วันเสาร์ที่ 17 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2567

จับแม่ทัพไปไถนา-บทที่ 780 ตัวกลางเจรจา

      วันรุ่งขึ้นสิ่วซื่อนั่งรถม้าธรรมดา ไปยังจวนตระกูลหลี่สายรอง ของอารองและอาสะใภ้รองของหลี่ฟู่ นางสนทนาอยู่ที่จวนฝั่งโน้นอยู่เกือบทั้งวัน ก่อนจะออกไปพร้อมรอยยิ้มเต็มใบหน้า 


    เมืองหลวงฮือฮาด้วยเรื่องอื้อฉาวมาหลายวันแล้ว และยามที่เหลียนฟางโจวได้ยินว่าอาสะใภ้รอง พี่สะใภ้รอง และน้องสะใภ้สี่มาเยี่ยม หญิงสาวก็นิ่งอึ้งไป ก่อนที่มุมปากจะบิดโค้งเป็นรอยยิ้มเหยียด แล้วโพล่งขึ้น"รีบเชิญเข้ามาเร็ว!" 

    ที่แรกเธอก็แปลกใจ ที่ไม่มีการเคลื่อนไหวจากฝั่งตระกูลจู  ทว่ายามนี้ไม่แปลกใจแล้ว

   เรื่องที่แปลกก็คือ สิ่งที่ไม่ควรเกิด ก็เกิดการ  มิน่าเล่า เรือนหลังของจวนตระกูลจูถึงได้ดูแลจัดการอย่างมั่นคงราบรื่นมานานหลายปี  ต่อให้มีข่าวอื้อฉาวใดๆ  คาดว่าคงจะร่ำลืออยู่เพียงชั่วระยะเวลาสั้นๆกระมัง?

    นึกไม่ถึงเลยว่า อาสะใภ้รองและพี่สะใภ้รอง และน้องสะใภ้สี่จะมาเยี่ยมเยียนเธอ

   เหลียนฟางโจวยิ่งรู้สึกมั่นใจมากกว่าเดิม เมื่อเห็นอาสะใภ้รอง และสะใภ้ทั้งสอง ทำหน้าตาท่าทางเป็นห่วงเป็นใยเธออย่างสุดซึ้ง 

   "ช่วงเทศกาลฤดูใบไม้ผลิ ข้ายุ่งเสียจนเท้าไม่แตะพื้น ข้าเลยไม่มีเวลามาหาเจ้า! แล้วเป็นอย่างไรบ้าง มีตรงไหนอึดอัดไม่สบายหรือไม่? “ อาสะใภ้รองส่งยิ้มอ่อนโยน ดวงตาจดจ่อตรงหน้าท้องของหญิงสาวที่โป่งนูนสูง เปี่ยมด้วยความเมตตา

    เหลียนฟางโจวพยักหน้ายิ้มแย้ม "ขอบคุณอาสะใภ้รองที่เป็นห่วง ทุกอย่างเรียบร้อยดีเจ้าค่ะ!" 

    โซวซื่อหัวเราะแล้วเอ่ยขึ้น "อยากจะบอกว่า น้องสะใภ้สามช่างโชคดีนัก!  ทั้งรักใคร่ปรองดองกับน้องชายสามเป็นอย่างดี อีกทั้งยังตั้งครรภ์เร็วนัก! ท้องโตขนาดนี้ น่าจะคลอดราวๆเดือนสี่ถึงเดือนห้าแน่เลย ตอนนั้นสภาพอากาศไม่หนาวเกินไปและไม่ร้อนเกินไป ตอนอยู่เดือนจะทรมานน้อยลง และเด็กก็ยังเลี้ยงง่ายอีกด้วย! "

    "ข้าขอยืมคํามงคลของพี่สะใภ้รองสักหน่อยนะ! นี่เป็นลูกคนแรกของข้า และข้าก็อดตื่นเต้นไม่ได้! เหลียนฟางโจวเอามือลูบหน้าท้องด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม จากนั้นก็ถือโอกาสซักถามคนทั้งสามเรื่องการเลี้ยงดูบุตร

    ความจริงแล้วที่แม่สามีและสองลูกสะใภ้มาในวันนี้  ไม่ได้มาเยี่ยมเยียนหญิงสาว ทว่ามีเรื่องสําคัญที่อยากจะคุยกับเธอด้วย ดังนั้นพวกนางจึงต้องทำให้เหลียนฟางโจวอารมณ์ดี  โดยต้องคอยเอาใจและสรรหาเรื่องราวมาคุยกับเหลียนฟางโจวสักสองสามเรื่อง ก่อนจะวกเข้าประเด็นสำคัญที่มาในวันนี้

   อย่างไรก็ตาม เมื่อใดก็ตามที่พวกนางต้องการเปลี่ยนหัวข้อคุย เหลียนฟางโจวก็สามารถดึงทุกคนกลับมาได้อย่างง่ายดาย โดยไม่ให้พวกนางมีโอกาสเปลี่ยนไปพูดประเด็นอื่นเลย

   หลังจากนั่งคุยกันมาอีกพักหนึ่ง  ปี้เถาก็เดินเข้ามาพร้อมรอยยิ้ม ขณะเปลี่ยนน้ำชาให้เหลียนฟางโจว ผู้เป็นสาวใช้ก็เอ่ยขึ้น: "ฮูหยิน วันนี้ท่านตื่นแต้เช้าตรู่ หลังมื้อเช้า ฮูหยินก็เดินเล่นในสวนตั้งนานสองนาน ซ้ำท่านนั่งสนทนามาพักใหญ่เช่นนี้ บ่าวว่าถึงเวลาที่ควรนอนพักแล้วกระมังเจ้าคะ?"  มีธรรมเนียมที่ว่าสาวใช้ไม่ควรพูดต่อหน้าเหล่าฮูหยิน ทว่าเจ้านายได้สั่งสาวใช้ให้คอยเตือนตนเองพักผ่อนมาก่อนแล้ว ดังนั้นสาวใช้ย่อมไม่กล้าไม่เชื่อฟัง และก็ขอเหล่าฮูหยินทั้งหลายอย่าได้ตำหนิสาวใช้เลย! 

   หากเป็นเมื่อก่อน หากปี้เถากล้าเข้ามาขัดจังหวะการสนทนาเช่นนี้  ไม่ฮูหยินรองก็โซวซื่อ หรือฉีซื่อคงฟาดงัวฟาดงาดุด่านางอย่างรุนแรงไปแล้ว และอาจถึงขั้นบังคับให้เหลียนฟางโจวลงโทษสาวใช้ และบังคับให้นางคุกเข่าขอโทษอีกด้วย

   อย่างไรก็ตาม วันนี้แตกต่างจากในอดีต เหลียนฟางโจวตั้งครรภ์ประสบความไม่สบายกายนาๆประการ อีกทั้งหลี่ฟู่ก็มีความเป็นห่วงเป็นใยภรรยาอีก เจ้านายของจวนนี้จึงมีเหตุผลสมควรที่อธิบายได้ ดังนั้นพวกนางจึงได้รับความเดือดร้อนจากการขัดจังหวะปี้เถา แม้ว่าพวกนางจะหงุดหงิดใจแค่ไหน พวกนางก็ไม่กล้าพูดแม้เพียงครึ่งคํา

   เหลียนฟางโจวนวดเอวของตนเบา ๆ อีกครั้ง พลางหันมายิ้มขอโทษทุกคน: "พอสาวใช้คนนี้พูดขึ้นมา ข้าก็รู้สึกเหนื่อยขึ้นมาบ้างแล้ว! ขอบคุณอาสะใภ้รอง และพี่สะใภ้รอง และน้องสะใภ้สี่ ที่อุตส่าห์มาเยี่ยมเยียนข้า หวังว่าพวกท่านคงจะไม่ถือสาที่ข้าต้องเสียมรรยาทเช่นนี้นะเจ้าคะ! ข้าต้องขอหยุดพักผ่อนก่อน และคาดว่าที่จวนของอาสะใภ้รองคงมีธุระที่ต้องไปดูแลสะสาง ดังนั้น ข้าคงไม่รั้งพวกท่านไว้แล้ว! "

   นับเป็นการไล่แขกอย่างชอบธรรม

   เล่นเอาฮูหยินรองและลูกสะใภ้ทั้งสองถึงกับจุกแน่นหายใจไม่ออก!

   ทว่ายังไม่หมดแค่นั้น เหลียนฟางโจวหัวเราะอีกครั้ง: "ตัวข้าอุ้ยอ้ายขึ้นทุกที และเคลื่อนไหวไม่ใคร่สะดวกนัก ข้าต้องได้เอนหลังนอนชั่วพักหนึ่ง จากนั้นก็นั่งพักชั่วพักหนึ่ง อาสะใภ้รอง พี่สะใภ้รอง และน้องสะใภ้สี่มาอยู่เป็นเพื่อนสนทนาก็นับว่าดีพอแล้ว พวกท่านไม่ต้องคิดมาเยี่ยมข้าตลอดเวลาก็ได้  เหนืออื่นได้ พวกท่านต่างมีธุระการงานยุ่งเช่นกัน! "

    ที่จริงเธออยากจะบอกพวกเขาว่า ต่อไปไม่ต้องพากันมาอีกแล้ว

    แม่สามีและสองลูกสะใภ้ต่างมองหน้ากัน

   ชุนซิ่งและหงอวี้ต่างออกไปส่งสตรีทั้งสามพร้อมรอยยิ้ม

    ฮูหยินรองเลิกคิ้ว พยายามฝืนยิ้มออกมา "ในเมื่อเป็นเช่นนี้ เช่นนั้นเจ้าก็พักผ่อนดีๆ เอาไว้คลอดหลานออกมาแล้ว เราจะมาเยี่ยมเจ้าอีกหน!" 

     “เจ้าค่ะ! อาสะใภ้รอง เดินช้าๆนะเจ้าคะ” เหลียนฟางโจวยิ้มแย้ม

    ยามมองด้านหลังของอาสะใภ้รองและคนอื่นๆที่เพิ่งเดินห่างออกไป เหลียนฟางโจวก็ทำหน้าครุ่นคิดถึงการมาของพวกนางครั้งนี้

   "วันนี้ดวงอาทิตย์คงได้ขึ้นทางทิศตะวันตกจริงๆเสียแล้วนะเจ้าคะ! ฮูหยินรองและคนอื่นๆช่างใจดีมีเมตตานัก! “  ปี้เถาอดรำพึงไม่ได้

   เหลียนฟางโจวยิ้ม แล้วพูดขึ้นอย่างเกียจคร้าน "ดวงอาทิตย์คงขึ้นทางทิศตะวันตกไม่ได้หรอก ท่าทีปรองดองของพวกนางล้วนมีจุดประสงค์!" 

   ทันใดนั้น ปี้เถาก็ตระหนักได้ "มิน่าเล่า!” ครั้นแล้วนางก็บังเกิดความสงสัย "แต่ว่า เท่าที่ฟังมา บ่าวก็ไม่เห็นว่าพวกนางจะมีจุดประสงค์อะไร! บ่าวคิดว่าบ่าวไม่ควรวิตกจนเกินไปเจ้าค่ะ! "

   เหลียนฟางโจวได้แต่ยิ้ม พลางเหลือบมองปี้เถาโดยไม่พูดอะไรมาก

   เธอไม่กระอักกระอ่วนใจเลยที่ปฏิเสธอาสะใภ้รองด้วยตัวเอง และเหตุผลที่เธอไม่ให้โอกาสพวกนางได้พูดสิ่งที่พวกนางต้องการ ก็เพราะเห็นแก่ความสัมพันธ์ระหว่างทั้งสองครอบครัว!

   และหวังว่าพวกนางทั้งสามคน จะสามารถเข้าใจความหมายที่เธอต้องการสื่อไปถึง และยุติความพยายามทุกอย่างเสีย ไม่เช่นนั้น หากพวกนางแพ้ภัยตัวเองขึ้นมา จะมาตำหนิเธอไม่ได้!

   ในใจเหลียนฟางโจวรู้สึกดูถูกคนพวกนี้ยิ่งนัก: พอตระกูลจูให้ผลประโยชน์เข้าหน่อย ก็รีบระริกระรี้กันนักใช่ไหม? ที่ทำตัวเป็นคนดีมีคุณธรรมก็เพื่อหลี่หว่านโหร่วเท่านั้น!

   ถ้าไม่มีอะไรอื่น หลี่หว่านโหรวจะถูกจูอวี๋อิงใช้เป็นมีดเพื่อทำร้ายผู้อื่นรึ พวกเขายังได้รับบทเรียนกันไม่พออีกหรือไร!

   เหลียนฟางโจวไม่รู้ว่า ฝ่ายแม่สามีและสองลูกสะใภ้นั้นต่างตื่นเต้นยิ่งนัก แต่พวกนางก็ถูกเหลียนฟางโจวส่งกลับไปโดยยังไม่ทันได้เริ่มเข้าบทสนทนา ฮูหยินรองตำหนิโซวซื่อที่คุยเรื่องการตั้งครรภ์อย่างออกรสเสียจน ทำให้นางเอาแต่คุยเรื่องตั้งครรภ์ไม่ได้หยุด! ไม่เช่นนั้น เรื่องที่ตั้งเป้าจะมาคุยในวันนี้ ก็คงได้คุยไปตั้งนานแล้ว!

    โซวซื่อรู้สึกหดหู่ยิ่งนัก  ไม่ใช่ว่าแม่สามีอยากให้นางพูดชมเอาใจสักสองสามประโยค เพื่อทำให้เหลียนฟางโจวอารมณ์ดีหรอกหรือ?  พอนางอารมณ์ดี เรื่องต่อไปที่นางจะเอ่ยถึง ก็มีแนวโน้มจะตกลงกันง่ายขึ้นมากมิใช่หรือ?

    ใครเล่าจะคิดว่าหญิงชาวบ้านในชนบท จะคุยแต่เรื่องลูกไม่รู้จักจบจักสิ้น!

    ฮูหยินรองรู้สึกจนปัญญา ดังนั้นนางจึงต้องส่งโซวซื่อไปที่จวนตระกูลจูในวันรุ่งขึ้น เพื่อไปบอกสิ่วซื่อว่า เพราะเหลียนฟางโจวตั้งครรภ์แก่ สุขภาพจึงไม่เอื้ออำนวย และทนนั่งสนทนานานๆไม่ได้   ดังนั้นพวกนางจะไปสนทนาเรื่องจูอวี๋อิงอีกครั้ง หลังจากนางคลอดลูกแล้ว

   เล่นเอาสิ่วซื่อโมโหแทบตาย!

   เดิมที เมื่อได้ยินว่าฮูหยินรองไห้คำมั่นนางเสียดิบดี  ก็ทำให้สิ่วซื่อกระหยิ่มยิ้มย่อง และคิดว่าคงไม่มีใครกล้าปฏิเสธเรื่องดีๆ ที่แม้จะเอาโคมไฟส่อง ก็ยังหาได้ยากนักเช่นนี้ ซึ่งตระกูลหลี่ก็ไม่มีข้อยกเว้น! แม่สามีของนางกำลังทำเรื่องไม่คุ้มค่าเสียแล้ว!

   เพื่อที่จะเอาหน้า หลังจากนางกลับถึงจวนแล้ว นางก็ไปพูดรับรองในผลสำเร็จของภารกิจตัวเองเสียดิบดี รวมทั้งใส่สีตีไข่มากมายต่อหน้าแม่สามีด้วย  ยามนี้ภารกิจล่มไม่เป็นท่า!

    แล้วทีนี้นางจะสู้หน้าแม่สามีได้ยังไง? แม้แต่คนอื่นๆในจวนก็คงเฝ้าดูเรื่องนี้ด้วยความขบขัน!

    สิ่วซื่อสะกดกลั้นโทสะในใจ แม้ว่านางจะไม่ได้ชักสีหน้าใส่โซวซื่อ สีหน้าและน้ำเสียงของนางก็ดูไม่พอใจอย่างเห็นได้ชัด

   ยามนี้ นางจึงกล่าวเสียงนุ่ม: "พวกเราไม่รบกวนพวกท่านแล้ว! ต่อไปเราจะดูแลเรื่องนี้เอง! “  ครั้นแล้วก็ส่งโซวซื่อกลับไป

   สิ่วซื่อสะกดกลั้นความอับอายขายหน้าเอาไว้  แล้วจึงไปพบฮูหยินจู ฮูหยินจูไม่รู้สึกประหลาดใจเมื่อได้ยินที่อีกฝ่ายเล่ามา เพียงแค่เลิกคิ้วขึ้น พลางพยักหน้า : "ข้ารู้แล้ว ปล่อยนางไปก่อน”

    สิ่วซื่อประหลาดใจยิ่งนัก

   อย่างไรก็ตาม เนื่องจากแม่สามี ให้นางปล่อยเรื่องนี้ไปง่ายๆ นางก็ไม่โง่พอที่จะให้แม่สามีออกปากตำหนิตน  จึงรีบล่าถอยออกไปด้วยความโล่งอกในทันที

    ฮูหยินจูแค่นเสียง แล้วเอ่ยขึ้นเบา ๆ  "ที่จริงก็แค่เล่ห์กลเล็กๆน้อยๆเท่านั้น  ฮูหยินรองและลูกสะใภ้ตระกูลหลี่นั่น ไม่ทันได้อ้าปาก นางผู้นั้นก็คงเดาวัตถุประสงค์ที่สพวกนางมาได้แล้ว ซ้ำยังมีมีวิธีที่จะทําให้พวกนางไม่สามารถเปิดปากได้ละสินะ!" 


1 ความคิดเห็น: