วันอาทิตย์ที่ 28 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2564

จับแม่ทัพไปไถนา -บทที่ 256 พวกเขามาได้อย่างไร

             วันนี้เมื่อกลับถึงบ้านหลังเลิกเรียน เหลียนเช่อกับเหลียนเจ๋อ ทั้งสองคนคุยหารือซุบซิบกันอยู่ในห้องเป็นนาน ไม่มีใครรู้ว่าพวกเขาคุยเรื่องอะไรกัน

       วันต่อมาที่สำนักศึกษา เมื่อหยางเวินเซี่ยวกับหยางเหวินจงเห็นเหลียนเช่อมา จึงส่งสัญญานให้อีกฝ่ายหลายต่อหลายครั้ง ทั้งกระแอม ทั้งขยิบตาให้ ทว่าเหลียนเช่อกลับไม่สนใย เขามักตัวติดอยู่กับจางควน หรือเพื่อนรวมชั้นคนอื่น ซึ่งหยางเหวินเซี่ยวและน้องชายค่อนข้างเกรงกลัว ทั้งสองคนจึงรีบหันหลังกลับ ไม่รู้จะทำประการใดดี

            เด็กสองคนต่างหารือกันเงียบ ๆ  แล้วลงความเห็นว่าเหลียนเช่อเป็นคนกลับกลอกเชื่อถือไม่ได้และน่าโมโห ดังนั้นพวกเขาจึงสะกดกลั้นโทสะไว้   รอให้ถึงเวลาเลิกเรียนก่อนเถิด พวกเขาจะคิดบัญชีกับอีกฝ่าย แล้วกระทืบซ้ำให้หลาบจำ

            พวกเขาไม่เชื่อหรอก ต่อให้วันนี้หลังเลิกเรียน อีกฝ่ายจะไม่ได้อยู่ตามลำพัง แต่คนเราจะไม่ได้อยู่ตามลำพังได้ตลอดไปหรือ? รอให้จับได้เมื่อไร  จะทำให้อับอายขายหน้าไปเลย!

            หลังจากอดทนแทบตายกว่าจะถึงเวลาเลิกเรียน สองศรีพี่น้องที่คอยเฝ้าจับตาดูเหลียนเช่อมาตลอด กำลังสอดส่ายสายตามองหาตัวเขาเพื่อคิดบัญชี สวรรค์เท่านั้นที่รู้...ความพยายามที่ทำมาทั้งหมดได้ล้มเหลว หันกลับมาอีกที เหลียนเช่อก็คลาดสายตาไปแล้ว

            สองพี่น้องเริ่มตื่นตะหนก ทั้งโมโหเดือดดาล  พวกเขาสอบถามจากเพื่อนร่วมชั้น ถึงรู้ว่าเหลียนเช่อออกไปแล้วด้วยความรีบร้อน ทั้งสองจึงรีบเก็บตำราแล้ววิ่งตามไปอย่างรวดเร็วปานลมพัด

            เมื่อวิ่งออกมาไม่ไกลจากหมู่บ้านสกุลหลิน พวกเขาทันเห็นร่างของเหลียนเช่อซึ่งกำลังสาวเท้าอย่างรีบเร่งอยู่ข้างหน้า ทั้งสองถอนหายใจด้วยความโล่งอก

  “เจ้าเด็กวายร้ายนี่  ไม่นึกเลยว่าจะกล้าปดพวกเรา! ฮึ่ม โกหกจนพวกเราหลงเชื่อ แล้วยังหัวหมอชิ่งหนีไปอีก คิดว่าจะหนีพ้นรึ!” หยางเหวินจงโมโหเดือดดาล  พลางถลกแขนเสื้อจะไล่ตามไปซัดอีกฝ่าย

            “ช้าก่อน!”หยางเวินเซี่ยวขบคิดอยู่ครู่หนึ่ง พลางรั้งตัวน้องชายไว้แล้วเอ่ยขึ้น “อย่าเพิ่งรีบเร่งไปเลย  จะลำบากไปเสียเปล่า ๆ  ข้าจำได้ว่ามีป่าละเมาะอยู่ข้างหน้าไม่ไกล พวกเราตามไปห่าง ๆ ก่อน  พอไปถึงที่นั่นแล้วค่อย.....”

            ทั้งสองเห็นพ้องกันอย่างชั่วร้าย ครั้นแล้วจึงหัวเราะออกมา

            ใครจะรู้เล่าว่า ขณะคนทั้งสองวิ่งไล่ตามไปไม่ใกลนัก หลินจิ้นกับหลินเฟยซึ่งอยู่เบื้องหลัง ก็ร้องเรียกชื่อพวกเขาเสียงดังลั่น พลางรีบปรี่เข้ามาหา

            “ชู่ว” หยางเหวินจงรีบหันไปส่งสัญญานให้พวกเขาเงียบเสียง คิ้วหนาสั้นเลิกขึ้น แล้วเอ่ยอย่างตื่นเต้นยินดี “ฮ่า ฮ่า พวกเราโชคดีไม่เลวเลยจริง ๆ! สองคนนี่มาได้จังหวะพอดี!

            “โชคดีอะไรกัน!”ทว่าหยางเหวินเซี่ยวกลับมีสีหน้าบึ้งตึงนิดหนึ่ง แล้วพูดขึ้น “ไฉนพวกเขาถึงมาได้เล่า? ที่พวกเขามานี่ พวกเราจะไม่พลอยเสียส่วนแบ่งไปรึ?”

            “อ๋า?”หยางเหวินจงชะงักไปทันที

            “อ๋า อะไรกัน!”หยางเหวินพ่นลมอย่างอารมณ์เสีย “พวกเขาไม่ได้มีส่วนกับเงินที่จะได้มาจากเจ้าเด็กน้อยเหลียนเช่อนั่นนี่!”

            หยางเหวินจงพลันนึกขึ้นได้ แล้วรีบเอ่ยอย่างกังวล “แล้วจะทำยังไงกันดี!หรือว่า ไม่ให้พวกนั้นมาด้วย?”

            “งี่เง่า! บอกไม่ให้พวกเขามาโดยไม่มีเหตุผลดี ๆ แล้วพวกนั้นจะไม่ถามว่าเพราะอะไรรึ? เกิดพวกเขานึกสงสัยขึ้นมา แล้วเราจะหาคำอธิบายดี ๆ ได้อย่างไร?”หยางเหวินเซี่ยวกลอกตาใส่อีกฝ่าย

            หยางเหวินจงร้อนใจ พลางพูดขึ้น “จริงด้วย! อา แล้วทำยังไงกันดีเล่า?”

            หยางเหวินเซี่ยวแค่นเสียงใส่ “วันนี้ก็ปล่อยเจ้าเด็กเหลียนเช่อนั่นไปก่อน พรุ่งนี้ค่อยหาทางคิดบัญชีมันอีกที!

            “ใช่แล้ว ใช่แล้ว! เป็นความคิดที่ดี!”หยางเหวินจงตื่นเต้นยินดีขึ้นมาทันใด ฉีกยิ้มชื่นชมไม่ขาด พลางเอ่ยขึ้น “เจ้านี่ยังฉลาดไม่เปลี่ยนนะ!”

            หยางเหวินเซี่ยวแค่นเสียงใส่ สีหน้าเริ่มดีขึ้นมาหน่อย ตนเองก็คิดว่าตนเองฉลาดอยู่เหมือนกัน

            ขณะทั้งสองคนกำลังคุยกันอยู่ หลินจิ้นและหลินเฟยก็เดินเข้ามาใกล้ตัวแล้ว

            “พวกเจ้าสองคนมาทำอะไรกันน่ะ!”หยางเหวินเซี่ยวเอ่ยด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม

            หลินจิ้นกับหลินเฟยต่างมองหน้ากัน แล้วขยิบตา  สีหน้าดูคล้ายค่อนข้างไม่เป็นมิตร ถามขึ้นด้วยใบหน้ายิ้มคล้ายไม่ยิ้ม “พวกเจ้ามีแผนจะไปไหนกันรึ?

            หยางเหวินจงสีหน้าเปลี่ยนไปนิดหนึ่ง แล้วเอ่ยทันที “พวกเราไม่ได้ไปไหนเลย!”

  “โง่เง่า! ปัญญาอ่อน!”หยางเหวินเซี่ยวนึกด่าในใจ เขาห้ามหยางเหวินจงที่หลุดปากออกไปแล้วไม่ทัน เขาจึงหัวเราะแหะ ๆ เอ่ยขึ้น “แหมพวกเรา นอกจากกลับบ้านแล้ว จะยังไปที่ไหนได้อีกเล่า!พวกเจ้าไม่กลับบ้าน แล้ววิ่งมาทำอะไรที่นี่ล่ะ?”

  “หึ” หลินเฟยหัวเราะคราหนึ่ง แล้วเอ่ยอย่างไม่สบอารมณ์ “ไม่เอาน่า พวกเจ้ามีแผนร้ายเต็มท้อง พวกข้าไม่ทำพวกเจ้าเสียแผนหรอก เป็นเหลียนเช่อที่เรียกพวกข้ามา แถมกำลังรอพวกข้าที่ป่าละเมาะข้างหน้านี่  มิหนำซ้ำยังให้พวกเราเรียกพวกเจ้าไปด้วยกันอีกนะ!”

  “ข้าว่านะ” หลินเฟยเอ่ยออกมาช้า ๆ ไม่รีบร้อน “ พวกเจ้าพี่น้องขี้ตืดเกินไปแล้ว  ฮึ่ม ไม่นึกเลยว่าคิดปิดบังพวกเรา แอบงุบงิบผลประโยชน์ไว้เอง!”

            “เปล่านะ เปล่าสักหน่อย พวกข้าเปล่าทำนะ!”หยางเหวินจงพลันร้อนใจ เบิกตากว้าง

            โง่เง่าเต่าตุ่นเสียจริง!

            หยางเหวินเซี่ยวอดหันไปกลอกตาใส่ไม่ได้ แล้วพูดขึ้น “ที่แท้เขาก็พูดกับพวกเจ้าแล้ว ! เดิมทีพวกข้าก็คิดจะบอกพวกเจ้าอยู่เหมือนกัน ทว่า เพียงแต่วันนี้เห็นท่าทางของเจ้าเด็กนั่น คล้ายคิดจะเบี้ยวหนี้ ดังนั้น เอ้อ พวกข้าจึงตั้งใจไปถามเขาให้กระจ่างก่อน ว่าเกิดอะไรขึ้น แล้วค่อยมาบอกพวกเจ้าอีกที  ไม่คิดว่า ที่แท้เขาจะพูด...”

            หลินจิ้นค้อนตาใส่อีกฝ่าย คิดในใจว่าไม่ใช่อย่างที่บอกมาแน่นอน คิดว่าเขาเป็นพวกปัญญาอ่อนโดนหลอกง่าย ๆ เหมือนเหลียนเช่อหรือไร? ถึงอย่างไร ก็หลอกเขาไม่ได้หรอก อย่างไรพวกตนสองคนก็มาแล้ว สองคนนี่ก็ไม่สามารถปฏิเสธส่วนแบ่งสำหรับพวกตนทั้งคู่ ดังนั้น เขาจึงตัดสินใจไม่ต่อล้อต่อเถียงสองคนนั่นอีก

            “พวกเราไปกันเถอะ!เผื่อเจ้าเด็กนั่นมันจะวิ่งหนีไปเสียก่อน!”หลินจิ้นพูดขึ้น

            ทั้งสี่คนล้วนพูดว่าใช่แล้ว  แล้วรีบไล่ตามไปทันใด

            ชั่วขณะที่บรรลุถึงป่าละเมาะนั่น เหลียนเช่ออดหันไปมองทางด้านหลังสองรอบไม่ได้  แล้วก็ไม่เห็นคนทั้งสี่ไล่ตามมาเสียที จึงจำใจก้าวเดินไปอย่างเชื่องช้า

            เขาต้องทำให้คนพวกนั้นเห็นตนเองเดินเข้าไปในป่าละเมาะ! ไม่เช่นนั้น หากพวกเขาไม่มา แล้วจะทำเช่นไรดี

            เขาครุ่นคิดทบทวนในใจ

            หยางเหวินจงกับพวกทั้งสี่คนรีบเร่งไล่ตามมาอย่างเร็วจี๋ เหลียนเช่อหันไปเหลือบมองนิดหนึ่ง จึงเร่งฝีเท้าขึ้น เขาไม่อยากเดินร่วมไปกับพวกนั้น

            เหลียนเช่อเพิ่งจะเข้าไปในป่าละเมาะได้เดี๋ยวเดียว หยางเหวินจง หลินจิ้นกับพวกทั้งสี่คนจึงมาถึง

            หยางเหวินจงกับหยางเหวินเซี่ยวเดือดดาลที่เหลียนเช่อเพิกเฉยพวกตนในวันนี้ และอีกเรื่องก็คือ เรื่องที่เขาคิดทำตามอำเภอใจ ไปบอกหลินจิ้นกับหลินเฟย  ยามนี้ไม่มีคนนอก และไม่ต้องคอยระวังตัวแล้ว สีหน้าทั้งสองคนจึงเปลี่ยนเป็นบึ้งตึงในพริบตา พลางถลึงตาใส่เหลียนเช่อด้วยโทสะคุกกรุ่น

            ยังไม่ทันจะเปิดปากพูด เหลียนเช่อซึ่งที่จริง ๆภายในใจสงบนิ่ง ได้ทำหน้าตาน่าสงสาร แล้วพูดขึ้นอย่างระมัดระวัง “พวกเจ้า...จะไม่หารือกันสักครั้งก่อนรึ? วันนี้ข้าเอาเงินมา 9 อีแปะ แล้วจะแบ่งกันอย่างไรดี?”

            ดวงตาของคนทั้งสี่เรืองวาบขึ้นพร้อมกัน สีหน้าฉายแววละโมบอย่างไม่ปิดบัง

            เหลียนเช่อล้วงเงินออกมาจากช่องเก็บเงินในแขนเสื้ออย่างช้า ๆ แล้วแบมือออก เหรียญทองแดงหนัก ๆ รูปวงกลม มีรูรูปสี่เหลี่ยมจัตุรัสตรงกลาง คล้ายจะปล่อยมนต์ขลังดึงดูดใจเป็นพิเศษ อันทำให้ใจของคนทั้งสี่เต้นกระตุก

            “เอามาให้ข้า!” หยางเหวินจงร้อนใจ รีบเอื้อมมือไปหยิบ

มือยังไม่ทันแตะเงิน เขาก็โดนดึงตัวไว้จากด้านหลัง หยางเหวินจงหันขวับอย่างมีโทสะ แล้วก็เห็นหลินเฟยทำหน้าไม่พอใจ “รีบร้อนอะไรเช่นนี้! แล้วเหตุใดเจ้าถึงคิดฮุบไปหมด!”

“ใช่แล้ว!” หลินจิ้นแค่นเสียง

หยางเหวินจงใบหน้าร้อนฉ่า ดึงมือกลับอย่างโกรธจัด พลางตวาดเสียงแหลม “ข้า ข้าไม่ได้พูด

ว่าจะเอาไปหมดเสียหน่อย...” กระนั้นน้ำเสียงก็ค่อย ๆ เบาลง ชัดเจน ก่อนหน้านั้น ก็คิดจะฮุบไปทั้งหมดนั่นแหละ

            อย่างไรก็ตม ในใจเขารู้สึกว่าตนเองโดนใส่ร้าย เขาไม่ได้โลภนะ ก็แค่มือมันไปเองน่ะ! แค่เลอะเลือนไปหน่อย!พอเห็นเงินทองมากปานนั้นมากองแผ่อยู่ตรงหน้า ชั่วขณะนั้น เลยทนความเย้ายวนใจไม่ไหว ก็เลยยื่นมือออกไป อันที่จริง มันก็เป็นเรื่องธรรมดาสามัญ ใคร ๆ เขาก็ทำกันมิใช่รึ?

            ถึงอย่างไร เขาเองก็เสียใจ  เขาไม่ได้พูดแบบนั้นออกมาเสียหน่อย  บอกไปก็ไม่มีใครเชื่อ

 

   

  ...

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น