วันอาทิตย์ที่ 17 ธันวาคม พ.ศ. 2566

จับแม่ทัพไปไถนา-บทที่ 760 ฉลองปีใหม่

         ท่าทีของฮ่องเต้โหดเหี้ยมดุดันนัก ไม่ต้องพูดถึงขุนนางราชสำนักและเหล่าเชื้อพระวงศ์เลยที่เป็นกังวล ต่อให้พวกเขาตื่นมาในวันหนึ่ง ก็อาจเป็นวันสุดท้ายของตระกูลก็เป็นได้

    กระทั่งคนธรรมดา เมื่อออกไปนอกบ้าน ก็ย่อมต้องระมัดระวังคำพูดและการกระทำ พวกเขาจึงไม่กล้าพูดมากเกินไป


    ทั่วทั้งเมืองหลวง  อึมครึมไปด้วยชั้นเมฆหมอกหนาๆ

    บรรยากาศในแต่ละวันเป็นเช่นนี้จนกระทั่งถึงกลางเดือนสิบสอง เมื่อฮ่องเต้ทรงออกพระบรมราชโองการ ให้ห้ามณฑลซึ่งได้รับความทุกข์ยากจากภัยแล้ง และอุทกภัยในปีนี้ ได้รับการยกเว้นภาษีเป็นเวลาสามปี และก็มีพระบัญชาว่าเทศกาลโคมไฟในปีนี้ ต้องจัดขึ้นอย่างยิ่งใหญ่!

    พอถึงจุดนี้ ทุกคนแอบโล่งใจ เมื่อรู้ว่าพายุลูกก่อนได้พัดผ่านไปแล้ว

    บรรยากาศเคร่งเครียดกดดันซึ่งกดทับบนศรีษะของผู้คนในเมืองหลวงจนต่ำ ค่อยๆคลี่คลายลงอย่างเงียบๆ และกระทั่งสวรรค์ก็คล้ายจะรู้สึกในทิศทางเดียวกัน เพราะอากาศในแต่วันหลังจากวันนี้ ก็เป็นวันที่ท้องฟ้าแจ่มใส ดวงอาทิตย์ส่องแสงเจิดจ้า

    แสงอาทิตย์สดใสที่ส่องไปบนร่าง  แม้อุณภูมิยังไม่สูง ทว่าก็ทำให้ทุกคนรู้สึกอบอุ่นทั้งร่างกายและจิตใจ

    ชั่วข้ามคืน บรรยากาศของเทศกาลปีใหม่ก็แผ่กระจายไปทั่วถนน และตรอกซอกซอยของเมืองหลวง ร้านรวงทั้งหลายต่างก็ทำความสะอาดและตกแต่งแลดูใหม่เอี่ยม แขวนโคมสีแดงสวยงาม หรือไม่ก็ประดับด้วยแถบผ้าไหมสีสันต่างๆ ส่วนสินค้าที่เลอเลิศและโดดเด่นที่สุด โดยทั่วไปได้มีการจัดวาง ในจุดที่เตะตาที่สุดในร้าน

     ผู้คนที่มาซื้อสินค้าที่ใช้ในวันปีใหม่ ต่างก็พากันออกมา แต่ละคนสวมอาภรณ์ตัวใหม่ มาเดินเลือกซื้อของในตลาด ชนิดไหล่ชนกัน บรรยากาศจ้อกแจ้กจอแจคึกคักมีชีวิตชีวา และในที่สุด ความพึงพอใจเต็มเปี่ยมก็กลับคืนมา

    แน่นอน เมื่อเหล่าพ่อค้ามองลูกค้าที่มาอุดหนุนในแต่ละวัน พวกเขาก็พึงพอใจ รอยยิ้มบนใบหน้าเจิดจ้ามากขึ้นเรื่อยๆทุกวัน

    ร้านขนมสาขาสิบกว่าร้านของเหลียนฟางโจว ย่อมขายดีเป็นเทน้ำเทท่า และโด่งดังขึ้นเรื่อยๆ

    มีเพียงสิ่งเดียวที่เธอเสียใจ ประการแรก เธอตั้งครรภ์ หลี่ฟู่จึงไม่ยอมให้เธอไปคร่ำเคร่งในเรื่องอื่นๆ ประการที่สอง เพราะพายุมรสุมเรื่องรัชทายาท นางจึงต้องกระทำการใดๆอย่างเรียบง่ายไม่โฉ่งฉ่างสะดุดตา  ดังนั้นการเปิดร้านใหม่จึงต้องเลื่อนออกไป โดยต้องรอจนถึงปีใหม่ แล้วจึงค่อยเลือกวันฤกษ์งามยามดี

   ทว่าแบบนี้ก็ดีไปอย่าง เธอจะได้มีเวลาเตรียมตัวให้เต็มที่

   นับตั้งแต่วันที่ 16 เดือนสิบสองเป็นต้นไป หลี่ฟู่จะกลับมาใช้ชีวิตที่ผ่อนคลายสบายๆอย่างแต่ก่อน และใช้เวลาอยู่ที่จวนทั้งวันกับภรรยาสุดที่รัก และลูกสุดที่รักในท้องของนาง ซึ่งเขาเชื่อว่าต้องเป็นบุตรชาย ชายหนุ่มเฝ้ามองท้องที่โตขึ้นทุกวัน อารมณ์ก็พลอยดีขึ้นทุกวันตามไปด้วย

    วันนี้ ทั้งสองคนเหน็ดเหนื่อย จากการวางแผน คิดรายการของที่จะซื้อสำหรับเทศกาลปีใหม่ ดังนั้นพวกเขาจึงบอกพ่อบ้านเฉียน ชุนซิ่ง หงอวี้และคนอื่นๆ ให้ไปซื้อมา และเมื่อเห็นว่าอากาศดีแล้ว หลี่ฟู่จึงเดินเล่นในสวนเป็นเพื่อนเหลียนฟางโจว

    ใครเล่าจะรู้ว่าโซวซื่อ และฉีซื่อที่จวนฝั่งโน้นจะมาหาที่จวนอีกครั้ง โดยมีของขวัญมามอบให้ และเชื้อเชิญทั้งสองสามีภรรยาอย่างสุภาพที่สุด ให้ไปฉลองปีใหม่ที่จวนฝั่งโน้นด้วยกัน

     ไม่รอให้เหลียนฟางโจวเอ่ย หลี่ฟู่ก็ปฏิเสธไปอย่างสุภาพ โดยไม่ให้มีการตั้งคำถาม

     โซวซื่อและฉีซื่อนึกไม่ถึงว่าเขาจะตอบกลับมาเช่นนี้  สีหน้าของสะใภ้ทั้งสองเปลี่ยนไปนิดหนึ่งเพียงแวบเดียว ทว่าก็ไม่กล้าทัดทานอีกฝ่ายแต่อย่างใด พวกนางจึงได้แต่ส่งยิ้มจืดเจื่อน แล้วอำลากลับไป

     เหลียนฟางโจวย่อมรู้สึกพอใจ เธอจึงยิ้ม “โชคดี ที่ท่านไม่ตกลง ข้าก็นึกกังวลว่าท่านจะพยักหน้าตกลง! จวนทางโน้น ข้าไม่อยากไปอีกแล้ว!”

    หลี่ฟู่กล่าว “ยามนี้เจ้ากำลังท้องกำลังไส้ ข้าไหนเลยจะกล้าให้เจ้าไปที่จวนนั่นได้ หากเกิดเหตุไม่คาดฝันขึ้นมาจริงๆ ข้าจะต้องฆ่าหว่านโหยวให้ได้!”

    เมื่อได้ยินเช่นนี้ เหลียนฟางโจวจึงหัวเราะแล้วถอนหายใจ “น่าเสียดาย ข้าเพิ่งได้ฉลองปีใหม่ในเมืองหลวงเป็นครั้งแรก! ใครเล่าจะรู้ว่า กระทั่งจะออกไปข้างนอกก็ยังทำไม่ได้ ได้แต่นั่งจับเจ่าอย่างน่าเบื่ออยู่ที่จวนทุกวัน  อะไรที่ครึกครื้นน่าสนุกสนาน ก็ไม่ได้เห็นกับเขา!”

    หลี่หู่กอดหญิงสาวพลางหัวเราะ “ฮูหยินคนดี ภายหน้าก็ยังมีโอกาสอีกมาก เราไม่ต้องรีบร้อนหรอก! ไว้ปีหน้าเจ้าอยากจะไปนานเท่าไร ก็ตามใจที่ต้องการเลย ข้าจะไปเป็นเพื่อนเจ้าเอง ดีไหม?”

    เหลียนฟางโจวเป็นพวกได้คืบจะเอาศอก โดยเฉพาะต่อหน้าหลี่ฟู่ และเมื่อได้ยินเขาพูดมาอย่างนั้น เธอก็ดึงแขนเสื้อเขา แล้วเอ่ยอย่างน่าสงสาร “หรือว่าเราก็ออกไปเดินเล่นกันตอนนี้? เราก็นั่งรถม้าที่ขับไปช้าๆ ข้าจะไม่ลงจากรถม้าหรอก!”

   พอเห็นหลี่ฟู่ลังเล  หญิงสาวก็ทำท่าทางคล้ายเด็กเอาแต่ใจ

    อย่าวไรก็ตาม หลังจากหลี่ฟู่มองดูท้องของภรรยา เขาก็ยังลังเลอยู่อีก

    คนท้องมักอารมณ์แปรปรวน  มักชอบร่ำร้องหาของแปลกๆ อีกทั้งยังโกรธง่ายเป็นพิเศษด้วย

   โดยเฉพาะเมื่อเรียกร้องหาของแปลกๆ แล้วหาไมได้ ก็จะโมโหเอาได้ง่ายๆ!

    ดังนั้น เหลียนฟางโจวจึงอารมณ์เสีย ทำหน้าบูดบึ้ง “ท่านน่ะ สนใจแต่ลูกชาย ท่านไม่ให้ความสำคัญกับข้าเลย!”

    “จะเป็นไปได้ยังไง!” หลี่ฟู่รีบยิ้มประจบ “ฮูหยินคนดี อย่ามีปัญหาเลย พอเจ้าคลอดลูกชายแล้ว ข้าจะให้เจ้าทำทุกอย่างที่เจ้าต้องการเลยดีไหม? บนถนนมีคนมากมายหนวกหู ข้ากลัวว่าเจ้าจะผิดหวัง แล้วพาลให้อารมณ์เสียเอา!”

    “ไม่เอา! ข้าอยากไปดูเรื่องสนุกๆ!” เหลียนฟางโจวพ่นลมหายใจ

    “ฮูหยินคนดี!”

    “ไม่เอาทั้งนั้น!” เหลียนฟางโจวจ้องชายหนุ่มเขม็ง แล้วบ่นอย่างน้อยใจ” ทุกวันอยู่แต่ในจวน ข้าจะหายใจไม่ออกตายอยู่แล้ว อย่างกับข้าถูกตัดขาดจากโลกภายนอกเลย! อีกตั้งหกเดือน ข้าจะอยู่ไปถึงตอนนั้นไหวหรือ? ข้าจะได้ออกไปจริงๆ ก็หลังคลอดลูกโน่น ข้ารู้สึกว่าคงยากจะเห็นผู้คนมากๆแบบนี้แล้ว!”

    หลี่ฟู่รู้สึกขำ พอเห็นนางเป็นแบบนั้น เขาจึงทนปฏิเสธไม่ไหว จึงเอ่ยขึ้น “แต่ว่า  ร่างกายเจ้า ไม่เป็นไรจริงๆหรือ? กล่าวกันว่าสตรีมีครรภ์ควรระวังตัวให้มากที่สุด ข้าเป็นห่วงเจ้านะ!”

    “ข้าไม่ใช่ตุ๊กตากระเบื้องเคลือบนะ” เหลียนฟางโจวเลิกคิ้ว “ดูสิ ข้าสบายดีไม่ใช่หรือ!”

    หญิงสาวกลอกตา ดวงตาลุกวาวอย่างเจ้าเล่ห์ แล้วก็เอนตัวกระแซะหลี่ฟู่ อ้าปากสีแดงอวบอิ่ม แล้วเอ่ยกระซิบบางอย่าง พลางกัดริมฝีปาก แล้วยิ้มอย่างมีเลศนัย

   ดวงตาหลี่ฟู่เบิกกว้าง เขาจ้องเหลียนฟางโจวอย่างไม่อยากจะเชื่อ

   เมื่อเห็นใบหน้าภรรยามืดครึ้มลง เขาก็รีบจับมือนาง “ที่เจ้าพูดมาเป็นความจริงหรือ?” น้ำเสียงชายหนุ่มสั่นนิดๆ

   เหลียนฟางโจวหลุดยิ้ม แล้วส่งสายตาดุๆใส่เขา พลางเอ่ยยิ้มๆ “หลอกกระมัง! ท่านไม่ได้ถามหมอเซวียหรอกหรือ? หมอเซวียจะไม่รู้ได้อย่างไร!”

    หลี่ฟู่เข้ามาคลอเคลียแล้วเอ่ยขึ้น “เจ้าอยากไปเดินเล่นข้างนอกจริงๆหรือ?”

   เหลียนฟางโจวพยักหน้า

   “เช่นนั้น ก็ไปกันเลย!” หลี่ฟู่เอ่ยเสียงนุ่มนวล “ข้าจะไปเป็นเพื่อนเจ้า หากเมื่อไรเจ้าทนไม่ไหว ก็แค่บอกมา เราจะได้กลับ”

  “อือ!” เหลียนฟางโจวยิ้มอย่างสมใจ แล้วคล้องแขนหลี่ฟู่ด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม “ไปกันเถอะ! ข้าไม่ได้ออกไปข้างนอกนานแล้ว!”

   หลี่ฟู่ยิ้มอย่างจนใจ แล้วเอ่ยอย่างเอาใจ “เจ้าระวังเท้าด้วย ข้าสัญญาแล้ว จะไม่กลับคำแน่ เจ้าจะรีบร้อนอะไรนัก? กลับไปใส่เสื้อเพิ่มอีกชั้น แล้วเอาเตาพกติดตัวไปด้วย แล้วค่อยไปกัน!”

    ทั้งสองยิ้มให้กัน แล้วเดินห่างออกไป หลังพุ่มสูงของต้นตงชิง มีร่างสองร่างในชุดสีเรียบๆโผล่ออกมาช้าๆ

    สตรีที่มีท่าทางงดงามสง่าและรูปโฉมงดงาม จ้องไปยังสถานที่ๆหนุ่มสาวสองคนนั้นหายลับตาไป ดวงตาคู่นั้นพร่ามัว นางถอนหายใจเบาๆ “พี่ฟู่ ข้าไม่เคยรู้มาก่อนว่าท่านก็มีด้านนี้ด้วย! ข้าไม่เคยรู้มาก่อนเลย!”

   นี่มันภรรยาประสาอะไรกัน? ไม่เข้าใจหรือว่าสามีเป็นหลักให้ภรรยาเดินตาม ภรรยาแต่งมาแล้วก็ต้องเชื่อฟังสามี เขาไม่เข้าใจหรือไร? แล้วไฉนถึงดีต่อนางเยี่ยงนี้? ทำไมต้องพูดประจบเอาใจนางด้วยเล่า? นาง…คู่ควรได้รับด้วยหรือ!


4 ความคิดเห็น:

  1. ไม่ระบุชื่อ17 ธันวาคม 2566 เวลา 23:47

    จะมีมาม่าในตอนหน้ารึเปล่าหนอ
    ขอบคุณมากค่ะ

    ตอบลบ
  2. อ่านด้วยความรู้สึกว่าตัวอักษรหนักมาก เกิดอะไรขึ้นกันแน่ ขอบคุณมากค่ะ

    ตอบลบ
  3. จะมีอะไรเกิดขึ้นหรือเปล่าไม่อยากให้มีอะไรเลย

    ตอบลบ
  4. ไม่ระบุชื่อ19 ธันวาคม 2566 เวลา 05:10

    ขอบคุณที่แปลให้อ่านจะติดตามต่อไปค่ะ

    ตอบลบ