วันศุกร์ที่ 2 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2567

จับแม่ทัพไปไถนา-บทที่ 774 ที่แท้เป็นคุณหนูหกตระกูลจูจริงๆ

       เหลียนฟางโจวจ้องมองจูอวี๋อิง แล้วยิ้มออกมา "เช่นนั้นเจ้าก็เป็นคุณหนูหกของตระกูลจูจริงๆหรือ?" 

    จูอวี๋อิงแค่นเสียง และเงยหน้าขึ้นมอง "เหลียนฟางโจว ข้ามาหาเจ้า! เพราะข้ามีบางอย่างจะพูดกับเจ้า! "


    แม้ว่านางจะพยายามอย่างหนักเพื่อยับยั้งตัวเอง แต่ความเย่อหยิ่งและเผด็จการนั้นไม่สามารถขจัดออกไปได้

    เหลียนฟางโจวเลิกคิ้วด้วยใบหน้ายิ้มๆ "ที่แท้ก็มาหาข้ารึ! ข้าก็นึกว่าเจ้ากําลังมาตามหาสามีข้าซะอีก! "

    ทันใดนั้นก็มีเสียงหัวเราะคิกคักทั้งสูงและต่ำดังขึ้นโดยรอบ  จูอวี๋อิงอับอายและหงุดหงิด และรวมถึงความชิงชังในใจนาง: แล้วจะได้เห็นดีกัน!

    เหลียนฟางโจวได้เดินเข้าไปในจวนแล้ว ก่อนจะหันมาเอ่ยด้วยรอยยิ้ม"ในเมื่อเจ้ากําลังตามหาข้าอยู่ ก็จงเข้ามาพูดคุยด้านในเถอะ!" 

    ทันใดนั้น กลุ่มคนก็ห้อมล้อมหญิงสาวเข้าไปเช่นนี้ ยามนี้เหลือเพียงพ่อบ้านเฉียนและยามเฝ้าประตูสองคน และบ่าวรับใช้สามถึงสี่คนที่ออกมา เพราะได้ยินเสียงเอะอะโวยวาย ก็อยู่ที่นั่น

   พ่อบ้านเฉียนทอดถอนใจ และเตือนจูอวี๋อิง ขณะที่หนังศีรษะตนชาหนึบ: "เชิญคุณหนูจู"

    จูอวี๋อิงเหลือบมองเขาอย่างเย็นชา พลางแค่นเสียงจึงเดินเข้าไป พร้อมเสี่ยวเจิ้งเอ๋อร์ที่เดินตามติด

   พ่อบ้านเฉียนโบกมือ แล้วเอ่ยว่า "พวกเราเข้าไปข้างในกันเถอะ!  ทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว ใครมีอะไรก็ไปทำหน้าที่ของตัวเองไป! "

   ในใจของพ่อบ้าน คุณหนูจูผู้นี้ ไม่รู้ว่าคิดอะไรอยู่ แต่ทันทีที่ข่าวแพร่กระจายออกไปในวันพรุ่งนี้ เกรงว่าเป็นอีกครั้งที่ตระกูลจูต้องถูกเปิดเผยครั้งใหญ่อีกแล้ว! เฮ้อ แค่คิดถึงเรื่องนี้ก็ช่าง—

   พ่อบ้านเฉียนอดส่ายหน้าไม่ได้ และอดรู้สึกเห็นใจ นายท่านจูและฮูหยินเอกจู รวมทั้งคนอื่น ๆในตระกูลนั้นไม่ได้

   เหลียนฟางโจวไม่ได้พาจูอวี๋อิงไปที่เขตเรือนชั้นใน ที่ซึ่งนางและหลี่ฟู่อาศัยอยู่ แต่ได้ให้อีกฝ่ายมาพบในห้องโถงใหญ่ของเขตเรือนส่วนหน้า

   โชคดีที่ ตอนนี้ช่วงเทศกาลฤดูใบไม้ร่วงยังไม่สิ้นสุด และเพราะอาจมีแขกมาเยี่ยมเยียนได้ตลอดเวลา ห้องโถงใหญ่แห่งนี้จึงมีการจุดกระถางไฟไว้โดยตลอดอยู่แล้ว  หลังเหลียนฟางโจวและคนของเธอเดินเข้าไปข้างในแล้ว เหล่าแม่บ้านก็รีบกุลีกุจอ เพิ่มกระถางไฟที่ใส่ถ่านมาอีกสองใบ โดยวางไว้ด้านข้าง ซึ่ทำให้ห้องนี้ไม่หนาวเย็น

   เมื่อเหล่าสาวใช้ปูผ้าปูหนังหมาป่าบนเตียงแล้ว ก็นําหมอนใบใหญ่มาให้ และใส่ถ่านเพิ่มในเตาพกของเหลียนฟางโจว รวมทั้งรินชาร้อนด้วย เหลียนฟางโจวคลี่ยิ้มสบาย ๆ และพูดกับจูอวี๋อิง "คุณหนูหกจูมีอะไรจะพูดกับข้าใช่ไหม  เอาล่ะ เจ้าต้องการให้ข้าเป็นฝ่ายถอยออกมาหรือ" 

    จู่ๆจูอวี๋อิงก็พลันจุกหายใจไม่ออกในทันที ‘คำพูดเช่นนี้ก็ยังพูดออกมาได้"!

    นี่มันทัศนคติอะไรกัน!’

    ขนาดว่าสตรีในแถบชนบท ที่ไม่ค่อยได้รับการอบรมสั่งสอน  พวกนางก็ยังไม่กล้าพูดแบบนี้ออกมา!

    เมื่อคิดว่าผู้หญิงที่ไร้การศึกษา และหยาบกระด้าง ได้มาเป็นภรรยาของแม่ทัพหลี่ที่นางชื่นชอบมาหลายปี และมีข่าวลือออกมาด้วยว่า นางเป็นที่โปรดปรานของแม่ทัพหลี่ด้วย จูอวี๋อิงก็ทั้งโกรธทั้งปวดร้าวใจมาโดยตลอด

    สาเหตุของเพลิงโทสะเผาใจนั้น อยู่ที่ตัวหลักฐานตรงหน้า แต่ความปวดร้าวใจมีไว้สําหรับหลี่ฟู่ และนางก็รู้สึกว่าภรรยาของหลี่ฟู่กําลังทําลายเขา!

   "ข้าอยากคุยกับเจ้าตามลําพัง!" จูอวี๋อิงกล่าวอย่างเย็นชา

   เหลียนฟางโจวยิ้ม "คุยตามลำพังไม่ได้!" ชุนซิ่ง ปี้เถาและหงอวี้ยังคงอยู่ต่อ นอกนั้นให้ออกไป! สามีแม่ทัพของข้าได้พูดไปแล้วว่า ข้าจะอยู่ตามลำพังโดยไม่มีคนสนิทไม่ได้! "

    นอกจากนี้ ข้าไม่ไว้วางใจเจ้าสองนายบ่าว!

    ยกเว้นพวกชุนซิ่งสามคน เหล่าแม่บ้านและสาวใช้สูงวัยก็ถอยออกไปพร้อมกัน จูอวี๋อิงแค่นเสียงและไม่ยืนกรานอีกต่อไป

    เมื่อเห็นว่าทุกคนถอยออกไปแล้ว นางก็กัดริมฝีปากและลังเลอยู่ครู่หนึ่ง  และในที่สุดก็เงยหน้ามองเหลียนฟางโจว แล้วพูดอย่างตรงไปตรงมา " ข้าไม่รู้ว่าเจ้ารู้หรือไม่ว่า แม่ทัพหลี่นั้น ข้าชื่นชมเขามาเมื่อหลายปีก่อน! ข้าคิดอยู่อย่างเดียวว่าจะตั้งตารอวันแต่งงานกับเขา! เดิมทีบิดาของข้าวางแผนจะพูดถึงเรื่องการแต่งงานระหว่างเรา หลังจากที่เขากลับเมืองหลวง เมื่อกว่าสองปีที่ผ่านมา แต่ก็ไม่ได้คาดคิดว่าจะ——,ดังนั้น เจ้าคงเข้าใจสิ่งที่ข้าต้องการจะสื่อนะ?"

    แต่เดิมเรื่องเหล่านี้เหลียนฟางโจวยังไม่รู้ แต่ต่อมาเธอได้สั่งให้คนสองสามคนไปสืบมาเช่นกัน และหลังจากเธอได้ยินเรื่องราวแล้ว ยามที่พวกเธอสามีภรรยาอยู่กันตามลำพัง เธอก็เล่าให้หลี่ฟู่ฟังคล้ายเรื่องซุบซิบเพื่อฆ่าเวลา

    เธอจําท่าทีที่หลี่ฟู่แสดงออกได้อย่างชัดแจ้ง หลังจากได้ยินคําเหล่านี้

   ดังนั้นเหลียนฟางโจวจึงฟังคําพูดของจูอวี๋อิงอย่างใจเย็น มีการพยักหน้าซ้ำๆเป็นระยะๆ จากนั้นหญิงสาวก็เอ่ยด้วยท่าทีสงบนิ่งเยือกเย็น: "ข้าเข้าใจแล้ว! ข้อเจรจาก็มีอันล้มพับไปอย่างเก้อๆ ส่วนเจ้าก็ไม่เต็มใจที่จะยอมรับความพ่ายแพ้! เมื่อเหตุการณ์ไม่ได้เป็นอย่างที่ควรจะเป็นใช่ไหม! "

   ริมฝีปากของจูอวี๋อิงสั่นเล็กน้อย และสีหน้าดูอับอาย ปฏิเสธที่ถูกพูดจี้ใจดำ

   เสี่ยวเจิ้งเอ๋อร์ก็โกรธ  ใบหน้าพลันเปลี่ยนเป็นสีเขียวสลับซีดเผือดเช่นกัน

    หงอวี้ไม่เคยเห็นเหลียนฟางโจวเสแสร้งเป็นคนโง่งมถึงเพียงนี้มาก่อนเลย เจ้าตัวจึงบื้อใบ้ไปครู่ใหญ่

    ชุนซิ่งและปี้เถาต่างมองหน้ากัน และปรากฏรอยยิ้มวาบขึ้นมาในดวงตา

    "ใช่! และข้าก็ไม่เห็นด้วย! “ ซึ่งสร้างความประหลาดใจให้กับทุกคน สําหรับคําพูดประชดประชันของเหลียนฟางโจวนั้น ที่จริงแล้วจูอวี๋อิงรับรู้ได้อย่างชัดแจ้ง

   จูอวี๋อิงเชิดหน้าขึ้นมองเหลียนฟางโจวตรงๆ โดยสีหน้าไม่เปลี่ยน แล้วพูดขึ้นว่า "หากเป็นเจ้า เจ้าจะเต็มใจหรือ?  ข้าคิดถึงเขามานานหลายปีแล้ว! และข้ากําลังจะหมั้นกับเขาแล้วแท้ๆ แต่พอเรื่องมันออกมาเป็นแบบนี้! แล้วข้าจะเต็มใจได้ยังไง! "

    น้ําเสียงของจูอวี๋อิงเต็มไปด้วยความโศรกเศร้า เจือเสียงสูดจมูกเพราะสะอื้น

   นี่ดูจะเป็นคําพูดที่พูดด้วยหัวใจที่กำลังหลั่งเลือด ชุนซิ่งและคนอื่น ๆ ที่รังเกียจจูอวี๋อิงยิ่งนัก ก็ยังอดคิดตามไม่ได้: แม้ว่าคุณหนูหกจูผู้นี้จะไร้ยางอายหน่อยๆ ทว่าความรู้สึกต่อนายท่านนั้น มาจากใจจริง!

   ไม่ต้องพูดถึงเสี่ยวเจิ้งเอ๋อร์ซึ่งยามนี้ดวงตาแดงช้ำ กำลังยืนเช็ดน้ําตาอยู่ข้างๆอย่างเงียบ ๆ

   ท่าทางของเหลียนฟางโจวยังคงสงบเยือกเย็น ราวกับไม่มีใครสามารถสร้างความกระทบกระเทือนใจให้ได้

   เพียงที่จะเห็นนางเลิกคิ้วแล้วหัวเราะ"ฮ่าๆๆ จริงๆหรือ? ข้าสงสัยว่า ในเมื่อคุณหนูหกจูชื่นชมสามีแม่ทัพของข้ามานานหลายปีแล้ว แล้วเหตุใดเจ้าไม่จัดการสู่ขอแต่งงานกันไปเร็วๆเลยเล่า? หากเจ้าและสามีของข้ามีสัญญาการแต่งงานแล้ว สาวชาวบ้านในชนบทอย่างข้าจะยังคงสามารถแข่งขันกับเจ้าได้หรือ? อีกอย่าง เชื่อหรือไม่ หากเจ้าและสามีของข้ามีสัญญาแต่งงาน ข้าก็คงจะไปตามทางของข้า และคงจะไม่เข้ามาข้องแวะด้วย! แต่น่าเสียดายที่เจ้าเอาแต่พูด แต่ไม่ลงมือทำอันใด แล้วตอนนี้เจ้าจะมาพูดเพื่ออะไรกัน!   "

   จู่ๆจูอวี๋อิงก็เผยท่าทีไม่เป็นธรรมชาติออกมาสองส่วน ซ้ำยังหลีกเลี่ยงการสบตากับเหลียนฟางโจวโดยไม่รู้ตัวอีกด้วย และท่าทีก็ดูไม่เยือกเย็นและตรงไปตรงมาอย่างแต่ก่อนอีกต่อไป เพียงเอ่ยเสียงเบาว่า "เดิมทีข้าก็คิดแบบเดียวกัน แต่ท่านพ่อข้าบอกว่ามันไม่ดี ที่ข้าจะผูกพันโดยการหมั้นแม่ทัพหลี่ ดังนั้น..."

   สีหน้าเหยียดหยามของเหลียนฟางโจวยิ่งแสดงออกหนักขึ้น หญิงสาวเอ่ยพร้อมรอยยิ้ม "คุณหนูหกจูมาจากตระกูลที่มีชื่อเสียง และไม่ว่าจะทำสิ่งใดก็จะมีผู้คนจับตามองมากกว่าข้า คุณหนูหกจูคิดแบบเดียวกันไหม? "

    จูอวี๋อิงรู้สึกเพียงเสียง "ตึ้ง" ดังขึ้น บนใบหน้าของตนราวกับถูกเผาไหม้ และเริ่มรู้สึกตัวขึ้นมา

    แต่เมื่อคิดถึงเหตุผลที่นางต้องดิ้นรนฝ่าฝันอย่างหนักเพื่อออกมาในครั้งนี้ และคิดถึงวัตถุประสงค์ของการเดินทางครั้งนี้ นางก็โยนทุกอย่างทิ้งไปและพูดว่า "ใช่ ข้าเองก็เคยเชื่อคําพูดของท่านพ่อมาก่อน แต่ต่อมาข้าก็เข้าใจแล้ว!" 

    หญิงสาวยิ้มขมขื่น "ท่านพ่อ เขากังวลว่าแม่ทัพหลี่จะไม่กลับมาในกรณีที่เขา——, เขาคิดถึงบุตรสาวอย่างข้า และข้าไม่อาจทนเพิกเฉยต่อการพยายามทัดทานอย่างหนักด้วยความหวังดีของคนมีอายุอย่างเขาได้!  ยิ่งไปกว่านั้น ตอนนั้นแม่ทัพหลี่ได้ออกจกาเมืองหลวงไปแล้วด้วย! และข้าไม่เคยสนใจว่าผู้อื่นจะรู้ถึงความชื่นชมที่ข้ามีต่อเขาหรือไม่ พอเป็นแบบนี้ จึงไม่มีใครในเมืองหลวงที่จะมาสู่ขอข้า! แต่ข้าไม่ได้คาดหวังว่าเขาจะประสบเหตุไม่คาดฝันเช่นนี้! "

    ใจของเหลียนฟางโจวราวกับถูกไฟเผาเมื่อได้ยินถ้อยคำนี้ และเธอจึงลุกขึ้นยืน พลางแค่นเสียงเอ่ยอย่างเยาะหยันว่า "ตระกูลจูของเจ้าช่างคิดคำนวณได้เก่งแท้!  คํานวณผลประโยชน์ทุกอย่างเพราะหวังดีกับเจ้าจริงๆ! และเจ้าเคยคิดถึงสิ่งที่เขาทำเพื่อเจ้าบ้างไหม! ด้วยเหตุนี้ แม้แต่สวรรค์ก็คงมองไม่เห็น และท้ายที่สุด สวรรค์จึงไม่ให้เจ้าบรรลุความสําเร็จ! "


2 ความคิดเห็น:

  1. เม็ดแตงโมชามที่ 2 อร่อยมาก

    ตอบลบ
  2. ค่อยๆพูดกันไปบางทีอาจจะทำให้นางมองเห็นสภาพแท้จริงของตระกูลตัวเองได้

    ตอบลบ