วันเสาร์ที่ 17 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2567

จับแม่ทัพไปไถนา-บทที่ 779 ลองพยายามดู

      ฮูหยินจูรู้สึกสํานึกผิดและเจ็บปวด พลางร้องไห้ "เหตุใดข้าจะไม่โน้มน้าวนางเล่า?  ข้าจะไปรู้ได้ไงว่าเด็กคนนี้จะดื้อดึงถึงเพียงนี้!  นายท่าน หากท่านจะโกรธ ท่านจะดุด่าข้าไม่ว่า แต่ท่านจะไม่ดูดำดูดีลูกสาวของท่านไม่ได้นะ! "


   นายท่านจูแค่นเสียง "ข้าเองก็อยากดูแลนาง แต่เจ้าบอกข้าทีสิ ว่าควรดูแลนางอย่างไร! เจ้าก็พูดเองนี่ว่านางดื้อดึง แล้วเจ้าจะทําอะไรได้อีก! "

   ดวงตาของฮูหยินจูวาวโรจน์ นางปิดเปลือกตาลง และเอ่ยด้วยน้ำตา "ในเมื่อเรื่องมันเลยเถิดมาถึงจุดนี้แล้ว เราก็ได้แต่ก้าวไปข้างหน้าเท่านั้น ไม่อาจถอยหลังกลับ!" 

   นายท่านจูมีสีหน้าอึ้งงัน "เจ้าหมายความว่าอันใด?" 

   ฮูหยินจูกล่าว "อิงเอ๋อร์ของเราต้องแต่งให้แม่ทัพหลี่เท่านั้น! หาก อิงเอ๋อร์ได้แต่งให้แม่ทัพหลี่แล้ว หลังจากนั้น เรื่องนี้ก็จบสมบูรณ์  และมันก็ไม่มากเกินไปที่จะบอกว่านี่คือเรื่องราวที่ดี! เมื่อถึงตอนนั้น ความคิดของผู้คนก็จะเปลี่ยนไปอีกหน คราวนี้จะมีแต่เรื่องดีเท่านั้น! ไม่มีใครกล้าบอกว่าเป็นเรื่องไม่ดีแม้แต่ครึ่งคำ! "

   นายท่านจูอดวูบไหวในใจไม่ได้ ดังนั้นเรื่องน่าหัวเราะก็จะกลายเป็นเรื่องดี และชื่อเสียงของตระกูลจูก็จะไม่เสียหาย และนี่คือการจบปัญหาที่ดีที่สุดแล้ว!

   อย่างไรก็ตามเมื่อเขานึกถึงหลี่ฟู่ นายท่านจูก็รู้สึกปวดหัวอีกครั้ง

   "ไหนเจ้าว่ามาสิ" เขาถอนหายใจโดยไม่รู้ตัว "แม่ทัพหลี่ไม่สามารถละทิ้งภรรยาคนปัจจุบันของเขาได้ แล้วเขาจะทําอย่างไร?" 

   ดวงตาของมาดามจูมีแววของความไม่ยินยอมวาบผ่าน "เช่นนั้นก็ไม่ต้องละทิ้ง! บุตรสาวของเราแต่งไปเป็นฮูหยินอีกคน  โดยไม่ต้องสนใจว่าใครสูงกว่าใครต่ำกว่า"

   "เจ้าว่ายังไงนะ!"  นายท่านจูหน้าเปลี่ยนสี แล้วสบถออกมา "เลอะเลือนแล้ว! "

   ตระกูลจูเป็นตระกูลแบบไหนกัน? บิดาและบุตรชายล้วนดำรงตำแหน่งผู้นําคนสําคัญในราชสำนัก บุตรชายทั้งสามต่างมีอนาคตที่สดใสรออยู่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งบุตรชายคนที่สามที่เรียนเก่งตั้งแต่ยังเด็ก บุคลิกท่าทางก็โดดเด่น และยามนี้ เขาถูกคาดการว่าจะสอบได้ตำแหน่งจ้วงหยวน และในอนาคตเขาจะเข้าสู่สำนักศึกษาฮั่นหลิน และสุดท้ายก็เข้าสู่หกแผนก นั่นคือ วันหนึ่งเขาจะได้รับเลือกเป็นหัวหน้าสภาขุนนางอย่างไม่ต้องสงสัย! ส่วนบุตรสาวคนโตยังเป็นถึงพระชายาเอกของท่านอ๋องหลี ซึ่งรักใคร่นางอย่างสุดซึ้ง แม้ว่านางจะไม่ได้มีราชทินนาม แต่นางก็เป็นผู้ดูแลจวนที่ได้รับการยกย่องจากฮองเฮาด้วยพระองค์เอง

    บุตรสาวของเขาไปแต่งเป็นฮูหยินอีกคน ต่อให้ไม่สนใจว่า ใครจะสูงกว่าหรือต่ำกว่า แต่ทว่าคนที่แต่งเข้ามาก่อน และตอนนี้กําลังตั้งครรภ์อยู่  นางเป็นที่โปรดปรานของสามีอย่างที่สุด เท่านี้ก็รู้แล้วว่าใครสูงกว่า ใครต่ำกว่า!

   หากตำแหน่งนั้น เหมาะสมอย่างกับกิ่งทองใบหยก เหมือนอย่างพระชายาเอกของหลิวจวิ้นอ๋อง นางเป็นองค์หญิงต่างแคว้นระดับกงจู่จวิ้นจู่  บุตรสาวของเขาก็แทบจะไม่มีความคับข้องใจใดๆเลย ทว่าชาติกําเนิดของฮูหยินผู้นั้น - นี่ไม่ใช่เป็นการทำให้ตระกูลของเขาเองต้องเสื่อมเสียชื่อเสียงหรอกหรือ!

   ยิ่งนายท่านจูคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้มากเท่าไหร่ เขาก็ยิ่งหงุดหงิดมากขึ้นเท่านั้น เขาจึงสะบัดแขนเสื้อ แล้วเอ่ยขึ้น "เจ้านี่มันหน้ามืดตามัวแล้ว!"       

   ฮูหยินจูแค่นเสียง "ข้ารู้ว่านายท่านกังวลอะไรในใจ แต่ทําไมนายท่านไม่ลองเปลี่ยนมุมมองแล้วลองคิดดู ตระกูลของเราเต็มใจที่จะทําเช่นนี้ นั่นเพราะความรักของเราที่มีต่อบุตรสาว! บุตรสาวเอาแต่รักมั่นไม่ยอมเปลี่ยนใจ ซึ่งแสดงให้เห็นถึงจิตใจอันแน่วแน่! บุตรสาวของเราไม่ใช่คนที่ไร้ยางอาย อยากได้สามีของผู้อื่น ท่านก็รู้ว่า หากไม่ใช่เพราะโชคชะตาเล่นตลก วันนี้ฮูหยินหลี่ต้องเป็นอิงเอ๋อร์ของเราแล้ว! ข้าขอถามท่านหน่อย แล้วอย่างนี้ ใครจะพูดอะไรได้?"

    เมื่อเห็นว่านายท่านดูคล้ายจะหวั่นไหว ฮูหยินจูจึงพยายามโน้มน้าวต่อไป “นายท่าน ท่านลองตรองดูอีกครั้งเถอะ ตอนนี้เรื่องมันก็ดำเนินมาถึงจุดนี้แล้ว หากอิงเอ๋อร์ไม่สามารถแต่งงานกับแม่ทัพหลี่ได้ นางจะแต่งงานกับใครได้อีกในเมืองหลวงนี้?" 

   คําพูดเหล่านี้กระทบใจนางนัก ฮูหยินจูรู้สึกจนใจเมื่อคิดถึงตรงนี้  ทันใดนั้นหัวใจของนางก็พลันเจ็บปวดรวดร้าว จึงเอ่ยด้วยน้ำตา " มันเป็นเรื่องยาก แต่ท่านคงไม่ยินดีให้อิงเอ๋อร์แต่งงานไปอยู่ในที่ห่างไกลใช่ไหม!  หรือต่อให้ท่านยินดี  มันก็ยากที่จะหาบุรุษที่ดีได้!  ภายภาคหน้า ถ้าเราอยากดูแลบุตรสาว วิธีพวกนี้ก็ไม่เหมาะสมเลย! ยิ่งไปกว่านั้นหากเป็นกรณีนี้ มันจะทําให้ครอบครัวของเราต้องมาลำบากใจกัน! "

    นายท่านจู หน้าเปลี่ยนสี คําพูดประโยคท้ายๆของฮูหยินจู กระตุ้นใจเขาอย่างลึกซึ้ง

   ทว่าลองคิดดูอีกที  มันไม่ใช่อย่างที่ว่ามาเหรอ!

   ไม่ได้ทำอะไรผิด แล้วไยต้องเอาแต่หลบซ่อนด้วย?

   "มันจะดีสักแค่ไหนนะ หากแม่ทัพหลี่ไม่มีภรรยา!" นายท่านผู้เฒ่าจูถอนหายใจโดยไม่รู้ตัว

    "เอ๋อหวงและหนูอิง[1]ก็เป็นเรื่องราวที่ดีเช่นกัน" ฮูหยินจูฝืนยิ้ม "ดังนั้น นี่จึงเป็นการจบปัญหาที่ดีที่สุดแล้ว!" 

   ฮูหยินจูคิดอย่างเหี้ยมเกรียม และแอบแค่นเสียงในใจ เรื่องนี้ไม่ง่ายหรอก!

   อีกฝ่ายเป็นเพียงผู้หญิงในชนบทที่ไม่มีพื้นเพอะไรจะมาหนุนหลัง นั่นคืออะไรรึ? เมื่อเวลานั้นมาถึง ข้าจะให้บุตรสาวข้าแต่งไปพร้อมสาวใช้ที่หน่วยก้านดีติดตามไปสองสามคน มีหลายวิธีที่จะเอาชีวิตของคนในเรือนหลัง โดยไม่ต้องกระโตกกระตาก!

   ต่อให้แม่ทัพหลี่รักนางมากแค่ไหน เขาสามารถอยู่ในเรือนหลังกับนางได้ทั้งวันทั้งคืนหรือ?

   ไม่ต้องพูดถึงตัวนางเลย เป็นเด็กที่นางคลอดมาด้วย ฮึ่ม หากเป็นลูกสาว ก็รอดไป หากเป็นลูกชาย  ข้าก็คงเก็บไว้ไม่ได้!

   ในฐานะหญิงชาวบ้านในชนบท นางสุขสำราญกับความรุ่งโรจน์และความมั่งคั่งมากมายมาเป็นเวลานานแล้ว  ก็ถือว่าชีวิตนี้ของนางได้รับมามากเกินพอแล้ว!

   หลังจากที่นางปล้นทุกอย่างที่เป็นของลูกสาวของข้าไปแล้ว ก็ถึงเวลาที่จะเอาทุกอย่างกลับคืนมาแล้ว!

   ความคับข้องใจของบุตรสาวข้าจะมีอยู่แค่ชั่วคราวเท่านั้น

   แน่นอน นางจะไม่พูดเรื่องพวกนี้กับสามีแน่ 

   ต้องรู้ว่านอกเหนือจากลูกสาวขี้อายและขี้ขลาดสองคนในครอบครัวของนางแล้ว ลูกชายของนางทุกคนก็เกิดมาเพื่อทำตามนาง!

   นายท่านจูครุ่นคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้สักพัก แม้ว่าเขาจะไม่อยากยอมรับนัก เขาก็ต้องยอมรับว่าคําพูดของภรรยานั้นมีเหตุมีผลนัก และเขาก็ต้องทําตามนั้น!

   ชายชราถอนหายใจ "งั้นก็เอาตามนี้! เมื่อข้ากลับมา ข้าจะสั่งให้ต้าหลาง เชิญแม่ทัพหลี่มานั่งเจรจาที่ภัตตาคาร  อิงเอ๋อร์ของเราไม่ใช่คนต้อยต่ำ ต่อให้เราอยากเกี่ยวดอง หลี่ฟู่ก็ต้องมาสู่ขอด้วยตัวเอง "

   ฮูหยินจูอดขมวดคิ้วไม่ได้

   สิ่งที่เกิดขึ้นกับบุตรสาวของนางในจวนตระกูลหลี่ แม้ว่าอีกฝ่ายจะร้องไห้และปฏิเสธที่จะพูด แต่นางก็ทรมานเสี่ยวเจิ้งเอ๋อร์อย่างหนัก ดังนั้นนางจึงรู้เรื่องราวอย่างละเอียด

    หากเป็นเรื่องจริงอย่างที่เสี่ยวเจิ้งเอ๋อร์พูด หลี่ฟู่จะเต็มใจมาสู่ขอบุตรสาวนางหรือไม่?

   เขาเป็นผู้นําของคนหนุ่มรุ่นใหม่ที่มีอนาคตสดใสในแวดวงทหาร  บุตรชายและสามีของนาง ก็ไม่อาจควบคุมบังคับเขาได้ และถ้าเขาปฏิเสธ ก็จะไม่มีทางให้พลิกฟื้นสถานการณ์อีก! แต่ถ้าหากได้พูดคุยกับเหลียนฟางโจวก่อน เรื่องมันจะแตกต่างออกไป!

   ฮูหยินจูไม่ได้ให้ความสำคัญกับเหลียนฟางโจวเลย นางคิดว่าบุตรสาวของนางไร้เดียงสาเกินไป อีกฝ่ายจะต้องอับอายจากคำพูดถากถางดูแคลนของเหลียนฟางโจว และหากนาง ผู้เป็นผู้ดูแลจวนตระกูลจูมานานกว่ายี่สิบปี ไม่สามารถกวาดล้างหญิงชาวบ้านจากชนบทได้ นางก็ไร้ประโยชน์ในตระกูลนี้แล้ว!

   ฮูหยินจูจึงตอบว่า "นายท่าน ข้าคิดว่าเป็นการดีกว่าที่จะเข้าหาฮูหยินเหลียนก่อน ตราบใดที่ฮูหยินเหลียนเห็นด้วย นางย่อมจะจัดการส่วนที่เหลือเอง รวมถึงว่าจะพูดคุยกับแม่ทัพหลี่อย่างไร และจะไปสู่ขอลูกสาวเราแต่งงานอย่างไร! ในเวลานี้ครอบครัวของเรายังไม่ควรติดต่อกับแม่ทัพหลี่โดยตรงนะเจ้าคะ! "

   แม้ว่าฝ่ายหญิงจะเป็นฝ่ายตามตื๊อ ก็ยังมีความแตกต่างในฝ่ายที่ตามตื๊อ

   นายท่านจูใคร่ครวญอยู่ครู่หนึ่ง แล้วจึงพยักหน้า "ได้ ก็ทำตามนี้! เจ้าควรสรุปเรื่องนี้โดยเร็วที่สุด อย่าได้ชักช้าอีกต่อไป และหากเจ้าลากยาวเรื่องนี้ไปเรื่อยๆ ชื่อเสียงของตระกูลของเราคงจะถูกทําลายแล้วจริงๆ! "

   ฮูหยินจูรีบยิ้มแย้มตกลง

   เมื่อส่งสามีออกไปแล้ว นางก็ถอนหายใจโล่งอกอยู่เป็นนาน สิ่งแรกที่นางทําก็คือ สั่งจูหมอมอผู้มีความสามารถ ไปบอกข่าวดีกับบุตรสาว เพื่อที่อีกฝ่ายจะได้ดูแลตัวเองอย่างดีและเลิกดื้อดึงเสียที

   จากนั้น หลังจากใคร่ครวญสักพักหนึ่ง นางก็เรียกลูกสะใภ้รอง สิ่วซื่อมา ผู้ซึ่งรู้จักยืดหยุ่นพลิกแพลง และมีวาทศิลป์เป็นเลิศ โดยเฉพาะยามที่นางเปิดปากเจรจา จะไพเราะอ่อนหวานราวกับปากฉาบด้วยน้ำผึ้งนั้นเทียว

**

[1]เอ๋อหวง และหนูอิง ทั้งสองคือพระธิดาของฮ่องเต้เหยา ในตำนานโบราณ ทั้งสองพี่น้องอภิเษกกับฮ่องเต้ซุน


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น