เหลียนฟางฉิงไม่เต็มใจอยู่บ้างที่ชุยฉ้าวซีบอกว่ากำลังจะกลับไป นางจึงพูดขึ้น “เปี่ยวเกอผู้งดงาม เดินทางระวังด้วย หากมีเวลาก็มาเยี่ยมข้าบ้างนะเจ้าคะ!”
ชุยฉ้าวซีชอบที่เด็กน้อยพูดยิ่งนัก เขาฟังแล้วรื่นหูมาก ชายหนุ่มจึงพยักหน้ายิ้มให้
“ได้สิ ครั้งหน้าข้าจะมาอีก!”
ซูซินเอ๋อร์ผู้ซึ่งกำลังจะหันกายเดินจากไป
หยุดเท้าลงฉับ นางหันขวับมาจ้องหน้าเหลียนฟางฉิงอย่างเย็นชา “เมื่อกี้เจ้าเรียกเปี่ยวเกอของเจ้าว่าอะไรนะ? เปี่ยวเกอผู้งดงามรึ? แล้วยังจะให้เขามาหาอีกด้วยรึ?”
เหลียนฟางฉิงไม่ชอบซูซินเอ๋อร์อย่างหนัก เมื่อเห็นอีกฝ่ายมาพูดกับนางอย่างดุดัน
นางจึงยืดอกและตะโกนใส่อีกฝ่าย “ข้าแค่ชอบให้เปี่ยวเกอผู้งดงามของข้ามาที่บ้านข้า
ข้าไม่ชอบที่เจ้ามาด้วย!”
“ฉิงเอ๋อร์!”เหลียนฟางโจวมองดูแล้วก็รู้ว่าจะเกิดเรื่องไม่ดีขึ้นแน่
หญิงสาวเอ็ดอึงในใจ แล้วรีบสาวเท้าเข้าไปดึงตัวน้องสาวให้อยู่เฉย
ๆไว้
“เจ้าพูดอะไรของเจ้า!”ซูซินเอ๋อร์หน้าเปลี่ยนสี พลางตวาดลั่น
ใบหน้าซีดขาวจ้องหน้าเหลียนฟางฉิง อยากเข้าไปดึงทึ้งอีกฝ่ายนัก ครั้นแล้วก็ตวาดขึ้นอีก
“เจ้าบอกว่าชอบเปี่ยวเกอรึ! เจ้ามันก็แค่เด็กบ้านนอกตัวเล็กๆ เจ้านับเป็นอะไรได้
บังอาจมาชอบเปี่ยวเกอของข้ารึ!”
ทันทีที่ซูซินเอ๋อร์พูดจบ เกือบทุกคนพากันนิ่งอึ้งพูดไม่ออก
ดวงตาเบิกกว้างอย่างไม่อยากจะเชื่อ
มีเพียงชุยฉ้าวซีคนเดียวทีใบหน้าเปลี่ยนเป็นเขียวคล้ำสลับซีดขาว
ริมฝีปากสั่นระริกเปล่งเสียงไม่ออก
“หุบปากเดี๋ยวนี้!”ชุยฉ้าวซีโทสะท่วมท้น พลันกระชากแขนซูซินเอ๋อร์อย่างแรง
แล้วพาเดินออกไปท่าเดียว ชายหนุ่มเอ่ยเสียงเย็น “ซูซินเอ๋อร์ ได้ เจ้าแน่มาก!”
ซูซินเอ๋อร์ยังปฏิเสธไม่ยอมไป ขณะดิ้นรนเหลียวหลังกลับมาบ่อยครั้ง พลางร้องตะโกนไปด้วย
“ปล่อยข้านะ! เปี่ยวเกอ ! ปล่อยข้า! หากวันนี้ข้าไม่ได้สั่งสอนนังเด็กหญิงตัวเล็ก
ๆนั่น ข้าก็ไม่ใช่คนแซ่ซูแล้ว! นางนับเป็นตัวอะไร
กล้ามาแย่งข้า...”
สีหน้าเหลียนฟางโจวดำคล้ำลงในฉับพลัน
“คุณหนูใหญ่ผู้นี้หน้าตางดงาม แต่ดุชะมัด
ข้าไม่ชอบนางเลย!” เหลียนฟางฉิงไม่รับรู้อะไรอีกแล้ว
เข้าใจชัดแต่ว่านางกำลังด่าตน ปากน้อยๆของนางเม้มสนิท มีน้ำตาเอ่อคลอในหน่วยตา
เด็กน้อยเศร้าเสียใจ “พี่ใหญ่ ข้าจะไม่ยุ่งกับนางอีก ไยนางถึงได้ทำท่าดุร้ายใส่ข้าปานนี้ด้วย!”
เหลียนฟางโจวสูดลมหายใจเข้าลึก
แล้วเอ่ยอย่างนุ่มนวล “เราอย่าไปสนนางเลยนะ ! ฉิงเอ๋อร์ของข้าดีที่สุดเลย!”ว่าแล้วก็ให้เหลียนเจ๋อพานางกลับเข้าเรือนไป
เหลียนฟางฉิงเมื่อได้ยินพี่สาวตนเอ่ยออกมาเช่นนี้
จึงเผยรอยยิ้มออกมาโดยไม่รู้ตัว
เหลียนฟางโจวเดินไล่หลังตามมาสองสามก้าว ครั้นแล้วก็ร้องเรียกด้วยน้ำเสียงนุ่มนวลอ่อนโยน
“คุณหนูซู!”
ซูซินเอ๋อร์ถูกบังคับลากขึ้นรถโดยสาวใช้ชรา
ที่ได้รับคำสั่งจากชุยฉ้าวซี นางหันมาเห็นเหลียนฟางโจว พลันจ้องกลับแล้วเตรียมอ้าปากจะด่าบริภาษ
เหลียนฟางโจวสะกดกลั้นความเกลียดชังที่ท่วมท้นในใจ
และรีบชิงพูดเสียงเรียบ ก่อนที่อีกฝ่ายจะพรั่งพรูถ้อยคำไม่น่าฟังออกมา “คุณหนูซู
ข้าคิดว่าท่านเข้าใจผิดแล้วล่ะ !
ฉิงเอ๋อร์ของข้ายังเล็กนัก เพียงแสดงออกกับคุณชายชุยเหมือนเขาเป็นผู้ใหญ่คนหนึ่ง
ไม่เหมือนอย่างที่คุณหนูซูคิดหรอก! คุณหนูซู
ท่านคิดมากไปแล้ว!”
ซูซินเอ๋อร์ชะงักไป และรีบเอ่ย
“จริง ๆ รึ?”
เหลียนฟางโจวเอ่ยเสียงอ่อน “ย่อมเป็นจริงตามนั้น ข้ามีอะไรที่ต้องปดคุณหนูซูด้วยรึ?”
“ก็ใครจะไปรู้เล่า!”ใครจะรู้เล่าว่าซูซินเอ๋อร์ไม่อยากเชื่อที่อีกฝ่ายพูด
จึงเอ่ยอย่างไม่ไว้ใจและกราดเกรี้ยวหนัก “ไม่เช่นนั้น เปี่ยวเกอของข้าจะมาทำอะไรในสถานที่แห่งนี้? เขาออกจะเป็นคนช่างเลือกพิถีพิถันปานนั้น
มันต้องมีสาเหตุแน่ จุดประสงค์คงไม่ใช่เด็กนั่นจริง ๆ ใช่หรือไม่?”
“พอได้แล้ว!”
ชุยฉ้าวซีโกรธจัดเสียจนใบหน้าบิดเบี้ยว และมือที่กำลังจับแขนอีกฝ่ายแน่น
ขึ้นข้อขาวซีด เขาเอ่ยเสียงเย็น “ฉิงเอ๋อร์ยังเด็ก เจ้าช่างไม่ละอายที่พูดแบบนั้น
ข้าอับอายแทนเจ้าจริง ๆ ! คนเขาจะคิดกับข้าอย่างไร?”
“มันก็ไม่แน่หรอก ข้า...”
ซูซินเอ๋อร์อยากจะพูดว่า ข้าก็ชอบท่านมาตั้งแต่ข้าอายุเท่านาง พอมองสีหน้าของชุยฉ้าวซีแวบหนึ่งแล้ว
นางก็กลืนคำพูดลงไปอย่างฉาด แล้วเอ่ยว่า “นั่นก็จริง เปี่ยวเกอมีชาติตระกูลปานนั้น ท่านคงไม่ตกหลุมกระทั่งเด็กน้อยเช่นนั้นเป็นแน่!”
เหลียนฟางโจวสูดหายใจเข้าลึก ใบหน้านางเรียบเฉย
ทำเป็นเพียงไม่ได้ยินคำพูดอีกฝ่าย
ชุยฉ้าวซีจ้องคนขับรถม้าด้วยใบหน้าเย็นชา
“ยังไม่รีบไปอีกรึ ยังจะมองทำอะไรอยู่อีก?”
“เปี่ยวเกอ ท่าน?”ซูซินเอ๋อร์รีบพูดอย่างไว
ชุยฉ้าวซีโบกมืออย่างสิ้นความอดทน “ไปรอข้าที่ปากทางหมู่บ้านโน่น”
พอเห็นปากของซูซินเอ๋อร์คล้ายอยากจะพูดอะไรออกมา ชายหนุ่มจึงขึงตาใส่ “ไม่เช่นนั้น...เจ้าก็กลับเอง!”
ซูซินเอ๋อร์เห็นว่าเขากำลังจะโกรธจริง ๆ ดังนั้นจึงไม่กล้าดื้อดึง นางกัดริมฝีปากพร้อมพยักหน้า
“เช่นนั้น...เอ้อ เปี่ยวเกอ ท่านรีบมาเร็วหน่อยนะ!”
ชุยฉ้าวซีแค่นเสียงและจ้องคนขับ คนขับทำคอย่นอย่างหวาด ๆ แล้วรีบขับรถออกไป
ชุยฉ้าวซีหันหน้ามามองเหลียนฟางโจวด้วยสายตาเปี่ยมด้วยคำขอโทษ
ไม่รอให้อีกฝ่ายอ้าปาก เหลียนฟางโจวส่งยิ้มให้ชายหนุ่ม แล้วเอ่ย “นางยังเด็ก ข้าไม่ต่อล้อต่อเถียงกับนางหรอก
ท่านรีบไปเถิด นางจะได้ไม่ก่อเรื่องอีก”
ชุยฉ้าวซีหดหู่ใจเกินไปที่จะทำอย่างนั้น เขาเอ่ยอย่างข่มกลั้นอารมณ์
“ตกลง ข้า ข้าจะไปเดี๋ยวนี้แล้ว!”
เหลียนฟางโจวพยักหน้ายิ้มให้ “อื้ม” ชุยอวี้ได้ยินเข้า ก็รีบไปเตรียมการทันที
เหลียนฟางโจวหันหลังกลับเข้าบ้าน ที่ประตู เธอได้ยินเสียงอาหญิงสามด่าวิจารณ์ต่าง
ๆ นา ๆ ด้วยความโมโห หญิงสาวอดขำไม่ได้ แล้วคิดว่าหากเข้าไปตอนนี้
อาหญิงสามอาจดึงเธอเข้ามาพูดคุยวิจารณ์ด้วยกันไม่รู้จบ เธอจึงรีบเดินไปที่ลานหลังบ้านแทน
คิดถึงเรื่องที่ซูซินเอ๋อร์หึงกระทั่งฉิงเอ๋อร์
หญิงสาวอดหัวเราะไม่ได้ ทว่าในใจก็ยิ่งเพิ่มความระวัง ซูซินเอ๋อร์มีนิสัยเอาแต่ใจ ดังนั้นเธอต้องรักษาระยะให้ห่างจากชุยฉ้าวซีไว้! หากวันใดนางสงสัยอะไรขึ้นมา—ไม่จำเป็นต้องมีหลักฐานหรอก
แค่นางปลงใจเชื่อเสียอย่าง คงจะทำให้ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องมองหน้ากันไม่ติดเป็นแน่...
**
สามวันต่อมา ในที่สุดเหล่าหวางโถวจากหมู่บ้านสกุลหวางก็ส่งคนมาแจ้งข่าว
ว่าวันมะรืนนี้ให้เหลียนฟางโจวไปนำลูกเจี๊ยบกลับมาได้ และเน้นย้ำเป็นพิเศษให้พวกเขาไปแต่เช้าด้วย
เหลียนฟางโจวตอบตกลงอย่างไว และยืนยันว่าจะเข้าไปในวันมะรืนนี้แน่
แม้ว่าลูกเจี๊ยบที่เกิดใหม่จะตัวเล็กมาก
ทว่ารถเกวียนเทียมลาก็ไม่พอขนพวกมัน ดังนั้นเหลียนฟางโจวจึงวางแผนจ้างรถคันอื่นในเมืองมาเพิ่มอีก
พอถึงรุ่งสาง เหลียนฟางโจว
อาเจี่ยนและเหลียนเจ๋อก็ออกเดินทาง
หลังเข้าเมืองไปจ้างรถแล้ว รถเกวียน 2
คันก็ขับตามหลังกันมา แล้วตรงดิ่งไปยังบ้านของเหล่าหวางแห่งหมู่บ้านสกุลหวาง
ยังไม่ถึงตอนเที่ยง ทั้งหมดบรรลุถึงบ้านเหล่าหวางแล้ว
ภรรยาเหล่าหวางเอาเก้าอี้ตัวเล็กมานั่งใต้ต้นหวย
ที่ทางเข้าลานบ้าน ขณะกำลังนั่งทำงานปักเย็บอยู่ ก็ได้ยินเสียงรถ นางจึงรีบเก็บเข็มและด้ายลงตระกร้า
แล้ววิ่งไปที่รถเกวียน
ขณะทำท่าทางบอกให้รถหยุด
ภรรยาเหล่าหวางก็หัวเราะเบา ๆ “พวกท่านมาแล้ว แม่นางเหลียน! ไปแบบเงียบๆนะ อย่าได้เคลื่อนไหวเสียงดัง! ไก่ค่างใกล้จะฟักออกจากไข่แล้ว
ตอนนี้พวกมันอยู่ในช่วงวิกฤติ อาจทนเสียงดังไม่ได้!”
เหลียนฟางโจวอึ้งงันในใจ แล้วรีบยิ้มตอบตกลง
หญิงสาวกับเหลียนเจ๋อสองคนกระโดดลงจากรถอย่างแผ่วเบา เธอให้อาเจี่ยนและคนขับรถลงมาด้วย และเข้าไปจูงลาให้เดินช้า
ๆ ทั้งคอยระวังการเคลื่อนไหวและการพูดจาไม่ให้เกิดเสียงดัง
“ยังใช้เวลาอีกเท่าไรรึ?”
เหลียนฟางโจวถามด้วยรอยยิ้มกับภรรยาอีกฝ่าย
ภรรยาเหล่าหวางหัวเราะเบา ๆ
“มากสุดก็ครึ่งชั่วยามก่อนจะมีการเจาะเปลือกไข่ออกมา! ท่านคอยสักครึ่งชั่วยามรอจนลูกเจี๊ยบเจาะเปลือกไข่ออกมาหมด จากนั้นก็ขนกลับไปได้เลย! แม่นางเหลียน นั่งลงคอยสักพักนะ!”
เหลียนฟางโจวเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “เอ่อ
ข้าขอเข้าไปดูข้างในตอนนี้ได้หรือไม่?”
“เรื่องนี้....” ภรรยาเหล่าหวางพลันรู้สึกอึดอัดใจหน่อย ๆ ที่อึดอัดใจเพราะเหลียนฟางโจวใจกว้างซื้อไข่เป็ดสองร้อยฟอง
ให้ตาแก่นางลองทำค่างไข่เป็ดดู ไม่เช่นนั้น นางคงจะปฏิเสธอีกฝ่ายไปแน่นอน
ขอบคุณค่ะ สนุกมาก
ตอบลบรออัพเพิ่มนะค่ะ สนุกมากๆ
ตอบลบรอๆๆๆๆๆ
ตอบลบขอบคุณนะคะ สนุกมากๆ ค่ะ
ตอบลบขอบคุณค่ะ รอตอนต่อไปอยู่นะคะ
ตอบลบ