ชุนซิ่งยิ้ม "สิ่งที่ฮูหยินกล่าวถูกต้องแล้วเจ้าค่ะ แต่ท่านวางใจเถอะ สิ่งที่ปี้เถารำคาญที่สุดก็คือแม่นางฉินผู้นั้น และจะไม่เอาอย่างนางแน่! พอกลับไปแล้ว บ่าวจะตักเตือนนางสักสองสามคําให้เจ้าค่ะ! "
เหลียนฟางโจวเข้าใจแน่แท้แล้ว สำหรับวัตถุประสงค์นี้ ชุนซิ่งสามารถเข้าใจเจตนาของเธอได้ไวเสมอ หญิงสาวจึงยิ้ม
"อย่าไปพูดถึงเรื่องเจตนาของข้าเลย เรามาคุยกันในเรื่องที่พี่สาวคุยกับน้องสาวเป็นปกติธรรมดาเถอะ!"
เธอเหลือบมองชุนซิ่ง ทันใดนั้นก็ส่งยิ้มเรียบเรื่อย "เจ้าไม่ได้เด็กแล้ว และก็ควรมีครอบครัว ——"
เหลียนฟางโจวยังพูดไม่จบ เพียงแต่เห็นใบหน้าของชุนซิ่งเปลี่ยนไปราวกับกำลังหวาดกลัว นางส่ายหน้าหวือ "ไม่เอา ไม่เอา! บ่าวยังไม่อยากแต่งงานเจ้าค่ะ! "
ซึ่งทําให้เหลียนฟางโจวถึงกับสะดุ้งตกใจ
ชุนซิ่งที่ตกใจหวาดกลัวไปชั่วขณะ เมื่อรู้ว่าตัวนางกำลังเสียกิริย หญิงสาวจึงรีบคุกเข่าลงและก้มหัวลง "ฮูหยิน บ่าวยังคงต้องการปรนิบัติรับใช้ฮูหยินไปอีกสองสามปี และขอให้ฮูหยินช่วยให้บ่าวสมปรารถนาด้วยเถิดเจ้าค่ะ! บ่าวไม่อยากแต่งออกเรือนตอนนี้จริงๆเจ้าค่ะ! "
"ลุกขึ้นเร็ว!" เหลียนฟางโจวก้มตัวลงช่วยพยุงนางลุกขึ้น ขณะที่ท้ังขำทั้งฉุน "เจ้าเรียนรู้ที่จะฟังลมและฝนเหมือนปี้เถาตั้งแต่เมื่อไหร่กัน? ข้าแค่จะบอกว่าน้องสาวอย่างเจ้าควรเก็บมาคิดและพิจารณาไว้บ้าง และหากเจ้ามองใครไว้ ก็ไม่ต้องอายหรอก แค่บอกกับข้ามา! ไม่ว่าเจ้าอยากเลือกพ่อบ้านหรือองค์รักษ์คุ้มกันนายท่านเพื่อแต่งงาน หรือออกไปมองหาครอบครัวที่มีประวัติขาวสะอาด ทั้งหมดก็แล้วแต่ความปรารถนาของเจ้า! "
ชุนซิ่งทำตาแดงๆ แล้วกล่าวอย่างน้อยเนื้อต่ำใจ "บ่าวไม่ทราบว่า จะมีอีกกี่ชีวิตที่ได้รับการอบรมสั่งสอน และติดตามรับใช้ฮูหยิน! แต่พระคุณของฮูหยิน บ่าวจะระลึกและจดจำไว้มิลืม! "
เหลียนฟางโจวยิ้ม "แม้ว่าเราจะใช้เวลาร่วมกันในฐานะนายและบ่าวไม่นาน แต่ก็ยังนับว่าเป็นโชคชะตาซึ่งหาได้ยากยิ่ง! เจ้าอย่าพูดแบบนั้นเลย สรุปว่า เจ้าก็บอกข้ามา และให้ปี้เถาบอกข้ามาด้วยเช่นกัน จำไว้อย่าลืมให้ความใส่ใจในเรื่องนี้ด้วย! "
ชุนซิ่งพยักหน้าน้อมรับ
เมื่อเห็นว่าเหลียนฟางโจวเผยสีหน้าเหนื่อยล้าออกมาหน่อยๆ นางจึงช่วยประคองอีกฝ่ายนอนลง แล้วจึงยอบกายคำนับเล็กน้อย ก่อนจะล่าถอยกลับออกจากห้องไป
เหลียนฟางโจวจ้องมองไปที่ม่านผ้าฝ้ายบาง ๆ ปักลายกิ่งไม้พันกันสีแดงพุทรา ซึ่งเป็นที่ๆแผ่นหลังของอีกฝ่ายลับหายไป ทว่าหญิงสาวกลับมีท่าทางครุ่นคิด
เป็นไปได้หรือไม่ว่าไม่เพียงแต่ปี้เถา แต่ยังมีชุนซิ่งอีกคนที่มีคนที่ต้องตาต้องใจ? มิฉะนั้นนางจะแสดงปฏิกิริยาโต้กลับอย่างรุนแรงได้อย่างไร ในยามที่เธอเอ่ยถึงเรื่องการแต่งงานกับใครบางคน?
แต่...
เหลียนฟางโจวครุ่นคิดถึงผู้คนรอบตัวนางทีละคนในใจ แต่ก็ยังยังคงไม่อาจโยงไปถึงคนที่น่าจะเป็น หญิงสาวจึงอดส่ายหน้า และเปล่งเสียงครางในลำคอชั่วครู่ไม่ได้ "เซียวมู่..."
เมื่อพูดถึงเซียวมู่ เมื่อคืน ปี้เถาทนพฤติกรรมเขาไม่ไหว จนนางต้องร้องไห้วิ่งหนีไป ผ่านไปเป็นนานเขาถึงตระหนักถึงปัญหาหลังจากเหตุการณ์ได้เกิดขึ้นแล้ว ว่าเขารุนแรงกับเด็กสาวคนหนึ่งเกินไปหน่อยกระมัง? ทั้งตวาดใส่ทั้งจ้องนางด้วยสายตาดุร้ายแข็งกร้าว เขาช่างทำตัวเหลวไหลเกินไปหน่อยจริงๆ!
ยิ่งไปกว่านั้น ไม่ว่าอย่างไร นางก็สัญญาแล้วว่าจะไม่ปากโป้ง แม้ว่าจะไม่ใช่เพราะเห็นแก่แม่นางฉินก็ตาม แต่ก็ไม่น่าจะส่งผลกระทบใดๆต่อชื่อเสียงของแม่นางฉิน! สําหรับเรื่องนี้ ลำพังแล้วข้าควรจะขอบคุณนางเสียด้วยซ้ำ!
เซียวมู่กลับไปครุ่นคิดถึงเรื่องนี้ทั้งคืน และยิ่งเขาขบคิดในเรื่องนี้มากเท่าไหร่ เขาก็ยิ่งรู้สึกว่าทัศนคติของเขาที่มีต่อปี้เถานั้น มองนางในแง่ลบมากเกินไป
ดังนั้นชายหนุ่มจึงคิดจะหาวิธีชดเชยความผิดของตน
การทำหน้าที่ในสนามรบ อย่างเช่นการต่อสู้และการเข่นฆ่าศัตรู นับว่าไม่ใช่เรื่องยาก ทว่าการหาวิธีไถ่โทษและขอโทษสตรี กลับทําให้เขาอับอายแล้วจริงๆ!
เซียวมู่พยายามเค้นสมองคิด แต่ก็ยังคิดทางออกไม่ออก ดังนั้นเขาจึงต้องไปขอคําชี้แนะจากใครบางคน
เดิมทีหัวหน้าน่าจะเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดในการให้คำชี้แนะ แต่ในมุมมองของความจริงที่ว่า ปีเถาเป็นสาวใช้รุ่นใหญ่ข้างกายฮูหยินของหัวหน้า เซียวมู่จึงรู้สึกใจฝ่อ ไม่กล้าเอ่ยปากขอคำชี้แนะหัวหน้า
ดังนั้นเมื่อคิดถึงเรื่องนี้ เขาก็นึกถึงเซวียอี้ชิงขึ้นมา
หมอเซวีย แม้ว่าบางครั้งจะไม่น่าเชื่อถือนัก ยังไม่นับรวมใบหน้าที่งดงามปานเทพเซียนชวนล่อลวงผู้คน และท่าทางที่มองดูแล้วไม่เหมือนคนธรรมดาทั่วไปก็ตาม
ทว่าเขาเป็นคนที่รู้อะไรๆดีมาเยอะ!
ดังนั้นเซียวมู่จึงตรงดิ่งไปหาเซวียอวี้ชิง
ดังนั้นเขาจึงไปถามคำถามอีกฝ่ายว่า หากอยากต้องการขอโทษใครสักคน เขาควรทำเช่นไรดี?
ดวงตาของหมอเซวียเปล่งประกายลุ่มลึก ทันใดนั้นเขาก็ได้กลิ่นทะแม่งๆ
ท่านหมอกวาดสายตามองอีกฝ่ายขึ้นลงเที่ยวหนึ่ง แล้วเอ่ยถาม "ต้องการขอโทษสตรีใช่ไหม? "
เซียวมู่ตัวแข็งทื่อไปชั่วขณะ แล้วตอบว่า "ใช่" ด้วยความหงุดหงิด และอธิบายอย่างคลุมเครือไปว่า "เป็นข้าที่ทำตัวเหลวไหลเอง เอ่อ บังเอิญข้าพูดผิดไป แล้วไปทำให้บุคคลอื่นขุ่นเคือง ฮ่าๆ หมอเซวีย ท่านช่วยแนะนำอะไรหน่อยได้ไหม อย่างเช่น จะขอโทษอย่างไรให้คนอื่นยอมยกโทษให้?"
หมอเซวียเหลือบมองเซียวมู่ด้วยสายตาที่ว่างเปล่า และนึกบ่นในใจ "เจ้าไม่เพียงโง่แต่ปากอย่างเดียวหรอก!
แม้เซียวมู่ไม่อยากจะเล่าอธิบายทุกอย่างอย่างละเอียดเกินไป ทว่าเขาไหนเลยจะเป็นคู่ต่อสู้ของหมอเซวียได้?
นอกจากตัวตนและชื่อของผู้หญิงที่เขาไม่ได้บอกไปแล้ว ที่เหลือมีสิ่งไหนที่เซวียอวี้ชิงอยากรู้ เขาก็ได้รู้
ทันทีที่บังเกิดความสนุกขึ้นมาในใจ เขาจึงอยากหยอกล้อเซียวมู่เสียหน่อย ดังนั้นเขาจึงหัวเราะและพูดว่า"นี่ยังไม่ง่ายอีกหรือ แน่นอนว่าเจ้าต้องนําของขวัญมาด้วย ของขวัญนี้ไม่จําเป็นต้องมีราคาแพงเกินไป เจ้าต้องหนักแน่จริงใจ! นี่คือวิธีที่จะแสดงออกถึงความจริงใจ! ส่วนเรื่องคำขอโทษ คงไม่จำเป็นต้องให้ข้าสอนเจ้าหรอกกระมัง? เจ้าน่าจะพูดแต่คำดีๆเป็นใช่มั้ย? "
พอเซียวมู่ได้ฟังแล้ว จึงพยักหน้าหงึกหงัก และขอให้เซวียอวี้ชิงช่วยเขาคิดในเรื่องของขวัญว่า มีประเภทใดที่เหมาะสมบ้าง
ดวงตาของหมอเซวียเรืองวาบ เขาจึงเอ่ยด้วยรอยยิ้ม "นี่ยังต้องให้ข้าพูดอีกหรือ? แน่นอนว่าต้องเป็นของกินสิ! ตอนนี้พวกเด็กสาวๆ เพื่อที่จะทำตัวเองให้ผอมเพรียวอยู่เสมอ พวกนางมักจะเข้มงวดในการกินอาหารเป็นพิเศษ พอปล่อยไปนานๆเข้า ก็จะก่อความเสียหายต่อร่างกายยิ่งนัก ข้าเป็นหมอ เรื่องนี้ ข้ารู้ดีที่สุด! เจ้าซื้อขนมอบดีๆสักสองสามอย่างไปมอบให้นางสิ อีกอย่าง ก็ต้องกล่าวถ้อยคำเป็นห่วงเป็นใยด้วย บอกเด็กสาวผู้นั้นว่าอย่าได้ตั้งใจเข้มงวดเรื่องอาหารมากเกินไป เพื่อเห็นแก่สุขภาพ อย่าได้ทำลายร่างกายให้ทรุดโทรมเลย! ที่จริงแล้วความอ้วนไม่ใช่เรื่องใหญ่! และมันเป็นข้อดีสำหรับการมีบุตรในอนาคตด้วย! นั่นเป็นความจริงใจที่ยิ่งใหญ่ที่สุดไม่ใช่เหรอ? "
เซียวมู่ฟังไปพลาง ก็เปล่งเสียงรับคำในลำคอไปพลาง พลางพยักหน้าคล้อยตามไปด้วย
อย่างไรก็ตามนี่คือการแสดงความจริงใจอย่างเต็มรูปแบบ! ข้าคิดว่าคงไม่มีอะไรมากไปกว่าการแสดงความจริงใจของเจ้าให้เป็นที่ประจักษ์!
เซียวมู่อดรู้สึกเบิกบานใจไม่ได้ เขาตบไหล่เซวียอวี้ชิง แล้วส่งยิ้มละไม "โชคดีที่ข้าได้มาขอคําชี้แนะจากหมอเซวีย ไม่เช่นนั้นข้าคงคิดอะไรไม่ออกจริงๆ! โอ ขอบคุณท่านหมอเซวียยิ่งนัก เช่นนั้นข้าขอตัวก่อนขอรับ "
"ไปเถอะ เรื่องแบบนี้ควรจะรีบดำเนินการเสีย อย่าปล่อยไว้เนิ่นนาน ไม่เช่นนั้นความขุ่นเคืองใจของนางจะยิ่งพอกพูนขึ้นเรื่อยๆ!" หมอเซวียยิ้มแย้มหน้าบานกว่าปกติ
ดังนั้นฉากของเหตุการณ์นี้จึงได้อุบัติขึ้น
เซียวมู่ซื้อขนมอบอย่างดีสามถึงสี่กล่อง แล้วเรียกปี้เถาออกมา ชายหนุ่มยืนแอบๆอยู่ในสถานที่ๆผู้คนไม่ค่อยให้ความสนใจนัก แล้วมอบขนมอบให้นางในช่วงจังหวะนั้น พร้อมทั้งขอโทษสําหรับพฤติกรรมของเขาเมื่อคืนวาน
ปี้เถาจําได้ว่าเมื่อคืนวาน นางก่นด่าคนผู้นี้เกือบทั้งคืน ใครเล่าจะรู้ว่า คนผู้นี้จะมาขอโทษนางด้วยตัวเองในวันรุ่งขึ้น
ทันใดนั้นหัวใจของหญิงสาวก็สะดุด ซ้ำยังมีความเบิกบานเล็กๆผุดขึ้นมา ดังนั้นนางจึงขอบคุณเขา พร้อมคำพูดสองสามคํา
แน่นอนว่าสําหรับขนมที่เซียวมู่นำมามอบให้นั้น นางเขินอายที่จะยอมรับมา ดังนั้นจึงขอตัวเตรียมผละจาก
เซียวมู่เห็นว่าสถานการณ์นี้สอดคล้องกับสิ่งที่เซวียอวี้ชิงบอกไว้แล้ว ชายหนุ่มมองไปที่เอวคอดของปี้เถา และรู้สึกว่าคำพูดของเซวียอวี้ชิงสมเหตุสมผลมากขึ้นเรื่อย ๆ และเพื่อเป็นการแสดงความจริงใจ เขาจึงต้องมอบขนมให้อีกฝ่ายไปให้จงได้!
ดังนั้นชายหนุ่มจึงรีบยัดขนมขบสองสามกล่องลงในอ้อมแขนของปี้เถาโดยไม่ถามความสมัครใจ ก่อนจะเอ่ยด้วยความเป็นห่วงอย่างยิ่งว่า "แม่นางปี้เถารับไว้เถิด เจ้ายังเยาว์ ยังกินของพวกนี้ได้เรื่อยๆ อย่าเห็นแก่รูปร่างผอมเพรียวเพียงอย่างเดียวเลย เจ้าจะปล่อยให้ร่างกายอดไปนานๆได้อย่างไร? ความจริงแล้ว เจ้าไม่อ้วนเลยสักนิด! ท้ายที่สุดแล้วสุขภาพที่ดีเป็นสิ่งสําคัญที่สุด! ภายหน้าถึงจะอ้วน ก็ไม่เป็นไรหรอก – อะแฮ่ม อีกอย่าง ถึงจะอ้วนในตอนนี้ ก็ไม่เป็นไรจริงๆ! "
…
5555555😆😆😆😆😆 หลงกลหมอแล้ว ผู้หญิงที่ไหนจะชอบให้ผู้ชายว่าตัวเองอ้วนล่ะไม่ใช่แม่นางตี้เถาจะโมโหมากกว่าเดิมหรือ
ตอบลบ