วันอังคารที่ 2 มกราคม พ.ศ. 2567

จับแม่ทัพไปไถนา-บทที่ 764 ซุนหมิงมาเยี่ยม

      เห็นชัดๆว่าเขาทำผิด ทั้งยังตวาดใส่นางอย่างนั้น เหตุใดเขาถึง? ไม่มีถ้อยคำนุ่มนวลแม้เพียงครึ่งคำ ทว่าเขาก็ยังคิดถึงชื่อเสียงของสตรีได้!

    เหตุใดเขาต้องมาข้อรองตนด้วย? ในเมื่อเขากล้าขอ นางก็จะทำให้ตามคำขอ!


    ประสาท! ผู้หญิงคนนั้นยังจะมีชื่อเสียงอยู่อีกเหรอ? ที่นางพ่ายแพ้หมดรูป ก็เพราะนางทำตัวเองทั้งนั้น! หากไม่ใช่เพราะจิตใจอ่อนโยนของฮูหยิน ตนก็ไม่รู้ว่าอีกฝ่ายจะมีชะตากรรมเป็นเช่นไร!

   ยิ่งปี้เถาครุ่นคิดเท่าใด ก็ยิ่งรู้สึกเสียใจ น้ำตาพลันเอ่อคลอนัยตาโดยไม่รู้ตัว ทว่านางกัดริมฝีปากอย่างดื้อดึง ไม่ยอมให้น้ำตาไหลร่วงลงมา ทว่าแทนที่หญิงสาวกลับเงยหน้าและแค่นเสียงด้วยใบหน้าเย็นชา “อย่ามาถือสิทธิ์ของตัวเองที่นี่ ใครมีความอดทนจะพูดเรื่องเช่นนี้กัน? ต่อให้ท่านไม่ต้องการชื่อเสียง ทว่าชื่อเสียงของจวนนั้นสำคัญยิ่งกว่า! ท่านควรจะจดจำสิ่งที่ท่านพูดในวันนี้ และอย่าได้แอบทำอะไรลับหลังอีก! ถึงจะเป็นผู้ชายเหมือนกัน ท่านยังห่างชั้นกว่านายท่านของข้า ถึงแสนแปดพันลี้

    พอกล่าวจบ นางก็หันหน้าหนีด้วยโทสะ แล้วยกมือปิดหน้าวิ่งหนีไป

    แม้ว่าสิ่งที่นางพูดมาจะระคายหูนัก เซียวมู่ก็ผ่อนลมหายใจโล่งอก แล้วยืนพิงต้นไม้ใหญ่ข้าง ๆอย่างอ่อนแรง

    โชคดีนัก ที่นางไม่เอาไปพูดข้างนอก…

    เมื่อพูดถึงความหุนหันพลันแล่นของเขาในวันนี้ นางพูดถูก ในที่มืดๆลับตาคน ชายหญิงไม่ควรอยู่กันตามลำพัง—

    ใจของเซียวมู่วูบไหวเล็กน้อย และแล้วก็เริ่มเสียดแทงเจ็บปวด เหตุใดนางถึงดื้อรั้นได้ถึงเพียงนี้? เป็นเพราะหัวหน้าทิ้งห่างเขาหนึ่งแสนแปดพันลี้จริงๆหรือ ดังนั้นไม่ว่าจะเป็นหรือตาย นางก็ไม่มองมาที่เขาบ้าง?

   เมื่อคิดถึงตรงนี้ เซียวมู่ก็ได้แต่ยิ้มอย่างขมขื่นใจ

   เหลียนฟางโจวตั้งครรภ์อยู่  เธอไม่ควรนอนดึก ดังนั้นหญิงสาวจึงเข้านอนแต่หัวค่ำ จนกระทั่งยามจื่อ(ห้าทุ่มถึงตีหนึ่ง) เธอซึ่งนอนอยู่ในผ้าห่มหนาๆได้ตื่นขึ้น และก็ได้ยินเสียงประทัดดังนอกประตู และทุกๆคนในในจวนก็ทำการเซ่นไหว้วันตรุษจีนขึ้นปีใหม่ มีการให้รางวัล และกินอาหารมื้อดึกกัน ก่อนจะกลับเข้าห้องพร้อมกับหลี่ฟู่เพื่อไปพัก

   ใครจะรู้ว่าเธอจะตาสว่าง ประกอบกับเพิ่งกินอะไรเข้าไปด้วย แม้ว่าจะเอนกายนอนลงแล้ว เธอก็นอนไม่หลับอยู่ดี

   หลี่ฟู่กอดหญิงสาวและคุยกับนางสักพัก จากนั้นมือไม้แขนขาก็เริ่มอยู่ไม่สุก ชายหนุ่มถูกภรรยากลอกตาใส่สองหนเป็นเชิงดุ เขาก็กอดนาง แล้วร้องขออย่างออดอ้อน “ฮูหยินคนดี วันนี้คือวันแรกของปีใหม่ นับว่าเป็นลางดีอะไรเช่นนี้!”

   เหลียนฟางโจวทั้งขำทั้งฉุน ใบหน้าแดงเรื่อขึ้น พลางปัดมือเขาออก “อย่าซนน่า พรุ่งนี้รุ่งสางท่านยังต้องร่วมเข้าเฝ้าถวายพระพรของทางราชสำนักอีก!”

    พรุ่งนี้คือวันปีใหม่ ฮ่องเต้ทรงจัดให้เข้าเฝ้าถวายพระพรของทางราชสำนักครั้งใหญ่ในท้องพระโรง บรรดากลุ่มขุนนางและทูตานุทูตจากต่างแคว้น จะมาเข้าเฝ้าถวายพระพร ส่วนฮองเฮา รวมทั้งบรรดาสนมด้วย ก็จะมารับการถวายพระพร จากเหล่าฮูหยินตราตั้งทั้งหลาย

   เป็นเพราะเหลียนฟางโจวตั้งครรภ์ เธอจึงได้ทูลแจ้งต่อฮองเฮาแล้วว่า พรุ่งนี้ไม่อาจเข้าเฝ้าได้ ทว่าหลี่ฟู่ต้องไป ไม่อาจเลี่ยงได้

   ชายหนุ่มไม่สนใจว่าเหลียนฟางโจวจะพูดอย่างไร เขาจุมพิตหน้าผากหญิงสาวแรง ๆ แล้วยิ้มออกมา “ข้าไม่สน เจ้าค่อยไปนอนต่อในตอนพรุ่งนี้เช้าก็ได้ !”

   ขณะที่พูดไป เขาก็พลิกตัวหญิงสาวให้นอนคว่ำหน้า แล้วค่อยๆลูบไล้นาง

   เมื่อถึงเวลาเช่นนี้ทุกครั้ง เหลียนฟางโจวก็ได้แต่จนใจ ทำอะไรไม่ได้  นอกจากบ่นอุบอิบสองที แล้วค่อยๆประคองท้องอย่างระมัดระวัง นางค่อมตัวลงบนหมอน แล้วเอ่ยว่า “อย่าทำแรง และก็อย่าทำนานไปนะ ท่านต้องรีบหน่อย”

   เดิมทีหลี่ฟู่คิดจะก่อกวนเฉยๆ แต่ไม่คิดว่านางจะตกลง

   ทว่าในเมื่อมีสวัสดิการมาป้อนให้ถึงบ้านแล้ว จะปฏิเสธก็ใช่ที่ ชายหนุ่มถึงกับยิ้ม “ฮูหยินคนดี เจ้าอยากให้ข้ารีบทำ เจ้าทนไม่ไหวแล้วหรือ…”

   เตียงกระโจมสั่นไหวเบาๆ มีเสียงครางต่ำ ผสานเสียงหอบดังขึ้น

   หลี่ฟู่ได้ร่วมรติรสกับนางในที่สุด โดยไม่กล้าทำอะไรผาดโผน หลังจากเวลาผ่านไปพักใหญ่ ชายหนุ่มก็ปล่อยมือ แล้วพาตัวเขาและนางเอนกายนอนลงอีกครั้งอย่างสุขใจ

   หลังจากโดนเขาเคี่ยวกรำมาเช่นนั้น ความเหนื่อยล้าของเหลียนฟางโจวก็กลับมาอีกครั้ง หมอนถูกเธอกอดไว้ในวงแขน และในไม่ช้าก็ผล็อยหลับไป

   ในแสงไฟสลัว หลี่ฟู่ก้มมองใบหน้าที่หลับสนิทของภรรยา เมื่อเห็นลมหายใจของนางเป็นจังหวะสม่ำเสมอแล้ว ชายหนุ่มจึงวางใจ

   เขายื่นมือไปลูบแก้มขาวนวลเรียบรื่นเบาๆ หลังจากนางตั้งท้องแล้ว ตอนนี้เห็นหน้าท้องโป่งนูนชัดเจนขึ้นมาก ผิวพรรณก็เด้งนุ่ม และเนียนละเอียดราวผ้าไหม ชายหนุ่มจึงอดลูบไล้อีกหลายครั้งไม่ได้

   ภรรยาตัวน้อยดูคล้ายจะหงุดหงิด ยามเอามือไปลูบคิ้วเส้นละเอียดเบา ๆ นางจะส่ายหน้าไปทางซ้ายทีขวาที และส่งเสียงครางด้วยความรำคาญสองหน ทำเอาหลี่ฟู่อดหัวเราะในลำคอไม่ได้

    พอเห็นกลุ่มเส้นผมที่รุ่ยลงมาข้างแก้ม เพราะนางส่ายหน้า ชายหนุ่มจึงบรรจงกวาดเส้นผมไปข้างแก้มอย่างเบามือ

    หากเป็นไปได้ เขายินดีหยุดเวลา และเก็บนางในรูปลักษณ์นี้ไปตลอดกาล เก็บปีที่ผาสุกสงบ และความอบอุ่นที่นางต้องพึ่งพาเขาเอาไว้

   หลี่ฟู่ถอนหายใจเบา ๆ และดึงนางมากอดไว้ในอ้อมแขนอย่างหวงแหน ก่อนจะนอนหงายหันไปทอดมองยอดของกระโจมม่านมุ้งอย่างเหม่อลอย

    หลี่ฟู่ค่อยๆลุกขึ้นอย่างเบาที่สุด จนเหลียนฟางโจวไม่รู้ว่าเขาลุกไปตั้งแต่เมื่อไร หญิงสาวเดาว่า คงจะลุกไปตอนยังไม่ทันรุ่งสาง ซึ่งเป็นเวลาที่เธอนอนหลับสนิท

   อย่างไรก็ตาม ในวันแรกของปี เธอไม่อาจนอนหลับอุตุได้ จึงลุกจากเตียงหลังฟ้าสาง

    หลังจากเรื่องราวการแยกครอบครัว โจวซื่อพาหลี่อวิ๋นหันไปที่จวนฝั่งโน้น เพื่อเยี่ยมเยียนคารวะในช่วงปีใหม่ เหลียนฟางโจวไปที่นั่นไม่ได้เพราะนางท้องอยู่ ดังนั้นเธอจึงสั่งให้ปี้เถา และฮูหยินของพ่อบ้านเฉียนร่วมทางไปพร้อมกับสองแม่ลูก และพวกเขาต้องเตรียมของขวัญไปมอบให้ทางฝั่งโน้นไม่อั้นด้วย

    ความสัมพันธ์ทางสายเลือดนั่นตัดกันไม่ขาด  หากหลี่ฟู่ไม่ติดต่อไปมาหาสู่กับทางฝั่งนี้เลย ก็จะเป็นการยืนยันคำที่ผู้คนซุบซิบนินทากัน และเขาอาจถูกฟ้องร้องกล่าวโทษจากเจ้าหน้าที่ตรวจสอบได้

    อย่างน้อย ก็ต้องรักษาหน้าตาไว้ให้ดีที่สุด เพราะทุกคนล้วนเฝ้าจับตาดูอยู่!

   ยังเคราะห์ดี มีคนในจวนที่เข้าใจ แม้ลุงรองจะไม่ใช่คนดีนัก แต่เขาเป็นคนที่เข้าใจสถานการณ์อย่างทะลุปรุโปร่ง และการที่หลี่หว่านโหรวถูกจูอวี๋อิงใช้เป็นเครื่องมือทำร้ายผู้อื่น ทำให้หลี่ฟู่โกรธจริง ๆ ในฐานะบิดา เขาจึงตัดสินใจแก้ไขความประพฤติ และตักเตือนบุตรสาวอย่างจริงจัง ไม่มีผ่อนปรน เหลียนฟางโจวและหลี่ฟู่ถึงได้คลายใจ

    ไม่นานหลังจากนั้น โจวซื่อและหลี่อวิ๋นหัน และบริวารในส่วนของพวกเขา ก็ได้ย้ายออกไปจากจวน ส่วนซุนหมิงได้พาซูซินเอ๋อร์มาเยี่ยมสวัสดีปีใหม่ที่จวน

    ซุนหมิงและซูซินเอ๋อรมาถึงเมืองหลวงในช่วงกลางเดือนสิบเอ็ด และเป็นเวลาที่เกิดสถานการณ์ในเมืองหลวง ที่เกิดการกวาดล้างและโยกย้ายขุนนางที่กระด้างกระเดื่อง อย่างรุนแรงและทันทีทันใด

   ดังนั้นเขาจึงไม่เคยมาเยี่ยมเยียนเลย และเก็บตัวอยู่ในจวนที่เช่าไว้ จนกระทั่งมรสุมพัดผ่านไปแล้ว คนส่งข่าวจึงนำจดหมายมามอบให้ รวมทั้งของฝากบางส่วนที่นำมาจากบ้านเกิด และบอกว่าเขาจะมาเยี่ยมด้วยตัวเองอีกครั้งในต้นปีหน้า

    เหลียนฟางโจวย่อมตื่นเต้นยินดี เมื่อได้ทราบข่าวเป็นครั้งแรกว่า คนจากบ้านเกิดกำลังมา และเดิมทีอยากจะเชิญคนทั้งสองมาที่จวนในวันปีใหม่ ทว่าเมื่อคิดดูอีกที กิตติศัพท์ความขี้หึงของหลี่ฟู่ทนับว่ารุนแรง ทั้งยังซูซินเอ๋อร์ที่เย่อหยิ่งเจ้าอารมณ์ หญิงสาวจึงไม่ยินดีจะหันไปปะทะกับอีกฝ่ายอีก 

    เธอจึงปัดความคิดนี้ทิ้งไป และเพียงสั่งชุนซิ่งและปี้เถานำของขวัญไปเยี่ยมเยียนครั้งหนึ่ง เพียงบอกว่าหากมีส่งใดต้องการขอความช่วยเหลือ ขออย่าได้เกรงใจ

    เหลียนไห่และซุนหมิงออกเดินทางในช่วงเวลาเดียวกัน

    เป็นเหลียนไห่ที่เล่นบทบาทเจ้าเล่ห์อีกครั้ง เมื่อเขาได้ข่าวสถานการณ์ระส่ำระสายในเมืองหลวง จึงกลัวว่าตนเองจะเจอปัญหา ดังนั้นเขาจึงหยุดอยู่ในเทียนจิน และไม่เข้าเมืองหลวง

   โชคดีที่เหลียนฟางโจวและหลี่ฟู่ไปทราบเรื่องนี้เข้าด้วยความบังเอิญ

    หลี่ฟู่หัวเราะและไม่ใส่ใจ ขณะที่เหลียนฟางโจวถึงกับดูแคลนบุคลผู้นี้ยิ่งขึ้นไปอีก เขาไม่ได้เข้าเมืองหลวง และไม่ได้ส่งจดหมายมาหาเธอ ความจริงแล้ว ไม่ใช่ว่าเพราะกังวลว่า หากเกิดอะไรขึ้นกับหลี่ฟู่ แล้วตัวเองจะติดร่างแหไปด้วยใช่ไหม?

   เหลียนฟางโจวนึกโกรธในใจ ทันใดนั้นก็รู้สึกหมั่นไส้ จึงส่งชุนซิ่งกับพ่อบ้านขั้นสองในจวนพาบ่าวสองคนไปเทียนจิน เพื่อถามเขาเรื่องที่พัก และแสดงเจตจำนงว่า จะให้เขามาพักในจวน

   เป็นดังคาด เหลียนไห่ได้สอบถามสถานการณ์กับชุนซิ่ง ซึ่งเหลียนฟางโจวได้เตรียมอุบายไว้แล้ว โดยเธอให้ชุนซิ่งถ่ายทอดเรื่อราวกับเหลียนไห่ไปตามที่เธอบอก ซึ่งทำให้เขาตอบออกไปดังนี้


1 ความคิดเห็น: