วันอังคารที่ 2 มกราคม พ.ศ. 2567

จับแม่ทัพไปไถนา-บทที่ 761 ได้ยิน

          ติงเซียงแค่นเสียงด้วยความเกลียดชัง “นางปีศาจจิ้งจอก! เคยชินกับการใช้มารยาจิ้งจอก ช่างน่าไม่อาย! ภรรยาที่ไหนจะพูดกับสามีอย่างที่นางพูดกัน! แม่นางไม่ได้พ่ายแพ้ในเงื้อมมือของคนเช่นนี้หรอก เพราะนางไพร่ชั้นต่ำไม่คู่ควรกับแม่นางอยู่แล้ว…!”


     ฝ่ามือของแม่นางฉินกำจิกแน่น หญิงสาวตัวสั่นเทิ้ม “ไม่ต้องพูดแล้ว!”

    ติงเซียงรีบหรุบตาลง ผ่านไปชั่วอึดใจ นางก็เอ่ยเสียงอ่อน “ก็บ่าวไม่ยินยอมนี่ บ่าวสงสารท่านแม่ทัพ! ท่านแม่ทัพเป็นมังกรเป็นหงส์  สมควรได้แต่งกับผู้หญิงที่ดีกว่านี้ อีกอย่าง แม่นาง มีอะไรที่แม่นางไม่รู้บ้าง? ท่านแม่ทัพต้องทนทุกข์น้อยกว่าเมื่อก่อนหรือ? มันยากนะกว่าที่ท่านแม่ทัพจะกลับมามีชีวิตมั่งคั่งและมียศฐานบรรดาศักดิ์ พรั่งพรอมชื่อเสียงอย่างในตอนนี้ และเขาควรรื่นรมย์กับมันให้เต็มที่สิ แต่เมื่อข้ามองดูท่านแม่ทัพที่เป็นแบบนั้นเมื่อครู่นี้สิเจ้าคะ เขาต้องก้มหัวให้สตรีผู้นั้น ท่านแม่ทัพ ช่างมีชีวิตที่อาภัพนัก!”

    เมื่อเปรียบเทียบความไม่ยินยอมของแม่นางฉินแล้ว ดูท่าติงเซียงจะมีความไม่ยินยอมยิ่งกว่า

   ทว่าเหตุผลข้ออ้างของติงเซียงนับว่าแปลกประหลาดนัก นางติดตามแม่นางฉินมานานแล้ว หลี่ฟู่มักดีกับแม่นางฉินยิ่งนัก และนางเห็นว่าเขาทำไปโดยไม่ได้เสแสร้งด้วย นางจึงรู้สึกโดยสัญชาติญาณว่า แม่นางมีความสูงศักดิ์อยู่สองถึงสามส่วน นางจึงยิ่งดูถูกชาติกำเนิดของเหลียนฟางโจวนัก

     ทว่าเป็นเพราะคนเช่นนี้ที่ดูจะด้อยกว่านาง คนที่ถึงกับเสวยสุขกับความรุ่งโรจน์และมั่งคั่งที่นางไม่เคยแม้แต่จะฝันถึง แล้วอย่างนี้นางจะไม่มีใจคิดอิจฉาริษยาได้อย่างไร!

    เมื่อได้ยินคำพูดนั้น แม่นางฉินถึงกับตัวสั่นเทิ้ม ดวงตาพลันล้ำลึกขึ้นในทันที ในที่สุดหญิงสาวก็กัดริมฝีปาก แล้วเอ่ยอย่างเย็นชา “กลับ!”

   หลังพูดจบ นางก็หมุนตัวหันหลังเดินจากไป

   ติงเซียงจึงเงยหน้า แล้วรีบเดินตามอีกฝ่ายไป

    ในที่สุดเหลียนฟางโจวก็สมปรารถนา และได้ออกจากจวนไปพร้อมหลี่ฟู่ ถนนเส้นหลักหลายสายที่ขายสินค้าสำหรับเทศกาลปีใหม่ ก็เต็มไปด้วยผู้คนอุดหนาฝาคั่ง เมื่อมองไปไกลๆ นอกจากสีแดงและสีเขียว ที่มาจากบรรดาพ่อค้าต่างแขวนเสื้อผ้าที่จะขายของร้าน รวมทั้งการตกแต่งร้านให้ดูคึกคักมีสีสันของบรรยากาศแห่งการเฉลิมฉลอง ก็ยังมีสีดำซึ่งเป็นศรีษะคนที่เบียดเสียดกันมาจับจ่ายซื้อของกันอย่างคึกคักตื่นเต้น

     ไม่ต้องพูดถึงรถม้าเลย ต่อให้อยากจะเคลื่อนผ่านไป ก็ได้แต่ต้องไหลตามฝูงชนไป

    ในภาพเหตุการณ์เช่นนี้ ไม่ต้องพูดถึงหลี่ฟู่ที่จะไม่มีทางให้ฮูหยินของตนลงมาจากรถเด็ดขาด ตัวเหลียนฟางโจวเองก็ไม่กล้าลงไปด้วย

     ไม่ว่าหญิงสาวมีความตั้งใจจะมาดูสักแค่ไหน เอาเข้าจริงเธอก็รักและห่วงใยลูกในท้องมากกว่า!

     เมื่อหลี่ฟู่เห็นสถานการณ์รอบตัว เขาจึงปลอบใจนาง “พ่อบ้านเฉียน ชุนซิ่งได้ซื้อข้าวของสำหรับฉลองปีใหม่ไปมากมายแล้ว พอเรากลับจวนแล้ว พวกเราก็จะได้เห็นเอง! ข้าสั่งพ่อบ้านเฉียนให้ความสำคัญกับสินค้าออกใหม่เป็นพิเศษ และซื้อของพวกนั้นมาให้เจ้าด้วย เจ้าจะได้ไม่เบื่อ!”

     เหลียนฟางโจวพยักหน้ายิ้มๆ และแล้วสั่งให้สารถีรถม้าให้เปลี่ยนเส้นทาง

    หลี่ฟู่สั่งสารถีให้แวะสถานที่ๆมีคนบางตา และให้ขับรถม้าไปช้าๆ

    การที่ออกมาจากจวน หลักใหญ่ใจความก็คือ เหลียนฟางโจวอยากออกมาสูดอากาศบริสุทธิ์ และตอนนี้เธอก็ได้เติมเต็มความปรารถนาแล้ว สำหรับสถานที่ๆจะไป เธอไม่ได้สนใจมากนัก ขณะนั่งในรถม้ากับหลี่ฟู่ หญิงสาวก็ยิ้มแย้มหัวเราะ บางครั้งก็เลิกมุมผ้าม่านหน้าต่างรถ และมองออกไป แล้วกลับมาถามเขาอีกครา

    รถม้าหยุดนิ่งโดยไม่รู้ตัว และก็ได้ยินเสียงสารถีเอ่ยอย่างนอบน้อม “นายท่าน ถึงแล้วขอรับ!”

     เหลียนฟางโจวนิ่งอึ้งไปทันที ในใจเต็มไปด้วยความสงสัย จึงเอ่ยกับหลี่ฟู่ “ถึงแล้วรึ? เรากำลังจะไปไหนหรือ?”

     หลี่ฟู่กระแอมขึ้น แล้วจับไหล่นางไว้ ก่อนจะเอยด้วยรอยยิ้ม “เป็นสำนักหมอหลวงน่ะ …เจ้านั่งพักอยู่ในรถเถอะ ข้าไปประเดี๋ยวเดียว เดี๋ยวก็มาแล้ว!”

   สำนักหมอหลวง? ไม่ต้องถามเลย เธอรู้ว่าคงต้องเป็นการไปหาเซวียอวี้ชิง!

   ไม่ต้องแม้แต่จะถาม เธอรู้ว่าเป็นเรื่องอะไรที่เกี่ยวข้องกับเซวียอวี้ชิง!

    ใบหน้าของเหลียนฟางโจวเปลี่ยนเป็นสีแดงโดยไม่รู้ตัว เธอไม่โมโหพอจะเหน็บแนมอีกฝ่าย จึงเอ่ยเสียงนุ่ม “ท่านจะมาทำอะไรที่นี่เหรอ? หากท่านอยากมา ก็ไม่ควรพาข้ามาด้วยนะ!”

    หลี่ฟู่ยิ้มประจบ “ฮูหยินคนดี ใจเย็นๆเถอะ! เจ้ารอข้า อีกประเดี๋ยวข้าก็กลับมาแล้ว!” พอกล่าวจบเขาก็กระโดดลงจากรถไป

    หลังจากนั้นสักพัก รัชทายาทก็ทรงอาการดีขึ้นมาหน่อยในที่สุดเซวียอวี้ชิงจึงค่อยโล่งใจ ในสองสามวันที่ผ่านมา ยกเว้นเรื่องกินแล้ว เขาก็นอนอยู่ในห้องมืดๆในวังหลวง

    เมื่อถูกหลี่ฟู่ลากตัวออกมาจากเตียง เซวียอวี้ชิงก็หาวออกมาอย่างโมโห “เจ้าบ้านี่! หนาวออกอย่างนี้เจ้ามาหาข้าทำไมกัน? เจ้าไม่อยู่ทึ่บ้านกับฮูหยินและบุตรชายอันล้ำค่าของเจ้าเหรอ? ข้าไม่ได้บอกกับเจ้าไปหลายครั้งแล้วเหรอ? ทารกในครรภ์ของพี่สะใภ้มั่นคงดีนัก และเจริญเติบโตดี เจ้าวางใจเถอะ!”

     ข้าย่อมรู้ว่าภรรยากับลูกชายข้าสุขภาพดีมาก “ ใครจะรู้เล่าว่าหลี่ฟู่จะพูดแบบนี้ออกมาทันทีที่เปิดปาก และภายใต้สายตาของเซวียอวี้ชิงที่จับจ้องมา หลี่ฟู่ถูไม้ถูมืออย่างอึกอักลังเล “เอ่อ พอดีข้ามีเรื่องอื่นจะมาถามเจ้า…เอ่อ ฮูหยินของข้า นาง คือหากจะร่วมสัมพันธ์กันจะเป็นอะไรไหม?”

     ทีแรกชายหนุ่มยังลังเลอยู่ ทันใดนั้นเขาก็กลั้นใจถามออกไปตรงๆเลย

     “อะไรนะ!”  ดวงตาเซวียอวี้ชิงดูคล้ายกับระฆังทองเหลือง ทันใดนั้นเขาก็ยกมือขึ้นตบเตียง แล้วระเบิดหัวเราะลั่น หัวเราะอย่างหนักจนถึงกับหายใจไม่ทัน ได้แต่ยกมือชี้หน้าหลี่ฟู่ แต่พูดออกมาไม่ได้

     ใบหน้าหลี่ฟู่มืดครึ้ม พลางจ้องอีกฝ่ายด้วยสายตาตักเตือน

     ทันใดนั้นเซวียอวี้ชิงก็นึกถึงชีวิตในระยะยาวที่ยังอยู่ในกำมือของผู้อื่นอยู่ เขาไม่อยากกลับไปนับเม็ดข้าวในหม้อหรอกนะ ทางที่ดี เขาไม่ควรหัวเราะอย่างออกหน้าออกตาเกินไปจะดีกว่า  หมอหนุ่มจึงเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “แม่ทัพหลี่คิดจะถามข้าเรื่องนี้ได้อย่างไร? ข้าจำได้ว่าช่วงแรกๆที่อยู่ในแถบตะวันตกเฉียงเหนือด้วยกัน แม่ทัพหลี่ไม่แตะต้องสตรี และไม่ยอมมีอะไรกับสตรีด้วย อา..แล้วยามนี้ เพียงแค่สองสามเดือน ถึงกับอดกลั้นไม่ไหวเชียวรึ?”

      หลี่ฟู่อยากจะบี้ชายผู้นีให้ตายนัก

      ทว่าก็ได้แต่แค่นเสียง พลางเลิกคิ้วก่อนจะพูดอย่างเกียจคร้านว่า “ฮูหยินข้าจะเหมือนสตรีอื่นได้อย่างไร?  เรื่องนี้เจ้าจะรู้เองเมื่อเจ้าได้ แต่งงาน!”

     เซวียอวี้ชิงอดจ้องอีกฝ่ายไม่ได้  สีหน้าปรากฏแววอึดอัดใจเล็กน้อย  เรื่องที่เขาไม่อยากได้ยินที่สุด ก็คือคำพูดเกี่ยวกับเรื่องแต่งงานนี่แหละ

      เซวียอวี้ชิงไม่โกรธ “พี่สะใภ้ข้าสุขภาพดีนัก หลานชายข้าก็แข็งแรงดีมาก ตอนนี้ก็ครบสามเดือนแล้ว ขอเพียงเจ้ายั้งมือไม่รุนแรงนัก ก็จะไม่มีปัญหาอะไร! อย่างไรก็ตาม เมื่ออายุครรภ์เข้าสู่ช่วงเจ็ดถึงแปดเดือน เจ้าละเว้นเรื่องพวกนี้ไปเลย ย่อมดีกว่า!”

    แล้วหลี่ฟู่ก็พูดขึ้น “ไฉนเจ้าไม่บอกข้าเสียแต่เนิ่นๆเล่า! ช่างเถอะ ข้าไปแล้ว!”

     เรื่องนี้จะไม่มีปัญหาหลังจากตั้งครรภ์ไปสามเดือนแรกแล้วหรือ? บ้าเอ๊ย ช่วงนั้นที่ข้าต้องอาบน้ำเย็นตอนกลางคืน ก็นับว่าไม่ศูนย์เปล่าแล้ว!”

      ใจของหลี่ฟู่ประหนึ่งไฟที่ไม่อาจดับลงได้ และไม่รอให้เซวียอวี้ชิงพูดอะไรอีก เขาก็รีบหันหลังเดินจากไป

      เซวียอวี้ชิงอ้าปาก พลางมองด้านหลังเขาที่ไปไกลลิบแล้ว แล้วเอ่ยอย่างหดหู่ “นี่เป็นความผิดของข้ารึ? ข้าจะไปรู้ได้อย่างไรว่าจู่ๆเจ้าจะร้อนใจถึงเพียงนี้? จริงๆเลย-เฮ้อ!”

     เซวียอวี้ชิงนึกถึงความคิดดูแคลนในอดีต เขาคิดว่าคนอย่างหลี่ฟู่ จะแต่งภรรยาก็เพียงเพื่อสร้างทายาทสืบตระกูลเท่านั้น เพราะเขาไม่มีทางฝักใฝ่ในเรื่องทำนองนี้อย่างแน่นอน

    ใครจะรู้เล่าว่า เขาจะมีวันเช่นนี้ด้วย  ถึงอากาศจะหนาวเหน็บก็ยังวิ่งมาถามคำถามอันน่าอายกับตน!

     เมื่อหลี่ฟู่ออกมาจากที่พักของเซวียอวี้ชิงแล้ว เขาก็กระโดดขึ้นรถม้า  แล้วก็ตรงเข้ากอดภรรยา ขณะที่จุมพิตริมฝีปากนางอย่างดูดดื่ม จากนั้นก็คอยและเล็มจูบนางไม่ห่าง เหลียนฟางโจวที่ไม่ทันระวังตัว  จึงถูกเขาบังคับรับจุมพิตอีกฝ่ายเต็มๆ

    ยังดี ที่เขารู้ว่ายามนี้เธอท้องอยู่ เขาจึงไม่เอาแต่จูบเอาๆไม่เลิกอย่างเมื่อครู่  ครั้นแล้วก็ยอมปล่อยตัวเธอ ก่อนที่เธอจะรู้สึกอึดอัด

    ฮูหยินคนดี หากเป็นเช่นนั้น หรือว่าเราจะเริ่มกันคืนนี้เลย?”  ลมหายใจขอ

หลี่ฟู่ถี่กระชั้นขึ้นนิดๆ ชายหนุ่มโน้มตัวเข้ามากระซิบเสียงพร่าชิดหู

    เหลียนฟางโจวรู้สึกเพียงว่าจู่ๆร่างกายตนก็อ่อนยวบโดยไม่ทราบสาเหตุ ใบหน้าและลำคอแดงเรื่อ  จึงเอ่ยขึ้นโดยไม่รู้ตัว “ท่านไปถามหมอเซวียมาจริงเหรอๆ?”

    หลี่ฟู่ยิ้ม “ข้าจะมั่นใจโดยไม่ถามเขาได้อย่างไร?  วางใจเถอะ ข้าจะระวัง…”

    เมื่อมองดูใบหน้าที่แดงก่ำของภรรยา หลี่ฟู่ก็หัวเราะ พลางร้องตะโกน “กลับจวน!”

   สำหรับสิ่งที่เกิดขึ้นหลังจากกลับถึงจวน จะให้คนนอกรู้ไม่ได้


3 ความคิดเห็น:

  1. สวัสดีปีใหม่ค่ะ ขอให้ไม่เจ็บไม่จน มีความสุขและสุขภาพแข็งแรง การงานราบรื่น การเงินรุ่งโรจน์โชติช่วงชัชวาลนะคะ

    ตอบลบ