วันศุกร์ที่ 2 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2567

จับแม่ทัพไปไถนา-บทที่ 776 ปฏิเสธ

      พี่สาวน้องสาวรึ? ให้เกียรติเธอเป็นพี่สาวเสมอเหรอ? ตระกูลจูจะเป็นผู้หนุนหลังเธอในอนาคตด้วยหรือ?

    ที่พูดมาแบบนี้ ข้าเกรงว่าตัวจูอวี๋อิงเองก็ยังไม่เชื่อสิ่งที่นางพูดมาเลย ต่อให้นางจะสาบานว่านางพูดจริงก็ตาม!


    อีกครั้ง ผู้คนมีความต้องการที่แตกต่างกันในช่วงเวลาที่แตกต่างกัน! นี่คือความจริงอันนิรันดร์

    ในชั่วขณะนี้ นางย่อมพูดอะไรก็ได้เพื่อที่ตนจะได้แต่งเข้ามาในจวนตระกูลหลี่ และนางอาจไม่อยากได้อะไรมากกว่านี้ในอนาคตก็เป็นได้

    คนในตระกูลจู มีคนไหนที่ไม่อยากเป็นที่หนึ่งบ้าง? ตระกูลจูยินดีจะหนุนหลังเธอ เพราะเธอและจูอวี๋อิงได้กลายเป็น "พี่สาวน้องสาว" กันหรือ?

    เรื่องนี้แค่โกรธเธอยังไม่อยากจะโกรธเลย เธอแค่อยากหัวเราะขบขันมากกว่า!

   ใบหน้าของจูอวี๋อิงเป็นสีฟ้าสลับสีแดง และดูไม่น่ามองมากขึ้นเรื่อย ๆ

   หลังจากปะทะกันมาสองครั้ง ก็รู้ว่าเหลียนฟางโจวเป็นคนที่รับมือยาก นางจึงเตรียมทำการบ้านก่อนมา ดังนั้นถ้อยคำเหล่านี้นางได้เตรียมมาพูด เพื่อทำให้อีกฝ่ายหวั่นไหว ได้เข้าใจเหตุผล  และคาดว่าสิ่งที่พูดมาจะสมเหตุสมผล และจะสร้างความประทับใจให้อีกฝ่ายอย่างแน่นอน

   แต่ใครเล่าจะรู้ว่าอีกฝ่ายจะปฏิเสธเธออย่างเย่อหยิ่งไม่ไว้หน้ากันเลย!

   จูอวี๋อิงโกรธจัด นางหมดคำพูดจะโน้มน้าวอีกฝ่ายแล้ว!

   นางไม่เคยจนแต้มขนาดนี้มาก่อนเลยในชีวิต!

   เสี่ยวเจิ้งเอ๋อร์ก็ตกตะลึงเช่นกัน พลางพูดตะกุกตะกัก "ไฉนเจ้าถึงไร้เหตุผลขนาดนี้!" 

   เหลียนฟางโจวทำเป็นไม่ได้ยิน และมองนางเป็นอากาศธาตุเช่นเคย

   สาวใช้เล็กๆคนหนึ่ง ควรค่าแก่ความสนใจของเธอหรือ? ไปตอบคำถามนาง ก็เท่ากับลดค่าตัวเอง!

   นอกจากจะจนแต้มแล้ว จูอวี๋อิงยังรู้สึกว่าเกียรติและศักดิ์ศรีของนางทั้งชีวิตนี้ ได้เสียไปต่อหน้าเหลียนฟางโจวแล้ว!

   แม้จะทำทุกวิถีทางแล้ว ในที่สุดก็มาถึงจุดนี้จนได้ จะมีคำพูดใดที่สามารถพูดได้อีกเล่า?

   จูอวี๋อิงค่อยๆสงบลง พลางกัดริมฝีปาก "เจ้าปฏิเสธไปง่ายๆ  เจ้ารู้ได้อย่างไรว่าแม่ทัพหลี่จะไม่เต็มใจ? ด้วยฐานะตระกูลจู ในสายตาคนนอกมองว่าจะเป็นกำลังสนับสนุนสำคัญแก่แม่ทัพหลี่ เขาไม่จําเป็นต้องทอดทิ้งเจ้าให้ผู้คนนินทา แต่เขายังสามารถได้รับความช่วยเหลือจากตระกูลจูอีกด้วย แล้วเจ้าจะไม่คิดเผื่อเขาหน่อยหรือ? "

   เหลียนฟางโจวจะไม่พิจารณาข้อเสนอนี้ของนางอย่างแน่นอน ดังนั้นจูอวี๋อิงจึงไม่รอให้อีกฝ่ายตอบ จึงรีบเอ่ยว่า "หากแม่ทัพหลี่ไม่บอกปฏิเสธข้าด้วยตัวเอง ข้าก็จะไม่ยอมถอดใจหรอกนะ!  เจ้าจะเพิกเฉยต่ออนาคตของเขา เพียงเพราะความเห็นแก่ตัวของตัวเจ้าเหรอ? "

   เหลียนฟางโจวแค่นเสียง แล้วเอ่ยอย่างหยิ่งผยอง "เจ้าบอกว่าเจ้าชื่นชมสามีของข้า แต่ในความเป็นจริงแล้ว เจ้าไม่เข้าใจเขาเลย! เขาไม่ใช่คนประเภทที่ต้องรับการสนับสนุนจากตระกูลใด! เขาเป็นสามีที่เป็นชายชาตรีอย่างแท้จริง! ในเมื่อเจ้ามีหัวใจไม่ยอมแพ้   เจ้าก็นั่งคอยอยู่ที่นี่ก่อนก็ได้! ข้าหวังว่า หลังจากที่เขาตอบปฏิเสธ เจ้าคงจะไม่รีบตายไปในทันทีหรอกนะ! แล้วจากนี้ไป ก็อย่าปรากฏตัวในชีวิตของเราอีกเลย! "

   จูอวี๋อิงรู้สึกอับอายและหงุดหงิด มีแต่ความหดหู่ไหลวนแน่นอก

   "ได้" จูอวี๋อิงเอ่ยรอดไรฟัน "เช่นนั้นข้าจะรอ! ข้าจะถามเขาด้วยตัวเอง! "

    เหลียนฟางโจวไม่ได้ให้ความสนใจนางอีกต่อไป ครั้นแล้วจึงเอนหลังพิงหมอน

    ปี้เถา ชุนซิ่ง และหงอวี้กําลังวุ่นอยู่กับการเปลี่ยนชาร้อน และนวดไหล่ให้นายหญิง พลางเอ่ยถามด้วยความเป็นห่วง " ฮูหยินต้องการรับสำรับมื้อเย็นหรือไม่เจ้าคะ? เหนื่อยหรือไม่ หรืออยากนอนพักสายตาสักครู่ไหมเจ้าคะ? "

    ทุกคนเพิกเฉยต่อจูอวี๋อิงและสาวใช้คนสนิทโดยสิ้นเชิง

    เหลียนฟางโจวคลี่ยิ้ม และพูดคุยกับพวกนาง แม้ว่าเธอจะไม่ได้นอนลง ทว่าก็นั่งอย่างเกียจคร้าน ด้วยท่วงท่าสบายๆ โดยไม่สนใจว่า ยามนี้เธออยู่ต่อหน้าจูอวี๋อิงผู้เป็นแขก!

   เธอไม่ได้ปฏิบัติต่ออีกฝ่ายเหมือนแขกเลย!

   ดังนั้น จูอวี๋อิงจึงนึกดูหมิ่นเธอในใจ ที่ไม่รู้จักธรรมเนียมและมรรยาทที่เหมาะสม

   โชคดีที่ทั้งสองยังเอาแต่นิ่งเงียบอยู่เป็นนาน ก่อนที่หลี่ฟู่จะกลับมา

    เมื่อหลี่ฟู่กลับมาที่จวน เขาได้ยินพ่อบ้านเฉียนบอกว่า ฮูหยินกำลังต้อนรับแขกในห้องโถงใหญ่ในเขตเรือนด้านหน้าอยู่ ชายหนุ่มเลิกคิ้วขึ้น พลางจ้องมองพ่อบ้านเฉียนด้วยความไม่พอใจ

    แม้ว่าเขาจะไม่ได้พูดอะไร แต่เขาก็บ่นในใจอย่างชัดเจนว่า ไม่รู้ว่าเป็นแขกมาจากไหน ไยถึงไม่รู้อะไรเลย! เหตุใดจึงมาเอาดึกดื่นป่านนี้? ยิ่งภรรยาเขาตั้งท้องอยู่  นางจะนอนดึกได้หรือ?

   ยามหลี่ฟู่ก้าวเข้าไปในห้องโถงใหญ่ ชุนซิ่งและคนอื่นๆรีบคุกเข่าคารวะ เมื่อเหลียนฟางโจวเห็นเขามา หญิงสาวจึงกลับมานั่งตัวตรงขึ้น พลางส่งยิ้มแล้วร้องเรียก "ท่านพี่! "

   หลี่ฟู่สาวเท้าเข้ามาทางด้านข้างหญิงสาว ไม่กี่ก้าว ก็จับมือภรรยา พลางขมวดคิ้ว: "ดึกแล้วเหตุใดเจ้าไม่กลับไปพักผ่อนเล่า? ที่นี่จะสะดวกสบายได้อย่างไร! เจ้าบอกว่ามีแขกไม่ใช่เหรอ? แล้วไหนเล่าแขก? "

   เพราะเป็นการต้อนรับในเขตเรือนด้านหน้า หลี่ฟู่จึงคิดว่าแขกคงเป็นผู้ชาย และเมื่อเขาก้าวเท้าเข้ามา เขาก็เหลือบมองและไม่พบผู้ชายสักคน  จึงไม่น่าแปลกใจที่เขาจะถามประโยคดังกล่าว

    อย่างไรก็ตามเมื่อเห็นท่าทางที่ตกตะลึงของ ชุนซิ่ง ปี้เถา หลี่ฟู่จึงรู้สึกแปลกใจขึ้นมาตะหงิด

    และจูอวี๋อิงก็หน้าถอดสี น้ําตาที่เอ่อคลอในดวงตาก็กําลังจะกลิ้งลงมา!

    เขาไม่เห็นนางด้วยซ้ำ!

    นางอุตส่าห์ยืนทนโท่อยู่ตรงนี้ และที่นี่ก็ไม่มีสิ่งกีดขวางสายตาใดๆ เขากลับไม่เห็นนางเลยด้วยซ้ำ!

    ประโยคนี้ของเขาน่าอายยิ่งกว่าคําพูดประชดประชันนับสิบนับร้อยคําของเหลียนฟางโจวเสียอีก! ยิ่งกว่านั้น นางรู้สึกคล้ายโดนหนามแหลมแทงลึกในหัวใจ

   เหลียนฟางโจวก็ไม่ได้คาดหวังว่าหลี่ฟู่จะมีปฏิกิริยาโต้ตอบแบบนี้ และหลังจากฉุกคิดเล็กน้อย นางก็เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น?

   หญิงสาวเหลือบมองไปในทิศทางของจูอวี๋อิง แล้วเอ่ยด้วยรอยยิ้ม  "คุณหนูหกจูอยู่ที่นี่ นางบอกว่ามีเรื่องจะพูดกับท่านพี่!" 

   "คุณหนูหกจูรึ?" หลี่ฟู่มองตามสายตาของเหลียนฟางโจวไป  พลางนึกบ่นในใจว่า จะสวมชุดบุรุษทั้งที ก็เลือกชุดที่สีสันฉูดฉาดเช่นนี้ มิน่าเล่าข้าถึงมองไม่ชัด

   จากน้ําเสียงของคําถาม จะเห็นได้อย่างชัดเจนว่า ชายหนุ่มไม่ทราบว่าคุณหนูหกตระกูลจูคือใคร?

   ใบหน้าของจูอวี๋อิงซีดลงไปสองส่วน

    เหลียนฟางโจวไม่ได้มีความตั้งใจจะไขปริศนาให้ เพียงยิ้มเบา ๆ และพูดว่า"ใช่! "

   หลี่ฟู่ครุ่นคิดสักครู่ ทันใดนั้นดวงตาก็สว่างวาบขึ้น สีหน้าฉายแววประหลาดใจ: "เป็นคุณหนูคนที่หกของตระกูลจูรึ" 

   เหลียนฟางโจวเปล่งเสียง "อืม" 

   ใบหน้าของหลี่ฟู่พลันเย็นชาลงอย่างกะทันหัน

    คุณหนูหกจูรึ? คนที่ฉวยโอกาสสร้างความลำบากใจให้กับฮูหยินของเขา แล้วยังมีหน้ามาเยือนที่จวนกลางดึกอีก นางต้องการจะทําอะไรกันแน่!

    ด้วยสัญชาตญาณ หลี่ฟู่จึงรังเกียจนางยิ่งนัก

    "คุณหนูหกจู มีอะไรจะพูดกับข้าหรือ? ตอนนี้เจ้าอยู่ที่นี่แล้ว ก็มาคุยกันเถอะ! “ หลี่ฟู่มองนางแล้วเอ่ยขึ้น

    "ข้า—" จูอวี๋อิงอึกอักอยู่ครู่หนึ่ง แล้วนางจะพูดได้อย่างไรในสถานการณ์เช่นนี้!

    นางอดมองเหลียนฟางโจวด้วยความหงุดหงิดไม่ได้  หากไม่ใช่เพราะอีกฝ่ายรีบชิงพูดออกมาว่า ‘นางมีบางอย่างที่จะพูดกับท่าน’ แม่ทัพหลี่จะไม่เป็นเช่นนี้ และนางจะไม่เป็นฝ่ายตั้งรับ

   หลี่ฟู่เริ่มหมดความอดทน "หากคุณหนูหกจูไม่มีอะไรจะพูด ก็ไม่ต้องพูด และตอนนี้มันก็ดึกมากแล้ว!" 

    หลี่ฟู่ไม่เคยคิดว่า จูอวี๋อิงจะมาสารภาพความในใจกับตัวเอง จึงเอ่ยเสริมว่า" พรุ่งนี้ให้พี่ชายของเจ้ามาพูดก็ได้  มันคงไม่ต่างกัน!" 

    ทันทีที่คําเหล่านี้หลุดออกมา ไม่เพียงปี้เถาและคนอื่น ๆ จะแอบยิ้ม เหลียนฟางโจวยังตัวกระเพื่อมเพราะกลั้นหัวเราะไว้

    จูอวี๋อิงยิ่งอับอายและโกรธมากขึ้น และหลังจากโดนเร่งเร้า นางก็ตกอยู่ในอารมณ์กล้าหาญ หญิงสาวสูดลมหายใจลึก ๆ แล้วเอ่ยว่า "แม่ทัพหลี่ อวี๋อิงชื่นชมท่านมาเป็นเวลานาน..."

    บอกว่านางอยากแต่งให้หลี่ฟู่จริงๆ และกล่าวถึงประโยชน์ที่หลี่ฟู่จะได้เมื่อแต่งงานกับนาง ซึ่งนางเพิ่งบอกกับเหลียนฟางโจวไป

    หญิงสาวพูดพล่ามไปเรื่อยๆ โดยไม่ได้สังเกตเห็นว่าใบหน้าของ หลี่ฟู่น่าเกลียดขึ้นทุกที และก่อนที่นางจะพูดจบ ใบหน้าของชายหนุ่มก็ดำเป็นหยดหมึกไปแล้ว

1 ความคิดเห็น:

  1. เฮ้อบางทีก็ช่างน่าสงสารเกินไปแล้ว แต่ก็ดีละถูกปฏิเสธไปตรงๆซะจะได้รู้ตัวสักทีว่าอะไรเป็นอะไรจะได้ไม่หลงเข้าใจผิดไปเอง

    ตอบลบ