วันศุกร์ที่ 2 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2567

จับแม่ทัพไปไถนา-บทที่ 777 บอกนางด้วยตัวเอง

      “พอได้แล้ว! “ หลี่ฟู่ขัดจังหวะนางด้วยความโมโห แล้วเอ่ยอย่างเย็นชา "ข้าจะแสร้งทำเป็นว่าเหตุการณ์คืนนี้ไม่เคยเกิดขึ้น คุณหนูหกจูได้โปรด! เจ้ามาอยู่ในจวนของเราดึกๆดื่นๆเช่นนี้  หากเรื่องแพร่ออกไปมันคงไม่ดี ! "


    "แม่ทัพหลี่—"

    "ไม่ต้องพูดแล้ว!" หลี่ฟู่กล่าวอย่างเย็นชา "คนแซ่หลี่คงไม่คิดอาจเอื้อม! ยิ่งกว่านั้นคนแซ่หลี่มีภรรยาอยู่แล้ว และนางก็ไม่ต้องการน้องสาวคนใด! ผลประโยชน์แบบนี้คนแซ่หลี่หลี่ไม่ได้ขาดแคลน! คุณหนูหกจู ได้โปรด! "

   "ท่าน ท่านจะเป็นเช่นนี้จริงๆรึ - ไยช่างไร้หัวใจนัก?" จูอวี๋อิงเอ่ยเสียงสั่น ในขณะที่น้ําตาไหลอาบแก้ม

   หลี่ฟู่กล่าวว่า "คนแซ่หลี่ไม่รู้จักคุณหนูหกจู คําพูดว่าไร้หัวใจจะเริ่มมาจากตรงไหนได้?" 

    จูอวี๋อิงทนไม่ไหวอีกต่อไป หญิงสาวยกมือปิดหน้าแล้ววิ่งร้องไห้ออกไป

    เสี่ยวเจิ้งเอ๋อร์รีบร้องตะโกนตามหลัง "คุณหนู! " พลางรีบวิ่งไล่ตามไปติดๆ

    เหลียนฟางโจวรีบออกคำสั่ง "ให้พ่อบ้านเฉียนส่งคนไปติดตามดูนาง เมื่อเห็นว่านางกลับไปที่จวนตระกูลจูอย่างปลอดภัยแล้ว ถึงค่อยกลับมา!" 

   ชุนซิ่งได้สติขึ้นมา จึงรีบรับคำ"เจ้าค่ะ" แล้วรีบวิ่งตามออกไป

   มิฉะนั้น หากเกิดเหตุร้ายกับจูอวี๋อิงขึ้นมาขณะอยู่บนถนน สถานการณ์จะยิ่งอึมครึม

    หลี่ฟู่อดยิ้มอย่างชิงชังไม่ได้ "ผู้หญิงคนนี้บ้าจริงๆ!" 

    เหลียนฟางโจวทำท่าจะหัวเราะ แล้วเอ่ยขึ้นว่า "ข้าไม่รู้เลยว่าสามีของข้าช่างเนื้อหอมยิ่งนัก! เฮ้อ ข้าคิดว่าตัวเองช่างต้อยต่ำนัก เป็นแค่หญิงบ้านนอกคอกนาคนหนึ่ง ผู้คนมากมายถึงไม่เห็นด้วย! "

    หลี่ฟู่แค่นเสียง "ข้าเห็นด้วยคนเดียวก็พอแล้ว!" 

    ชายหนุ่มหันไปกอดหญิงสาวเบา ๆ "เจ้าไม่เหนื่อยหรือ หลังจากต้องเจอปัญหากวนใจยามดึก? เรากลับเรือนกันเถอะ! "

    เหลียนฟางโจวพยักหน้า "อืม" แล้วเอ่ยพร้อมรอยยิ้ม "นางมาส่งเสียงเอะอะโวยวายที่ประตูจวน ตอนนั้นข้าเพิ่งกลับมา ข้าไม่สามารถส่งนางกลับไปได้ ขอบคุณที่ท่านกลับมานะ!" 

    ไม่รู้ว่านี่เป็นคำชมหรือคำเหน็บแนมกันแน่ สรุปว่า หลี่ฟู่ได้แต่ยิ้มเจื่อนๆ ขณะที่อุ้มภรรยาเดินกลับไปที่เขตเรือนชั้นใน โดยไม่พูดถึงเรื่องนี้อีก

   นอกจากนี้ ที่ผ่านมาจูอวี๋อิงได้ติดตามมารดาไปพักผ่อนอยู่ที่จวงจื่อ และไม่ได้แสดงความรู้สึกในใจออกมามากนัก นางยังคงมีอารมณ์หดหู่เศร้าหมอง ในช่วงเวลาสั้น ๆ ใบหน้ารูปไข่ของนางได้กลายเป็นใบหน้ารูปแตง ซึ่งทําให้คุณหนูจูรู้สึกเจ็บปวด และแอบร้องไห้เงียบๆ

   การกลับรวมตัวของคนในครอบครัวในช่วงเทศกาลปีใหม่ ย่อมทำให้มารดาและบุตรสาวไม่อาจอยู่ที่จวงจื่อได้

   ตั้งแต่เทศกาลฤดูใบไม้ผลิเป็นต้นมา จูอวี๋อิงมีพฤติกรรมที่สงบเยือกเย็นนักครอบครัวจึงคลายความระวังไปโดยไม่รู้ตัว ไม่มีใครคาดคิดว่าในวันสุดท้ายของเทศกาลฤดูใบไม้ผลิ ในที่สุดนางก็ฉวยจังหวะที่ทุกคนเผลอ แอบหนีออกจากจวนพร้อมกับสาวใช้คนสนิท

   พวกนางตรงดิ่งไปที่จวนของหลี่ฟู่!

   เมื่อพบว่าจูอวี๋อิงหายไป ทั้งจวนตระกูลจูก็บังเกิดความโกลาหล

  ในเทศกาลโคมไฟวันนี้ นอกจากฮูหยินจูแล้ว นายท่านและนายน้อยคนอื่น ๆ ของตระกูลจูได้ออกไปเพลิดเพลินกับเทศกาลโคมไฟกันหมด!

   ขณะที่ฮูหยินจูส่งคนไปตามสามีและบุตรชาย  นางได้ส่งคนรับใช้ออกไปตามหาลูกสาวด้วยเช่นกัน ในขณะที่ใจของนางก็ยิ่งสับสนว้าวุ่นขึ้นทุกที

   คืนนี้มีคนมากหน้าหลายตา ผสมปนเปกันทั้งปลาทั้งมังกร และนางก็เป็นคุณหนูอีก แล้วหากเกิดเหตุร้ายขึ้นกับนางเล่า—

   เรื่องแบบนี้ไม่อาจแจ้งให้พวกเจ้าหน้าที่หน่วยลาดตระเวนรู้ได้ จึงได้แต่สั่งคนรับใช้ให้ช่วยกันออกค้นหา

   ฮูหยินจูรู้สึกว่าร่างกายอ่อนแอไร้เรี่ยวแรง หัวใจกําลังจะหยุดเต้นอยู่รอมร่อแล้ว!

   เมื่อนายท่านจูและคนอื่น ๆ กลับมาทีละคน พวกเขาต่างก็เร่งรีบออกไปค้นหากันอีก

    เพียงแค่ว่าไม่มีใครคิดว่าจูอวี๋อิงจะใจกล้า ดังนั้นแม้ว่าผู้คนในจวนจะยุ่งอยู่กับการค้นหาตัวนางไปทั่วทุกที่ แต่ก็ยังไม่พบเงาของจูอวี๋อิงเลย!

   เมื่อเห็นว่าเวลาค่อยๆเคลื่อนคล้อยผ่านไป ฮูหยินจูก็ไม่สามารถทรงกายได้อีกต่อไป สุดท้ายก็ร้องไห้จนเป็นลมสลบไป

   ส่งผลให้จวนตระกูลจู ซึ่งเดิมทีก็โกลาหลอยู่แล้ว ก็กลายเป็นโกลาหลหนักกว่าเดิม!

   เมื่อจูอวี๋อิงและเสี่ยวเจิ้งเอ๋อร์ปรากฏกายขึ้นใกล้จวนพร้อมกับภาวะสิ้นหวัง คนในจวนที่เป็นผู้ค้นพบนาง ก็รีบนํานางกลับมาราวกับเก็บสมบัติได้ ในขณะที่มีบางคนรีบวิ่งเข้าไปรายงาน

   เหลียนฟางโจวและหลี่ฟู่ไม่ได้ออกคําสั่งให้คนข้างกายปิดปาก และแม้ว่าจวนตระกูลจูจะเคลื่อนไหวครั้งใหญ่เช่นนี้ แม้ว่าจะตั้งใจกระทำการเงียบๆ แต่เรื่องราวไหนเลยจะถูกเก็บงำไว้ได้?

  ยิ่งไปกว่านั้น เรื่องซุบซิบนินทาในแวดวงสังคมชนชั้นสูง มักจะแพร่สะพัดไปอย่างรวดเร็วในเมืองหลวงเสมอ

  วันรุ่งขึ้นข่าวที่คุณหนูหกตระกูลจูไปที่จวนของแม่ทัพหลี่ในคืนเทศกาลสําคัญ ก็แพร่สะพัดไปเกือบทั่วทุกหัวระแหงแล้ว

   แม้ว่าทุกคนจะไม่ทราบเนื้อหาเฉพาะของปัญหา ที่คุณหนูหกตระกูลจูไปก่อไว้ที่จวนของแม่ทัพหลี่ แต่ก็ไม่ยากจะคาดเดา ตราบใดที่ย้อนนึกถึงความนึกคิดของคุณหนูหกจูที่มีต่อแม่ทัพหลี่เมื่อหลายปีก่อน

   แม้นายท่านจูและฮูหยินจูจะไม่ได้ถูกโทสะมหาศาลเข้าครอบงำจนเกิดอันตรายจ่อสุขภาพ แต่สำหรับพี่ชายน้องชายตระกูลจู ใบหน้าของพวกเขาก็ดูหม่นหมองและน่ากลัวเช่นกัน

   เพราะทันทีที่เขาเห็นสีหน้าหัวใจสลายของจูอวี๋อิง ก็ไม่มีใครสามารถเอ่ยคําตําหนินางได้ ในขณะที่พวกเขาไม่รู้ว่าจะเกลียดใครดี!

   ข่าวลือนั้นได้แพร่สะพัดดุจไฟลามทุ่ง บางคนเยาะเย้ยจูอวี๋อิงที่ทำตัวหน้าไม่อาย หรือแม้แต่เยาะเย้ยฮูหยินของตระกูลจูที่ไม่สามารถสั่งสอนบุตรสาวได้ และบางคนก็เห็นอกเห็นใจนาง พร้อมทอดถอนใจ และยิ่งกว่านั้นมีบัณฑิตที่ไม่รู้ตื้นลึกหนาบางเป็นอันมาก ที่ยกย่องจิตใจอันเด็ดเดี่ยวของจูอวี๋อิง (ไม่รู้ว่าคําว่าวีรสตรี มาได้อย่างไร) และพากันตำหนิว่าหลี่ฟู่นั้นโหดเหี้ยมไร้ความชอบธรรมและไม่น่าสนใจ และนอกจากนี้ยังมีผู้คนที่บอกว่า หลี่ฟู่ไม่รู้จักดีชั่วด้วย แต่ก็ยังมีบรรดาผู้ที่เลื่อมใสเขา บอกว่าเขาเป็นคนดีที่ไม่รู้จักโลภและหลงไหลในอิสตรี ซ้ำยังให้ความสำคัญกับภรรยาคู่ทุกข์คู่ยาก  รวมถึงกระทั่งข่าวลือหนาหูที่ว่าหลี่ฟู่กลัวภรรยา และเหลียนฟางโจวก็ไม่ใช่ผู้หญิงที่ไม่ดี!

    สรุปสั้นๆ มีเรื่องราวทุกรูปแบบ และก็มีการร่ำลือเรื่องราวทุกรูปแบบเช่นกัน!

    แต่ไม่ว่าเรื่องราวจะผ่านไปอย่างไร ทว่าชั้นของกระดาษหน้าต่างนี้ได้ถูกเจาะทะลุไปอย่างสมบูรณ์แล้ว!

    ทุกคนคอยจับตารอดูว่าตระกูลจูและจวนตระกูลหลี่จะทำอย่างไรต่อไป เพื่อจัดการกับเรื่องนี้

    เหตุการณ์สีดอกท้อนี้ มักดึงดูดสายตาของผู้คนที่เฝ้าจับตามองมากที่สุดเสมอ ไม่ต้องพูดถึงว่าคุณหนูหกจูหลงใหลในตัวแม่ทัพหลี่เมื่อหลายปีก่อน และพอเห็นว่าแม่ทัพหลี่ได้รับชัยชนะ นางยังเสนอให้ตระกูลจูทําความสัมพันธ์นี้ให้สมบูรณ์ไปเลย

   แต่ผลที่ออกมา  แม่ทัพหลี่เกิดบังเอิญหายตัวไป! การหายตัวไปครั้งนี้กินเวลาสองปี และในที่สุดเขาก็รอดชีวิตมาได้ราวปาฏิหาริย์ แต่แทนที่จะบรรลุเรื่องราวอันเป็นมงคลกับคุณหนูหกจู แม่ทัพหลี่กลับนําภรรยาสุดที่รักกลับมาจากชนบทด้วย และเขาก็รักภรรยาคนนี้อย่างแท้จริง!

   คุณหนูหกจูที่หมกมุ่นในความรัก  ย่อมไม่เต็มใจจะยอมรับการเปลี่ยนแปลงเช่นนี้

   ในชั่วนาทีนี้ แม้แต่ข่าวการสอบทุกสามปีของทางราชสำนักที่กําลังจะมีขึ้น ก็ถูกลดระดับลงไปเป็นหัวข้อยอดนิยมลำดับที่สอง และก็ต้องยอมหลีกทางให้กับข่าวพาดหัวลำดับที่หนึ่งนี้

    การที่จะรับมือกับเรื่องที่เกี่ยวข้องกับตัวเอง คนเราย่อมต้องรู้จักตนเอง และรู้จักศัตรู เข้าทำนองที่ว่า รบร้อยครังชนะร้อยครั้ง และเหลียนฟางโจวได้สั่งพ่อบ้านเฉียนเป็นกรณีพิเศษ โดยให้ส่งคนที่มีไหวพริบออกไปสอบถามข่าวคราวล่าสุด

    เมื่อได้ฟังเรื่องราวซุบซิบนินทาทุกรูปแบบ ทุกชนิดแล้ว เธอก็ร้องไห้ไม่ได้ หัวเราะไม่ออก นี่มันเรียกว่าอะไรกัน!

   ใบหน้าของหลี่ฟู่เองก็ยิ่งมืดครึ้มลง

   ด้วยเหตุนี้ เขาจึงกำชับเหลียนฟางโจวอย่างจริงจังเป็นพิเศษว่า แม้ว่านางจะอุ้มท้องทารกในครรภ์อย่างสบายใจ แต่นางห้ามคิดฟุ้งซ่านในเรื่องนี้ เพราะเหตุนี้เอง หากมีคนในตระกูลจูมาเยี่ยม เขาก็จะอ้างว่า ภรรยาไม่อาจพบใคร เพราะนางกําลังตั้งครรภ์แก่ ต้องคอยเอนกายนอนพัก และไม่มีใครมีคุณสมบัติพอที่จะขอให้หญิงตั้งครรภ์ให้การรับรองแขกได้ ดังนั้นเรื่องทุกอย่าง หลี่ฟู่จึงเป็นผู้ดูแลจัดการทั้งหมด!

    และไม่ว่ากรณีใดๆ เขาจะไม่ยอมรับจูอวี๋อิงอย่างแน่นอน

     ไม่ใช่เพราะเหตุผลที่ว่าเขาและเหลียนฟางโจวต่างมีความรักให้กันอย่างลึกซึ้งเพียงอย่างเดียวเท่านั้น ทว่าแค่ตัวจูอวี๋อิงเอง ก็เพียงพอที่เขาจะปฏิเสธแล้ว แค่เห็นว่าจูอวี๋อิงคือน้องสาวของพระชายาหลี่ เขาย่อมไม่ยินดีจะเกี่ยวดองกับตระกูลจูแล้ว

    เดิมทีเหลียนฟางโจวคิดว่า สถานะของคนที่ครองตำหนักบูรพาได้ถูกกำหนดไว้แล้ว และอ๋องหลี่แม้เป็นองค์ชาย เขาก็ไม่สามารถทําอะไรได้ แต่เมื่อคิดถึงสุขภาพของรัชทายาท นางก็พูดไม่ออก

    สภาพร่างกายที่พร้อมจะทรุดได้ทุกเมื่อขององค์รัชทายาทนั้น ทำให้เหล่าองค์ชายจ้องตำแหน่งนี้กันตาเป็นมันราวกับพยัคฆ์จ้องเหยื่อ และเริ่มมีความหวัง? หลี่ฟู่เองที่ไม่อยากสงสัยอะไรโดยไร้เหตุผล ก็เริ่มเห็นเค้าความเป็นไปได้



1 ความคิดเห็น: