วันอาทิตย์ที่ 17 ธันวาคม พ.ศ. 2566

จับแม่ทัพไปไถนา-บทที่ 758 ผิดปกติ

      ตั้งแต่ภรรยาตั้งครรภ์ หลี่ฟูก็แทบจะประคองนางไว้กลางฝ่ามือ และปกป้องนางอย่างเป็นห่วง และกระตือรือร้นไม่ยอมห่างนางแม้เพียงครึ่งก้าว

    ต่อให้มีบางอย่างล่าช้าไปสักพัก จนกลับมาไม่ได้ เขาก็จะส่งคนมาแจ้งนางทุกครั้ง บอกว่าเขาอยู่ที่ไหน และจะกลับเมื่อไร และบอกนางให้ระมัดระวังดูแลลูกในท้องและเรื่องอื่นๆ


    ทว่าวันนี้ ตั้งแต่เขาเข้าประชุมเช้าที่ราชสำนักจนกระทั่งถึงตอนนี้   จนเลยเวลางานไปแล้ว เขาก็ยังไม่ส่งคนมาแจ้ง แล้วจะไม่ทำให้เธอเป็นห่วงได้อย่างไร?

   ไม่ต้องพูดถึงเธอเลย ทั้งชุนซิ่ง ปี้เถา หงอวี้ และคนอื่นๆ ก็ยังรู้สึกไม่ค่อยสบายใจเช่นกัน

    ชุ่นซิ่งใคร่ครวญอยู่ครู่หนึ่ง แล้วก็ตรงเช้าไปช่วยประคองเหลียนฟางโจวพร้อมรอยยิ้ม “ฮูหยิน  อากาศเช่นนี้เหมาะแก่การนอนพักผ่อน  ท่านอยากจะเอนกายนอนพักข้างในสักครู่ไหมเจ้าคะ? แม้จะอยู่ในที่ร่ม ก็มีลมพัดผ่านหน้าต่างมา  ถ้าเช่นนั้นท่านคงจะนั่งที่นี่ต่อไม่ได้อีกแล้ว! หากเกิดเป็นหวัดขึ้นมา ยามนายท่านกลับมา พวกเราคงรับไม่ไหวเจ้าค่ะ!”

     เหลียนฟางโจวพยักหน้ายิ้มให้ “ก็ได้ ข้าจะไปเอนกายนอนพักสักครู่แล้ว”

     ชุนซิ่งและคนอื่นๆรีบรับคำ และตรงเข้าช่วยประคองนายสาวมาที่ห้องเล็กตะวันออก ซึ่งเป็นสถานที่เธอใช้พักผ่อนยามเที่ยง

     เหลียนฟางโจวเอนกายนอนบนเตียงเตา ห่มผ้าห่มขนแกะบางๆ และเมื่อหญิงสาวเห็นชุนซิ่งและคนอื่นๆ พยายามเคลื่อนไหวให้เบาที่สุดเพื่อเตรียมจะออกไป ทันใดนั้นเธอก็หยุดบางคนไว้ พลางใคร่ครวญอยู่ครู่หนึ่ง จึงเอ่ยเบาๆ “ยามนายท่านกลับมา อย่าลืมมาบอกข้าด้วย ถึงแม้ข้าหลับอยู่ ก็ไม่เป็นไร”

   ชุนซิ่งและคนอื่นๆ ก็รีบขานรับ

   เหลียนฟางโจวจึงพยักหน้าเป็นเชิงให้เหล่าสาวใช้ไปได้ ก่อนจะค่อยๆปิดเปลือกตาลงเบาๆ

    ยามนี้จิตใจยังแขวนค้างอยู่ เธอไหนเลยจะหลับลงได้?

    หลี่ฟู่..เจ้าหมอนั่น ช่างน่าโมโหเสียจริง!

    ทุกวันก็ทำตัวเหมือนเดิมมาตลอด จู่ๆก็มากลายเป็นเสียอย่างนี้ แล้วใครจะทนไหวได้อย่างไร?

    เจ้าหมอนั่น ไม่ใช่ว่าเขารักและห่วงใยบุตรชายที่สุดหรอกหรือ? ไฉนยามนี้ถึงไม่คิดถึงบุตรชายบ้างเล่า?

    มือของเหลียนฟางโจวทาบลงบนท้องน้อยแล้วกดเบาๆโดยไม่รู้ตัว  หากใจคอของคนเป็นมารดาไม่มั่นคง แล้วบุตรชายจะดีไปได้อย่างไร?

    ขณะที่กำลังโกรธเกรี้ยวในใจ หญิงสาวก็คิดวุ่นวายไปสารพัด ด้วยเพราะตนเองเป็นคนท้อง หญิงสาวจึงรู้สึกง่วงงุนโดยไม่รู้ตัว ดังนั้นเธอจึงหลับไปอย่างมึนงงสับสน

    เมื่อตื่นขึ้นมา  หญิงสาวลืมตาขึ้นอย่างสับสน เพียงเห็นว่ารอบกายมืดสลัวอยู่  เธอก็นิ่งงันไป เหลียนฟางโจวจึงร้องตะโกนขึ้น “เข้ามาสิ!”

    ปี้เถาเลิกผ้าม่านแล้วเดินเข้ามาข้างใน พลางหัวเราะ “ฮูหยิน ท่านตื่นแล้ว! ข้างนอกฝนตกหนักมากเจ้าค่ะ  ข้างในก็เลยสลัวลงเช่นนี้!”

    หญิงสาวเข้าใจแล้ว! เมื่อเงี่ยหูฟังอย่างตั้งใจ ก็เป็นดังคาด ฝนกำลังตกแรง พุ่งกระทบหน้าต่างเสียงดังโครมคราม

    เธอจึงถามขึ้น “ยังไม่มืดค่ำหรือ?  แล้วตอนนี้เวลาเท่าไรแล้ว?”

     ปี้เถาคลี่ยิ้ม “เพิ่งจะเลยยามเซินเจ้าค่ะ(15.00-16.59)! ยังเหลืออีกกว่าหนึ่งชั่วยามก่อนจะมืด! ฮูหยินจะลุกขึ้น หรือว่านอนต่ออีกสักพักเจ้าคะ?”

    เหลียนฟางโจวคว้าข้อมือปี้เถาโดยไม่รู้ตัว แล้วเอ่ย “แล้วนายท่านเล่า? เขายังไม่กลับมาอีกเหรอ?”

   ปี้เถาชะงักไปนิดหนึ่ง แล้วก็ได้แต่พยักหน้า “ยังเจ้าค่ะ บางทีอาจจะเดินทางไปธุระสำคัญอยู่กระมังเจ้าค่ะ! ฮูหยิน วางใจเถอะ นายท่านติดกับฮูหยินและนายน้อยในท้องฮูหยินอย่างกับอะไร หากไม่มีอันใด นายท่านต้องกลับมานานแล้วเจ้าค่ะ!”

    เหลียนฟางโจวใช้เหตุผลนี้ปลอบใจตัวเอง จึงพยักหน้ายิ้มๆ “ห้องนี้มืดนัก เจ้าจุดตะเกียงเถอะ!”

    เมื่อปี้เถาได้ยินคำสั่ง นางก็รู้ว่ายามนี้คงไม่อาจทัดทานได้

    จึงรีบรับคำ แล้วหยิบหมอนใบใหญ่ปักลายผีเสื้อตอมดอกไม้  ก่อนจะช่วยประคองอีกฝ่ายนั่งพิงพนักหัวเตียง ครั้นแล้วก็เดินไปจุดตะเกียง

   เหลียนฟางโจวตกอยู่ในภวังค์ เมื่อฟังเสียงฝนตกหนักข้างนอก ใจก็เริ่มวูบโหวงขึ้นเรื่อยๆ

    หญิงสาวเกือบจะขอให้ปี้เถาสั่งคนไปที่ศูนย์บัญชาการทหารห้ากองพล เพื่อสอบถามแล้ว แต่หลังจากนึกได้ว่า การกระทำนี้เป็นข้อห้ามอันหนึ่ง เธอก็ต้องอดกลั้นไว้

    จนกระทั่งถึงตอนเย็น เมื่อเหลียนฟางโจวลุกขึ้นมาด้วยอารมณ์ไม่แจ่มใส หลี่ฟู่ก็ยังไม่กลับมา และฝนที่ตกด้านนอกก็ไม่ได้มีทีท่าว่าจะเบาลงแม้แต่นิดเดียว

    เมื่อมองที่จังหวะการตกที่สม่ำเสมอและรุนแรง เกรงว่าคงไม่หยุดตกไปจนกว่าจะผ่านไปอีกหนึ่งวันหนึ่งคืน

    ก่อนหลี่ฟู่กลับมา เธอเห็นหงอวี้รับเข้ามารายงาน “ฮูหยิน หัวหน้าองค์รักษ์ลั่วกว่าง ยามนี้อยู่ข้างนอก จะมาขอเข้าพบท่านเจ้าค่ะ”

     ใจของเหลียนฟางโจวพลันแช่มชื่นขึ้น หญิงสาวจึงขยับนั่งตัวตรง แล้วเอ่ยขึ้น “รีบเชิญเขาเข้ามาเร็ว!”

    ในตอนเช้า หลี่ฟู่ได้ออกไปพร้อมกับนำลั่วกว่างไปด้วย

     ลั่วกว่างถอดเสื้อคลุมฟางกันฝนทิ้งไว้ข้างนอก พลางลูบน้ำฝนบนรองเท้า แล้วเดินเข้ามาด้านใน

     เหลียนฟางโจวเห็นว่าเสื้อผ้าเขาเปียกปอน ผมเผ้ายุ่งเหยิงอยู่บ้าง  ก็รู้สึกใจคอไม่ดี หญิงสาวจึงอดกำมือแน่นไม่ได้

    อะไรที่ทำให้ลั่วกว่างไม่มีเวลาแม้กระทั่งเปลี่ยนเสื้อผ้า จนต้องรีบมาพบเธอ?

    ลั่วกว่างทำความคารพ โดยไม่ต้องรอให้เหลียนฟางโจวเอ่ยถาม เขาจึงเริ่มพูดก่อน “ฮูหยิน ได้โปรดวางใจ ท่านไม่ทัพสบายดีขอรับ!”

    เหลียนฟางเพียงบังเกิดความรู้สึกโล่งใจ เมื่อเขาเอ่ยมาเช่นนั้น  เธอค่อยๆผ่อนลมหายใจออกมา ก่อนจะพยักหน้า “มันเกิดเรื่องอันใดขึ้นกันแน่?”

    ดวงตาลั่วกว่างดำมืดลง น้ำเสียงต่ำลงเล็กน้อย “เมื่อข้าน้อยไปที่ราชสำนักในตอนเช้าตรู่วันนี้ องค์รัชทายาททรงเป็นลมในที่ประชุมราชสำนัก….”

    ดวงตาเหลียนฟางโจวเป็นประกายวูบหนึ่งโดยไม่รู้ตัว ส่วนชุนซิ่งและคนอื่นๆก็อุทานออกมาเบาๆ

   นายท่านเป็นเสนาบดีคนสำคัญในราชสำนัก ไม่คิดว่า จะมีเรื่องใหญ่เช่นนี้ มาเกี่ยวข้องด้วย แล้วจะไม่รู้สึกตื่นตระหนกได้อย่างไร?

   “แล้วหลังจากนั้นเล่า? เกิดอันใดขึ้น?” เหลียนฟางโจวถามขึ้น

   ลั่วกว่างก็เล่าต่อ “ข้าน้อยไม่ทราบรายละเอียดลึกๆขอรับ เป็นข่าวที่เพิ่งแพร่ออกมา เพียงได้ยินว่า ฮ่องเต้ทรงพิโรธ ที่ข่าวลือเกิดขึ้นทันทีที่หมอหลวงใหญ่ และหมอเซวียจากสำนักหมอหลวงได้เข้าไปในวังหลวง และเหล่าเสนาบดีทั้งหมดก็รอคอยอยู่นอกวังหลวง ท่านแม่ทัพจึงไม่อาจออกมาได้ จนใกล้ตอนบ่ายอาการของรัชทายาทจึงดีขึ้น พระองค์จึงทรงกลับไปที่วังบูรพา ซึ่งข้าราชบริพารสามารถออกไปได้ทีละคน ท่านแม่ทัพใช้โอกาสนี้ให้ข้าน้อยกลับมาแจ้งข่าวแก่ฮูหยินว่าเรื่องเร่งด่วนบางส่วนได้จัดการไปแล้ว ซึ่งนายท่านอาจไม่กลับมาคืนนี้  และฮูหยินไม่ต้องรอนายท่าน และไม่ต้องเป็นห่วงขอรับ”

    ลั่วกว่างเป็นเพียงหัวหน้าองค์รักษ์ข้างกายหลี่ฟู่ เขาย่อมไม่มีคุณสมบัติพอจะรู้รายละเอียดเรื่องราวภายใน ตั้งแต่หลี่ฟู่ได้ออกจากวังหลวงและกลับมาที่ว่าการ เขาขอให้ลูกน้องมาส่งข้อความบอกกล่าวเธอ ซึ่งแสดงให้เห็นว่าเขาไม่เป็นไร

    เหลียนฟางโจวจึงคลายใจลง และพยักหน้า “หากท่านกลับไปบอกท่านแม่ทัพ แค่บอกว่าข้ารับรู้แล้ว ขอให้ไม่ต้องเป็นห่วง! วันนี้จู่ก็เกิดเรื่องกระทันหันขึ้นแบบนี้ เอาล่ะ ท่านนำชุดใหม่ รองเท้าและถุงเท้าไปให้เขาด้วย! และขอให้เขาวางใจได้ ข้าจะกักคนไว้ในจวน และอบรมกวดขันทุกคนในจวนตั้งแต่ระดับบนยันระดับล่าง!”

   ลั่วกว่างรับคำอย่างรวดเร็ว และอดเหลือบมองเหลียนฟางโจวไม่ได้ และแอบเชื่อถือในใจ นางยังเป็นคนระแวดระวังและรอบคอบกับทุกสิ่ง

    เหลียนฟางโจวจะไม่คิดเรื่องนี้ได้อย่างไร? รัชทายาททรงมีพระวรกายอ่อนแอ แล้วดัน มาเป็นลมในราชสำนักแบบปัจจุบันทันด่วนอีก นี่เป็นเหตุการณ์สำคัญซึ่งเขย่าฐานรากของแคว้นได้เลย  เช่นนั้นแล้ว..ฮ่องเต้จะไม่ทรงกริ้วได้อย่างไร? เมื่อฮ่องเต้ทรงพิโรธ ไม่รู้ว่าจะมีสิ่งของจำนวนเท่าไรที่ถูกตรวจสอบ และผู้คนจำนวนเท่าไรที่โชคร้าย! และไม่รู้คนชั่วจำนวนเท่าไรจะฉวยโอกาสนี้จับปลาในน้ำขุ่น!

    เวลานี้ กระทั่งเรื่องเล็กๆน้อยๆก็อาจจะจุดชนวนบัตรเตอร์ฟลายเอฟเฟค ซึ่งอาจส่งผลสะเทือนเป็นวงกว้าง และกลายเป็นควบคุมไม่ได้ในท้ายสุด!

    เหลียนฟางโจวคงอย่างอื่นไม่ได้ หญิงสาวจึงได้แต่ปิดประตูกักบริเวณผู้คน และห้ามบ่าวไพร่ก่อเรื่อง และนี้คือบางเรื่องที่เธอพอจะทำได้

    เหลียนฟางโจวพลันสั่งชุนซิ่งให้ไปเอาเสื้อผ้าของหลี่ฟู่ แล้วพับไว้ในห่อสัมภาระ ให้ลั่วกว่างเอาไปส่ง แล้วนางจึงส่งข่าวนี้ให้พ่อบ้านเฉียน และพ่อบ้านคนอื่นๆหลายคน




1 ความคิดเห็น: