วันอาทิตย์ที่ 17 ธันวาคม พ.ศ. 2566

จับแม่ทัพไปไถนา-บทที่ 755 อยากกินอะไร?

       เหลียนฟางโจวขอให้ปี้เถาไปส่งสองนายบ่าวออกไป ขณะที่เธอยิ้มให้อย่างสุภาพ และเอ่ยกับอีกฝ่ายสองสามคําตามมรรยาท ด้วยอีกฝ่ายที่อยู่ฝั่งตรงข้ามเธอ ก็อุตส่าห์มาเยี่ยมเธอถึงที่


     ความหมายก็คือ ต่อไปก็ไม่จําเป็นต้องเข้ามาเยี่ยมอีกแล้ว




     เมื่อแม่นางฉินได้ยินความหมายเป็นนัยๆนั้น ใบหน้าก็พลันไม่น่าดูไปชั่วอึดใจ หญิงสาวส่งยิ้มจืดเจื่อน แล้วกล่าวอำลากลับไป


     เดิมที เมื่อยังไม่แน่ใจเรื่องการตั้งครรภ์ เหลียนฟางโจวก็กินดื่มนอนหลับได้ตามปกติ และไม่มีปัญหาใดๆเลย


    อย่างไรก็ตาม หลังจากที่เธอรู้แน่นอนว่าตนเองได้ตั้งครรภ์แล้วในวันนี้ สถานการณ์ก็แตกต่างไปจากตอนก่อนหน้าราวฟ้ากับเหว!


   เช้าวันรุ่งขึ้นเมื่อทั้งสองสามีภรรยากำลังรับสำรับมื้อเช้า ยามหญิงสาวได้กลิ่นโจ๊กไก่และซาลาเปาไส้หมูและเห็ดสับนึ่งลูกเล็กเข้า ทันใดนั้นท้องไส้ก็พลันปั่นป่วน และก่อนที่เธอจะกินเข้าไป ก็พลันก้มหน้าลง พลางเอามือปิดปากจะอาเจียน


   หลี่ฟู่ ชุนซิ่งและคนอื่น ๆ ต่างก็ตื่นตระหนก แล้วรีบร้อนเข้ามาดู


   "เกิดอันใดขึ้น? ไม่อยากอาหารเหรอ? “ หลี่ฟู่ตบหลังหญิงสาวเบา ๆ และเอ่ยด้วยความเป็นห่วง "ข้าไปขอให้ห้องครัวทําอย่างอื่นให้เจ้ากินไหม ?" 


   หลังจากอาการพะอืดพะอมชวนคลื่นเหียนได้หายไป อย่างยากเย็น เหลียนฟางโจวจึงกลับมานั่งตัวตรง พลางส่ายหน้าหายใจหอบ ยามสายตาปะทะกับอาหารบนโต๊ะอีกครา ก็อดรู้สึกถึงความคลื่นเหียนที่ตีตื้นขึ้นมาอีกระลอกหนึ่งไม่ได้


   หญิงสาวรีบลุกขึ้นมาอย่างไว แล้วก้าวถอยไปห่างๆ นางหันมาฝืนยิ้มให้หลี่ฟู่ที่มาพร้อมใบหน้าเป็นกังวล "จู่ๆท้องไส้ข้าก็ปั่นป่วนอย่างหนัก จนไม่อยากกินอะไรเลย!" 


   หลี่ฟู่ขอให้ใครบางคนเทชาร้อนหนึ่งถ้วย แล้วยื่นมาให้หญิงสาว พลางอดโมโหตัวเองไม่ได้ "ทั้งหมดเป็นความคิดของข้า เมื่อวานข้าไม่ควรพูดไปแบบนั้นเลย!" 


   เหลียนฟางโจวชะงักไปครู่หนึ่ง แล้วนึกถึงคำพูดของเขาเมื่อวานนี้ จึงอดหัวเราะออกมาไม่ได้ "ข้าจะตําหนิท่านในเรื่องนี้ได้อย่างไร? มันน่าจะถึงเวลาของมันแล้วกระมัง? "


   ขณะพูดไปหญิงสาวยังอดกังวลใจไม่ได้ เพราะเธอกินอะไรไม่ลงเลยจริงๆ และไม่มีความอยากอาหารเลยสักนิด แล้วนางจะทําอย่างไรดี!


   เมื่อเห็นว่าหลี่ฟู่ยังอยู่กับเธอ หญิงสาวจึงผลักเขาเบา ๆ ด้วยสีหน้ายิ้มๆ "ข้าสบายดี แค่พักสักหน่อยก็พอ ท่านไปกินต่อเถอะ! มัวแต่อยู่กับข้า ประเดี๋ยวท่านจะหิวเอา! "


   หลี่ฟู่จึงตอบว่า "ประเดี๋ยวข้าจะไปหาเซวียอี้ชิงเอง! เจ้าคงต้องอดทนไปก่อนนะ ! "


   เหลียนฟางโจวครุ่นคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ ถึงอย่างไรนางก็คงหยุดเขาไม่ได้ ดังนั้นหญิงสาวจึงยอมพยักหน้าให้


   หลี่ฟู่รีบกินโจ๊กไม่กี่คำ แล้วเอ่ยถามภรรยา "เจ้าอยากกินพวกของเปรี้ยวบ้างไหม? ข้าจะได้นำกลับมามาตอนขากลับ!"  


   ปากของเหลียนฟางโจวขยับโดยไม่รู้ตัว หญิงสาวจึงพยักหน้าให้อีกฝ่าย


   หลี่ฟู่จึงออกจากจวนไป


   ของเปรี้ยวรึ เหลียนฟางโจวรู้สึกราวกับว่าความอยากอาหาร จู่ๆก็บังเกิดขึ้นจางๆ เธออดเลียริมฝีปากไม่ได้


   ในไม่ช้า ความอยากอาหารนี้ซึ่งเดิมทีเกิดขึ้นมาจางๆโดยไม่ทราบสาเหตุ จู่ๆก็พุ่งทะยานขึ้นมาอย่างกะทันหัน ราวกับราดน้ำมันบนกองไฟ!


   หญิงสาวไม่อาจหยุดคิดถึงมันได้ ขณะที่ลำคอก็เริ่มกระหายยิ่งขึ้น จึงเอื้อมมือออกไปคีบอาหารกินทันที!


   โชคไม่ดีเลย ไม่ว่าจะให้คิดอีท่าไหน


   นางไม่อยากกินลูกเหมย ผลซิ่ง หรือลูกซานจาเลย นางอยากกินกิมจิ! ผักดองที่เปรี้ยว เผ็ดชวนน้ำลายสอ ทั้งกรุบกรอบ กินแล้วรู้สึกสดชื่น!


    เหลียนฟางโจวถึงกับกลืนน้ําลาย และรีบร้อนสั่งชุนซิ่งและคนอื่น ๆ ให้ไปเตรียมล้างและหั่นกะหล่ำปลี แครอท รวมทั้งสับพริกให้ละเอียด จากนั้นจึงนำเกลือ น้ําส้มสายชู กระเทียมและส่วนผสมอื่น ๆ เอามาใส่ในชามขนาดใหญ่!


    เธออยากจะกินเดี๋ยวนี้แล้ว!


   หากไม่ใช่เพราะกำลังคลื่นไส้พะอืดพะอมอยู่ หญิงสาวก็คงจะตรงดิ่งไปที่ห้องครัวเองแล้ว


  ชุนซิ่งและคนอื่นๆต่างมองหน้ากัน ไม่มีใครรู้ว่าฮูหยินต้องการจะทําอะไร


   ปี้เถาจึงเอ่ยถามอย่างไม่แน่ใจ "ฮูหยินคงอยากกินกะหล่ำปลีผัดกับแครอทใช่ไหมเจ้าคะ? บ่าวจะได้สั่งให้ทางห้องครัวผัด แล้วยกมาให้เจ้าค่ะ! "


   เหลียนฟางโจวรีบส่ายหน้าหวือ "หลังล้างผักจนสะอาดแล้ว ก็นำมาให้ข้าทั้งดิบๆเลย! ไปจัดการซะ! "


   ชุนซิงและคนอื่นๆไม่มีทางเลือก ดังนั้นจึงต้องไปตามคำสั่ง


   ยามที่หลี่ฟู่ลากเซวียอี้ชิงวิ่งตัวปลิวเข้ามา เขาก็เห็นว่าบรรดาสาวใช้กำลังยุ่งง่วนอยู่ในห้องนั่งเล่น


   ชายร่างใหญ่สองคนพลันเบิกตาโพลงทันที


   เซวียอี้ชิงหัวเราะ แล้วเอ่ยเย้าอีกฝ่าย "พี่สะใภ้ ท่านถึงกับย้ายครัวมาที่นี่เชียวหรือ?" 


   เหลียนฟางโจวหันหน้ามา แล้วเห็นว่าเป็นพวกเขาจึงส่งยิ้มให้ "ที่ไหนกัน! ก็แค่จะทำอะไรกินสักหน่อยน่ะ! "


    เมื่อเซวียอี้ชิงเห็นหญิงสาวมีท่าทางกระหาย ดวงตาลุกวาว เขาก็ยกยิ้มบาง


   สตรีมีครรภ์ก็เป็นแบบนี้กันทั้งนั้น เบื่ออาหาร กินอะไรไม่ลง แต่ทันทีที่คิดอยากลิ้มลองอะไรสักอย่าง พอคิดว่าจะมีรสชาติอย่างไร ต่อให้เจอกําแพงทิศใต้ก็หยุดพวกนางไม่ได้ และพวกนางแทบอยากจะกินเสียเดี๋ยวนี้


    เมื่อเห็นเช่นนี้ หลี่ฟู่เองก็ยังรู้ด้วยว่า ต้องเป็นความตั้งใจของนางเอง ที่จะลองสร้างสรรค์สิ่งใหม่ ๆ เขาจึงช่วยสนับสนุนนาง "ไปที่ห้องเล็กตะวันออก และให้เซวียอี้ชิงอธิบายให้เจ้าฟังก่อน ส่วนที่นี่ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของปี้เถาและชุนซิ่งเถอะ! "


    เซวียอี้ชิงเหลือบมองหลี่ฟู่ พลางเอ่ยอย่างไม่พอใจ "เจ้าไม่จําเป็นต้องทำเป็นแตกตื่นตกใจ ในเมื่อพี่สะใภ้มีของบางอย่างที่นางอยากกิน ก็ถือว่าดีแล้ว ส่วนอาการคลื่นไส้อาเจียนในตอนเช้าก็เป็นการตอบสนองของร่างกายตามปกติ ซึ่งการตั้งครรภ์เป็นแบบนี้ทั้งนั้น ก็แค่อดทนให้ผ่านพ้นช่วงนี้ไปก็ไม่มีอะไรแล้ว! การที่เจ้ามาตามข้า มันจะมีประโยชน์อันใด? "


  หลี่ฟู่เอ่ยถาม "การตอบสนองตามปกติคืออะไร? แล้วถ้าพวกนางกินอะไรไม่ได้เล่า มารดากับบุตรชายจะมิหิวโหยรึ? แล้วไอ้การตอบสนองตามปกตินี้มันคืออะไร? อย่ามัวขี้เกียจ อธิบายให้นางเห็นสิ! "


    เซวียอี้ชิงค้อนใส่อีกฝ่าย แต่ก็ไม่อาจต้านทานหลี่ฟู่ได้ เขาจึงต้องตามพวกเขาเข้าไปในห้องเล็กตะวันออกด้วยกัน


    โชคดีที่พี่สะใภ้หาใช่คนไร้เหตุผล นางจึงยิ้มให้เขาอย่างขอลุแก่โทษ!


    บุรุษผู้นี้ช่างดื้อรั้นเสียจริง ไฉนเขาถึงได้เรื่องมากขนาดนี้นะ หืม คิดจริงๆหรือว่าเขาจะกลัวเขา ทำเป็นเรื่องใหญ่เรื่องโตไปได้—-


   เมื่อคิดถึงลายมือของตนที่ไม่มีใครในใต้หล้ารู้ ยกเว้นคนผู้นี้ เซวียอี้ชิงจึงไม่กล้าอารมณ์เสีย!


   เขาแกล้งทําเป็นตรวจวินิจฉัยชีพจรของเหลียนฟางโจว เซวียอี้ชิงถอนหายใจ "กินให้มากขึ้น! หากท่านกินไม่ลง ก็ต้องบังคับให้ตัวเองกินเข้าไป สั่งให้ทางห้องครัวเน้นปรุงอาหารเบา ๆที่มีรสเปรี้ยวเล็กน้อย ก็คงเป็นเช่นนี้ไปราวๆหนึ่งเดือนหรือมากกว่านั้น! "


    "มากกว่าหนึ่งเดือนเชียวรึ? นานถึงเพียงนั้นเชียว? หลี่ฟู่ไม่พอใจยิ่งนัก


    เซวียอี้ชิงเกาหัวแกรกๆ แสร้งทําเป็นขบคิดสักครู่ แล้วกล่าวว่า " เอ่อ พี่สะใภ้ของข้ามีร่างกายแข็งแรงสมบูรณ์ สีหน้าก็ดูดี และนางไม่มีเรื่องต้องกังวล อีกทั้งสภาพทารกในครรภ์ก็มั่นคง บางทีมันอาจจะไม่นาน อาจจะ 10 วันถึงครึ่งเดือน! "


   หลี่ฟู่เหลือบมองภรรยาที่อรชรอ้อนแอ้นของตน สิบวันถึงครึ่งเดือนเชียวรึ? นั่นเพียงพอทำให้นางทุกข์ทรมานเลยนะ!


   เขาอดขมวดคิ้วด้วยความกังวลไม่ได้ และพยายามพูดอะไรบางอย่าง เหลียนฟางโจวจึงรีบยิ้ม "เท่านี้ก็ดีมากแล้ว! ข้าเคยเห็นคนท้องมาก่อน บางคนอาการแย่กว่าที่ข้าเป็นเสียอีก! เรามาคอยดูอาการกันอีกซักพักเถอะ! "


   หลี่ฟู่ม่ได้พูดอะไรเพียงแต่เอ่ยอย่างอ่อนโยน " หรือไม่ก็ขอให้ห้องครัวต้มโจ๊กละเอียดมาดีไหม? เจ้าก็ดูสิว่าจะกินได้สักหน่อยไหม? เจ้าไม่ได้กินอะไรเลยตั้งแต่เช้า และนี่มันก็ผ่านมาครึ่งวันแล้ว..."


    เซวียอี้ชิงเหลือบมองเหลียนฟางโจวอย่างซาบซึ้ง และทั้งสองก็แลกเปลี่ยนสายตากันอย่างไร้ร่องรอย เหลียนฟางโจวนึกขบขันในใจ


    เมื่อได้ยินหลี่ฟู่พูดแบบนี้อีก เขาก็อดแอบกลอกตาใส่อีกครั้งไม่ได้ เจ้าทาสภรรยาเอ้ย!


    เซวียอี้ชิงเองก็พยักหน้า และเอ่ยโน้มน้าว "ใช่ ใช่ พี่สะใภ้ควรกินโจ๊กเบา ๆทีละน้อย โดยให้ห้องครัวเล็ก ๆคอยเตรียมไว้เป็นระยะๆ หากท่านอาเจียนอีก ท่านก็ต้องกินเพิ่มอีก! เพื่อประโยชน์ของเด็กในท้อง ท่านก็ต้องมุ่งมั่นอดทน! "


   ใบหน้าของเหลียนฟางโจวขมขื่นกว่าเดิมเล็กน้อยเมื่อได้ยิน ในใจรู้สึกหงุดหงิดขึ้นมาโดยไม่มีเหตุผล การตั้งครรภ์นี่มันทรมานจริงๆ!


   หลี่ฟู่สั่งให้คนให้เตรียมพร้อมไว้แล้ว ดังนั้นเธอเองจึงไม่มีทางเลือก นอกจากต้องยอมแพ้


   แน่นอนว่านับจากวันนี้เป็นต้นไป นอกเหนือจากกิมจิที่ทําเองแล้ว ทุกอย่างที่เหลือ เมื่อกินเข้าไป เธอก็อาเจียนออกมา อาเจียนจนหน้าซีดเซียว น้ำตาคลอหน่วย


   เมื่อเห็นนางกลืนกินผลไม้ดองทุกวัน แค่ได้กลิ่นเขาก็รู้สึกเข็ดฟันแล้ว


   ความตื่นเต้นยินดีอันแปลกประหลาดของหลี่ฟู่ที่ได้เป็นพ่อคนอย่างที่ใจต้องการในตอนแรก ได้ลดลงไปมาก เมื่อต้องมาเห็นภรรยาทุกข์ทรมานเช่นนี้ ชายหนุ่มรู้สึกเสียใจกับนาง และตลอดทั้งวันนอกเหนือจากการงานอันเร่งด่วนแล้ว เขาจะกลับไปอยู่ที่บ้าน เพื่อคอยอยู่เป็นเพื่อนนางทุกย่างก้าว และคอยปลอบประโลมนาง


2 ความคิดเห็น: