วันนี้เมื่อกลับถึงบ้านหลังเลิกเรียน เหลียนเช่อกับเหลียนเจ๋อ ทั้งสองคนคุยหารือซุบซิบกันอยู่ในห้องเป็นนาน ไม่มีใครรู้ว่าพวกเขาคุยเรื่องอะไรกัน
วันต่อมาที่สำนักศึกษา
เมื่อหยางเวินเซี่ยวกับหยางเหวินจงเห็นเหลียนเช่อมา จึงส่งสัญญานให้อีกฝ่ายหลายต่อหลายครั้ง
ทั้งกระแอม ทั้งขยิบตาให้ ทว่าเหลียนเช่อกลับไม่สนใย เขามักตัวติดอยู่กับจางควน หรือเพื่อนรวมชั้นคนอื่น
ซึ่งหยางเหวินเซี่ยวและน้องชายค่อนข้างเกรงกลัว ทั้งสองคนจึงรีบหันหลังกลับ
ไม่รู้จะทำประการใดดี
เด็กสองคนต่างหารือกันเงียบ ๆ แล้วลงความเห็นว่าเหลียนเช่อเป็นคนกลับกลอกเชื่อถือไม่ได้และน่าโมโห
ดังนั้นพวกเขาจึงสะกดกลั้นโทสะไว้ รอให้ถึงเวลาเลิกเรียนก่อนเถิด
พวกเขาจะคิดบัญชีกับอีกฝ่าย แล้วกระทืบซ้ำให้หลาบจำ
พวกเขาไม่เชื่อหรอก
ต่อให้วันนี้หลังเลิกเรียน อีกฝ่ายจะไม่ได้อยู่ตามลำพัง แต่คนเราจะไม่ได้อยู่ตามลำพังได้ตลอดไปหรือ? รอให้จับได้เมื่อไร จะทำให้อับอายขายหน้าไปเลย!
หลังจากอดทนแทบตายกว่าจะถึงเวลาเลิกเรียน
สองศรีพี่น้องที่คอยเฝ้าจับตาดูเหลียนเช่อมาตลอด กำลังสอดส่ายสายตามองหาตัวเขาเพื่อคิดบัญชี
สวรรค์เท่านั้นที่รู้...ความพยายามที่ทำมาทั้งหมดได้ล้มเหลว หันกลับมาอีกที
เหลียนเช่อก็คลาดสายตาไปแล้ว
สองพี่น้องเริ่มตื่นตะหนก
ทั้งโมโหเดือดดาล พวกเขาสอบถามจากเพื่อนร่วมชั้น
ถึงรู้ว่าเหลียนเช่อออกไปแล้วด้วยความรีบร้อน ทั้งสองจึงรีบเก็บตำราแล้ววิ่งตามไปอย่างรวดเร็วปานลมพัด
เมื่อวิ่งออกมาไม่ไกลจากหมู่บ้านสกุลหลิน
พวกเขาทันเห็นร่างของเหลียนเช่อซึ่งกำลังสาวเท้าอย่างรีบเร่งอยู่ข้างหน้า ทั้งสองถอนหายใจด้วยความโล่งอก
“เจ้าเด็กวายร้ายนี่ ไม่นึกเลยว่าจะกล้าปดพวกเรา! ฮึ่ม โกหกจนพวกเราหลงเชื่อ
แล้วยังหัวหมอชิ่งหนีไปอีก คิดว่าจะหนีพ้นรึ!” หยางเหวินจงโมโหเดือดดาล พลางถลกแขนเสื้อจะไล่ตามไปซัดอีกฝ่าย
“ช้าก่อน!”หยางเวินเซี่ยวขบคิดอยู่ครู่หนึ่ง
พลางรั้งตัวน้องชายไว้แล้วเอ่ยขึ้น “อย่าเพิ่งรีบเร่งไปเลย จะลำบากไปเสียเปล่า ๆ ข้าจำได้ว่ามีป่าละเมาะอยู่ข้างหน้าไม่ไกล
พวกเราตามไปห่าง ๆ ก่อน พอไปถึงที่นั่นแล้วค่อย.....”
ทั้งสองเห็นพ้องกันอย่างชั่วร้าย
ครั้นแล้วจึงหัวเราะออกมา
ใครจะรู้เล่าว่า
ขณะคนทั้งสองวิ่งไล่ตามไปไม่ใกลนัก หลินจิ้นกับหลินเฟยซึ่งอยู่เบื้องหลัง
ก็ร้องเรียกชื่อพวกเขาเสียงดังลั่น พลางรีบปรี่เข้ามาหา
“ชู่ว”
หยางเหวินจงรีบหันไปส่งสัญญานให้พวกเขาเงียบเสียง คิ้วหนาสั้นเลิกขึ้น
แล้วเอ่ยอย่างตื่นเต้นยินดี “ฮ่า ฮ่า พวกเราโชคดีไม่เลวเลยจริง ๆ! สองคนนี่มาได้จังหวะพอดี!”
“โชคดีอะไรกัน!”ทว่าหยางเหวินเซี่ยวกลับมีสีหน้าบึ้งตึงนิดหนึ่ง
แล้วพูดขึ้น “ไฉนพวกเขาถึงมาได้เล่า? ที่พวกเขามานี่ พวกเราจะไม่พลอยเสียส่วนแบ่งไปรึ?”
“อ๋า?”หยางเหวินจงชะงักไปทันที
“อ๋า
อะไรกัน!”หยางเหวินพ่นลมอย่างอารมณ์เสีย
“พวกเขาไม่ได้มีส่วนกับเงินที่จะได้มาจากเจ้าเด็กน้อยเหลียนเช่อนั่นนี่!”
หยางเหวินจงพลันนึกขึ้นได้
แล้วรีบเอ่ยอย่างกังวล “แล้วจะทำยังไงกันดี!หรือว่า ไม่ให้พวกนั้นมาด้วย?”
“งี่เง่า! บอกไม่ให้พวกเขามาโดยไม่มีเหตุผลดี
ๆ แล้วพวกนั้นจะไม่ถามว่าเพราะอะไรรึ? เกิดพวกเขานึกสงสัยขึ้นมา แล้วเราจะหาคำอธิบายดี ๆ
ได้อย่างไร?”หยางเหวินเซี่ยวกลอกตาใส่อีกฝ่าย
หยางเหวินจงร้อนใจ
พลางพูดขึ้น “จริงด้วย! อา แล้วทำยังไงกันดีเล่า?”
หยางเหวินเซี่ยวแค่นเสียงใส่
“วันนี้ก็ปล่อยเจ้าเด็กเหลียนเช่อนั่นไปก่อน พรุ่งนี้ค่อยหาทางคิดบัญชีมันอีกที!”
“ใช่แล้ว ใช่แล้ว! เป็นความคิดที่ดี!”หยางเหวินจงตื่นเต้นยินดีขึ้นมาทันใด
ฉีกยิ้มชื่นชมไม่ขาด พลางเอ่ยขึ้น “เจ้านี่ยังฉลาดไม่เปลี่ยนนะ!”
หยางเหวินเซี่ยวแค่นเสียงใส่
สีหน้าเริ่มดีขึ้นมาหน่อย ตนเองก็คิดว่าตนเองฉลาดอยู่เหมือนกัน
ขณะทั้งสองคนกำลังคุยกันอยู่
หลินจิ้นและหลินเฟยก็เดินเข้ามาใกล้ตัวแล้ว
“พวกเจ้าสองคนมาทำอะไรกันน่ะ!”หยางเหวินเซี่ยวเอ่ยด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม
หลินจิ้นกับหลินเฟยต่างมองหน้ากัน
แล้วขยิบตา
สีหน้าดูคล้ายค่อนข้างไม่เป็นมิตร ถามขึ้นด้วยใบหน้ายิ้มคล้ายไม่ยิ้ม “พวกเจ้ามีแผนจะไปไหนกันรึ?”
หยางเหวินจงสีหน้าเปลี่ยนไปนิดหนึ่ง
แล้วเอ่ยทันที “พวกเราไม่ได้ไปไหนเลย!”
“โง่เง่า! ปัญญาอ่อน!”หยางเหวินเซี่ยวนึกด่าในใจ เขาห้ามหยางเหวินจงที่หลุดปากออกไปแล้วไม่ทัน
เขาจึงหัวเราะแหะ ๆ เอ่ยขึ้น “แหมพวกเรา นอกจากกลับบ้านแล้ว
จะยังไปที่ไหนได้อีกเล่า!พวกเจ้าไม่กลับบ้าน แล้ววิ่งมาทำอะไรที่นี่ล่ะ?”
“หึ” หลินเฟยหัวเราะคราหนึ่ง
แล้วเอ่ยอย่างไม่สบอารมณ์ “ไม่เอาน่า พวกเจ้ามีแผนร้ายเต็มท้อง พวกข้าไม่ทำพวกเจ้าเสียแผนหรอก
เป็นเหลียนเช่อที่เรียกพวกข้ามา แถมกำลังรอพวกข้าที่ป่าละเมาะข้างหน้านี่ มิหนำซ้ำยังให้พวกเราเรียกพวกเจ้าไปด้วยกันอีกนะ!”
“ข้าว่านะ” หลินเฟยเอ่ยออกมาช้า ๆ
ไม่รีบร้อน “ พวกเจ้าพี่น้องขี้ตืดเกินไปแล้ว ฮึ่ม ไม่นึกเลยว่าคิดปิดบังพวกเรา
แอบงุบงิบผลประโยชน์ไว้เอง!”
“เปล่านะ เปล่าสักหน่อย
พวกข้าเปล่าทำนะ!”หยางเหวินจงพลันร้อนใจ เบิกตากว้าง
โง่เง่าเต่าตุ่นเสียจริง!
หยางเหวินเซี่ยวอดหันไปกลอกตาใส่ไม่ได้
แล้วพูดขึ้น “ที่แท้เขาก็พูดกับพวกเจ้าแล้ว ! เดิมทีพวกข้าก็คิดจะบอกพวกเจ้าอยู่เหมือนกัน
ทว่า เพียงแต่วันนี้เห็นท่าทางของเจ้าเด็กนั่น คล้ายคิดจะเบี้ยวหนี้ ดังนั้น เอ้อ
พวกข้าจึงตั้งใจไปถามเขาให้กระจ่างก่อน ว่าเกิดอะไรขึ้น แล้วค่อยมาบอกพวกเจ้าอีกที
ไม่คิดว่า ที่แท้เขาจะพูด...”
หลินจิ้นค้อนตาใส่อีกฝ่าย
คิดในใจว่าไม่ใช่อย่างที่บอกมาแน่นอน คิดว่าเขาเป็นพวกปัญญาอ่อนโดนหลอกง่าย ๆ
เหมือนเหลียนเช่อหรือไร? ถึงอย่างไร ก็หลอกเขาไม่ได้หรอก อย่างไรพวกตนสองคนก็มาแล้ว
สองคนนี่ก็ไม่สามารถปฏิเสธส่วนแบ่งสำหรับพวกตนทั้งคู่ ดังนั้น เขาจึงตัดสินใจไม่ต่อล้อต่อเถียงสองคนนั่นอีก
“พวกเราไปกันเถอะ!เผื่อเจ้าเด็กนั่นมันจะวิ่งหนีไปเสียก่อน!”หลินจิ้นพูดขึ้น
ทั้งสี่คนล้วนพูดว่าใช่แล้ว
แล้วรีบไล่ตามไปทันใด
ชั่วขณะที่บรรลุถึงป่าละเมาะนั่น
เหลียนเช่ออดหันไปมองทางด้านหลังสองรอบไม่ได้
แล้วก็ไม่เห็นคนทั้งสี่ไล่ตามมาเสียที จึงจำใจก้าวเดินไปอย่างเชื่องช้า
เขาต้องทำให้คนพวกนั้นเห็นตนเองเดินเข้าไปในป่าละเมาะ! ไม่เช่นนั้น หากพวกเขาไม่มา
แล้วจะทำเช่นไรดี
เขาครุ่นคิดทบทวนในใจ
หยางเหวินจงกับพวกทั้งสี่คนรีบเร่งไล่ตามมาอย่างเร็วจี๋
เหลียนเช่อหันไปเหลือบมองนิดหนึ่ง จึงเร่งฝีเท้าขึ้น เขาไม่อยากเดินร่วมไปกับพวกนั้น
เหลียนเช่อเพิ่งจะเข้าไปในป่าละเมาะได้เดี๋ยวเดียว
หยางเหวินจง หลินจิ้นกับพวกทั้งสี่คนจึงมาถึง
หยางเหวินจงกับหยางเหวินเซี่ยวเดือดดาลที่เหลียนเช่อเพิกเฉยพวกตนในวันนี้
และอีกเรื่องก็คือ เรื่องที่เขาคิดทำตามอำเภอใจ ไปบอกหลินจิ้นกับหลินเฟย ยามนี้ไม่มีคนนอก และไม่ต้องคอยระวังตัวแล้ว
สีหน้าทั้งสองคนจึงเปลี่ยนเป็นบึ้งตึงในพริบตา พลางถลึงตาใส่เหลียนเช่อด้วยโทสะคุกกรุ่น
ยังไม่ทันจะเปิดปากพูด
เหลียนเช่อซึ่งที่จริง ๆภายในใจสงบนิ่ง ได้ทำหน้าตาน่าสงสาร แล้วพูดขึ้นอย่างระมัดระวัง
“พวกเจ้า...จะไม่หารือกันสักครั้งก่อนรึ? วันนี้ข้าเอาเงินมา 9 อีแปะ แล้วจะแบ่งกันอย่างไรดี?”
ดวงตาของคนทั้งสี่เรืองวาบขึ้นพร้อมกัน
สีหน้าฉายแววละโมบอย่างไม่ปิดบัง
เหลียนเช่อล้วงเงินออกมาจากช่องเก็บเงินในแขนเสื้ออย่างช้า
ๆ แล้วแบมือออก เหรียญทองแดงหนัก ๆ รูปวงกลม มีรูรูปสี่เหลี่ยมจัตุรัสตรงกลาง
คล้ายจะปล่อยมนต์ขลังดึงดูดใจเป็นพิเศษ อันทำให้ใจของคนทั้งสี่เต้นกระตุก
“เอามาให้ข้า!” หยางเหวินจงร้อนใจ
รีบเอื้อมมือไปหยิบ
มือยังไม่ทันแตะเงิน เขาก็โดนดึงตัวไว้จากด้านหลัง
หยางเหวินจงหันขวับอย่างมีโทสะ แล้วก็เห็นหลินเฟยทำหน้าไม่พอใจ “รีบร้อนอะไรเช่นนี้! แล้วเหตุใดเจ้าถึงคิดฮุบไปหมด!”
“ใช่แล้ว!” หลินจิ้นแค่นเสียง
หยางเหวินจงใบหน้าร้อนฉ่า ดึงมือกลับอย่างโกรธจัด พลางตวาดเสียงแหลม
“ข้า ข้าไม่ได้พูด
ว่าจะเอาไปหมดเสียหน่อย...” กระนั้นน้ำเสียงก็ค่อย ๆ เบาลง
ชัดเจน ก่อนหน้านั้น ก็คิดจะฮุบไปทั้งหมดนั่นแหละ
อย่างไรก็ตม
ในใจเขารู้สึกว่าตนเองโดนใส่ร้าย เขาไม่ได้โลภนะ ก็แค่มือมันไปเองน่ะ! แค่เลอะเลือนไปหน่อย!พอเห็นเงินทองมากปานนั้นมากองแผ่อยู่ตรงหน้า
ชั่วขณะนั้น เลยทนความเย้ายวนใจไม่ไหว ก็เลยยื่นมือออกไป อันที่จริง
มันก็เป็นเรื่องธรรมดาสามัญ ใคร ๆ เขาก็ทำกันมิใช่รึ?
ถึงอย่างไร
เขาเองก็เสียใจ เขาไม่ได้พูดแบบนั้นออกมาเสียหน่อย บอกไปก็ไม่มีใครเชื่อ
...
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น