วันศุกร์ที่ 2 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2567

จับแม่ทัพไปไถนา-บทที่ 775 พี่สาวน้องสาว

      นี่เรียกว่าอะไรกัน? เมื่อหลี่ฟูกลับมา เขาจะกลายเป็นคนมีชื่อเสียง  เขาถึงจะเป็นลูกเขยของตระกูลจู แต่ถ้าหากเขาแขนขาดขาขาด หรือแม้กระทั่งสิ้นชีพ นั่นคือเขาไม่มีโชคได้ลงเอยกับหญิงงาม!

    บ้าไปแล้ว!


    จูอวี๋อิงเห็นสีหน้าเหลียนฟางโจวก็โมโหเดือดดาลอีกครั้ง

     นางตะโกนลั่น "ข้าไม่ได้เลือดเย็นอย่างที่เจ้าคิด! เชื่อหรือไม่ว่าในตอนนั้นข้ามีความคิดที่ดีในใจ ต่อให้เขาไม่อาจสร้างความดีความชอบได้อีกต่อไป หรือต่อให้มีสิ่งเลวร้าย เมื่อเขากลับมาที่กรุงปักกิ่ง ข้าก็ยังต้องการแต่งงานกับเขา! เขา หลังจากเขาเกิดอุบัติเหตุ ข้าโศกเศร้ากว่ายิ่งกว่าใคร ๆ แต่เดิมข้ามุ่งมั่นที่จะไม่แต่งงานไปตลอดชีวิต ดังนั้นข้าจึงคอยภาวนาให้พระคุ้มครองเขาอยู่ในใจ ทว่าท่านแม่ของข้าขู่จะฆ่าตัวตาย ข้าจึงต้องปัดความคิดนี้ทิ้งไป"

    เสี่ยวเจิ้งเอ๋อร์พยักหน้าอย่างรวดเร็ว "สิ่งที่คุณหนูพูดมาเป็นเรื่องจริงเจ้าค่ะ!" 

   เหลียนฟางโจวไม่รู้สึกประทับใจกับถ้อยคำนั้นเลยแม้แต่นิด ครั้นแล้วจึงเอ่ยขึ้น "จะว่าไป นั่นมันก็เป็นแค่ความปรารถนาของเจ้าฝ่ายเดียว! เมื่อเจ้าบอกว่าเจ้าชื่นชมเขาและอยากแต่งงานกับเขา  แล้วเคยคิดบ้างหรือไม่ว่า เขาอาจไม่ชอบเจ้าเลย และไม่อยากแต่งงานกับเจ้าเลยก็ได้? อีกอย่าง ฮ่าๆๆ เจ้าคิดว่าหากเขาไม่มีผลงานใดๆ  และหากไม่ได้รับบาดเจ็บใดๆ  บิดาเจ้าจะยอมตกลงให้เจ้าแต่งงานกับเขาหรือ?"

    หญิงสาวเอ่ยประชดเพิ่มเติม "บางทีเมื่อถึงตอนนั้น บิดา มารดา และพี่น้องของเจ้า ก็คงจะบีบเขาจนตายไปแล้ว!" 

   "เจ้า! เจ้าจะสามหาวเกินไปแล้วนะ! “ จูอวี๋อิงตัวสั่น

   นางไม่เคยเปิดเผยความรักลึกๆของตนต่อหน้าผู้คน ทว่าตั้งแต่ครั้งแรกที่นางพูดกับเหลียนฟางโจวอย่างชนิดที่เรียกว่ากลั่นออกมาจากหัวใจทั้งหมด นางก็เจอการเยาะเย้ยถากถางต่างๆนาๆ ซึ่งทําให้นางอับอายเหลือจะกล่าว

   เสี่ยวเจิ้งเอ๋อร์ยังกล่าวอีกว่า "ฮูหยินเหลียน ท่านพูดแบบนี้กับคุณหนูของข้าได้อย่างไร!  หากแม่ทัพหลี่ได้ยินเข้า เขาคงจะไม่แสดงออกเหมือนท่านแน่"

   เหลียนฟางโจวไม่ได้สนใจเสี่ยวเจิ้งเอ๋อร์เลย เพียงเอ่ยกับจูอวี๋อิงเท่านั้น " ข้าพูดจี้ใจดำเจ้ามากเกินไปหรือ? สุดท้ายแล้วเจ้ากล้าจะบอกว่า เจ้าจะไม่ยอมประนีประนอมกับท่านพ่อของเจ้าแน่หรือ? เจ้าก็แค่หลอกตัวเอง! "

   ทั้งสองประโยคนี้ปิดกั้นคําพูดของจูอวี๋อิงไปชั่วขณะ

   เหลียนฟางโจวกล่าวว่า "ข้าไม่สนใจเรื่องที่เจ้าพูดมา แล้วเรื่องพวกนี้มันเกี่ยวอะไรกับข้าเล่า? แล้วมันเกี่ยวอะไรกับสามีของข้าเล่า?  ก็มีแต่เจ้าที่ทำอะไรวุ่นวายไปเอง! การที่เจ้ามาหาข้าในคืนนี้ ไม่ยอมจากไป แล้วมาเอะอะโวยวายใหญ่โตถึงเพียงนี้ ไม่ใช่ว่าเจ้าอยากมาเล่านิทานให้ข้าฟังหรอกหรือ? "

    นิทานรึ? จูอวี๋อิงรู้สึกถึงลมหายใจที่ไหลวนในโพรงอก และเกือบจะกระอักเลือดออกมา!

   นี่นางหมายความว่ายังไง? นางมองว่าสิ่งที่ตนอุตส่าห์ใช้ความกล้าพูดออกมา กลายเป็นนิทานไปแล้วรึ?

    จูอวี๋อิงสูดลมหายใจลึกๆ สองเฮือก แล้วตั้งสมาธิในใจ: ข้าไม่ได้มีความรู้เท่านาง! ข้าไม่รู้จักนาง!

   "ใช่ ที่ข้ามาหาเจ้าในวันนี้ แน่นอนข้าไม่ได้มาเพียงเพื่อพูดแค่นี้." จูอวี๋อิงพยักหน้า ทว่านางยังลังเลมากกว่าเดิม "เจ้าช่วยให้สาวใช้ของเจ้าออกไปหน่อยได้ไหม ข้าอยากเล่าให้เจ้าฟังตามลําพัง "

    เหลียนฟางโจวส่ายหน้าปฏิเสธโดยไม่แม้แต่จะเสียเวลาคิด "ข้าได้บอกไปแล้วว่าข้าจะไม่อยู่ห่างจากคนข้างกายข้า! หากเจ้าไม่อยากเล่า ก็ไม่ต้องเล่า! "

   ถึงอย่างไร ข้าก็ไม่ค่อยอยากจะสนใจฟังเท่าไหร่

   จูอวี๋อิงเดือดดาลไปชั่วขณะ

   แต่นางยังรู้ว่าเหลียนฟางโจวกําลังพูดความจริง และหากนางอยากจะเล่าเรื่องเกี่ยวกับตัวเอง ต้องการที่จะพูดคุยเกี่ยวกับตัวเองอีกฝ่ายก็อาจไม่อยากฟัง

   จูอวี๋อิงไม่เคยคิดฝันเลยว่า ในที่สุดนางก็ต้องยอมอีกฝ่าย จึงเอ่ยช้าๆ "ข้ามาหาเจ้าเพื่อบอกเจ้าว่า ข้าไม่รังเกียจที่จะแต่งงานกับแม่ทัพหลี่ในฐานะภรรยารอง จากนี้ไปเจ้าจะเป็นพี่สาว ข้าเป็นน้องสาว และเราจะเป็นฮูหยินของตระกูลหลี่ด้วยกัน เจ้ายินดีไหม?" 

    หลายคนเปลี่ยนสีไปพร้อมกัน และอดอ้าปากตาค้างไม่ได้

    เสี่ยวเจิ้งเอ๋อร์ถึงกับโพล่งออกมา "คุณหนู! "

    เสี่ยวเจิ้งเอ๋อร์รู้สึกสํานึกผิดในใจ หากนางรู้ว่าการที่คุณหนูได้มาหาฮูหยินเหลียนในคืนนี้ ก็เพื่อสิ่งนี้  นางคงไม่ยอมมาเป็นเพื่อนอีกฝ่าย!

    ฐานะของคุณหนูคืออะไร และฐานะของฮูหยินผู้นี้คืออะไร! เหตุใดคุณหนูถึงพูดไปแบบนั้นว่าจะขอเป็นฮูหยินรอง? ทั้งยังเต็มใจจะเป็นน้องสาวด้วย! ไม่ต้องคิดถึงเรื่องนี้เลย นายท่านกับฮูหยินไม่มีทางตกลงเด็ดขาด!

    ไม่ว่าเรื่องนี้จะจบลงอย่างไร ในท้ายที่สุด ก็ย่อมไม่พ้นคำตำหนิ

    ข้าหวังว่าเมื่อถึงตอนนั้น คุณหนูจะปกป้องตัวนางอย่างแข็งขัน มิฉะนั้น -

   เมื่อนึกถึงบทลงโทษอย่างรุนแรงของจวนตระกูลจูต่อสาวใช้ข้างกายเจ้านาย ใบหน้าของเสี่ยวเจิ้งเอ๋อร์ก็ซีดเผือดไปครู่หนึ่ง

    เหลียนฟางโจวก็ประหลาดใจนัก และหลังจากรู้สึกตัว เธอก็รู้สึกขบขัน!

   แทนที่จะถามตัวเองว่า "เจ้าเห็นด้วยกับข้าไหม?"  นางกลับถามว่า "เจ้ายินดีไหม?" 

   ราวกับว่าของขวัญสำหรับตัวนาง คือนางเต็มใจจะอยู่ใต้เธอ!

   ราวกับว่ากําลังรอให้ยอมรับคำประจบประแจงของนางเอง!

   นางอดดูถูกตัวเองไม่ได้!

   เธอมองจูอวี๋อิง แล้วเอ่ยช้าๆทีละคำ "ในเมื่อเจ้าถามข้า เช่นนั้น เจ้าก็ตั้งใจฟังให้ชัดๆ! ข้าไม่ต้องการ! ไม่เลยสักนิด! เหตุใดข้าจึงควรมีสิ่งที่เรียกว่า 'น้องสาว' อีกคนหนึ่งเล่า? และน้องสาวในความหมายทั่วไป ข้าก็ไม่ได้ขาดแคลน! "

    จูอวี๋อิงไม่ได้คาดหวังว่าอีกฝ่ายปฏิเสธตัวเองโดยไม่ไว้หน้านางเลยสักนิด ใบหน้าจึงเปลี่ยนเป็นสีฟ้าสลับแดงสลับซีดไปพักหนึ่ง

    ลมหายใจอันแสนหดหู่ในโพรงอกวิ่งพุ่งขึ้นตรงไปที่ศีรษะ ทําให้นางรู้สึกเวียนหัว และขมับทั้งสองด้านกําลังเต้นตุบๆ

    ท้องฟ้ากําลังหมุน! ราวกับว่าทุกอย่างกำลังเปลี่ยนไป

    "เจ้าไม่ต้องการรึ!" จูอวี๋อิงพูดคำสี่คำนี้ซ้ำ ๆด้วยความงุนงงสับสน

    เหลียนฟางโจวไม่พูดอะไรอีก เพียงแค่สบตาอีกฝ่ายอย่างล้ำลึก

    จูอวี๋อิงกล่าวอย่างเผ็ดร้อนว่า "ในเมื่อข้าบอกว่าข้าจะเคารพเจ้าในฐานะพี่สาว ข้าก็ไม่มีวันเปลี่ยนใจ! กับน้องสาวอย่างข้า  เจ้าจะไม่มีวันสูญเสีย มิฉะนั้น เจ้าจะไม่สามารถเข้าสู่วงสังคมของสตรีชั้นสูงในเมืองหลวงได้ และไม่มีใครจะยินดีคบค้ากับเจ้า ต่อให้เจ้าจะมีอำนาจ ต่อให้แม่ทัพหลี่จะมีอนาคตที่สดใส! ทว่าต่อไปภายหน้าเมื่อเจ้าแก่ชราและรูปโฉมเสื่อมโทรมลง เจ้าจะมัดใจแม่ทัพหลี่ได้อย่างไร? แต่ถ้าเจ้าและข้ากลายเป็นพี่น้องกัน ตระกูลจูก็จะเป็นผู้หนุนหลังเจ้านับจากนี้ไปด้วย! อีกอย่าง การที่แม่ทัพหลี่ชอบเจ้า ก็ยากจะเชื่อว่าเขามีเจ้าคนเดียวในชีวิต รอให้ผู้มาใหม่แต่งเข้ามาทีละคน รอให้แม่ทัพหลี่ประสบชัยชนะในศึกครั้งใหม่อีกครั้ง ไม่ว่าข้า หรืออนุภรรยาที่แต่งเข้ามา ทุกคนก็จะมีชาติกำเนิดสูงกว่าเจ้ามากนัก และเมื่อถึงเวลานั้น มันจะยากที่จะบอกว่าตําแหน่งของเจ้าในฐานะผู้ดูแลจวน จะสามารถนั่งได้อย่างมั่นคงอยู่อีกไหม! ส่วนการที่ลูกของเจ้าจะโตขึ้นมาอย่างปลอดภัยหรือไม่นั้น มันก็ยังไม่แน่!  และไม่มีใครยอมทุกอย่างเหมือนข้าอีกแล้ว เพราะไม่มีใครชื่นชมแม่ทัพหลี่มากเท่ากับข้าแล้ว! เหตุใดเจ้าถึงปฏิเสธข้า เพื่อความพอใจชั่วครู่ชั่วยามเล่า!" 

    ขณะที่เหลียนฟางโจวฟัง แม้สีหน้าของเธอยังไม่เปลี่ยนแปลง แต่ในใจกลับโกรธมากขึ้นเรื่อย ๆ  ทั้งยังเรื่องที่จูอวี๋อิงงี่เง่าพูดพาดพิงถึงลูกของเธอด้วย!

   "ไม่ต้องกังวลเรื่องของข้าหรอก"เหลียนฟางโจวกล่าวเบา ๆ "นี่เป็นธุระของข้า ข้าจะตัดสินใจเอง! สําหรับสิ่งที่จะเกิดขึ้นในอนาคต ข้ามีวิธีการรับมือของตัวเอง และข้าไม่จําเป็นต้องอธิบายให้เจ้าฟังหรอกนะ! "

    เหลียนฟางโจวยิ้มอย่างเย็นชา และพูดไปตรงๆ "ข้าเพิ่งปฏิเสธเจ้าไปเมื่อสักครู่ แล้วเจ้าจะทำอย่างไร?" 

     จูอวี๋อิงโดนคำพูดอีกฝ่ายจนจุกแทบตาย!

    ริมฝีปากของนางสั่นระริกด้วยความโกรธ  นางเอ่ยด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ "เจ้า- ข้าอุตส่าห์มาเพื่อประโยชน์ของตัวเจ้าเอง และข้าก็ไม่อยากให้เจ้าเป็นหญิงร้ายที่โง่เขลา! กว่าเจ้าจะสำนึกเสียใจในอนาคต มันก็คงสายเกินไปแล้ว! "

   "แล้วอย่างไร" เหลียนฟางโจวกล่าวอย่างหยิ่งผยอง "จะเสียใจหรือไม่เสียใจ มันไปเกี่ยวอะไรกับเจ้าด้วย? ข้าชอบของข้าอย่างนี้! เจ้าสนใจนักหรือ? สิ่งที่เจ้าพูดมาเป็นสิ่งที่ดีจริงๆ และเพื่อเห็นแก่ข้าจริงๆหรือ? โอ้ ไม่ใช่เพราะว่าเจ้าต้องการแต่งเข้าตระกูลหลี่หรอกหรือ?"



1 ความคิดเห็น: