ซูซินเอ๋อร์ค่อยๆติดเชื้อความคึกคักมีชีวิตชีวานี้ทีละน้อย เมื่อเห็นโคมไฟดอกไม้แบบต่างๆที่ส่องประกายแพรวพราวเหล่านั้นอารมณ์ของนางก็เริ่มผ่อนคลายลง
ระหว่างทางมีภูเขาโคมไฟรูปเต่าอ้าวซานขนาดมหึมา ซึ่งมีความสูงหลายหมี่ อันเกิดจากการประดับโคมไฟจำนวนมหาศาลจนกลายเป็นรูปเต่ายักษ์ในตำนาน นอกจากนี้ยังมีโคมไฟแก้วขนาดเท่ากําปั้นเล็ก ๆที่โดดเด่นเป็นเอกลักษณ์ มีโคมไฟควัน ที่ภายในจุดธูปหอมหรูหรา นอกจากนี้ยังมีโคมไฟที่หมุนได้ ซึ่งแสดงภาพวาดสีสันต่างๆขณะหมุน โดยมีการติดตั้งกลไกอย่างชาญฉลาดอยู่ภายใน รวมถึงโคมไฟดอกบัวที่สามารถบานได้ หุบได้เบาๆสลับกันซ้ำแล้วซ้ำเล่า และยังมีโคมไฟคริสตัลใสด้วย
โคมไฟมีรูปร่างและรูปแบบหลากหลายจนไม่อาจบรรยายได้หมด ทั้งแต่ละแบบก็มีขนาดแตกต่างกัน วัสดุใช้ก็ยังมีแทบทุกสีทุกชนิด นอกเหนือจากจะมีการแปะพื้นผิวโคมด้วยกระดาษทาสีแล้ว ยังการแปะด้วยผ้าไหม ทอจากเส้นด้าย แผ่นทองแดงบางๆ ดิ้นไหมเงิน เถาวัลย์หยก แก้ว คริสตัล แก้วตะวันตก น้ำแข็งแกะแกะสลัก ฯลฯ นับไม่ถ้วน ทั้งงดงามวิจิตร และน่าทึ่งจนแทบลืมหายใจ
ซูซินเอ๋อร์เพียงรู้สึกว่าดวงตาตนเองสว่างวาบขึ้น เพราะดวงตาจดจ้องกับโคมไฟหมุนได้แปดเหลี่ยมหกด้าน โดยไม่ละสายตาไปไหน โคมไฟหมุนได้กุ๊นขอบและมุมด้วยลวดเงินพันเกลียว และแต่ละเหลี่ยมมุมของโคมไฟประดับด้วยพู่สีแดงขนาดใหญ่ แต่ละด้านของโคมไฟเป็นเป็นภาพวาดดอกไม้และนกสีสันสดใสอันวิจิตรปราณีต โดยไม่ได้ใช้วิธีทาสีด้วยพู่กันสี แต่ใช้เศษหยกขัดบาง เศษอัญมณี รวมถึงเศษแก้วหลากหลายรูปแบบหลายสีสัน ขนนกสีเขียวและอื่น ๆ แปะลงไปอย่างปราณีตบรรจง ยามที่แสงไฟตกกระทบเหลี่ยมมุมของชิ้นส่วนต่างๆ ก็เกิดการหักเหของแสงภายใน และสะท้อนออกมาเป็นแสงที่พร่างพราวสดใส
ซูซินเอ๋อร์มักชอบสิ่งที่หรูหราราคาแพงและน่าตื่นตาตื่นใจมาตลอด แล้วนางจะไม่ชอบมันได้อย่างไรเล่า?
ซุนหมิงเหลือบมองหญิงสาวและยิ้มให้ "เจ้าชอบโคมไฟดวงนี้มากใช่หรือไม่? เอาเป็นว่าข้าซื้อให้เจ้าดีไหม? "
ซูซินเอ๋อร์รู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย พลันก็มีความรู้สึกตื่นเต้นยินดีผุดขึ้นมาโดยไม่ทราบสาเหตุ และในที่สุดหญิงสาวก็เผยรอยยิ้มแรกของเย็นนี้ออกมา หญิงสาวส่ายหน้าอย่างลังเล แล้วยิ้มออกมา: "ช่างมันเถอะ! โคมไฟนี้จะต้องมีมูลค่าอย่างน้อยสามหรือสี่ร้อยตำลึงเงินแน่ๆ แล้วท่านจะมีเงินจากที่ไหน! "
ภูมิหลังของครอบครัวซุนหมิง นางไม่จําเป็นต้องสํารวจ และรู้ไปทุกอย่างหรอก
ซุนหมิงยิ้มและพูดว่า "รอข้าก่อนนะ!" ที่จริงแล้วชายหนุ่มเดินเข้าไปเพื่อต่อรองกับเจ้าของแผงลอย และหลังจากนั้นไม่นานเขาก็นําโคมไฟกลับมามอบให้ซูซินเอ๋อร์พร้อมรอยยิ้ม: "เจ้า เจ้าตาดีนะ และเจ้าก็ได้ถูกถึงเก้าในสิบส่วนด้วย อ่ะ ข้าให้เจ้า"
รอยยิ้มที่มุมปากของซูซินเอ๋อร์นั้นกว้างขึ้นกว่าเดิม ครั้นแล้วนางก็รับมาอย่างเบามือ แล้วมองสำรวจตรวจตราอย่างระมัดระวัง พลางเอ่ยชื่นชมเบา ๆ : "สวยจังเลย!” แต่นางกลับพูดว่า "ที่จริงข้าก็มีเงินนะ แต่ลืมเอาติดตัวมาคืนนี้ เอาไว้ข้ากลับไป ข้าจะเอาเงินให้ท่านนะ!"
ถ้าเป็นคนอื่นได้ยินแบบนี้ คงจะอายและโกรธอย่างแน่นอน และคงรู้สึกดูถูก แต่ซุนหมิงกลับยิ้มแล้วเอ่ยว่า"ในเมื่อข้าบอกว่าจะซื้อเอามาให้เจ้า ข้าจะขอเงินของเจ้าได้ที่ไหน! ถ้าเจ้าชอบมัน ก็ถือโคมไฟระวังๆด้วย! "
"ว่าแต่ท่านได้เงินมาจากไหนกันน่ะ?" ซูซินเอ๋อร์มีทีท่าชัดเจนว่า จะซักไซ้ไปเรื่อยๆจนจบ
จู๋เซียงอดมุมปากกระตุกไม่ได้ และรู้สึกใจหายขึ้นมา ฮูหยินน้อย ท่านกําลังทําอะไรของท่านกัน! ท่านเขยอุตส่าห์ซื้อของให้ท่าน ท่านก็รับไปสิ! อีกทั้งท่านเขยยังอารมณ์ดีอีก หากลองเปลี่ยนเป็นบุรุษคนอื่น ไม่รู้ว่าเขาจะโกรธไปถึงไหนแล้ว!
"ยืมมา!" ซุนหมิงยิ้มเฉย "ข้ายืมเงินเงินมาจากพี่ชายเจ้าตอนที่ข้ามา ไม่ว่าจะมองมุมไหน ข้าก็เป็นหนี้มหาศาล เพียงโคมไฟดอกไม้เล็ก ๆนี่ ไม่นับว่าเป็นอะไร! "
ซูซินเอ๋อร์หัวเราะคิกคักโดยไม่รู้ตัว "ขอบคุณมากนะ!"
"ด้วยความยินดี!" ทั้งสองมองหน้าแล้วยิ้มให้กัน ก่อนจะเดินกันต่อไป
หลังจากเดินตระเวณไปจนเกือบทุกตรอกซอกซอยเป็นเวลานาน เมื่อมองไปที่แสงไฟสว่างจ้า ซูซินเอ๋อร์อดก้มลงมองดู แล้วนวดขาตนเองเงียบ ๆไม่ได้
สําหรับนาง นางไม่รู้ว่าตนเองไม่ได้เดินไกลขนาดนี้มากี่ปีแล้ว และยิ่งมีผู้คนและฝูงชนมากมาย ก็ยิ่งเพิ่มความเหนื่อยล้าเป็นเท่าทวีคูณ
ซุนหมิงผู้ที่สงบและผ่อนคลาย โดยไม่ได้รับผลกระทบใด ๆ เหลือบมองหญิงสาว แล้วเอ่ยขึ้น " ไปหาที่นั่งพักกันก่อนเถอะ เวลาไม่เช้าแล้ว หากเจ้าไม่อยากซื้อของอีก ก็กลับกันเถอะ!"
ซูซินเอ๋อร์ถอนหายใจโล่งอก พลางพยักหน้า
ซุนหมิงกวาดตามองไปรอบ ๆ จากนั้นจึงจูงนางฝ่าฝูงชนเดินตรงไปข้างหน้าสักพัก จนมาถึงทางแยกที่ค่อนข้างกว้าง ก็เดินเข้าสู่ถนนเส้นอื่น
เพียงห่างไปสองสามหมี่ทางซ้ายมือ มีร้านน้ําชาสูงสามชั้นที่มีทางเข้าเปิดกว้าง และจุดไฟสว่างไสว ซุนหมิงจึงเอ่ยด้วยรอยยิ้ม "เราไปนั่งพักที่นั่นกันเถอะ!" "
ซูซินเอ๋อร์ซึ่งเหนื่อยล้าพอสมควร เมื่อเห็นสถานที่พักผ่อน หญิงสาวก็รู้สึกใจชื้นขึ้นมา นางจึงรีบพยักหน้าหงึกหงัก แล้วเอื้อมมือไปเกาะจู๋เซียงที่เดินตามหลังมาให้ช่วยพยุงเดิน
หลังจากครุ่นคิดสักครู่ ก็อดเรียกซุนหมิงอีกครั้งไม่ได้: "ข้าอยากได้ที่นั่งบนชั้นสาม!"
เพราะนางจะได้เพลิดเพลินกับทัศนียภาพงดงาม จากด้านบน และยังสามารถเพลิดเพลินกับภาพทุ่งโคมไฟดอกไม้ในระยะไกลได้ด้วย
ใครเล่าจะรู้ว่า ด้วยพรของเทศกาลโคมไฟในคืนนี้ ร้านน้ําชาแห่งนี้แออัดด้วยผู้คนอยู่แล้ว ไม่ต้องพูดถึงชั้นสาม นั่นคือโถงด้านหน้าบนชั้นแรก ก็ยังเต็มไปด้วยผู้คน
ซูซินเอ๋อร์ผิดหวัง พลางนวดขาตนเอง หญิงสาวแทบจะเดินไม่ไหวอยู่แล้ว นางมองไปที่ซุนหมิงด้วยท่าทางน่าสงสาร ส่วนโคมไฟที่เพิ่งซื้อมา และน้ำหนักไม่เบา ยามนี้อยู่ในมือของจู๋เซียง
ซุนหมิงเอ่ยอย่างจนใจ "เจ้ากับจู๋เซียงรออยู่ที่นี่ก่อน ข้าจะไปเรียกรถม้ามา เจ้ารอข้านะ อย่าเพิ่งเดินไปไหน! "
นั่นคือทั้งหมดที่จะทำได้แล้ว! ซูซินเอ๋อร์พยักหน้า "เช่นนั้นท่านรีบหน่อยนะ!"
"ทราบแล้ว!" ใครเล่าจะไปรู้ว่าขณะที่ซุนหมิงกําลังจะจากไป จู่ๆ เขาก็ได้ยินเสียงใสของผู้หญิงตะโกนด้วยความประหลาดใจ "นั่นคุณชายซุนใช่ไหมเจ้าคะ?"
ทันทีที่เขาหันหน้ามา ก็เห็นปี้เถาสาวใช้คนสนิทของเหลียนฟางโจว จึงยิ้มและพยักหน้าให้ "แม่นางปี้เถา! "
"คุณชายจริงๆด้วย!" ปี้เถาสาวเท้าเข้าไปสองสามก้าวแล้วเอ่ยด้วยรอยยิ้ม "คุณชายซุน ฮูหยินซุนกําลังจะหาที่พักเท้าใช่ไหมเจ้าคะ? ช่างบังเอิญจังที่นายท่านและฮูหยินของเราอยู่ชั้นบนพอดี และหากรู้ถึงความบังเอิญเช่นนี้ พวกเขาจะต้องดีใจแน่เลยเจ้าค่ะ! คุณชายซุน และฮูหยินซุนอยากขึ้นไปข้างบนไหมเจ้าคะ? "
ซุนหมิงย่อมเต็มใจที่จะไป แต่เขาก็ไม่รู้ความคิดของซูซินเอ๋อร์
ชายหนุ่มยิ้มอย่างซาบซึ้งให้ปี้เถา แล้วหันหน้าไปหาซูซินเอ๋อร์เตรียมกําลังจะถามอีกฝ่าย ซูซินเอ๋อร์ยิ้มเย็นแล้วและพูดว่า"อ้อ นี่คือทาสรับใช้แบบไหนกัน? ช่างไร้กฎระเบียบและไม่รู้จักแยกแยะนายบ่าว! ฮูหยินและนายท่านของเจ้ายังไม่ได้เอ่ยเชิญพวกเราเลย เจ้ากลับมาเชิญพวกเราได้หรือ?"
ปี้เถานิ่งงันไปชั่วขณะเมื่อได้ยินถ้อยคำนั้น นางเคยได้ยินว่าคุณหนูใหญ่ของตระกูลซู เป็นคนเจ้าอารมณ์ แต่พวกเขาไม่เคยติดต่อกัน จึงไม่มีความเข้าใจอย่างลึกซึ้งในเวลานี้ก็ถือว่าได้เรียนรู้ และอึดอัดลำบากใจมาระยะหนึ่งแล้ว
ซุนหมิงเอ่ยกระซิบ "ซินเอ๋อร์ เจ้าพูดเรื่องอะไรของเจ้ากัน! พวกฟางโจวไม่ใช่คนแบบนั้น ปี้เถาก็มีเจตนาดีเช่นกัน! "
ซูซินเอ๋อร์ถอนหายใจ "ไม่ใช่ว่าท่านเพียงแค่ต้องการพบเหลียนฟางโจวหรอกหรือ? ดูปากท่านสิ ฉีกยิ้มไม่หุบเลย! ในคืนนี้ข้าไม่เคยเห็นท่านฉีกยิ้มแบบนี้มาก่อนเลย! หากท่านอยากไป ก็ไปคนเดียว ข้าหาอยากได้มองหน้าผู้อื่นไม่! "
หญิงสาวผลักจู๋เซียงออกแล้วคว้าประตูเปิดออก ก่อนจะวิ่งหนีไป
จู๋เซียงกรีดร้องด้วยความตื่นตระหนก "ฮูหยินน้อย!” แล้วรีบวิ่งไล่ตามไป ซุนหมิงโกรธและหงุดหงิดยิ่งนัก และเสียใจ เขารีบขอโทษปี้เถา และก็ไล่ตามไป
ผู้หญิงคนนี้เริ่มก่อปัญหามากขึ้นเรื่อย ๆจริงๆเลย ! คืนนี้มีคนมากมาย หากนางหลงทางขึ้นมา แล้วเขาจะบอกครอบครัวของนางอย่างไรดี?
ก่อนที่ปี้เถาจะทันได้ตอบโต้ ก็ไม่มีเงาร่างคนอยู่ตรงหน้าแล้ว หญิงสาวอดถอนหายใจไม่ได้ พลางส่ายหน้าพึมพํา "ข้าไม่ควรสนใจธุระของผู้อื่นเลยจริงๆ!"
"มีอะไรเหรอ? มีเสียงเอะอะโวยวายอะไร? ดูเหมือนข้าจะเห็นพี่ใหญ่ซุนเพิ่งจะวิ่งออกไปนี่? เหลียนฟางโจว หลี่ฟู่ ชุนซิง หงอวี้และคนอื่น กําลังเดินลงบันไดมา เหลียนฟางโจวจึงถามด้วยรอยยิ้ม
…
ขอบคุณมากค่ะ รอว่าจะเฉลยอย่างไร คาดเดาไม่ออกเลยค่ะ
ตอบลบขอบคุณมากค่ะ
ตอบลบหากไม่ก่อปัญหา ก็ไม่ใช่ซูซินเอ๋อตัวจริงล่ะนะ
น่าเบื่อคนไม่รู้ตัวเอง เอาแต่ใจตัวเองจนเกิดเรื่องล่ะ
ตอบลบ