งสรรซากหมาป่า
ในความเห็นของจางลี่เจิ้ง
หนังหมาป่าจำนวนกึ่งหนึ่งตกเป็นของอาเจี่ยนและเหลียนเซ่อ อีกหนึ่งผืนแบ่งให้ซุนฉางซิง
ส่วนที่เหลือจะนำไปขายเอามาเป็นเงินกองกลางของหมู่บ้าน สำหรับเนื้อหมาป่า
แบ่งสรรให้แต่ละครอบครัว ตามจำนวนสมาชิกของแต่ละบ้าน โดยทุกคนต่างได้รับส่วนแบ่งคนละเท่าๆกัน
ทุกคนล้วนไม่มีข้อคัดค้าน แม้อาเจี่ยนจะไม่พูดอันใด กระนั้นก็มีบรรดาคนที่มีใจซื่อตรงต่างกระซิบกระซาบกันว่า
หนังหมาป่าทั้งหมดนี้ ควรยกให้พวกอาเจี่ยนทั้งสามคนไปเลย เหล่าคนที่เห็นพ้องด้วยนับว่ามีจำนวนไม่น้อยเลยทีเดียว
เมื่อเหลียนฟางโจวได้ยินเข้า
บังเกิดความอบอุ่นสายหนึ่งขึ้นกลางใจ หญิงสาวเกิดความภาคภูมิใจและยินดีไม่น้อย
คนทั้งหลายพอได้ยินว่ามีเนื้อหมาป่าแบ่งให้ด้วย
ก็รู้สึกยินดีปรีดาขึ้นโดยพลัน ต่างคุยแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกันยกใหญ่ อาทิเช่น
”ข้ายังไม่เคยกินเนื้อหมาป่ามาก่อนเลย!””ไม่รู้ว่ามีรสชาติเป็นยังไง!”และอื่นๆจิปาถะ
ทว่าทันใดนั้น
ดวงตาอาเจี่ยนเปล่งประกายวาบ ชายหนุ่มโพล่งขึ้นเสียงเข้ม “ผิดแล้ว! จากที่ข้านับไว้อย่างถี่ถ้วน หมาป่าควรมีทั้งหมด
12 ตัว ไยที่นี่ถึงมีเพียง 11 ตัวเล่า!”
ถ้อยคำที่หลุดออกมานี้
ทำเอาใบหน้าทุกคนเปลี่ยนสี ภาพความครึกครื้นเฮฮาที่มีอยู่เดิม
พลันเปลี่ยนเป็นเงียบกริบ ทุกคนคล้ายว่าได้ยินเพียงเสียงหัวใจตนเองเต้นเท่านั้น
ตอนที่ชาวบ้านทั้งหลายช่วยกันเก็บกวาดสมรภูมิสู้รบ ภายใต้สายตาของฝูงชนเป็นอันมาก ไม่มีใครมีสิทธิ์แอบลักลอบนำหมาป่าตัวหนึ่งกลับไปซุกไว้ที่บ้านตัวเองได้แน่
หากสิ่งที่อาเจี่ยนพูดมาเป็นความจริง นั่นพูดได้ว่า มีหมาป่าตัวหนึ่ง หนีรอดไปได้!
แม้ว่าจริงๆแล้ว
ผู้คนที่เห็นหมาป่าตัวเป็นๆจะมีไม่มาก แต่เรื่องราวของพวกมัน
มีคนเป็นอันมากได้เคยฟังมา เมื่อพูดถึงโทสะของหมาป่า ผู้คนอาจรับรู้กันมาเพียงเล็กน้อย
แต่สิ่งที่พวกเขารับรู้มาเป็นอย่างดีก็คือ หมาป่ามีจิตใจอาฆาตพยาบาทที่แรงกล้านัก
“อาเจี่ยน
เจ้า..เจ้ามิได้นับผิดแน่นะ? อันที่จริงเจ้า...เจ้าเห็นว่ามันขาดไปหนึ่งตัวจริงๆรึ?”
ใจของจางลี่เจิ้งเต้นระส่ำ เขาสูดหายใจเข้าลึก แล้วละล่ำละลักถาม
ใบหน้าอาเจี่ยนครึ้มลง
พลางพยักหน้าช้าๆ “ข้าไม่เคยมองพลาด!”
ไม่เพียงเท่านั้น
ตามการคาดคะเนของเขา
ค่อนข้างแน่ใจว่ามีหมาป่าตัวหนึ่งหนีรอดไปได้
“แล้วจะทำยังไงกันดี!”
“โอ..สวรรค์
!”
ชื่อเสียงที่อาเจี่ยนได้รับในคืนวันนี้พุ่งทะยาน
วาจาของเขา บวกกับสีหน้าเขาในยามนี้ ไม่มีใครที่จะไม่เชื่อ ทุกคนต่างอดหวาดวิตกขึ้นมาไม่ได้
กระทั่งมีกลุ่มเด็กหนุ่มโพล่งขึ้น
“กลัวอันใดกันเล่า!
กะอีแค่หมาป่าตัวเดียว มีอะไรน่ากลัวนัก มันโผล่มาเมื่อไร ก็ฆ่าเลยสิ!” บางคนเห็นด้วย
บางคนโต้แย้ง
อาเจี่ยนลอบถอนใจ หมาป่าน่าจะหนีเล็ดรอดไปได้ ตอนที่เกิดความโกลาหลอลหม่านในหมู่บ้าน
หากไม่เกิดเหตุโกลาหล มันไม่น่าจะหลบหนีไปไหนได้! ต่อให้มันหนีรอดไปได้จริงๆ เส้นทางบริเวณที่มันหนี
จะต้องถูกเขาล่วงรู้ด้วย
“อาเจี่ยน
เจ้า เจ้ามีวิธีการใดหรือไม่?” จางลี่เจิ้งปรามลูกบ้านให้เงียบเสียงลง แล้วถามขึ้นทันใด
พริบตาเดียวสายตานับไม่ถ้วนจับจ้องไปที่ร่างอาเจี่ยนเป็นจุดเดียว
อาเจี่ยนชะงักนิ่งไป
แล้วจึงเอ่ยตามจริง “ไม่มีวิธีใด นอกจากรอ รอให้มันกลับมาอีกครา!”
เพียงเท่านั้น
เสียงฝูงชนก็ดังขึ้นเซ็งแซ่ปานนกกระจอกแตกรัง
เหลียนฟางโจวอดถอนใจไม่ได้
เอ่ยในใจว่า นี่นับว่าเป็นวิธีที่ดีรึ
“เช่นนั้น
เช่นนั้น..หรือว่าจะทำกับดักขึ้นมาดีหรือไม่?”จางลี่เจิ้งถามขึ้นด้วยความหวังเต็มเปี่ยม
---------------------------------------------------------------------------------------
ขอบคุณสำหรับทุกคอมเมนต์และการติดตามค่ะ ^_^
ขออภัยที่ลงช้าด้วยนะคะ เพราะช่วงนี้งานค่อนข้างเยอะค่ะ
ขอบคุณคะ รอติดตามล่าจับหมาป่าที่หนีไปได้จะกลับมาก่อกวนอักเมิ่อไรค่ะ
ตอบลบขอบคุณมากค่ะ
ตอบลบหมาป่าต้องกลับมาอีกแน่ๆเลย
ตอบลบขอบคุณมากค่ะ
ตอบลบขอบคุณค่ะ
ตอบลบขอบคุณมากค่ะ // รอดไปหนึ่ง แย่แล้ว
ตอบลบขอบคุณมากๆนะคะ
ตอบลบความคิดเห็นนี้ถูกผู้เขียนลบ
ตอบลบขอบคุณค่าา ขอลิ้งไปดำน้ำจีนหน่อยค่ะ
ตอบลบลิงก์นี้ค่ะ https://www.2shu8.cc/txt/18433/
ลบ