วันเสาร์ที่ 17 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2567

จับแม่ทัพไปไถนา-บทที่ 782 โน้มน้าวไม่ขึ้น

    "ข้าขอพูดอะไรบางอย่าง ที่ฮูหยินหลี่อาจไม่ชอบฟัง" ฮูหยินจูพูดต่อเงียบๆ "ท่านแม่ทัพหลี่มีอนาคตที่สดใส  บรรดาฮูหยินและอนุจึงเป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้ หากเจ้าไม่เชื่อข้า ก็ลองไปสอบถามใครๆในเมืองหลวงก็ได้ว่ามีผู้ใดไม่เป็นแบบนี้บ้าง หากครอบครัวใดมีฮูหยินและอนุจำนวนน้อย เมื่อพูดออกไป ก็จะพาลให้เพื่อนฝูงผู้ร่วมงานหัวเราะเยาะเอา! ในเมื่อเป็นแบบนี้ เหตุใดฮูหยินหลี่ถึงทนอิงเอ๋อร์ของตระกูลข้าไม่ได้  ไม่ต้องสงสัยเลยว่าเจ้าจะได้รับความเคารพนับถือ ! ต่อไปภายหน้า ด้วยพวกเจ้าสองคนช่วยกันดูแลจวน แม่ทัพหลี่ก็หมดกังวลในเรื่องอนาคตทางการงานแล้ว! บอกตามตรงนะ ความสัมพันธ์ของคนในเมืองหลวงไม่ใช่เรื่องง่ายที่เจ้าจะเข้าใจเลย  ดังนั้นอิงเอ๋อร์และตระกูลจูของเราจะช่วยเจ้าเอง ทีนี้จวนตระกูลหลี่ก็จะไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป! อย่างไรก็ตาม ที่ข้าพูดมานี่ ไม่ใช่เพื่อผลประโยชน์ของแม่ทัพหลีหรอกเหรอ? ฮูหยินหลี่ก็ดูคล้ายสตรีที่มีเหตุผลมีคุณธรรมและใจกว้าง เป็นไปได้หรือที่เจ้ายินดีจะเป็นสตรีขี้หึงและจิตใจชั่วร้าย? และเจ้าก็คงไม่อยากมีชื่อเสียงในเรื่องที่แม่ทัพหลี่กลัวภรรยาด้วยใช่ไหม? แม่ทัพหลี่เป็นแม่ทัพที่โหดเหี้ยมในสนามรบ และถ้าหากเขามีชื่อเสียงแบบนั้นจริงๆ มันจะไม่ทําให้ทุกคนหัวเราะเยาะเขาหรอกเหรอ?  และต่อไปภายภาคหน้า แม่ทัพหลี่จะทำให้สาธารณะชนเชื่อถือได้อย่างไร และหากถึงเวลาที่เขาต้องเข้าสู่สมรภูมิรบ แล้วหากเกิดเรื่องร้ายขึ้นกับเขา  ฮูหยินหลี่จะไม่รู้สึกผิดและเสียใจไปจนตายรึ? ฮูหยินหลี่..เจ้าจงตรองดูเรื่องนี้ให้ดีเถิด แล้วเจ้าจะรู้ว่าข้าพูดจริงหรือไม่! คําพูดเหล่านี้อาจฟังดูไม่ดี แต่มันก็เป็นความจริง! "


    ชุนซิ่งและปี้เถาอดหน้าเปลี่ยนสีไม่ได้ ทั้งสองคนต่างสะดุ้งด้วยความตกใจ

    คําพูดของฮูหยินจูนั้นใช่ว่าจะไม่มีเหตุผลโดยสิ้นเชิง!

    ตอนนี้มีหลายคนข้างนอกที่เห็นอกเห็นใจคุณหนูหกจู และหัวเราะเยาะแม่ทัพหลี่

    จิตใจของเหลียนฟางโจวนั้นแน่วแน่ยิ่งนัก แต่หญิงสาวก็ทำเป็นอารมณ์เสียเล็กน้อย และขมวดคิ้วโดยไม่รู้ตัว ในยามที่ฟังสิ่งที่ฮูหยินจูกล่าวมา

    ฮูหยินจูลอบสังเกตสีหน้าและท่าทางของหญิงสาว และเมื่อเห็นอีกฝ่ายเป็นเช่นนี้ นางก็แอบยิ้มเยาะเย็นชาโดยไม่ให้ใครสังเกตุเห็น ทว่าน้ําเสียงกลับดูอ่อนลงและมีเมตตามากขึ้น “สิ่งที่ข้าพูดในวันนี้ เจ้าสามารถค่อยๆใคร่ครวญไปช้า ๆ เจ้าไม่จําเป็นต้องให้คําตอบแก่ข้าในทันทีก็ได้! เพราะคนท้อง ไม่ควรคร่ำเคร่งกับอะไรนานเกินไป เจ้าก็พักผ่อนให้มากขึ้น และอย่าได้คิดฟุ้งซ่าน ไม่เช่นนั้น มันจะไม่ดีต่อเด็กในครรภ์! "

   ความจริงใจในน้ําเสียงนี้ ท่าทีเมตตา รวมถึงความเป็นห่วงเป็นใยของฮูหยินจู มีการแสดงออกมาอย่างเป็นธรรมชาติ ถ้าไม่ใช่เพราะความจริงที่ว่านางเป็นมารดาของจูอวี๋อิง เหลียนฟางโจวคงหลงคิดว่า นางเป็นผู้ใหญ่ที่เธอรักและเคารพ รวมทั้งสนิทที่สุดในครอบครัวไปแล้ว!

    ฮูหยินจู ไม่ใช่คนธรรมดาเลยจริงๆ

   แต่เหลียนฟางโจวก็เป็นคนที่มีไหวพริบเช่นกัน

    หญิงสาวเลิกคิ้วขึ้น ขณะมองฮูหยินด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม "ขอบคุณฮูหยินจูที่จาระไนถึงประเด็นต่างๆให้ข้าฟัง! แต่ทว่า ข้าต้องขออภัยด้วย! ข้าคงยังต้องพูดในสิ่งเดียวกับที่ข้าเคยบอกบุตรสาวของท่านไปก่อนหน้านี้แล้ว! "

    "ฮูหยินหลี่ ท่านจะดื้อเกินไปแล้วนะ!" สิ่วซื่อหน้าเปลี่ยนสี และอดพูดขึ้นมาไม่ได้ "ทำแบบนี้ ก็คือท่านกำลังจะทําร้ายแม่ทัพหลี่อยู่นะ ท่านไม่มีหัวใจเหรอ! "

     ฮูหยินจูคาดไม่ถึงว่า อีกฝ่ายยังสามารถอดทนต่อการดูถูก และทั้งขู่ทั้งปลอบได้ นางอุตส่าห์ลงทุนพูดมาเสียมากมายขนาดนี้  ใครจะคิดว่า นางกลับไม่ทุกข์ร้อน ไม่มีใครทำให้อีกฝ่ายหวั่นไหวได้เลย

    "ฮูหยินหลี่ เจ้าควรจะคิดใคร่ครวญในคำพูดของข้าให้รอบคอบนะ!" ถึงแม้ฮูหยินจูจะนึกโกรธในใจ ทว่าใบหน้ากลับดูเยือกเย็น ครั้นแล้วจึงเอ่ยด้วยรอยยิ้ม "หากเจ้าตรองดูด้วยใจสุขุมเยือกเย็น เจ้าก็จะคิดอะไรที่แตกต่างออกไปอย่างแน่นอน! เอาล่ะ หากเจ้ามีเงื่อนไขใด ๆ ก็ขอให้พูดมาได้เลย! ตราบใดที่เราสามารถรับปากเจ้า ตระกูลจูของเราก็จะรักษาสัญญา! "

    "ไม่จำเป็น!" เป็นอย่างที่นางคิด เหลียนฟางโจวยังคงไม่เดือดร้อน ไม่สะทกสะท้าน หญิงสาวคลี่ยิ้มบาง: "ขอบคุณฮูหยินจูสําหรับความเมตตาของท่าน! ข้าคงไม่เห็นด้วยกับเรื่องนี้! "

    สีหน้าเยือกเย็นบนใบหน้าของฮูหยินจูนั้นกำลังแข็งค้าง นางยิ้มออกมานิดหนึ่ง: "หากเป็นเช่นนั้น พวกเราจะกลับไปก่อน!" 

     ฮูหยินจูยืนขึ้นและพยักหน้าให้เหลียนฟางโจวด้วยรอยยิ้ม ขณะให้สิ่วซื่อประคองเดินออกไป

    "ฮูหยินจูเดินดีๆ ข้าคงไม่ส่ง หงอวี้ ส่งแขก!" เหลียนฟางโจว กล่าว

     แสดงว่าจะมาเยี่ยมอีกเหรอ? ข้าเกรงว่าเรื่องนี้อาจไม่จบลงง่ายๆ!

    เหลียนฟางโจวอดยิ้มขื่นไม่ได้

     ปี้เถาและชุนซิ่งผู้ซึ่งเกือบจะยืนไม่อยู่  ได้เหลือบมองเหลียนฟางโจวด้วยความไม่สบายใจ

    ท่าทางของฮูหยินจูชัดเจนว่าไม่ใช่อย่างที่เห็น!

    กระทั่งพวกนางก็ยังเห็นมัน!

    เหลียนฟางโจวหัวเราะให้ตัวเอง: ฮูหยินจูคงกลัวว่า เธอไม่เข้าใจเจตนาของนางใช่ไหม? แค่นี้ก็ชัดเจนพอแล้วล่ะ!

   "สิ่งที่ข้าควรทำก็คือ ทหารมาใช่ขุนพลต้านรับ น้ำมาใช้ดินต้าน(แก้ไขไปตามสถานการณ์)! ในเมื่อข้าไม่วิตก แล้วพวกเจ้าจะวิตกอันใด! “ เหลียนฟางโจวหัวเราะ

   ด้วยเสียงหัวเราะนี้  ได้ทำให้จิตใจที่ไม่สงบของชุนซิ่งและปี้เถา คลายลงสองส่วนโดยไม่รู้ตัว 

   ชุนซิ่งเอ่ยด้วยรอยยิ้ม "ฮูหยินจูพูดถูกเรื่องหนึ่ง ฮูหยิน ท่านกําลังตั้งครรภ์ สุขภาพของบุตรในครรภ์เป็นสิ่งสําคัญ ส่วนเรื่องอื่นๆทั้งหมดล้วนไม่ต้องเอามาใส่ใจเจ้าค่ะ!" 

   "ใช่แล้วใช่แล้ว" ปี้เถาพยักหน้าหงึกหงัก  “ไม่ใช่ว่ายังมีนายท่านอยู่อีกคนหนึ่งหรอกหรือ!" 

    เหลียนฟางโจวรีบเอ่ยขึ้น "อย่าบอกนายท่านเกี่ยวกับเรื่องนี้นะ!  เรื่องนี้ค่อยว่ากันอีกที ตอนนี้เราอย่าได้บอกเขาเลย"

   แม้ว่าชุนซิ่งและปี้เถาจะรู้สึกว่า เหลียนฟางโจวไม่ควรปิดบังเรื่องนี้กับหลี่ฟู่ แต่ในเมื่อเจ้านายออกปากเช่นนั้น ทั้งสองคนย่อมเชื่อฟังนาง

   พ่อบ้านเฉียนที่อยู่ข้างนอกซึ่งร้อนใจมานาน เมื่อเห็นแม่สามีและลูกสะใภ้ตระกูลจูเดินออกจากเขตเรือนด้านในในที่สุด ก็อดถอนหายใจด้วความโล่งอกไม่ได้!

   ทันทีที่ลมหายใจผ่อนคลายลง เขาก็รู้สึกอ่อนระโหยโรยแรง จนแทบจะล้มทั้งยืน!

   ขอบคุณสวรรค์ ในที่สุดพระโพธิสัตว์ทั้งสองนี้ก็จากไปเสียที และฮูหยินที่อยู่ในเขตเรือนด้านในก็ไม่ได้ออกมาพร้อมข่าวร้ายใดๆ ซึ่งแสดงให้เห็นว่า เหตุการณ์วันนี้จบลงอย่างปลอดภัย

   หลายวันมานี้ เขาย่อมได้ยินข่าวลือต่างๆ ไม่เพียงได้ยิน  แต่มีหลายคนไปหาเขาเพื่อสอบถาม “เรื่องราวเบื้องลึก” ด้วยความอยากรู้อยากเห็น! มันย่อมหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่แม่สามีและลูกสะใภ้ของตระกูลจูนี้จะไม่ดี

   หากฮูหยินโกรธขึ้นมา เขา ในฐานะพ่อบ้าน จะต้องถูกลงโทษอย่างแน่นอน

    เดิมที เขาคิดจะส่งคนไปรายงานเรื่องนี้กับนายท่านที่ที่ว่าการ  และขอให้นายท่านกลับจวนโดยเร็ว แต่จะทำได้อย่างไร ในเมื่อฮูหยินได้ออกคำสั่งมาตั้งนานแล้วว่า ไม่อนุญาตให้ไปตามคนที่ที่ว่าการตามอำเภอใจ เขาจึงไม่มีทางเลือกนอกจากอดทน

   ท้ายที่สุด ฮูหยินคือเจ้านายของจวน และหากเขาไม่เชื่อฟังคำสั่งของฮูหยิน เขาจะต้องโชคร้ายอย่างแน่นอน!

   เขากําลังถกเถียงกับตัวเองในใจว่าจะบอกนายท่านดีหรือไม่ เคราะห์ดีว่า ก่อนที่เขาจะตัดสินใจทำสิ่งใด ฮูหยินจูพร้อมลูกสะใภ้ก็ได้กลับออกไปในที่สุด…

   เหลียนฟางโจวได้ออกคําสั่งให้ทุกคนปิดปากเงียบ จึงไม่มีใครในจวนกล้าพูดอะไรต่อหน้าหลี่ฟู่ ดังนั้นหลี่ฟู่จึงไม่รู้เกี่ยวกับเรื่องในวันนี้แม้แต่ครึ่งคํา

   จนกว่าข่าวลือจะแพร่สะพัดจากข้างนอกเข้ามา

   ตั้งแต่ฮูหยินจูออกจากจวนตระกูลหลี่ไปในวันนั้น คนตระกูลจูก็ยังไม่กลับมา

   ฮูหยินจูรู้สึกว่านางพูดไปอย่างชัดเจนแจ่มแจ้งแล้ว และหากเหลียนฟางโจวคิดออก อีกฝ่ายต้องเป็นฝ่ายส่งคนมายังจวนตระกูลจู แต่นี่อีกฝ่ายไม่ทำ ดังนั้นนางก็จะไม่ไปที่จวนนั้นอีกครั้งเพื่อให้ตัวเองเป็นตัวตลก

   ฝ่ายนั้นต้องเป็นฝ่ายลงมือกระทำสิ! ไม่ว่าความคิดริเริ่มนี้จะมาจากไหนก็ตาม

   ในไม่ช้า ชื่อเสียงของเหลียนฟางโจวที่ได้ฉายาว่าเป็นสตรีขี้หึงและชั่วร้าย ก็ได้แพร่ะสะพัดไปทั่วเมืองหลวง  ไม่ต้องพูดถึงเรื่องราวของตระกูลจูเลย  เหลียนฟางโจวคือหญิงชาวบ้านในชนบท ที่จุดธูปขอบรรพบุรุษแปดรุ่นจนโชคดีได้แต่งงาน  นางไม่ยอมให้หญิงอื่นมาอยู่รอบกายแม่ทัพหลี่ ไม่ต้องพูดถึงพวกฮูหยินรองหรืออนุภรรยาเลย กระทั่งบุตรสาวแม่นมที่ร่วมทุกข์ร่วมสุขกับแม่ทัพหลี่มาตั้งแต่เด็ก ก็ยังถูกนางบังคับให้ไปถือศีลภาวนา! หากนี่ไม่ใช่เพราะเป็นสตรีขี้อิจฉาริษยา หรือเกลียดชังผู้อื่น แล้วนี่คืออะไร?

    ไม่เพียงมีภรรยาเป็นสตรีขี้อิจฉาริษยาและจิตใจชั่วร้ายแล้ว แต่แม่ทัพหลี่ยังโง่เขลาอีกด้วย! หากยังแก้ไขปัญหาของครอบครัวไม่ได้ แล้วจะไปเจรจาเรื่องระดับแว่นแคว้นได้อย่างไร? หากแม่ทัพหลี่ไม่อาจควบคุมภรรยาของตนเองได้ แล้วจะมาพูดเรื่องที่เขาต้องนำทัพเข้าสู่สนามรบได้อย่างไร?



ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น