“หยุด หยุดนะ ! หยุดเดี๋ยวนี้นะ!” หยางเหวินเซี่ยวตกใจ จึงบันดาลโทสะ ร้องตวาดก้อง
“หุบปากไปเลย!” เหลียนฟางฉิงตวาดกลับ แล้วหันไปหวดหยางเหวินจงต่อ
อย่างไม่แยแส โดยมือก็ฟาด ปากก็ก่นด่าไปด้วย
หยางเหวินเซี่ยวผู้ที่เพลิงโทสะในอกจวนเจียนจะระเบิดอยู่แล้ว
สุดท้ายทนไม่ไหว จึงปรี่เข้าไปหมายทำร้ายเหลียนเจ๋อ “ปล่อยเหวินจงเดี๋ยวนี้นะ!”
เหลียนเจ๋อคอยท่าอยู่แล้ว
เด็กหนุ่มยิ้มเย็น สองเท้ายังตรึงมั่นอยู่ที่เดิม
แต่กายกลับพลิกแพลงเบี่ยงหลบหมัดของหยางเหวินเซี่ยว ตามมาด้วย สองมือที่ว่องไวปานสายฟ้าแลบ
จับตัวอีกฝ่ายเคลื่อนไปข้างหน้า แล้วยกเท้าเตะวาดผ่านข้อพับเข่า
จนคู่ต่อสู้ทรุดฮวบลง
หยางเหวินเซี่ยวแผดร้องเสียงหลง เข่าของเขาทรุดฮวบนพื้นเสียงดัง “ปั้ก!” ขณะที่เท้าของเหลียนเจ๋อหดกลับมาเหยียบหลังของหยางเหวินจงอย่างมั่นคง
เหลียนฟางฉิงหยุดมือไปพักหนึ่งระหว่างนั้น
รอจนเท้าของเหลียนเจ๋อกลับคืนมาอยู่บนหลังอีกครั้ง
นางจึงหวดหยางเหวินจง พลางก่นด่าไปด้วย
หยางเหวินเซี่ยวไหล่ข้างหนึ่งหลุด
และข้อเท้าข้างหนึ่งหลุด หลังจากที่ล้มลงบนพื้น จึงไม่อาจลุกขึ้นยืนได้
แม้ว่าเขาไม่ได้ร้องตะโกนหรือ แผดเสียงด้วยความเจ็บปวด ทว่ายามนี้อวัยวะบางส่วนกลับเป็นอัมพาต และกายสั่นระริกไม่หยุด
ใบหน้านั่นรึก็บิดเบี้ยว ริมฝีปากถูกกัดจนซีดขาว ซ้ำมีเหงื่อเม็ดเป้งผุดขึ้นมาบนหน้าผาก
เผยให้เห็นว่าเขาเจ็บปวดนัก
ดวงตาของหลินจิ้น
กับหลินเฟยเบิกกว้างจนแทบถลน ทั้งสแงมองเหตุการณ์ตรงหน้าด้วยความอกสั่นขวัญแขวน จนเข่าอ่อนแทบทรุด
พวกเขาต่างรู้แจ้งในใจว่าหยางเหวินเซี่ยวคือใคร แต่ไม่นึกไม่ฝันเลยว่า เพื่อนเขาจะประสบความพ่ายแพ้ยับเยินปานนี้ เห็นแค่นี้ก็รู้ชัดแล้วว่าพี่ชายคนรองของเหลียนเซ่อเก่งกาจเพียงใด...
หากเป็นไปได้
พวกเขาสองคนอยากออกไปจากที่นี่ทันที ทว่าพวกเขาไม่กล้า มิใช่ว่าไม่อยาก
เพียงแต่ไม่กล้า
ตั้งแต่เริ่มต้นจนจบ
เหลียนเช่อยืนอยู่ข้างเขาตลอด พร้อมปากที่เม้มแน่น และไม่เอ่ยอันใด
หลังจากนั้นพักใหญ่
เหลียนเจ่อจึงเอ่ยเสียงเบา “ฉิงเอ๋อร์ พอได้แล้ว” เหลียนฟางฉิงจึงหยุดมือ
ครั้นแล้วหยางเหวินจง ก็แผดเสียงร้องลั่นทันที
น้ำเสียงคล้ายจะบาดแหลมเป็นพิเศษ
“หุบปาก” เหลียนเจ๋อซึ่งยืนตระหง่านอย่างองอาจ
เอ่ยเสียงเย็น แต่หยางเหวินจงก็ยังไม่เลิกคราง เขาจึงแค่นเสียงเย็น “ไม่ยอมหุบปาก อยากเจอดีรึ!”
เหลียนฟางฉิงยกมือที่ถือกิ่งไม้ขึ้น
ดวงตาเรืองวาบทันที
หยางเหวินจงสะดุ้งตกใจ
และเสียงครางฮือในลำคอพลันหยุดเงียบไปดื้อ ๆ
เหลียนเจ๋อกวาดตามองเขาและหยางเหวินเซี่ยว
แล้วเอ่ยเสียงเนิบ ไม่เร็วไม่ช้า “ข้าคือพี่ชายคนรองของเช่อเอ๋อร์ พวกเจ้าคงเห็นกันเต็มสองตาแล้ว คราวหน้าคราวหลัง หากใครกล้ารังแกเขาอีก ฮึ่ม
จะไม่เจอบทเรียนเบาะ ๆ อย่างในวันนี้แน่!”
น้ำเสียงเหลียนเจ๋อทุ้มนุ่ม
ทว่าถ้อยคำในประโยคช่างเย็นเยือกจนอธิบายไม่ได้ หยางเหวินจงกับพี่ชาย หลินจิ้น
และหลินเฟยทั้งสองต่างนิ่งงันไป นี่เรียกว่าบทเรียนเบาะ ๆ แล้วหากไม่เบาะๆ
มันจะเป็นแบบไหนกัน....
“ไม่ได้ยินรึ!” เหลียนเจ๋อพลันตวาดขึ้น
จับจ้องหยางเหวินจงด้วยสายตาเย็นชา
“ได้ยิน
ได้ยินแล้ว ได้ยินแล้วขอรับ!”หยางเหวินจงตัวสั่น หน้าซีด
เหลียนเจ๋อเบนสายตาไปที่หยางเหวินเซี่ยวอีกคน
“แล้วเจ้าเล่า? ได้ยินหรือเปล่า?”
หยางเหวินเซี่ยวเจ็บปวดเสียจนกระทั่งริมฝีปากที่ถูกกัดอยู่
มีเลือดออก
ในใจรู้สึกชิงชังและหวาดกลัวเหลียนเจ๋อ เมื่อได้ยินคำถาม เขาไม่ตอบ พลางครางเบา
ๆ
“เฮอะ” เหลียนฟางฉิงแค่นเสียง
แล้วเอ่ยอย่างฉุนเฉียว “ปากแข็งนักนะ!” พอกล่าวจบก็หักกิ่งไม้แล้วทบให้ใหญ่ขึ้น และเดินย่างสามขุมตรงมาหาหยางเหวินเซี่ยวซึ่งหมดทางสู้! เพียงอึดใจเดียว เขาก็โดนฟาดที่ใบหน้า
ตัวหยางเหวินจงเองก็ยังอยู่ใต้ฝ่าเท้าของเหลียนเจ๋อ
พอเห็นหยางเหวินเซี่ยวหมดท่า เขาจึงตวาดอย่างหวั่นวิตก “หยุดนะ!”เมื่อเห็นว่าเหลียนฟางฉิงไม่แยแสเขาเลย
เขาจึงร้องตะโกนด้วยความร้อนใจ “ไม่ยุติธรรม! นี่มันไม่ยุติธรรมเลย ใช่แล้ว! ไม่ใช่มีเพียงแค่พวกเราที่รังแกเหลียนเช่อเสียหน่อย
เหตุใดถึงเอาแต่แก้แค้นพวกเราพี่น้องเล่า! ไม่ยุติธรรม! ไม่ยุติธรรมเลย!”
ใบหน้าของหลินเฟย
กับหลินจิ้นซีดขาว ทั้งสองต่างขึงตาใส่หยางหวินจงดด้วยความชิงชัง
และนึกก่นด่าเขาในใจเป็นร้อยรอบ
เคราะห์ดีที่เหล่าพี่น้องสกุลเหลียนทั้งสามคนดูคล้ายไม่ได้ยินคำพูดนั้น
และไม่ได้โต้ตอบอันใดเลย หลินเฟยกับหลินจิ้นจึงพรูลมหายใจด้วยความโล่งอก
ถึงแม้นหยางเหวินเซี่ยวยังเยาว์
เขามักหยาบคายไร้เหตุผล ชอบข่มเหงผู้คน โดนตามใจจนเคยตัว ไหนเลยเขาจะยอมพ่ายแพ้ง่าย
ๆ เล่า? ทว่ายามนี้ เขารู้ตัวดีว่า
หากไม่ยอมรับความปราชัย ก็มีแต่ตายลูกเดียว เพราะดันไปเตะโดนกระทะเหล็กร้อนเข้า!
เหลียนฟางฉิงยกมือที่ถือกิ่งไม้สำหรับใช้เฆี่ยนตีออก
โดยไม่มีปี่มีขลุ่ย ชัดเจนนักว่าหากเขาไม่ยอมรับ นางก็คงไม่หยุด ความเจ็บปวดที่แผ่ลามไปทั่วกายเขานั้น
มันเกินจะทนรับได้จริง ๆ เขาเลยต้องร้องออกมา “ได้ยินแล้ว เข้าใจแล้วขอรับ!”
“เพ้ย” เหลียนฟางฉิงถ่มน้ำลาย
และด่าทอ “ข้านึกว่าเจ้าจะยังปากแข็งไม่ยอมรับผิด
ไม่ว่าเจ้าจะปากแข็งเพียงไหน ข้าก็ไม่กลัวหรอก!”
เหลียนเจ๋อแค่นเสียง “พวกเจ้าจำเอาไว้ให้แม่น! หากกล้าคิดแก้แค้น
ก็อย่าหาว่าข้าหยาบคาย! น้องชายข้า พวกเจ้ารังแกไม่ได้เด็ดขาด!” กล่าวจบก็เตะเข้าที่สีข้างหยางเหวินจงทีหนึ่ง
หยางเหวินจงดิ้นทุรนทุรายบนพื้นดิน
สองสามรอบ พร้อมด้วยเสียงร้องโอดโอย ก่อนจะกระเสือกกระสนลุกขึ้นนั่ง
พร้อมเสียงร้องคราง
“เหวินเวี่ยว
! เหวินเซี่ยว!” ทันทีที่หยางเหวินจงนั่งได้
เขารีบคลานไปหาหยางเหวินเวี่ยว แล้วดึงตัวเขามาอย่างเป็นกังวล
“เจ้าเป็นอย่างไรบ้าง?”
หยางเหวินจงถูกถอดข้อต่อกระดูก ที่แขนข้างหนึ่ง
และที่ข้อเท้าข้างหนึ่ง ผู้เป็นพี่ชายที่โดนหยางเหวินจงดึงตัวไป ส่ายหน้า
พลางกัดฟันด้วยความเจ็บปวดทันที เขาหอบหายใจเหนื่อยอ่อน “มือข้า ข้า เท้าข้า...”
หยางเหวินจงผงะถอยหลัง
และเมื่อมองดูใกล้ๆ ก็พบว่าแขนพี่ชายห้อยต่องแต่ง “เหวินเซี่ยว เหวินเซี่ยว
เกิดอะไรขึ้นกับเจ้า! อย่าทำให้ข้าตกใจสิ!”
“โง่งม!”เหลียนฟางฉิงแค่นเสียงขึ้นจมูก
และเอ่ยอย่างดูแคลน “
“ขี้ขลาด!ก็แค่โดนพี่ชายข้าถอดกระดูกข้อต่อแค่นี้เอง!”
หยางเหวินจงอดมองเหลียนเจ๋ออีกไม่ได้
พอเห็นว่าเขาโง่งมจริง ๆ
เหลียนเจ๋อจึงเตือนอย่างใจดี “ขอร้องข้าสิ ข้าจะช่วยเขาเอง
ไม่เช่นนั้นแขนข้างนี้และเท้านี่จะใช้การไม่ได้นะ!”
หยางเหวินจงไม่มีความลังเลสักนิด
เมื่อได้ยินถ้อยคำนี้ เขาจึงร้องขึ้น “ข้าขอร้องท่าน! ข้าขอร้องท่านช่วยชีวิตเหวินเซี่ยวด้วยเถิด!”
เหลียนเจ๋อแค่นเสียงเย็น
“เช่นนั้น...ก็จำไว้ให้ดี! ภายภาคหน้า
หากพวกเจ้ากล้ารังแกและวางแผนเล่นงานน้องชายข้าอีก
พวกเจ้าจะไม่ได้ออกจากบ้านไปตลอดชีวิตแน่!”
พอกล่าวจบ
ก็สาวเท้ามาข้างหน้าแล้วคุกเข่าลง เขาดึงแขนหยางเหวินเซี่ยวอย่างคล่องแคล่ว
ทุกคนได้ยินเสียงดังกึก ตามมาด้วยเสียงกรีดร้องปานฟ้าถล่มของหยางเหวินเซี่ยว
เหลียนเจ๋อจ้องหน้าเขาเขม็ง “ร้องตะโกนอะไรกัน ? ลองเคลื่อนไหวดูสิว่าหายหรือยัง!”
หลินเฟยขาอ่อนแรงขึ้นมาทันที
เขาทรุดฮวบกับพื้นดังผลั่ก แล้วรีบลุกขึ้นยืนอีกครา
ต่อมาเหลียนเจ๋อดึงยืดข้อเท้าเขาในแบบเดียวกัน
ครั้นแล้วก็คำราม “ฮึ่ม จำไว้นะ หากมีคราวหน้าอีกละก็
มันจะไม่ได้ทรมานเล็กน้อยแค่นี้แน่!”
พอกล่าวจบ
ก็พาเหลียนเช่อกับเหลียนฟางฉิงสะบัดแขนเสื้อสาวเท้าจากไป
รถเกวียนเทียมลาถูกแอบไว้หลังพุ่มไม้
จากนั้นทั้งสามคนก็พากันขึ้นรถและขับกลับบ้านอย่างชื่นมื่น
เหลียนฟางฉิงคล้ายจะอารมณ์ดีที่สุด
นางยิ้มหยันใส่หยางเหวินจง กับหยางเหวินเซี่ยว แล้วหันไปขยิบตาให้เหลียนเช่อด้วยรอยยิ้มเต็มหน้า
“พี่สาม พี่สาม ภายหน้ามีเรื่องสนุก ๆเช่นนี้อีกละก็ พวกท่านห้ามปิดเงียบนะ ต้องบอกข้านะ! นับข้าเข้าไปด้วย!”
“เจ้านี่จริง
ๆเลย...” เหลียนเช่อหัวเราะ “ข้าไม่ปรารถนาจะเจอเรื่องทำนองนี้อีกแล้ว!”
“ใช่แลย! น้องสี่เจ้าเป็นแบบนี้ ไหนเลยจะแต่งงานออกเรือนได้!”เหลียนเจ๋อผู้ซึ่งบังคับรถอยู่ ก็อดหันมาค้อนใส่น้องสาวไม่ได้
แล้วจึงหันกลับไปขับรถต่อ ผ่านไปสักพักเขาก็อดถามขึ้นมาไม่ได้ “เช่อเอ๋อร์ เจ้าทำอันใดของเจ้า
ถึงได้ให้เราปล่อยเจ้าเด็กสองคนนั่นไป? คราวก่อนไม่ได้บอกว่าพวกเขาก็เล่นงานเจ้ารึ?”
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น