พี่สาวน้องสาวรึ? ให้เกียรติเธอเป็นพี่สาวเสมอเหรอ? ตระกูลจูจะเป็นผู้หนุนหลังเธอในอนาคตด้วยหรือ?
ที่พูดมาแบบนี้ ข้าเกรงว่าตัวจูอวี๋อิงเองก็ยังไม่เชื่อสิ่งที่นางพูดมาเลย ต่อให้นางจะสาบานว่านางพูดจริงก็ตาม!
อีกครั้ง ผู้คนมีความต้องการที่แตกต่างกันในช่วงเวลาที่แตกต่างกัน! นี่คือความจริงอันนิรันดร์
ในชั่วขณะนี้ นางย่อมพูดอะไรก็ได้เพื่อที่ตนจะได้แต่งเข้ามาในจวนตระกูลหลี่ และนางอาจไม่อยากได้อะไรมากกว่านี้ในอนาคตก็เป็นได้
คนในตระกูลจู มีคนไหนที่ไม่อยากเป็นที่หนึ่งบ้าง? ตระกูลจูยินดีจะหนุนหลังเธอ เพราะเธอและจูอวี๋อิงได้กลายเป็น "พี่สาวน้องสาว" กันหรือ?
เรื่องนี้แค่โกรธเธอยังไม่อยากจะโกรธเลย เธอแค่อยากหัวเราะขบขันมากกว่า!
ใบหน้าของจูอวี๋อิงเป็นสีฟ้าสลับสีแดง และดูไม่น่ามองมากขึ้นเรื่อย ๆ
หลังจากปะทะกันมาสองครั้ง ก็รู้ว่าเหลียนฟางโจวเป็นคนที่รับมือยาก นางจึงเตรียมทำการบ้านก่อนมา ดังนั้นถ้อยคำเหล่านี้นางได้เตรียมมาพูด เพื่อทำให้อีกฝ่ายหวั่นไหว ได้เข้าใจเหตุผล และคาดว่าสิ่งที่พูดมาจะสมเหตุสมผล และจะสร้างความประทับใจให้อีกฝ่ายอย่างแน่นอน
แต่ใครเล่าจะรู้ว่าอีกฝ่ายจะปฏิเสธเธออย่างเย่อหยิ่งไม่ไว้หน้ากันเลย!
จูอวี๋อิงโกรธจัด นางหมดคำพูดจะโน้มน้าวอีกฝ่ายแล้ว!
นางไม่เคยจนแต้มขนาดนี้มาก่อนเลยในชีวิต!
เสี่ยวเจิ้งเอ๋อร์ก็ตกตะลึงเช่นกัน พลางพูดตะกุกตะกัก "ไฉนเจ้าถึงไร้เหตุผลขนาดนี้!"
เหลียนฟางโจวทำเป็นไม่ได้ยิน และมองนางเป็นอากาศธาตุเช่นเคย
สาวใช้เล็กๆคนหนึ่ง ควรค่าแก่ความสนใจของเธอหรือ? ไปตอบคำถามนาง ก็เท่ากับลดค่าตัวเอง!
นอกจากจะจนแต้มแล้ว จูอวี๋อิงยังรู้สึกว่าเกียรติและศักดิ์ศรีของนางทั้งชีวิตนี้ ได้เสียไปต่อหน้าเหลียนฟางโจวแล้ว!
แม้จะทำทุกวิถีทางแล้ว ในที่สุดก็มาถึงจุดนี้จนได้ จะมีคำพูดใดที่สามารถพูดได้อีกเล่า?
จูอวี๋อิงค่อยๆสงบลง พลางกัดริมฝีปาก "เจ้าปฏิเสธไปง่ายๆ เจ้ารู้ได้อย่างไรว่าแม่ทัพหลี่จะไม่เต็มใจ? ด้วยฐานะตระกูลจู ในสายตาคนนอกมองว่าจะเป็นกำลังสนับสนุนสำคัญแก่แม่ทัพหลี่ เขาไม่จําเป็นต้องทอดทิ้งเจ้าให้ผู้คนนินทา แต่เขายังสามารถได้รับความช่วยเหลือจากตระกูลจูอีกด้วย แล้วเจ้าจะไม่คิดเผื่อเขาหน่อยหรือ? "
เหลียนฟางโจวจะไม่พิจารณาข้อเสนอนี้ของนางอย่างแน่นอน ดังนั้นจูอวี๋อิงจึงไม่รอให้อีกฝ่ายตอบ จึงรีบเอ่ยว่า "หากแม่ทัพหลี่ไม่บอกปฏิเสธข้าด้วยตัวเอง ข้าก็จะไม่ยอมถอดใจหรอกนะ! เจ้าจะเพิกเฉยต่ออนาคตของเขา เพียงเพราะความเห็นแก่ตัวของตัวเจ้าเหรอ? "
เหลียนฟางโจวแค่นเสียง แล้วเอ่ยอย่างหยิ่งผยอง "เจ้าบอกว่าเจ้าชื่นชมสามีของข้า แต่ในความเป็นจริงแล้ว เจ้าไม่เข้าใจเขาเลย! เขาไม่ใช่คนประเภทที่ต้องรับการสนับสนุนจากตระกูลใด! เขาเป็นสามีที่เป็นชายชาตรีอย่างแท้จริง! ในเมื่อเจ้ามีหัวใจไม่ยอมแพ้ เจ้าก็นั่งคอยอยู่ที่นี่ก่อนก็ได้! ข้าหวังว่า หลังจากที่เขาตอบปฏิเสธ เจ้าคงจะไม่รีบตายไปในทันทีหรอกนะ! แล้วจากนี้ไป ก็อย่าปรากฏตัวในชีวิตของเราอีกเลย! "
จูอวี๋อิงรู้สึกอับอายและหงุดหงิด มีแต่ความหดหู่ไหลวนแน่นอก
"ได้" จูอวี๋อิงเอ่ยรอดไรฟัน "เช่นนั้นข้าจะรอ! ข้าจะถามเขาด้วยตัวเอง! "
เหลียนฟางโจวไม่ได้ให้ความสนใจนางอีกต่อไป ครั้นแล้วจึงเอนหลังพิงหมอน
ปี้เถา ชุนซิ่ง และหงอวี้กําลังวุ่นอยู่กับการเปลี่ยนชาร้อน และนวดไหล่ให้นายหญิง พลางเอ่ยถามด้วยความเป็นห่วง " ฮูหยินต้องการรับสำรับมื้อเย็นหรือไม่เจ้าคะ? เหนื่อยหรือไม่ หรืออยากนอนพักสายตาสักครู่ไหมเจ้าคะ? "
ทุกคนเพิกเฉยต่อจูอวี๋อิงและสาวใช้คนสนิทโดยสิ้นเชิง
เหลียนฟางโจวคลี่ยิ้ม และพูดคุยกับพวกนาง แม้ว่าเธอจะไม่ได้นอนลง ทว่าก็นั่งอย่างเกียจคร้าน ด้วยท่วงท่าสบายๆ โดยไม่สนใจว่า ยามนี้เธออยู่ต่อหน้าจูอวี๋อิงผู้เป็นแขก!
เธอไม่ได้ปฏิบัติต่ออีกฝ่ายเหมือนแขกเลย!
ดังนั้น จูอวี๋อิงจึงนึกดูหมิ่นเธอในใจ ที่ไม่รู้จักธรรมเนียมและมรรยาทที่เหมาะสม
โชคดีที่ทั้งสองยังเอาแต่นิ่งเงียบอยู่เป็นนาน ก่อนที่หลี่ฟู่จะกลับมา
เมื่อหลี่ฟู่กลับมาที่จวน เขาได้ยินพ่อบ้านเฉียนบอกว่า ฮูหยินกำลังต้อนรับแขกในห้องโถงใหญ่ในเขตเรือนด้านหน้าอยู่ ชายหนุ่มเลิกคิ้วขึ้น พลางจ้องมองพ่อบ้านเฉียนด้วยความไม่พอใจ
แม้ว่าเขาจะไม่ได้พูดอะไร แต่เขาก็บ่นในใจอย่างชัดเจนว่า ไม่รู้ว่าเป็นแขกมาจากไหน ไยถึงไม่รู้อะไรเลย! เหตุใดจึงมาเอาดึกดื่นป่านนี้? ยิ่งภรรยาเขาตั้งท้องอยู่ นางจะนอนดึกได้หรือ?
ยามหลี่ฟู่ก้าวเข้าไปในห้องโถงใหญ่ ชุนซิ่งและคนอื่นๆรีบคุกเข่าคารวะ เมื่อเหลียนฟางโจวเห็นเขามา หญิงสาวจึงกลับมานั่งตัวตรงขึ้น พลางส่งยิ้มแล้วร้องเรียก "ท่านพี่! "
หลี่ฟู่สาวเท้าเข้ามาทางด้านข้างหญิงสาว ไม่กี่ก้าว ก็จับมือภรรยา พลางขมวดคิ้ว: "ดึกแล้วเหตุใดเจ้าไม่กลับไปพักผ่อนเล่า? ที่นี่จะสะดวกสบายได้อย่างไร! เจ้าบอกว่ามีแขกไม่ใช่เหรอ? แล้วไหนเล่าแขก? "
เพราะเป็นการต้อนรับในเขตเรือนด้านหน้า หลี่ฟู่จึงคิดว่าแขกคงเป็นผู้ชาย และเมื่อเขาก้าวเท้าเข้ามา เขาก็เหลือบมองและไม่พบผู้ชายสักคน จึงไม่น่าแปลกใจที่เขาจะถามประโยคดังกล่าว
อย่างไรก็ตามเมื่อเห็นท่าทางที่ตกตะลึงของ ชุนซิ่ง ปี้เถา หลี่ฟู่จึงรู้สึกแปลกใจขึ้นมาตะหงิด
และจูอวี๋อิงก็หน้าถอดสี น้ําตาที่เอ่อคลอในดวงตาก็กําลังจะกลิ้งลงมา!
เขาไม่เห็นนางด้วยซ้ำ!
นางอุตส่าห์ยืนทนโท่อยู่ตรงนี้ และที่นี่ก็ไม่มีสิ่งกีดขวางสายตาใดๆ เขากลับไม่เห็นนางเลยด้วยซ้ำ!
ประโยคนี้ของเขาน่าอายยิ่งกว่าคําพูดประชดประชันนับสิบนับร้อยคําของเหลียนฟางโจวเสียอีก! ยิ่งกว่านั้น นางรู้สึกคล้ายโดนหนามแหลมแทงลึกในหัวใจ
เหลียนฟางโจวก็ไม่ได้คาดหวังว่าหลี่ฟู่จะมีปฏิกิริยาโต้ตอบแบบนี้ และหลังจากฉุกคิดเล็กน้อย นางก็เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น?
หญิงสาวเหลือบมองไปในทิศทางของจูอวี๋อิง แล้วเอ่ยด้วยรอยยิ้ม "คุณหนูหกจูอยู่ที่นี่ นางบอกว่ามีเรื่องจะพูดกับท่านพี่!"
"คุณหนูหกจูรึ?" หลี่ฟู่มองตามสายตาของเหลียนฟางโจวไป พลางนึกบ่นในใจว่า จะสวมชุดบุรุษทั้งที ก็เลือกชุดที่สีสันฉูดฉาดเช่นนี้ มิน่าเล่าข้าถึงมองไม่ชัด
จากน้ําเสียงของคําถาม จะเห็นได้อย่างชัดเจนว่า ชายหนุ่มไม่ทราบว่าคุณหนูหกตระกูลจูคือใคร?
ใบหน้าของจูอวี๋อิงซีดลงไปสองส่วน
เหลียนฟางโจวไม่ได้มีความตั้งใจจะไขปริศนาให้ เพียงยิ้มเบา ๆ และพูดว่า"ใช่! "
หลี่ฟู่ครุ่นคิดสักครู่ ทันใดนั้นดวงตาก็สว่างวาบขึ้น สีหน้าฉายแววประหลาดใจ: "เป็นคุณหนูคนที่หกของตระกูลจูรึ"
เหลียนฟางโจวเปล่งเสียง "อืม"
ใบหน้าของหลี่ฟู่พลันเย็นชาลงอย่างกะทันหัน
คุณหนูหกจูรึ? คนที่ฉวยโอกาสสร้างความลำบากใจให้กับฮูหยินของเขา แล้วยังมีหน้ามาเยือนที่จวนกลางดึกอีก นางต้องการจะทําอะไรกันแน่!
ด้วยสัญชาตญาณ หลี่ฟู่จึงรังเกียจนางยิ่งนัก
"คุณหนูหกจู มีอะไรจะพูดกับข้าหรือ? ตอนนี้เจ้าอยู่ที่นี่แล้ว ก็มาคุยกันเถอะ! “ หลี่ฟู่มองนางแล้วเอ่ยขึ้น
"ข้า—" จูอวี๋อิงอึกอักอยู่ครู่หนึ่ง แล้วนางจะพูดได้อย่างไรในสถานการณ์เช่นนี้!
นางอดมองเหลียนฟางโจวด้วยความหงุดหงิดไม่ได้ หากไม่ใช่เพราะอีกฝ่ายรีบชิงพูดออกมาว่า ‘นางมีบางอย่างที่จะพูดกับท่าน’ แม่ทัพหลี่จะไม่เป็นเช่นนี้ และนางจะไม่เป็นฝ่ายตั้งรับ
หลี่ฟู่เริ่มหมดความอดทน "หากคุณหนูหกจูไม่มีอะไรจะพูด ก็ไม่ต้องพูด และตอนนี้มันก็ดึกมากแล้ว!"
หลี่ฟู่ไม่เคยคิดว่า จูอวี๋อิงจะมาสารภาพความในใจกับตัวเอง จึงเอ่ยเสริมว่า" พรุ่งนี้ให้พี่ชายของเจ้ามาพูดก็ได้ มันคงไม่ต่างกัน!"
ทันทีที่คําเหล่านี้หลุดออกมา ไม่เพียงปี้เถาและคนอื่น ๆ จะแอบยิ้ม เหลียนฟางโจวยังตัวกระเพื่อมเพราะกลั้นหัวเราะไว้
จูอวี๋อิงยิ่งอับอายและโกรธมากขึ้น และหลังจากโดนเร่งเร้า นางก็ตกอยู่ในอารมณ์กล้าหาญ หญิงสาวสูดลมหายใจลึก ๆ แล้วเอ่ยว่า "แม่ทัพหลี่ อวี๋อิงชื่นชมท่านมาเป็นเวลานาน..."
บอกว่านางอยากแต่งให้หลี่ฟู่จริงๆ และกล่าวถึงประโยชน์ที่หลี่ฟู่จะได้เมื่อแต่งงานกับนาง ซึ่งนางเพิ่งบอกกับเหลียนฟางโจวไป
หญิงสาวพูดพล่ามไปเรื่อยๆ โดยไม่ได้สังเกตเห็นว่าใบหน้าของ หลี่ฟู่น่าเกลียดขึ้นทุกที และก่อนที่นางจะพูดจบ ใบหน้าของชายหนุ่มก็ดำเป็นหยดหมึกไปแล้ว
…
เฮ้อบางทีก็ช่างน่าสงสารเกินไปแล้ว แต่ก็ดีละถูกปฏิเสธไปตรงๆซะจะได้รู้ตัวสักทีว่าอะไรเป็นอะไรจะได้ไม่หลงเข้าใจผิดไปเอง
ตอบลบ