วันพฤหัสบดีที่ 1 เมษายน พ.ศ. 2564

จับแม่ทัพไปไถนา-บทที่ 272 ทำงานเป็นทีม

            ไก่ตั้งมากมายที่ไหนกันยิ่งไปกว่านั้น เท่าที่นางรู้ นี่เป็นเพียงแค่ฝูงแรกเท่านั้น ในสวนผลไม้นี้มีแผนจะเลี้ยงไก่มากกว่าสองพันตัวและมอบให้นางดูแลทั้งหมดเชียวนะ!

        แน่นอน เป็นความจริง” เหลียนฟางโจวหัวเราะ “ทว่าไม่เพียงมอบให้เจ้าดูแลตอนไก่ยังเป็นลูกเจี๊ยบ ต่อให้เมื่อโตขึ้นแล้วไม่น่ารักเหมือนเดิม เจ้าก็ต้องดูแลต่อไปล่ะเรื่องที่ให้ทำค่อนข้างเป็นเรื่องปลีกย่อย อืม ข้าจะให้หลี่ซื่อและพี่ซิ่วเอ๋อร์ของเจ้ามาช่วยเจ้าแล้วกัน เจ้ายินดีจะทำไหม?”

  เจ้าค่ะข้าจะทำ!”เหลียนฟางฉิงพยักหน้าหงึก  ใบหน้าเปล่งประกายแห่งความตื่นเต้น

อาหญิงสามนิ่งอึ้งไป แล้วรีบพูด “ฟางโจว เจ้าล้อเล่นรึเปล่า?”

  “อาหญิงสาม นี่จะเป็นเรื่องล้อเล่นได้อย่างไรเอาล่ะ หากท่านว่าง ท่านก็มาช่วยด้วยได้นะ!”เหลียนฟางโจวหัวเราะ


  อื้ม” อาหญิงสามรับคำด้วยความยินดี

         หลี่ซื่อรีบแย้มยิ้มเดินเข้ามาตอบรับอีกคน

         เมื่อเห็นว่าลูกเจี๊ยบกินน้ำใกล้เสร็จแล้ว เหลียนฟางโจวและทุก ๆคน จึงพากันทยอยหยิบอ่างน้ำไม้ไผ่ออกไป ครั้นแล้วจึงหญิงสาวจึงสั่งให้ซุนฉางซิงและคนที่เสร็จงานแล้วแยกย้ายกันไป รวมไปถึงครอบครัวจางเสี่ยวจุน ยกเว้นหลี่ซื่อที่ยังอยู่ก่อน

         เหลียนฟางโจวระบายยิ้มแล้วเอ่ยกับเหลียนฟางฉิง “ฉิงเอ๋อร์ ในเมื่อเจ้ายอมรับงานนี้ เจ้าต้องตั้งใจฟังสี่งที่พี่ใหญ่เจ้าพูดให้ดีจากนี้ไป เจ้าจะต้องมาให้อาหารไก่วันละ 3 ครั้ง อย่าได้ขี้เกียจไม่ว่าฝนจะตกลมจะแรง เข้าใจหรือไม่?”

       พี่ใหญ่ ข้าจะไม่ขี้เกียจ!”เหลียนฟางฉิงกล่าวคำปฏิญาณ นางอยากช่วยพี่สาวมานานแล้ว ทว่าน่าเสียดายที่ยังหาอะไรที่เหมาะกับนางไม่พบ ทำให้ในใจรู้สึกกลัดกลุ้มมานาน และไม่ง่ายเลยที่จะมีโอกาสได้แสดงฝีมือ นางจะยอมพลาดโอกาสไปได้อย่างไร?

  หลี่ซี่อก็รีบแย้มยิ้มเอ่ย “คุณหนูใหญ่ได้โปรดวางใจ บ่าวจะช่วยคุณหนูสี่อย่างเต็มกำลังแน่เจ้าค่ะ!”

  เหลียนฟางโจวพยักหน้ายิ้มให้อีกฝ่าย

        ที่เธอบอกว่าให้เหลียนฟางฉิงเป็นผู้จัดการดูแล เรื่องนี้หาใช่เป็นการคิดขึ้นมากระทันหัน  แต่เป็นเรื่องที่เธอไตร่ตรองมาสักพักแล้ว

        ลำพังเธอเองมีกำลังจำกัด ย่อมต้องหาใครสักคนมาช่วยแบ่งเบาภาระ และการมีคนมาแบ่งเบาภาระย่อมดีกว่าทำเองแน่นอน ฉิงเอ๋อร์เองก็มิใช่เด็กเล็กอีกแล้ว ถึงเวลาแล้วที่นางจะเรียนรู้การมีภาระรับผิดชอบ

  เป็นเพราะลูกเจี๊ยบเพิ่งถูกให้น้ำไป จึงต้องรอเวลาสักพัก ก่อนที่พวกเขาสามารถให้ข้าวฟ่างพวกมันกินได้ เหลียนฟางโจวบอกกล่าวน้องสาวและหลี่ซื่อถึงข้อควรระวังบางส่วน อาทิเช่น การทำความสะอาดเล้าไก่ วิธีระบายอากาศ วิธีดูแลให้สะอาดอยู่เสมอ วิธีให้อาหาร และอื่น  เหลียนฟางฉิงพยักหน้ารับฟังคำสอนครั้งแล้วครั้งเล่า ส่วนหลี่ซื่อกับอาหญิงสามฟังอย่างอึ้งๆ  ทั้งสองไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่าการเลี้ยงไก่จะมีขั้นตอนมากมายอย่างคาดไม่ถึงปานนี้

         อาหญิงสามมักไม่คิดอะไรให้ครบถ้วน นางจึงอดบ่นงึมงำไม่ได้ “ฟางโจว เจ้าไม่รู้ว่าไหนเลยจะต้องไปเรียนรู้วีธีต่าง ๆนา ๆที่เจ้าพูดมา และเหตุใดจะต้องไปใส่ใจให้มากมายนักเล่ามีครอบครัวไหนบ้างในหมู่บ้านเราที่ไม่ได้เลี้ยงไก่ข้าไม่เคยเห็นใครมีปัญหาอันใด แถมไก่ก็ยังโตเอา  และออกไข่ได้ด้วย!”

         แม้หลี่ซื่อไม่ได้พูดออกมาว่าเห็นด้วย ทว่าสีหน้าของนางก็แสดงออกมาชัดแจ้งว่าคิดเหมือนกันกับอาหญิงสาม

         เดิมทีเหลียนฟางโจวกะจะพูดเตือนถึงเรื่องที่อีกฝ่ายแย้งออกมาอยู่แล้ว หญิงสาวเลยถือโอกาสอันดีเช่นนี้ เอ่ยด้วยใบหน้าเคร่งขรึมขึ้นทันใด “อาหญิงสาม..ท่านผิดแล้ว ซ้ำยังผิดอย่างไร้เหตุผลด้วยแม้ทุกครอบครัวในหมู่บ้านเลี้ยงไก่ แม้พวกเขาไม่ใส่การเลี้ยงดูมากมายนัก ทว่าท่านก็เห็น มีครอบครัวไหนบ้างที่สามารถเลี้ยงไก่ได้หลายร้อยตัวถึงหลายพันตัวไอ้ที่เลี้ยงได้เจ็ดสิบถึงแปดสิบตัวก็มีไม่กี่ครอบครัว ส่วนใหญ่แล้วเลี้ยงกันได้แค่ครอบครัวละยี่สิบถึงสามสิบตัวเองและไอ้ที่มีไม่กี่ครอบครัว แน่นอน ล้วนไม่ได้ใส่ใจการเลี้ยงดูลึกลงไปในรายละเอียด ทว่าพวกเราเลี้ยงไก่มากตั้งหลายร้อยหลายพันตัว นี่มันต่างกันลิบลับหากมีโรคระบาดไก่เกิดขึ้นมาเพียงครั้งเดียว ย่อมไม่ดีแน่ เพราะความสูญเสียจะมากมายมหาศาลอย่างแน่นอนท่านเข้าใจกระจ่างชัดหรือยัง?”

          หลี่ซื่อพลันหนาวเยือกในใจ รีบเอ่ยขึ้น “เจ้าค่ะ เจ้าค่ะ บ่าวเข้าใจแล้วบ่าวช่างความรู้ตื้นเขินนัก จะไปเข้าใจอะไรได้คุณหนูใหญ่ทำอย่างที่คุณหนูพูดเถิดเจ้าค่ะ!”

  ถูกต้อง พี่ใหญ่ข้าพูดถูก พี่ใหญ่วางใจเถิด เราจะทำตามคำที่พี่ใหญ่กล่าวมา!”เหลียนฟางฉิงรีบพูดขึ้นอย่างไวเมื่อขบคิดสักครู่หนึ่ง ก็หัวเราะออกมาอีกครั้ง “ข้าเห็นว่าพี่ใหญ่อาจจะเหนื่อยได้เมื่อต้องคอยพร่ำพูดซ้ำ  มิสู้เขียนบันทึกที่ท่านพูดลงไปทั้งหมดเล่า เมื่อข้าว่าง ข้าจะได้นำมาอ่านทวนสักสองสามรอบ จะได้ไม่ลืมอีกด้วย!”

         เจ้าเตือนข้าด้วยก็แล้วกัน!”เหลียนฟางโจวหัวเราะ “เป็นความคิดที่ดี ข้าจะเริ่มเขียนคืนนี้” ว่าแล้วหญิงสาวก็เบนสายตาไปยังอาเจี่ยน การเขียนเขียนตัวอักษรแบบดั้งเดิมของยุคนี้ เธอยังไม่แตกฉาน ดังนั้นจึงโยนให้ อาเจี่ยนเป็นฝ่ายลงมือเขียนแทน

  แค่เอาความรู้ที่เกี่ยวข้อง มาเขียนสรุปไว้ก็พอ แค่นี้ก็ใช้ได้แล้ว

  อีกอย่าง เธอจะมัดสมุดเล่มเล็กเล่มหนึ่งให้เหลียนฟางฉิง ให้นางไว้จดบันทึก ปัญหาที่เกิดขึ้นในแต่ละวัน รวมถึงวิธีการแก้ปัญหา ไว้เป็นข้อมูลประวัติการเลี้ยง และสิ่งเหล่านี้จะเป็นประสบการณ์ที่มีค่าในอนาคต.....

  หลี่ซื่ออดเหลือบมองเหลียนฟางฉิงอย่างอิจฉาไม่ได้ และเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “ไม่คิดเลยว่าคุณหนูสี่จะรู้หนังสือด้วยช่างน่าทึ่งนัก!”

  เหลียนฟางฉิงเลิกคิ้วอย่างสุดแสนถูกใจ เด็กน้อยเอ่ยด้วยรอยยิ้มเต็มใบหน้า “เรื่องนี้มีอันใดรึหากพี่ซิ่วเอ๋อร์ชอบ ข้าสามารถสอนพี่ซิ่วเอ๋อร์ให้รู้ตัวหนังสือสักสองสามตัวได้นะ!”

  จริงๆรึ!”หลี่ซื่อร้องด้วยความตื่นเต้นยินดี นางพยายามสะกดกลั้นความรู้สึกซึ่งเผยออกมาทางสีหน้า แล้วรีบยิ้มกลบกลื่อนพลางลอบมองสีหน้าเหลียนฟางโจวไปด้วย

         แน่นอน เหลียนฟางโจวก็ได้ยินด้วยเหมือนกัน ทว่าเธอแสร้งทำเป็นไม่ได้ยิน หากเหลียนฟางฉิงอยากจะเล่นสนุกก็ปล่อยนางไป หากจางซิ่วเอ๋อร์ฉลาดจริงและมีใจอยากรู้หนังสือ อย่างนางนับว่าไม่สายเกินไปที่จะฝึกฝน รวมไปถึงจางเหลียงผู้น้องชายด้วย

นางพึงพอใจมากับความสามารถของครอบครัวสกุลจางตั้งแต่พวกเขาเข้ามา หากพวกเขาได้รับการฝึกฝนอย่างดี ก็จะกลายเป็นแขนขาให้เธอได้ในภายภาคหน้า

         เช่นนั้นบ่าวขอบคุณคุณหนูสี่เจ้าค่ะ!”พอเห็นเหลียนฟางโจวไม่ได้พูดอันใด หลี่ซี่อจึงขอบคุณเหลียนฟางฉิงด้วยรอยยิ้ม

  ไม่ต้องขอบคุณ ไม่ต้องขอบคุณหรอก!”แค่ยอมให้มือสมัครเล่นอย่างนางสอน เหลียนฟางฉิงก็มีความสุขแล้ว

          หลังจากสนทนากันสักพัก พอเห็นว่าเกือบจวนได้เวลาแล้ว เหลียนฟางโจวและคนอื่น  ก็เติมเมล็ดข้าวฟ่างใส่จานดีบุกแบบพิเศษ แล้วปูเสื่อกกผืนเล็ก ๆที่ทำขึ้นเป็นพิเศษบนพื้น และวางจานดีบุกบนนั้นอีกทีเพื่อให้ลูกเจี๊ยบจิกกิน

         เล้าไก่หนึ่งหลังจะมีชุดเสื่อกับจานดีบุกสิบชุด เมื่อข้าวฟ่างหล่นจากจานก็จะตกลงบนเสื่อ ลูกเจี๊ยบยังสามารถจิกกินต่อได้ วีธีนี้ทำให้ข่าวฟ่างไม่ร่วงหล่นไปในช่องว่างบนพื้นอย่างเสียเปล่า

เมื่อให้อาหารไก่จนเสร็จแล้ว เสื่อกกและจานดีบุกก็ถูกยกออกไป เสื่อกกถูกเอาไปผึ่งให้แห้ง ส่วนจานดีบุกต้องเอาไปล้างทำความสะอาด

       หลังจากเสร็จงานทั้งหมดแล้ว และลูกเจี๊ยบกินอาหารกินน้ำกันอิ่มหนำสำราญดีแล้ว พวกมันแต่ละตัวต่างส่งเสียงร้องเบา  อย่างพึงพอใจ พลางพากันนอนหมอบบนพื้นเพื่อนอนหลับพักผ่อน

        เหลียนฟางโจวและทุก ๆคนต่างถอยฉากออกมาเงียบ 

  เหลียนฟางโจวส่งยิ้มให้เหลียนฟางฉิงและหลี่ซื่อ “ข้าจะประกบเลี้ยงไปกับพวกเจ้าสักสองวัน หลังจากนั้นต่อไปจะทิ้งให้พวกเจ้าทำกันเอง!”

  เหลียนฟางฉิงชอบคำว่า “รับผิดชอบงานใหญ่” แบบนี้มากเลย นางพยักหน้ารับคำอย่างเบิกบานใจ

        หลังจากออกมาจากเล้าไก่ เหลียนฟางโจว อาเจี่ยนและเหลียนเจ๋อ ไปที่แปลงอนุบาลต้นกล้าฝ้ายอีกครั้ง มีต้นอ่อนจิ๋ว  สีเขียวงอกขึ้นมาให้เห็นแล้ว เมื่อมองเห็นภาพหย่อมสีเขียว ๆปรากฏในระยะไกล  พาให้ทุกคนรู้สึกปิติอิ่มใจนัก

        ต้นกล้าเล็ก  พวกนี้ยังจำเป็นต้องได้รับการประคบประหงมอย่างดีและเหลียนฟางโจวได้อธิบายให้ฉินเฟิงฟังไปแล้วมากมาย  ว่าจะต้องคอยจนกว่าถึงวันที่ 20 เดือนสี่ จึงเริ่มย้ายพวกมันไปปลูกในไร่ได้

        ก่อนจะถึงจุดนั้น จำเป็นต้องเตรียมเพาะต้นกล้าข้าวไว้ก่อน

        ฉินเฟิงเองก็วิตกในเรื่องนี้เหมือนกัน และหากจำเป็นเหลียนฟางโจวจะช่วยไปดูให้

 ยามนี้  หญิงสาวทบทวนดูแล้ว ต้องรีบหาเวลาหยุดพักผ่อนชั่วคราวไว้

        ทว่าการพักผ่อนนี้ไม่ใช่การผ่อนคลายร่างกายและจิตใจทั่ว  ไป เนื่องจากยังมีเรื่องอีกมากมายหลายอย่างที่ใจเธอยังเป็นห่วง

       พอเห็นต้นกล้าฝ้ายงอกออกมาจากพื้นดิน เหลียนฟางโจวจึงให้เงินซูจื่อจี้ 50 ตำลึง และขอให้เขาไปเดินท่อมๆตามโรงปั่นเส้นด้ายและโรงทอผ้าโรงใหญ่ในเมืองหนานชาง เพื่อไปศึกษาและวิจัยโครงสร้างของวงล้อปั่นด้าย และเครื่องทอผ้า เขาต้องไปเก็บความรู้ความเข้าใจกลับมาให้เต็มเปี่ยมภายในสามเดือน

        สำหรับเงินที่ให้ไป ให้เขาจดบันทึกบัญชีไว้ด้วย ว่าเอาไปใช้ในเรื่องอันใดบ้าง และหากไม่พอใช้ ก็สามารถมาเบิกได้อีก

 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น