วันพฤหัสบดีที่ 1 เมษายน พ.ศ. 2564

จับแม่ทัพไปไถนา-บทที่ 271 ซื้อลูกเจี๊ยบ

          เหลียนฟางโจวรีบยิ้มให้ “ข้าแค่อยากรู้ และก็อยากเห็นด้วยตาตนเองข้าสัญญาว่าจะไม่ส่งเสียงใด 

        เรื่องนี้ข้าตัดสินใจเองไม่ได้!”ภรรยาเหล่าหวางเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “หรือว่า เอาแบบนี้ รอข้าไปถามตาแก่ก่อนแล้วกัน!”

  อื้ม เช่นนั้นข้าจะรอนะ!” เหลียนฟางโจวระบายยิ้ม

   ภรรยาเหล่าหวางรับรองแขกผู้มาเยือนในลานบ้านด้านนอก โดยตั้งโต๊ะเล็กๆ และรินชาให้พวกเขาดื่ม และเพราะคำพูดและการแสดงออกของอีกฝ่าย ส่งผลให้เหลียนฟางโจวและคนอื่นๆ ไม่กล้าพูดคุยเสียงดัง

          ราวครึ่งชั่วยามต่อมา ก็ได้ยินเสียงเหล่าหวางโถวร้องตะโกนถ้อยคำบางอย่างในห้อง ภรรยาเหล่าหวางโถวรีบลุกขึ้น           

         เอาล่ะเรียบร้อยแล้วแม่นางเหลียน ข้าจะเข้าไปด้านใน ท่านคอยอยู่ที่ประตู หากเขาอนุญาต ข้าจะมาบอกท่านให้เข้าไปข้างในนะ!”

         เหลียนฟางโจวพยักหน้ารับคำ “ตกลง!”หญิงสาวรีบสาวเท้าตามไปและไปยืนอยู่ใต้ชายคาระเบียงทางเดิน


  ในไม่ช้า ภรรยาเหล่าหวางผลักประตูจากด้านในออกมา พลางกวักมือเรียกพร้อมรอยยิ้ม “แม่นางเหลียนเข้ามาได้เลย ตาแก่ข้าอนุญาตแล้ว!”

        ขอบคุณท่านป้า!” เหลียนฟางโจวตื่นเต้นยินดีและรีบตามเข้าไปด้านใน

         ยามนี้ ค่าง(เตียงเตา)แบบพิเศษ ที่ถูกใช้เพื่อทำค่างไก่ถูกเปิดออก ส่งผลให้ห้องทั้งห้องอุ่นขึ้นมาในเวลาอันรวดเร็ว

         เหล่าหวางผู้พ่อและบุตรชายและลูกสะใภ้ต่างยืนจ้องในเตาค่างอย่างเป็นกังวล บนพื้นวางตระกร้าไม้ไผ่สานขนาดยักษ์สองใบและตระกร้าสานไม้ไผ่กลมก้นแบนสูงครึ่งฉื่อ(1ฉื่อ =10 นิ้ว)หนึ่งใบ

  เหลียนฟางโจวค่อยๆเดินย่องเข้ามา สายตาหญิงสาวหลือบมองเข้าไปในค่าง ได้ยินแต่เสียงปริแตกเบาๆ ลูกเจี๊ยบนับไม่ถ้วนกำลังจิกเปลือกไข่บาง ๆให้เปิดออก ซึ่งเปลือกไข่นั้นก็ปริแตกออกในเวลาเดียวกัน

  ตราบเท่าที่มีลูกเจี๊ยบตัวน้อยๆ ออกจากไข่ มือที่สวมถุงมือของเหล่าหวางโถวบุตรชายและลูกสะใภ้ขยับอย่างว่องไว โดยเก็บเปลือกไข่ที่เปื้อนเลือดขึ้นมาอย่างเบามือและโยนทิ้งลงไปในตระกร้าไม้ไผ่ที่วางอยู่ข้าง  เหล่าหวางโถวและบุตรชายทั้งสองยุ่งง่วนกับการเอาเปลือกไข่ออกจากตัวลูกเจี๊ยบ ซึ่งตัวเปียกอยู่ยืนโงนเงนและร้องจิ๊บ  เบา พวกเขาจับพวกมันมาวางบนแท่นเตี้ยๆ ซึ่งวางอยู่ตรงกลางค่าง(เตียงเตา)

  หลังจากผ่านไปสามถึงสี่เฟินจง(นาทีขนบนตัวของลูกเจี๊ยบก็แห้งสนิท ส่วนขาก็ยืนอย่างมั่นคง ลูกเจี๊ยบแต่ละตัวมีขนปุกปุยน่ารักมาก พวกมันมองไปรอบ  พลางส่งเสียงร้องหวีดแหลมพร้อมดวงตารูปเมล็ดถั่วเขียวเล็ก  เหล่าหวางโถวผู้พ่อและบุตรชายคว้าตัวลูกเจี๊ยบซึ่งขนแห้งแล้วและยืนมั่นคงแล้ว ไปวางในตระกร้าก้นแบน....

   พวกเขาสามคนเคลื่อนไหวร่างกายอย่างแคล่วคล่องว่องไวไม่ใส่ใจสิ่งรอบตัว และไม่มีใครพูดจาใดๆ ห้องทั้งห้องมีเพียงเสียงร้องแหลมเล็กเบา ๆของลูกเจี๊ยบเท่านั้น

ขนฟูฟ่องของลูกเจี๊ยบมีสีเหลือง และยังมีสีอื่นๆอีกหลากหลายสีด้วยเช่นสีเทา ดำ น้ำตาล ดำเทา น้ำตาลดำ และอื่น เหลียนฟางโจวเบนสายตาไปที่ตระกร้าก้นแบน ในใจเต็มไปด้วยด้วยความชื่นชมยินดี

       นางไม่ต้องการรบกวนคนทั้งสาม หลังจากเฝ้าดูไปสักพัก หญิงสาวก็เดินออกมาจากห้องเงียบๆ

        ด้วยเป็นลูกเจี๊ยบฝูงแรก หญิงสาวคิดว่า ภายภาคหน้าเธอไม่จำเป็นต้องซื้อลูกเจี๊ยบมาเพิ่มอีก ภายหลังเธอสามารถผลักภาระนี้ให้แม่ไก่ส่วนหนึ่งผสมพันธุ์และออกไข่  รวมทั้งให้พวกมันฟักไข่ด้วย

  หลังจากวางลูกเจี๊ยบลงในตระกร้าตัวแล้วตัวเล่า ปรากฏว่ายังเหลือลูกเจี๊ยบอีกราวสองร้อยตัวที่รอบรรจุในตระกร้า ซึ่งดูแล้วก็น่าจะเพียงพอ

     ฝีมือการทำค่างไก่ของเหล่าหวางนั้นยอดเยี่ยมจริง   ไข่ทั้งหมดถูกเจาะเปลือกออกมาภายในครึ่งชั่วยาม เหลือตัวอ่อนแอเพียง 7ถึง 8  ตัวซึ่งออกจากไข่ไม่ได้

        เหลียนฟางโจวมองดูด้วยความชื่มชมปนทึ่ง นื่คือผลงานที่ได้จากความรู้และประสบการณ์อันสั่งสมมายาวนานจริง 

        รู้อะไรหรือไม่ ต่อให้แม่ไก่ออกไข่และฟักไข่เอง ไข่พวกนั้นล้วนไม่มีทางถูกเจาะเปลือกออกมาในเวลาน้อยกว่าครึ่งชั่วยาม โดยปกติพวกมันต้องใช้เวลาหนึ่งถึงสองวันในการฟักออกจากไข่

  หลังจากลูกเจี๊ยบทั้งหมดถูกบรรจุไว้ในตระกร้าก้นแบนหมดแล้ว เหล่าหวางเอ่ยด้วยรอยยิ้มกับเหลียนฟางโจวแม่นางเหลียน ท่านสามารถขนกลับไปได้เลย แม้ว่าเย็นวันนี้ยังหนาวอยู่บ้าง ทว่าเมื่อมีลูกเจี๊ยบมากมายเบียดเสียดอยู่ด้วยกัน พวกมันก็จะไม่หนาว เมื่อกลับไปแล้ว โปรดจำไว้ว่าเอาน้ำอุ่นให้พวกมันกินก่อนเป็นสิ่งแรก พอผ่านไปแล้วสองชั่วยาม ท่านค่อยให้ข้าวฟ่างพวกมันกิน และในวันแรกอย่าให้อาหารพวกมันมากเกินไป....”

เรื่องนี้คล้ายกับสิ่งที่เหลียนฟางโจวรู้มาในชาติก่อนหน้า ทว่าแน่นอนเธอไม่พูดออกไป หญิงสาวได้แต่หัวเราะ และพยักหน้ารับคำ

  เหล่าหวางโถวเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “ข้าขอโทษด้วยจริง ๆนะแม่นางเหลียน ตอนนี้ข้าเหนื่อยมากจริงๆ ข้าขอตัวไปพักผ่อนก่อนนะ!”

      ท่านทำงานหนักมามากแล้ว เชิญเถิด!”เหลียนฟางโจวรีบเอ่ย

  ดวงตาของเหล่าหวางโถวแดงก่ำ เบ้าตาลึก หนวดเครามีคราบแข็งจับเป็นแพ ใบหน้าดำคล้ำและซูบตอบแห้งเหี่ยวเสียจนคล้ายกิ่งไม้แห้ง  ตัวเขาผอมซูบซีดดูไม่ได้

  แม้บุตรชายจะหนุ่มกว่า แต่ก็มีสภาพน่าเวทนาพอ  กัน

นับว่าการทำค่างไก่นี้ไม่ใช่งานง่ายเลยจริงๆ ไม่สงสัยเลยว่าพวกเขาพ่อลูกใช้เวลากับการทำค่างไก่เพียงสองสามรอบในช่วงฤดูใบไม้ผลิ ของแต่ละปี งานแบบนี้  จึงไม่สามารถทำได้ตลอดทั้งปี

        ลูกเจี๊ยบเจ็ดร้อยตัวถูกบรรจุไว้ในตระกร้าก้นแบนทั้ง 4 ใบ รถแต่ละคันจะบรรทุกตระกร้าไว้ 2 ใบ จากนั้นแขกผู้มาเยือนจึงกล่าวอำลา

         ในการสะสางบัญชีครานี้ เหลียนฟางโจวมอบเงินเพิ่มอีก 2 ตำลึงแก่ภรรยาเหล่าหวางโถว  นางทั้งตกใจและดีใจ  ขอบคุณอีกฝ่ายไม่หยุด และยืนส่งเหลียนฟางโจวกับคนอื่นๆจนพวกเขาไปจนไกลลิบ

          รถเกวียนเทียมลามุ่งหน้าตรงไปที่เล้าไก่ซึ่งตั้งอยู่บริเวณตีนเขาฮวากั่วซานน้อยในที่ดินตรงบริเวณสามแยก กลุ่มคนที่เข้ามาสมทบได้แก่ ซุนฉางซิงและภรรยา จางเสี่ยวจุนกับภรรยา รวมทั้งจางเหลียงบุตรชายก็รีบรุดมาช่วย ยังมีอาหญิงสาม และเหลียนฟางโจวที่กำลังคอยท่าอยู่

         หลังจากให้รถเกวียนเทียมลาที่จ้างมากลับไปแล้ว คนทั้งหลายต่างช่วยกันขนตระกร้าก้นแบนที่มีลูกเจี๊ยบอยู่ข้างในสี่ใบ ไปที่เล้าไก่ 2 หลังและบรรจงวางเหล่าลูกเจี๊ยบใส่ลงไปอย่างเบามือ

      ลูกเจี๊ยบส่งเสียงร้องจิ๊บๆไม่หยุด เสียงนั้นแหลมเล็กเบา   เมื่อได้ยินแล้ว จิตใจของคนทั้งหลายล้วนเปี่ยมด้วยความเบิกบานยินดี ทุกคนตื่นเต้น สนทนากันเบาๆ ด้วยกลัวลูกเจี๊ยบจะตกใจ

       บ้านไม้ของซุนฉางซิงที่บนยอดเขา สามารถใช้ต้มน้ำได้ เหลียนฟางโจวให้ซุนซื่อต้มน้ำและทิ้งให้เย็น เวลานี้ระหว่างรอหิ้วถังเล็ก ๆลงมา มีการใช้ไม้ไผ่ลำใหญ่ผ่าเป็นครึ่งซีก แล้วเอามาทำเป็นอ่างน้ำแล้วยึดติดไว้กับพื้น เพื่อใส่น้ำให้ลูกเจี๊ยบกิน

มีอ่างไม้ไผ่แบบนี้อยู่หลายอัน ในเล้าไก่แต่ละหลัง

  ลูกเจี๊ยบจ้องมองดูด้วยความประหลาดใจไปชั่วขณะ แล้วพวกตัวที่กล้ากว่าเพื่อนก็ส่งเสียงร้องจิ๊บ  และวิ่งกรูกันเข้าไป พวกมันชะโงกหน้าแล้วจุ่มจงอยปากสีเหลืองลงในน้ำ เมื่องับน้ำได้ พวกมันก็เงยหน้าขึ้นฟ้าและกลืนน้ำลงไป

  เมื่อมีผู้นำ ในไม่ช้าลูกเจี๊ยบต่างมารวมกันเป็นฝูงมากขึ้น พากันส่งเสียงร้องจิ๊บ  มากินน้ำ ดูแล้วช่างน่ารักอะไรเช่นนี้

  น่ารักจังเลยสนุกจังเลย!”เหลียนฟางฉิงยิ้มจนตาหยี  เด็กหญิงย่อตัวลงนั่งยอง  และอดยื่นมือไปสัมผัสพวกมันไม่ได้ ขนที่นุ่มและฟูฟ่องออกมา ชวนให้ฝ่ามือรู้สึกจั๊กกะจี้ เหลียนฟางฉิงอดหัวเราะคิกคักไม่ได้

         จางเหลียนเองก็อดรู้สึกคันยุบยิบในใจไม่ได้เมื่อเห็นภาพตรงหน้า เด็กชายอดใจไม่ไหว ย่อตัวลงนั่งยอง  เอื้อมมือไปสัมผัสพวกมันอีกคน

         เมื่อหลี่ซื่อเห็นเช่นนั้น นางรีบไปดึงตัวลูกชายขึ้นมา พลางเขย่ามือเขาเบา  แล้วขยิบตาให้

        ดวงตาจางเหลียงมืดครึ้มลงนิดหนึ่ง ทว่าเด็กชายก็ยังรู้ความไม่เอามือไปสัมผัสมันอีก

        พี่ใหญ่ ให้ข้าเลี้ยงไว้ที่บ้านสักสองสามตัวนะ ตกลงนะพี่ใหญ่!”     เหลียนฟางฉิงพลันเข้ามาหาเหลียนฟางโจวและจับมือพี่สาวพลางเอ่ยอย่างออดอ้อนฉอเลาะ

       ได้  ลานบ้านเราก็ออกกว้าง ไม่มีปัญหาหากเราจะเลี้ยงมากกว่า 10 ตัวอา ไม่สิ ยี่สิบ ถึงสามสิบตัวก็ยังได้!”อาหญิงสามพยักหน้าเอ่ยเป็นลูกคู่

  เหลียนฟางโจวขบคิดดูอยู่ครู่หนึ่ง แต่แล้วก็ส่ายหน้าเมื่อสายตาเหลียนฟางฉิงเต็มไปด้วยความคาดหวัง เหลียนฟางฉิงเห็นแล้วให้รู้สึกผิดหวังขึ้นมา และกำลังจะทำหน้าอัดอั้นตันใจต่อ ผู้เป็นพี่สาวก็คลี่ยิ้มให้ “ไฉนไม่เปลี่ยนจากเลี้ยงที่บ้านมาเลี้ยงที่นี่เล่า เจ้ามีปัญหาหรือไม่ฉิงเอ๋อร์ไม่อยากแบ่งเบาภาระเพื่อพี่สาวบ้างรึเฮ้อ พี่สาวไม่มีเวลามากพอมาดูแลลูกเจี๊ยบพวกนี้จริงๆเสียด้วย  มิสู้มอบให้เจ้าเป็นผู้ดูแล เจ้าจะว่าอย่างไร?”

  จริง ๆรึ!”เหลียนฟางฉิงสุดแสนตื่นเต้นยินดี ดวงตาฉ่ำน้ำพลันเป็นประกายสุกใส นางยิ้มอย่างเบิกบาน “ลูกไก่ตั้งมากมายทั้งหมดนี่ จะมอบให้ข้าเลี้ยงจริงรึ!”

เหลียนฟางฉิงพลันรู้สึกถึงความรับผิดชอบขึ้นมาอย่างแรงกล้า จากนี้ไปนางก็จะกลายเป็นคนมีงานทำคนหนึ่งแล้ว

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น