วันศุกร์ที่ 2 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2567

จับแม่ทัพไปไถนา-บทที่ 778 ท่าที

          เมื่อเหลียนฟางโจวได้ยินหลี่ฟู่พูดกับตัวเธอแบบนี้ ใจเธอย่อมมีความสุขและผ่อนคลาย หลังเอ่ยปลอบโยนเขาหลายประโยค จึงหัวเราะอีกครั้ง "เรื่องแบบนี้เป็นเรื่องของสำนึกผิดชอบชั่วดี และต่อให้ตระกูลจูจะเรืองอำนาจบารมีแค่ไหน แต่ข้าคาดว่าคงจะไม่ถึงขั้นแข็งแกร่งนัก ยิ่งกว่านั้น ท่านเป็นแม่ทัพ เป็นขุนนางฝ่ายบู๊  ซึ่งไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับตระกูลเขา และตระกูลของเขาก็ไม่อาจบังคับหรือควบคุมท่านได้ ต่อให้พวกเขาอยากจะทำ! เพียงถ้อยคำของท่านก็สร้างความมั่นใจให้ข้าแล้ว ท่านไม่จําเป็นต้องคิดมากเกินไป! นอกจากนี้ เรื่องนี้ก็ใช่จะไม่มีผลประโยชน์เลย! "


    เมื่อหลี่ฟู่ได้ยินว่า ภรรยาเข้าใจในเจตนาที่แท้จริงของตนแล้ว เขาก็ค่อยเบาใจ ภรรยากำลังตั้งครรภ์ หากนางเกิดโทสะขึ้นมา  และไม่ว่าผลพวงที่ตามมาแม้จะเบาบางหรือร้ายแรง แต่หากเป็นไปได้ พวกเขาสองคนก็ไม่อยากเสี่ยงอยู่แล้ว!

    แต่ทว่า

    "ประโยชน์รึ?" หลี่ฟู่เลิกคิ้วแล้วคลี่ยิ้ม "ไม่ใช่ว่าฮูหยินพูดให้ข้าขำเล่นหรอกหรือ? มีประโยชน์อะไรที่ข้าไม่รู้หรือ? สําหรับตัวข้า ข้าเห็นแต่ปัญหาเท่านั้น! "

   ชายหนุ่มขมวดคิ้วโดยไม่รู้ตัว

   เขาเป็นชายร่างใหญ่สูงถึงเจ็ดศอก ยืนตระหง่านท้าทายท้องฟ้าแต่พอมาเจอสตรีที่หน้าหนา ไร้ยางอาย ไร้ศักดิ์ศรี ตามมาพัวพันเขาอย่างน่าไม่อาย เขาคงไม่อาจแก้ปัญหาที่เกิดจากผู้หญิงด้วยกําปั้นตนเองได้ ซึ่งทําให้ชายหนุ่มหงุดหงิดยิ่งนัก!

   เหลียนฟางโจวยกมือขึ้นลูบคิ้วชายหนุ่มเบา ๆ พลางส่งยิ้มเจ้าเล่ห์ "แน่นอนว่ามีประโยชน์! หากไม่เป็นเช่นนั้น ถางสยงของข้าที่หลบลี้หนีเภทภัยอยู่ในเมืองเทียนจิน คงได้ย้ายเข้ามาจวนของเราแล้ว! ฮ่าๆๆ เป็นแบบนี้ก็ดีแล้ว เขาอยากจะพักอยู่ในโรงเตี๊ยมมากกว่ามาที่จวนของเรา หากเขาเกิดมาอยู่กับเราจริงๆ ทุกๆวัน ข้าก็ต้องทนเห็นใบหน้าเขา อารมณ์ของข้าไม่ถูกผลกระทบ ก็นับว่าแปลกแล้ว! "

    หลี่ฟู่ตกตะลึงจนอดหัวเราะไม่ได้ ชายหนุ่มส่ายหน้ายิ้มอย่างจนใจ พลางบิดจมูกเหลียนฟางโจวเบา ๆ "ความคิดของเจ้าช่างแตกต่างจากผู้อื่นนัก! ขอบคุณที่เจ้าให้ความสำคัญกับเรื่องนี้ที่สุด! หากเจ้าไม่พูดขึ้นมา  ข้าคงลืมไปว่ายังมีประโยชน์เช่นนี้อยู่! "

    พอกล่าวจบ ทั้งสองจึงมองหน้ากัน แล้วหัวเราะออกมา

   ในตำหนักของอ๋องหลี เมื่อข่าวอื้อฉาวอันโด่งดังมาถึงในวันรุ่งขึ้น พระชายาหลีก็ตกพระทัยเช่นกัน  ใบหน้าซีดเผือด  พลางบิดผ้าเช็ดหน้าในมือแน่น  นางยังคงใบหน้าเย็นชาและเงียบงันไปพักหนึ่ง

    เมื่อได้ยินว่าหลิ่วเย่ว สาวใช้รุ่นใหญ่คนสนิทเข้ามารายงานว่า อนุภรรยาทั้งสามจะมาถวายพระพร พระชายาหลีก็คลี่ยิ้มเย็นชา "พวกนางคงตั้งใจมา! แต่พอดีข้ามีเรื่องยุ่งที่นี่ ให้กลับมาอีกทีในตอนบ่ายก็แล้วกัน! "

    ไม่ใช่ว่าแค่อยากจะมาหัวเราะเยาะนางเพื่อความสะใจหรอกหรือ?

    แม้ว่านางจะรู้ว่าสิ่งที่ดีที่สุดที่ต้องทําก็คือ แสดงท่าทีเฉยชา แล้วก็ให้พวกนางเข้ามา เพื่อดูว่ามีกลอุบายอันใดที่จะมาเล่นงานนางบ้าง! เพื่อให้คนทั้งสามเห็นว่า พวกนางสามคนทำให้จิตใจนางหวั่นไหวไม่ได้แม้แต่นิด!

    แต่นางก็ทําไม่ได้!

    เพราะนางไม่เพียงแต่ถือสาเรื่องนี้ แต่ยังถือสาเรื่องนี้ด้วยความโมโหด้วย!

    อิงเอ๋อร์ ไฉนเจ้าถึงได้เลอะเลือนเช่นนี้!

    ท่านพ่อท่านแม่ก็เช่นกัน ไม่ใช่ว่าพวกเขาก็รู้ดีว่าได้ตามใจอิงเอ๋อร์อีกจนนิสัยเสียมาตั้งแต่เด็กหรอกหรือ? และอิงเอ๋อร์ก็เป็นคนนิสัยดื้อรั้นเช่นกัน แล้วนางจะมองอีกฝ่ายในแง่ดีได้อย่างไร? ต้องโทษที่ทั้งสองไม่สามารถจัดการน้องสาวของนางได้ จนทำให้เกิดเรื่องน่าขายหน้าเช่นนี้ขึ้น แล้วต่อไปจะเกิดอะไรขึ้นอีก!

    ดูท่าว่าในช่วงนี้ แม้นางไม่อยากออกไปพบปะใครๆข้างนอก และอยู่อย่างสงบเสงี่ยมในตำหนัก!

   และนางจะไล่อนุภรรยาทั้งสามออกไปในคำสั่งเดียว ทว่าอ๋องหลีไม่ใช่ตนที่นางสามารถไล่ออกไปได้

   เมื่อพระชายาหลีผู้กำลังมีเรื่องเดือดเนื้อร้อนใจ ได้ยินว่าอ๋องหลีกําลังเสด็จมา นางจึงรีบผุดลุกขึ้นอย่างแตกตื่น แล้วรีบปรับคลื่นอารมณ์ ก่อนจะยอบกายคารวะ พลางร้องทัก "ท่านอ๋อง" ออกมา  พร้อมสีหน้ากระดากใจเล็กน้อย

   "พระชายาไม่ต้องมากพิธีไป!" หลีอ๋องเผยรอยยิ้มเต็มใบหน้า แล้วเอื้อมมือไปประคองนาง

   พระชายาหลีผู้มีท่าทางประหม่า จึงคลี่ยิ้มละไมมากยิ่งขึ้น

   สองสามีภรรยาพากันนั่งลง เมื่อดวงตาของหลีอ๋องกวาดมองไป หลิวเย่วและสาวใช้คนอื่น ๆ จึงล่าถอยกลับไปเงียบ ๆ

   พระชายาหลีส่งยิ้มจืดเจื่อน แล้วลุกยืนขึ้น เพื่อทำการคารวะสวามีอย่างเต็มพิธีการอีกครั้ง แล้วเอ่ยเสียงแผ่วเบา "ครอบครัวของหม่อมฉันไม่ใคร่ราบรื่นนัก แต่หม่อมฉันหวังว่าคงไม่เป็นต้นเหตุให้ท่านอ๋องทรงระคายพระทัยหรอกนะเพคะ! มิฉะนั้น มันคงเป็นความผิดของหม่อมฉันแล้ว! "

   อ๋องหลีนึกถึงสถานการณ์ตอนที่ถูกขอร้องให้ออกจากวังหลวง เพื่อไปพบกับอ๋องเซียน พี่ชายคนที่สามได้ อ๋องหลีจึงเพียงแย้มสรวล พลางโบกพระหัตถ์  "เปิ่นหวางพูดอย่างนั้นหรือ? พระชายาไม่ต้องมากพิธีนัก นั่งลงพูดคุยกันเถอะ! จะไม่มีใครรู้หรือว่าผู้หญิงอย่างอิงเอ๋อร์มีนิสัยแบบใด ?  เปิ่นหวางจะโง่งมเสียจนตำหนิเจ้าได้อย่างไร?  นอกจากนี้"

   หลีอ๋องทรงถอนหายใจออกมาครั้งหนึ่ง แล้วตรัสว่า "อิงเอ๋อร์ชื่นชมแม่ทัพหลี่มาหลายปีดีดักแล้ว และเห็นว่าคำอธิษฐานของนางได้ถูกเติมเต็มแล้ว นางจะยอมให้คนอื่นมาชุบมือเปิบไปง่ายๆได้อย่างไร? ใครจะยินดียอมเปลี่ยนใจกัน? ยิ่งกว่านั้น หากเจ้าต้องพ่ายแพ้ และมอบทุกสิ่งที่ควรจะเป็นของเจ้าให้คนอื่น ก็ยังพอทำเนา ทว่าพอผู้อื่นดันเป็นหญิงชาวบ้าน ซึ่งไม่รู้ว่ามาจากแถบถิ่นใดนี่สิ เรื่องนี้ช่าง——"

    หลีอ๋องส่ายพระพักตร์อีกครั้งด้วยความเห็นอกเห็นใจในความทุกข์ทรมานของจูอวี๋อิงยิ่งนัก

   ดวงตาของพระชายาหลีสว่างวาบ  จิตใจพลันแช่มชื่นขึ้น จึงอดโล่งใจไปกว่าครึ่งไม่ได้

   ต้องทราบว่า การเกี่ยวดองระหว่างสองตระกูลนั้น  คือความเจริญรุ่งเรือง ส่วนผู้อื่นคือภัยอันตราย  และบางคนได้ตั้งข้อสังเกตุอย่างไร้ความรับผิดชอบต่อครอบครัวจูเพราะเรื่องนี้ และนางซึ่งเป็นบุตรสาวของตระกูลจูจะหลีกเลี่ยงได้อย่างไร? ท่านอ๋องหลีย่อมทรงเกี่ยวข้องอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ เมื่อถูกพูดพาดพิงไปสองสามประโยค

   นางคิดไม่ถึงเลยว่าเขาจะมีมุมมองแบบนั้น

    พระชายาหลีรีบแย้มสรวลอย่างซาบซึ้ง  "หม่อมฉันได้ยินถ้อยคําของท่านอ๋อง ก็รู้สึกสบายใจแล้วเพคะ! ท่านอ๋องทรงแสนดีเช่นนี้ หม่อมฉันก็ยิ่งละอายใจมากขึ้น! ได้โปรดวางพระทัยว่า หม่อมฉันจะสั่งให้ใครบางคนกลับไปแจ้งข่าวให้ท่านพ่อและท่านแม่คอยกำราบนางให้ดีๆ และจะไม่ก่อเรื่องยุ่งอีก! สําหรับอิงเอ๋อร์ คิดว่าคงต้องกักบริเวณนาง และไม่ปล่อยให้นางออกไปข้างนอกในช่วงนี้เพคะ! "

   พระชายาหลีแอบคิดว่า โชคดีที่บิดาและพี่ชายน้องชายของนางเป็นคนที่มีความสามารถนัก ส่วนจูอวี๋อิงก็หมกมุ่นอยู่กับแม่ทัพหลี่ที่อยู่ตรงหน้า ถึงแม้ว่าการที่อีกฝ่ายไปเอะอะโวยวาย จะไม่ใช่เรื่องดี แต่ก็พอให้อภัยได้! ดังนั้นท่านอ๋องคงจะไม่ทรงกริ้วกระมัง?

   ท่านอ๋องหลีทรงแย้มสรวล พลางส่ายพระพักตร์ "เจ้าไม่จําเป็นต้องดูแลเรื่องนี้ เจ้าไม่จําเป็นต้องส่งคนกลับไปส่งข่าว เจ้าเป็นบุตรสาวที่แต่งงานออกไปแล้ว เป็นการยากที่จะมาแทรกแซงเรื่องของครอบครัวบ้านเดิมมากขึ้น" 

   พระชายาหลีลังเล "แต่—"

   นางรู้ว่าท่านพ่อรักน้องสาวคนนั้นมากแค่ไหน และตอนนี้เรื่องต่าง ๆ ก็ดำเนินมาถึงจุดนี้แล้ว พวกเขามีแนวโน้มที่ต้องว่าตามนางมากที่สุด!

   ฮูหยินรองรึ? นางอดแอบแค่นเสียงในใจไม่ ได้ เด็กสาวคนนี้ช่างเลอะเลือนจริงๆ!  แต่ฮูหยินเหลียนผู้น่ารังเกียจนั่น น่าจะเลอะเลือนยิ่งกว่าแม่น้องสาวของนางเสียอีก กระทั่งกล้าปฏิเสธน้องสาวของนางได้!

   "เอาตามนี้เถอะ!" ท่านอ๋องตรัสว่า "อวี๋อิงไม่เด็กเกินไปแล้ว ท่านพ่อท่านแม่ของเจ้าคงมีวิธีแก้ไข!" 

   พระชายาหลียังมีบางอย่างจะพูด ทว่าหลีอ๋องไม่รอให้นางพูดอีก เขาคลี่ยิ้ม แล้วเปลี่ยนไปสนทนาเรื่องอื่นสองสามประโยค ครั้นแล้วก็ทรงออกไป

   อย่างไรก็ตาม ใช้เวลาไม่นานก่อนที่ขันทีรุ่นเล็กข้างกายหลีอ๋อง ได้ยกถาด ที่มีกล่องผ้าปักลายเล็ก ๆวางอยู่ ไปให้พระชายา กล่าวกันว่าในนั้นมีปิ่นทองรูปแบบใหม่สองอัน ซึ่งท่านอ๋องทรงประทานให้พระชายาไว้ประดับ

   พระชายาหลีทรงแย้มสรวล พร้อมเสียงอุทานในลำคอ หัวใจของนางก็สงบลง นางจึงโยนเรื่องในหัวทิ้งไป เชื่อฟังคำของหลีอ๋อง และไม่คิดถึงครอบครัวบ้านเดิมอีกต่อไป

  เมื่อมีเรื่องเช่นนั้นเกิดขึ้นกับตระกูลจู หลังจากนั้นนายท่านจูและฮูหยินจูก็เดือดดาล ทั้งสองอดรู้สึกเศร้าใจไม่ได้  เมื่อมองบุตรสาวที่กําลังร้องไห้น้ําตาแทบเป็นสายเลือด และสูญเสียจิตวิญญาณไป  น้ำชา อาหารก็ไม่คิดจะแตะ

   ฮูหยินจูดูแก่กว่าเดิมหลายปี และในที่สุดนางก็พูดกับนายท่านจูด้วยน้ําตานองหน้า " นายท่าน ช่วยคิดทบทวนดูอีกทีเถิด! อิงเอ๋อร์ เด็กคนนี้มีความประพฤติดีและรู้ความมากที่สุด ข้าทําร้ายนางมาหลายปีแล้ว เมื่อเห็นนางเป็นเช่นนี้ ใจข้าก็ราวกับโดนมีดกรีดเนื้อ! นายท่าน ปกติท่านเป็นคนที่ทําร้ายนางมากกว่าใครแล้วนะเจ้าคะ! "

   ใบหน้าของนายท่านจูนั้นน่าเกลียดอย่างยิ่ง เพราะผ่านมาหลายวันแล้ว เรื่องนี้ก็ยังไม่เงียบไปเสียที คิ้วของเขาขมวดมุ่น ใบหน้าบึ้งตึง  เขากัดฟันกรอด เมื่อได้ยินวาจานี้: "เรื่องมาถึงจุดนี้แล้ว เจ้าคิดจะหาวิธีอื่นใดอีก? เจ้ายังมีหน้ามาพูดอีกหรือ! ข้าบอกเจ้ามานานแล้ว ว่าให้เจ้าดูแลนางอย่างเข้มงวด  สุดท้ายแล้ว เจ้าดูแลนางประสาอะไร!  ในช่วงนั้นตอนอยู่ที่จวงจื่อนอกเมือง เจ้าเคยโน้มน้าวนางหรือไม่! "


7 ความคิดเห็น:

  1. ขอบคุณมากค่ะ รอค่ะ

    ตอบลบ
  2. ยังรอติดตามต่อไปค่ะ

    ตอบลบ
  3. ขอบคุณค่ะ​

    ตอบลบ
  4. ขอบคุณมากค่ะ รอติดตามอยู่ค่ะ

    ตอบลบ
  5. สนุกมาก

    ตอบลบ
  6. ขอบคุณมากค่ะ

    ตอบลบ
  7. อ๋องหลีสงสัยอยากให้น้องเมียแต่งงานกับอาเจี่ยนแน่ๆเพื่อขุมกำลังสนับสนุน

    ตอบลบ