วันอาทิตย์ที่ 17 ธันวาคม พ.ศ. 2566

จับแม่ทัพไปไถนา-บทที่ 756 ความดื้อรั้นของจูอวี๋อิง

       ไม่เพียงแค่เธอที่งดการพบปะสังสรรค์ทั้งหมด ทว่าคนอื่นๆที่ประสงค์จะมาเยี่ยมเยียน ก็ถูกเหลียนฟางโจวปฏิเสธไปชั่วคราว โดยบอกว่าช่วงนี้อาการคลื่นไส้อาเจียนในช่วงเช้ายังรุนแรงอยู่ จึงยังไม่สะดวกที่จะต้อนรับแขก เอาไว้ผ่านไปสักระยะ เธอจะเชิญทุกคนมานั่งสนทนาพูดคุยกัน

     ดังนั้นทุกคนในเมืองหลวงจึงรู้เรื่องนี้


     แน่นอนว่า เหล่าบุรุษต่างรู้สึกว่าแม่ทัพหลี่ที่มีฉายาแม่ทัพปีศาจ แม่ทัพผู้ซึ่งเหี้ยมหาญเด็ดขาด ขี่ม้าและเข่นฆ่าเหล่าอริราชศัตรูกลางสมรภูมิรบ แท้จริงแล้วกลับทำตัวประหนึ่งแม่สามีคอยประคบประหงมภรรยาที่กำลังตั้งครรภ์!

    เมื่อย้อนกลับไปคิดถึงตัวเอง กล่าวอีกนัยหนึ่งก็คือภรรยาของพวกเขาที่กําลังตั้งครรภ์ ยกเว้นความสุขและความซาบซึ้งใจที่เกิดขึ้นชั่วครู่ชั่วยามเมื่อรู้ข่าว หลังจากนั้นก็ปล่อยให้เป็นธุระของฝ่ายหญิงทั้งหมด

    ส่วนพวกเขาไม่ต้องทำอะไร  ตกกลางคืนก็มีเหล่าอนุภรรยา และนางบำเรอคอยปรนนิบัติดูแล ใครจะเป็นเหมือนหลี่ฟู่ที่คอยเฝ้าตามติดภรรยาไปทุกหนทุกแห่ง?

   ส่วนอารมณ์ของฝ่ายสตรีมีความสลับซับซ้อนกว่านั้นมาก

   มีบ้างที่ไม่เห็นด้วย บางคนก็นึกประหลาดใจ และที่มากกว่านั้นก็คือแอบอิจฉาและลอบถอนหายใจ

   พวกเขาทั้งหมดต่างถอนหายใจ และบอกว่าโชคของบุคคลนี้ แม้จะชนกำแพงทิศใต้ ก็ไม่อาจหยุดยั้งได้จริงๆ! อย่ากล่าวโทษใครเลย โชคลาภบุญวาสนาเวลามันจะมา มันก็ไม่แยกแยะว่าจะยากดีมีจนเช่นไร

    เช่นเดียวกับฮูหยินหลี่ที่มีชาติกำเนิดต่ำต้อยผู้นี้ ไม่เพียงได้รับตําแหน่งฮูหยินตราตั้งขั้นสองแล้ว  ในส่วนแม่ทัพหลี่ไม่เพียงมีแนวโน้มจะมีอนาคตไกล แต่เขายังทุ่มเทดูแลนางอย่างสุดจิตสุดใจ!

   ข้าได้ยินมาว่ายกเว้นนางแล้ว ในจวนก็ไม่มีฮูหยินคนอื่นๆและอนุภรรยาเลยสักคน แม้กระทั่งสาวใช้อุ่นเตียงก็ไม่มี

   ที่มีอยู่คนหนึ่งก็เป็นลูกสาวของแม่นม ที่คอยติดตามเขามาตั้งแต่เด็ก และยามนี้นางก็ฝึกบำเพ็ญเพียรภาวนาอยู่

   แน่นอนว่า ถ้อยคำร่ำลือเหล่านี้ย่อมมาถึงหูตระกูลจูในที่สุด

   เมื่อนายท่านจูและฮูหยินจูได้ฟัง ก็ยังต้องแอบถอนหายใจ ใจของพวกเขาย่อมอึดอัดเป็นธรรมดา ด้วยเหตุนั้น บุตรสาวพวกเขาคงหมดหวังเสียแล้ว!

   ฮูหยินจูยังบ่นกับนายท่านจูสองสามคํา โดยตําหนิเขาที่ไม่ได้จัดการเรื่องแต่งงานให้เรียบร้อยตั้งแต่สองสามปีก่อนหน้านี้

   หากตัดสินใจเสียตั้งแต่ตอนนั้น  ก็คงไม่มีเรื่องราวต่างๆตามมามากมายอย่างในวันนี้หรอกกระมัง? หากทั้งสองตระกูลได้หมั้นหมายกันแล้ว เหลียนฟางโจวจะเข้ามาเกี่ยวข้องได้ที่ไหน!

   แม่ทัพหลี่ห่วงใยและรักใคร่ภรรยายิ่งนัก เขาตั้งใจดูแลภรรยาอย่างใส่ใจ  ต่อให้หน้าที่การงานในอนาคตจะไม่รุ่ง ก็แล้วอย่างไร?  บุตรสาวตัวน้อยสุดที่รัก  ก็จะครองรักกับแม่ทัพหลี่ไปอย่างมีความสุขตลอดชั่วชีวิตนี้อย่างแน่นอน

   นอกจากนี้ ด้วยความสัมพันธ์ระหว่างหลีอ๋อง ตระกูลเย่วกับตระกูลจู ขอเพียงแม่ทัพหลี่ไม่ใช่คนที่หัวรั้นอย่างไร้เหตุผลแล้ว อนาคตของเขาจะไม่เลวร้ายอย่างแน่นอน!

   ทันทีที่ฮูหยินใหญ่บ่นออกมา นายท่านจูก็รู้สึกสํานึกผิดในใจอยู่บ้างเช่นกัน

   แต่เขาเป็นประมุขของตระกูล และต่อให้เขาจะสํานึกผิด เขาก็จะไม่มีทางยอมรับความผิดพลาดนั้นแน่

   เช่นนั้นแล้ว เขาจึงเอ่ยด้วยสีหน้าเคร่งขรึมเขาทำหน้าตึง "เรื่องแบบนี้มันก็ขึ้นอยู่กับโชควาสนาของคนสองคนด้วย ดังนั้นหลี่ฟู่จึงเป็นแบบนี้ในตอนนี้ หากเขาแต่งงานกับอิงเอ๋อร์ของเรา เหตุการณ์มันอาจจะไม่เป็นแบบนี้ก็ได้!   จะมาบอกว่าเหมือนกันได้ที่ไหน? ในเมื่อไม่ได้ตัดสินใจเสียตั้งแต่เริ่มต้น และต่อมาเขาได้พบกับฮูหยินหลี่นั่น นั่นก็คือพวกเขาไม่มีบุพเพวาสนาต่อกัน!  อิงเอ๋อร์ของเราเองก็เลอเลิศ ไม่เห็นต้องกังวลเรื่องการหาสามีดีๆเลย! ด้วยอำนาจบารมีของตระกูลจูของเรา ใครจะกล้าทําไม่ดีกับนาง เจ้าต้องเฝ้าดูอย่างระแวดระวัง เรื่องพวกนี้จะต้องไม่ไปเข้าหูนาง และอย่าให้เกิดเรื่องอะไรขึ้นอีก! "

    ฮูหยินจูถอนหายใจ และเหลือบมองผู้เป็นสามีโดยไม่พูดอะไรอีกเลย

    อย่างไรก็ตามกระดาษไม่อาจห่อไฟได้ฉันใด และถึงแม้ฮูหยินจูจะพยายามปิดข่าวทุกวิถีทาง เพื่อไม่ให้จูอวี๋อิงรู้ก็ตาม ทว่าจูอวี๋อิงก็ยังคงได้ยินถ้อยคำลอยมาเข้าหูสองสามประโยคอยู่ดี

   หญิงสาวผู้ที่เอาแต่ใจ และตกหลุมรักหลี่ฟู่ เพราะไปมีเรื่องกับผู้อื่น ทำให้นางถูกบิดามารดาตําหนิ และนางก็ถูกลงโทษโดนกักบริเวณอยู่ นางจะปล่อยวางเรื่องต่าง ๆที่เกี่ยวกับหลี่ฟู่ไปได้ที่ไหน?

   ภายใต้การข่มขู่บริวารอย่างแข็งกร้าว และการพูดโน้มน้าวสารพัด ทำให้นางรู้เรื่องราวที่ร่ำลือกันข้างนอกทั้งหมดตั้งแต่ต้นจนจบ!

   โทะของจูอวี๋อิงนั้นจึงผุดขึ้นมามากมายมหาศาล จนทำให้ร่างของหญิงสาวสั่นเทิ้ม สีหน้าของนางเปลี่ยนไปเป็นชั่วร้ายอำมหิต  ทำให้เหล่าสาวใช้รอบข้าง ถึงกับหวาดกลัวตัวสั่น

   นางจะไม่โกรธได้อย่างไร? ผู้หญิงคนนั้น หญิงชาวบ้านสารเลวและชั้นต่ำผู้นั้นกําลังตั้งท้อง นางมีเลือดเนื้อเชื้อไขของแม่ทัพหลี่อยู่ในท้องของนาง มันจะเป็นไปได้อย่างไร!

   จูอวี๋อิงชิงชังเสียจนแทบจะมีเปลวเพลิงปะทุออกมาจากดวงตา นางทุบทำลายข้าวของ เครื่องเรือนทั้งหมดในห้อง เพื่อระบายความคลั่งแค้นในครั้งนี้

   โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อได้ยินว่าหลี่ฟู่เอาใจใส่และดูแลเหลียนฟางโจวที่กําลังตั้งครรภ์มากแค่ไหน จูอวี๋อิงรู้สึกว่าหัวใจของนางกำลังมีเลือดหยดลงมา!

   หากเหลียนฟางโจวอยู่ตรงหน้านางในตอนนี้  นางจะเตะท้องของอีกฝ่ายโดยไม่ลังเลเลย!

   เมื่อนึกภาพความรักอันหวานชื่นระหว่างพวกเขาทั้งสอง จูอวี๋อิงก็แทบเป็นบ้า

   หลังจากเหน็ดเหนื่อยจากทุบทำลายข้าวของ กญิงสาวยืนนิ่งอยู่ตรงนั้นด้วยความงุนงง ขณะที่กัดริมฝีปากและจ้องมองออกไป ดวงตาคู่นั้นดำมืดและวูบไหว หญิงสาววิ่งผลุนผลันออกนอกห้องนอน ตรงดิ่งไปที่เขตเรือนของฮูหยินจู ผู้เป็นมารดา

   เหล่าสาวใช้ต่างตกตะลึงพรึงเพริด แล้วรีบตามไปทันที

   เมื่อฮูหยินจูเห็นลูกสาวนางวิ่งเข้ามาหา นางก็ตกใจกับสารรูปของบุตรสาว

    นางเพิ่งจะเอ่ยคำว่า "เจ้า" ก่อนที่นางจะมีเวลาถาม จากนั้นก็เห็นจูอวี๋อิง "พุ่งตัว" แล้วคุกเข่าลงต่อหน้าดังตุบ พลางดึงกระโปรงของนาง และพูดขึ้นอย่างเด็ดเดี่ยว " ท่านแม่ ท่านเป็นผู้ที่รักข้ามากที่สุดเสมอ วันนี้ข้าจะขอท่านเป็นครั้งสุดท้ายเจ้าค่ะ!" 

   ฮูหยินจูจูตกใจกับท่าทางเคร่งขรึมของบุตรสาว และรีบช่วยประคองอีกฝ่ายขึ้นมา ขณะเดียวกันก็เอ็ดใส่ "เจ้ากําลังทําอะไรของเจ้ากัน เด็กคนนี้?" หากมีสิ่งใด ก็ค่อยๆพูดค่อยๆจากัน  ทําไมจึงเป็นแบบนี้! เราเป็นแม่และลูกกัน ไม่ใช่คนนอก! "

   จูอวี๋อิงคว้ามือมารดา และปฏิเสธจะลุกขึ้น หญิงสาวกล่าวทั้งน้ําตา "สรุปสั้นๆ หากท่านแม่ไม่ยอมตกลง ข้าก็จะไม่ลุกขึ้น! ท่านแม่ ข้าอยากแต่งงานกับแม่ทัพหลี่ ข้าจะแต่งงานกับแม่ทัพหลี่เจ้าค่ะ!" แม้ว่าข้าจะต้องเป็นฮูหยินรอง หรืออนุภรรยา ข้าก็จะแต่งงานกับเขา! "

   "เจ้าว่ายังไงนะ!" สมองของฮูหยินจูพลันมึนงง จนนางเกือบจะล้มลง บรรดาสาวใช้ต่างวิ่งเข้าไปช่วยประคองกันหน้าตาตื่น

   อย่างไรก็ตาม จูอวี๋อิงผู้มีดวงหน้าเล็กขาวผ่อง กำลังกัดริมฝีปาก จ้องมองผู้เป็นมารดาด้วยความมุ่งมั่น สีหน้าของนางนั้นแน่วแน่มั่นคง ราวกับว่าหากมีดาบฟันลงมา นางก็ไม่เสียดายชีวิตเลย

    "เจ้า—" ฮูหยินจูนั่งลง ไม่อาจพูดได้แม่แต่ครึ่งเสียง ทว่าดวงตาค่อยๆเปลี่ยนเป็นสีแดง

    นางคิดไม่ถึงว่าบุตรสาวของตนจะมีความรักอย่างลึกซึ้งต่อแม่ทัพหลี่ถึงเพียงนี้

    นางร้องไห้ พลางดุด่า"เหลวไหล! “ นางยกมือขึ้น แต่ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ไม่อาจตีบุตรสาวได้

    น้ําตาของจูอวี๋อิงร่วงหล่นราวกับลูกปัดที่แตกละเอียด

    เมื่อนายท่านจูรู้เรื่องนี้เข้า ก็โกรธยิ่งนัก จนพบแล้วว่าบุตรสาวตน ดูเหมือนจะหมกมุ่นหลงผิดจนหาทางออกไม่เจอแล้ว ซ้ำยังดื้อดึงไม่ยอมฟังอะไรทั้งนั้น ดังนั้นเขาจึงส่งบุตรสาวไปยังหมู่บ้านห่างไกลนอกเมืองหลวงเพื่อ "พักฟื้น" และฮูหยินจูก็ทุกข์ใจ และเป็นห่วงบุตรสาว ดังนั้นนางจึงไปกับบุตรสาวด้วย

   แม้ว่าคุณชายหลายคนในตระกูลจูจะทุกข์ใจเรื่องน้องสาว แต่พวกเขาก็ไม่ได้คาดว่านางจะดื้อดึงถึงปานนี้ และเมื่อพวกเขาเห็นบิดาโกรธเกรี้ยว ขณะที่น้องสาวไม่ยอมถอดใจเลยแม้แต่นิด หัวใจของพวกเขาก็ชาหนึบ

    ตระกูลจูจมอยู่ในภาวะโศกศร้าและทุกข์ทรมานไปพักใหญ่  และทุกคนล้วนสะเทือนอารมณ์

   ในช่วงกลางเดือนสิบ ด้วยการมาถึงของเหลียนเจ๋อ และการได้กลับมาพบกันของพี่สาวและน้องชาย  เหลียนฟางโจวจึงมีแต่ความตื่นเต้นยินดีในหัวใจ  อาการคลื่นไส้อาเจียนในตอนเช้าก็กลับหายเป็นปลิดทิ้งอย่างน่าอัศจรรย์ใจ

   คืนนั้นเมื่อหญิงสาวดื่มน้ำแกงไก่ดํา หน่อไม้ชามใหญ่ หลี่ฟู่ก็มีความสุขยิ่งนัก ใจที่เป็นกังวลของชายหนุ่มก็ปล่อยวางลงในที่สุด

   เมื่อเหลียนเจ๋อเห็นหน้าท้องโป่งนูนเล็กน้อยของพี่สาว เขาย่อมประหลาดใจ และย่อมรู้สึกเบิกบานยินดี เป็นธรรมดา "อาหญิงสามและเช่อเอ๋อร์ หากพวกเขารู้เข้า ข้าไม่รู้ว่าพวกเขาจะมีความสุขถึงเพียงไหน! พี่สาวข้าช่างเก่งกาจยิ่งนัก! "

   เมื่อได้ยินเข้า มุมปากของหลี่ฟู่ก็กระตุกสองหน เขาอยากจะตะโกนออกมาดังๆว่า เห็นอยู่ทนโท่ว่าคนที่เก่งกาจคือข้าต่างหาก!

   เหลียนฟางโจวที่ดูจะขัดเขินเล็กน้อย ก็หัวเราะ "ปีหน้ายามหลานชายตัวน้อยของเจ้าคลอดออกมาแล้ว พวกเจ้าทุกคนต้องมาให้ได้นะ!" 

    เหลียนเจ๋อย่อมยิ้มแย้ม พลางรับปากซ้ำแล้วซ้ำอีก


1 ความคิดเห็น: