วันเสาร์ที่ 17 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2567

จับแม่ทัพไปไถนา-บทที่ 783 นิ่งเฉยเพื่อรอดูสถานการณ์

        ส่วนเหล่าผู้เห็นอกเห็นใจจูอวี๋อิง ก็ถอนหายใจและชื่นชมความรักอันลึกซึ้งของนาง ที่รักมั่นคงไม่เปลี่ยนแปลง และมีแต่จะเพิ่มทวีขึ้นทุกวันๆ โดยกล่าวกันว่า แม่ทัพหลี่ตาบอดและเลอะเลือนไปแล้ว ผู้หญิงที่น่ารักและมีความรักลึกซึ้ง ชื่นชมตัวเขามาหลายปีดีดัก หนำซ้ำยังเป็นคุณหนูตระกูลสูงผู้มีชื่อเสียงอีกด้วย เขาจะทนปฏิเสธสตรีที่มีรักลึกซึ้งและยอมสยบแทบเท้าของเขาได้อย่างไร? หรืออาจเป็นเพราะเขามีสตรีขึ้หึงหวงที่คอยใช้เด็กในครรภ์มาขู่เขาก็เป็นได้  ได้ยินมาว่าฮูหยินจู มารดาของคุณหนูหกจู ได้ไปเยือนจวนแม่ทัพหลี่เป็นการส่วนตัว เพื่อแสดงความปรารถนาดี และยอมอ่อนข้อให้ แต่กับถูกสตรีขี้อิจฉาขับไล่ออกไปอย่างไร้สมบัติผู้ดี...


    เป็นเวลาสักพักหนึ่งแล้ว  ที่เรื่องนี้กำลังเป็นที่โจษจันกันอย่างกว้างขวางในเมืองหลวง เหลียนฟางโจวจึงกลายมาเป็นบุคคลที่น่ารังเกียจอันดับหนึ่งในใต้หล้าไปในที่สุด

    ข่าวคราวทั้งหมดนี้ ได้แพร่เข้ามาถึงจวนตระกูลหลี่  โดยไม่มีตกหล่นสักนิด สุดท้ายก็รู้ถึงหูของเหลียนฟางโจวเข้าจนได้

    ชุนซิ่ง ปี้เถาและคนอื่น ๆต่างโมโหโกรธา จนขอให้เหลียนฟางโจวทำอะไรสักอย่าง แต่ผู้เป็นนายก็ไม่แสดงออกสิ่งใดตามเคย

    ไม่ว่าเจ้าจะได้ยินอะไรมาข้างนอก ก็ไม่จําเป็นต้องแก้ต่างอะไรทั้งนั้น ให้แสร้งทำเป็นไม่ได้ยินก็พอ นอกจากนี้หญิงสาวยังสั่งให้พ่อบ้านสองถึงสามคน คอยควบคุมปากของคนในจวนไว้ ใครที่แอบเอาไปพูดกันลับๆ จะถูกลงโทษให้ดื่มยาทำให้เป็นใบ้ พร้อมทั้งถูกโบยสามสิบไม้เป็นรางวัล! โดยไม่มีข้อยกเว้น!

    แม้ว่าชุนซิ่ง และปี้เถาจะไม่ใคร่พอใจนัก แต่พวกนางก็ต้องอดทนอดกลั้นไว้ เมื่อได้ยินเหลียนฟางโจวพูดแบบนี้  และไม่จําเป็นต้องเอ่ยเลย ข่าวลือไร้สาระพวกนี้ ต้องเป็นฝีมือของตระกูลจูแน่ๆ!

    เหลียนฟางโจวเองก็รู้  ฮูหยินจูกําลังกดดันเธอ และทําให้ฝ่ายตัวเองดูดี!

    นอกจากตระกูลจูจะมีความสามารถที่ยอดเยี่ยมในการทำให้ผู้คนกล่าวขวัญกันไปครึ่งเมืองหลวงแล้ว นางก็ยังได้เปรียบอยู่ฝ่ายเดียวจนถึงทุกวันนี้

    แต่หากนางต้องการบังคับให้เธอต้องยอมจำนนด้วยวิธีนี้ แสดงว่าฮูหยินจูไม่เข้าใจเธอจริงๆ!

   เหลียนฟางโจวอดแค่นเสียงเหยียดหยันไม่ได้  หญิงขี้หึงหวงและจิตใจชั่วร้ายรึ? ก็แล้วไงเล่า!

   ผู้ชายของเธอไม่ใช่บัณฑิตในสำนักบัณฑิตฮั่นหลิน  และเธอก็ไม่เคยคิดจะเข้าสมาคมสตรีชั้นสูงเสียหน่อย ดังนั้นเธอจึงไม่ได้ต้องการชื่อเสียงที่ดีมาคอยค้ำจุน!

   มีคนมากมายในใต้หล้านี้ที่รักในเหตุและผล  แต่การใช้กำปั้นตัดสินผลแพ้ชนะก็มีให้เห็นออกบ่อยไป และกำปั้นของผู้ชายของเธอนั้นย่อมหนักหน่วงที่สุดอย่างไม่ต้องสงสัย

   อีกทั้งเป็นไปไม่ได้อย่างเด็ดขาดที่ฮ่องเต้ จะทรงทำอะไรผู้ชายของเธอ ด้วยเรื่องในครอบครัวที่เล็กน้อยเช่นนี้  เพราะหากสงครามเกิดปะทุขึ้นอีกครั้ง ชายแดนก็ย่อมอยู่ในภาวะคับขัน สุดท้ายพระองค์ก็ยังทรงต้องใช้งานสามีของธออยู่ดี

   ในฐานะสตรีคนหนึ่ง เธอไม่มีทางสนับสนุนสามีของเธอให้รับสินบน และไม่ได้เอาชีวิตของผู้คน ไม่ได้ฆาตกรรมทายาทของสามี  หรือไม่เคารพบิดามารดาของเขา  ซ้ำเธอยังไม่เคยยุยงสามีให้ทำในสิ่งที่ไม่ควรทำ  แล้วอย่างไรเล่า? ฮ่องเต้ไม่ได้ทรงมีเวลาว่างมากนักหรอกนะ!

    ส่วนใหญ่ คนอื่น ๆ ที่ขัดหูขัดตาใครๆ ก็มักจะถูกนินทาลับหลังอยู่แล้ว! และในเหตุการณ์นี้ เหลียนฟางโจวก็ถูกมองเป็นเพียงเป็นสตรีขี้หึงเท่านั้น

   นอกจากนี้ เธอยังตระหนักดีถึงหลักการที่แบ่งคนออกเป็นก๊กเป็นเหล่า และเธอไม่เคยคิดที่จะเป็นสหายกับสตรีชั้นสูงเหล่านั้น ดังนั้นการแสวงหาชื่อเสียงที่ดี ก็หาใช่สิ่งจำเป็นสำหรับเธอเลย

   ฮูหยินจูช่างเป็นคนไร้สาระ  นางคิดว่า เมื่อนางสนใจในสิ่งที่พวกสตรีชั้นสูงในเมืองหลวงให้ความสนใจ เธอก็ต้องให้ความสนใจตามด้วยหรือ บอกได้เลยว่านางยั่วยุเธอในเรื่องนี้ไม่ขึ้นอย่างแน่นอน!

   ในเมื่อนางอยากทําเรื่องเล็กให้เป็นเรื่องใหญ่  ย่อมได้  นางก็จงชิญโวยวายสร้างเรื่องต่อไปเถิด! เธออยากจะดูสิว่า อีกฝ่ายจะสร้างเรื่องไปถึงไหน และจะมีจุดจบอย่างไร!

   อยากจะใช้เรื่องนี้มาบังคับให้เธอยอมถอยเหรอ ฝันไปเถอะ!

   เหลียนฟางโจวลูบหน้าท้องที่โป่งนูนใหญ่โตเบา ๆ แม้ว่าหัวใจของเธอจะมั่นคง และจิตใจก็สงบเยือกเย็น แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าอารมณ์ของเธอนั้นยังคงได้รับผลกระทบอยู่บ้าง

   ท้ายที่สุด คนเราต่างมีเจ็ดอารมณ์ และหกปรารถนา[1] ยามเมื่อต้องเผชิญกับความอาฆาตพยาบาทโดยเจตนานี้ การที่จะทำให้จิตใจสงบเยือกเย็นอย่างแท้จริง คงเป็นไปไม่ได้

    โชคร้ายที่ฮูหยินจูได้พบกับเหลียนฟางโจว ซึ่งไม่หวาดกลัวความเย็นชาของนาง หากลองเป็นคนอื่น เกรงว่าคงจะยอมลงให้ และยอมรับความพ่ายแพ้ไปนานแล้ว

   การยั่วยุของฮูหยินจูนับว่าร้ายกาจไม่เบา!

   อย่างไรก็ตามไม่ใช่ทุกคนที่จะเอนเอียงเข้าข้างตระกูลจูไปเสียหมด  บรรดาสตรีของขุนศึกฝั่งนี้ ก็ล้วนอยู่ฝั่งเดียวกับเหลียนฟางโจว และฮูหยินเสิ่นและฮูหยินคนอื่น ๆ อีกมากมายต่างมาเยือนที่จวน เพื่อปลอบโยนเหลียนฟางโจวที่ต้องเจอกับเหตุการณ์นี้ พวกนางต่างตำหนิตระกูลจูที่สร้างข่าวลืออย่างไร้ความละอาย! ส่วนเธอเองก็ดีใจที่หาแนวร่วมได้บ้าง

   ในวันนี้ เมื่อหลี่ฟู่ฉีกลับถึงจวน ชายกนุ่มก็เร่งรุดอยู่ต่อหน้าเธอราวกับลมหอบหนึ่ง เหลียนฟางโจวจึงรู้ว่าเขาคงรู้เรื่องที่ฮูหยินจูมาเยือนที่จวนตระกูลหลี่แล้ว

   เหลียนฟางโจวจึงยิ้ม แล้วสั่งให้ชุนซิ่งและคนอื่นๆ ทั้งหมดออกไป หญิงสาวยืนขึ้นพร้อมท้องที่โตใหญ่ พลางเข้ามาจับมือของหลี่ฟู่แล้วยิ้มเบา ๆ : "ใครมาแหย่สามีของข้าจนต้องโมโหเหรอ? ไฉนสีหน้าถึงดูไม่ดีเลย! "

   "เจ้า!" หลี่ฟู่โกรธจนพูดไม่ออก และเมื่อเห็นท่าทางที่ดูใสซื่อของภรรยา ก็ยิ่งทำให้เขาหงุดหงิดยิ่งขึ้น แต่เมื่อมองไปที่หน้าท้องที่โป่งนูนโดดเด่น โทสะของเขาก็ปลิวหายไปในทันที

    หลี่ฟู่ถอนหายใจเบาๆ พลางโอบประคองนางแล้วพาไปนั่งลงด้วยกัน เขาจ้องตาหญิงสาวแล้วถามขึ้น  "ฮูหยินจูและลูกสะใภ้มาหาเจ้าหรือเปล่า?" 

    แม้ว่าจะเอ่ยถาม แต่น้ําเสียงก็คาดคั้นเต็มที่

    ณ จุดนี้เหลียนฟางโจวก็ไม่สามารถปกปิดได้อีกต่อไป หญิงสาวก้มหน้า ยู่ปาก พลางพึมพําว่า"ในเมื่อรู้แล้ว ก็ถามมาเถอะ" 

   จริงๆแล้วหลี่ฟู่อยากจะเคี่ยวกรำภรรยาอย่างหนักหน่วงเป็นการลงโทษ แต่ตอนนี้เด็กในครรภ์ก็ตัวโตขึ้นทุกวัน เขายังต้องระวังเวลาจะขอรักกับภรรยาแต่ละที และยามนี้เขาไม่กล้า ไม่ต้องพูดถึงอารมณ์ดิบที่เขาต้องทนทรมานเลย ดังนั้นเขาจึงต้องกดข่มความคิดอยากทำมิดีมิร้ายภรรยาที่อยู่ในใจเอาไว้ และแอบพูดในใจว่า: ‘ข้าจะคิดบัญชีกับเจ้าทีหลัง!’

   ชายหนุ่มโอบแขนรอบไหล่ของหญิงสาว แล้วเอ่ยกระซิบ "ทําไมเจ้าถึงไม่บอกข้า?" 

   เหลียนฟางโจวเงยหน้าขึ้นสบตาเขาด้วยดวงตาฉ่ำน้ำ  แล้วเอ่ยอย่างแผ่วเบาพร้อมรอยยิ้ม: "แล้วหากข้าบอกท่านจะเกิดอะไรขึ้นเล่า?  ท่านสามารถหยุดข่าวลือพวกนี้ไว้ได้เหรอ? "

   หลี่ฟู่ชะงักไป แล้วอดรู้สึกอับจนหนทางลึกๆไม่ได้ พลางถอนหายใจ: "ฟางโจว ข้า ข้าไม่ได้ปกป้องเจ้า..."

   เหลียนฟางโจวส่ายหน้ายิ้มๆ  "ฐานะตำแหน่งของท่านคือการปกป้องที่ยิ่งใหญ่ที่สุดสําหรับข้าแล้ว" 

   เมื่อเห็นว่าหลี่ฟู่ยังคงมีท่าทางไม่ยินยอม เหลียนฟางโจวจึงยิ้มและพูดว่า "อะไรกัน? ท่านเดือดร้อนที่มีภรรยาหัวแข็งอยู่ที่บ้านหรอกเหรอ? คิดว่าข้าขวางทางอนาคตของท่านเหรอไร? "

   หลี่ฟู่หัวเราะสิ่งที่เธอพูด "เจ้ากําลังพูดเรื่องเหลวไหลอะไรของเจ้ากัน! เจ้าไปเอามาจากไหนที่ว่าเจ้าขวางทางอนาคตของข้า?  และอีกอย่าง เจ้าไม่ใช่ผู้หญิงหัวแข็งด้วย! "

   "เช่นนั้นก็ดีแล้ว!" เหลียนฟางโจวปรบมือ พร้อมเอ่ยด้วยรอยยิ้มยิ้ม "ดังนั้น ท่านไม่จําเป็นต้องสนใจอะไรทั้งนั้น! ถึงอย่างไร ข้าก็ไม่สนใจสิ่งที่คนอื่นพูดถึงข้าหรอก และครอบครัวของเราก็ไม่มีเครือข่าย หรือเป็นผู้มีส่วนได้ส่วนเสียที่ยุ่งเหยิงและซับซ้อนมากมายกับกลุ่มผลประโยชน์อื่นๆ ดังนั้นจึงไม่มีใครสามารถข่มขู่ข้าได้! ในเมื่อบอกว่า ข้าเป็นผู้หญิงขี้หึงและจิตใจชั่วร้าย อะแฮ่ม ข้าจะแสดงให้พวกเขาเห็นถึงความชั่วร้ายและความอิจฉาริษยานั้นเอง! "

   แล้วนางก็บอกหลี่ฟู่ว่า "หากท่านเห็นว่าข้านิ่งเฉยและไม่วิ่งไปหาท่าน เช่นนั้นท่านก็ผลักดันข้าขึ้นไปอยู่บนจุดสูงสุดของการเป็นเป้าโจมตีสิ ข้าอยากจะดูสิว่าพวกเขามีเล่ห์กลอะไรบ้าง!" 

   หลี่ฟู่เห็นดวงตาของเธอใสกระจ่างและเต็มไปด้วยพลัง ก็รู้ว่านางไม่ได้ให้ความสำคัญกับเรื่องนี้เลย เขาจึงถอนหายใจด้วยความโล่งใจยิ่งนัก และหินก้อนใหญ่ที่กดลงทับหัวใจอยู่ ก็ดูเหมือนจะสลายหายไป ดังนั้นเขาจึงพยักหน้ายิ้มๆ: "ได้ ข้าจะฟังเจ้า!" 

    หลังจากนั้นชายหนุ่มก็เอ่ยด้วยรอยยิ้ม “ในเมื่อข้ามีภรรยาที่แข็งแกร่ง ข้าคงไม่กล้าไม่เชื่อฟังหรอกนะ!” ทั้งสองหนุ่มสาวมองหน้ากันแล้วต่างหัวเราะ ออกมา

   หลี่ฟู่อดทุบกําปั้นไปบนตั่งไม่ได้ ก่อนจะเอ่ยด้วยใบหน้าดำทะมึน  "ช่างน่าโมโหพวกเขาจริงๆที่มาก่อปัญหาให้ครอบครัวเราโดยไร้เหตุผลเช่นนี้!" 

   "เราก็แค่มาคอยดูงิ้วสนุกๆกันเถอะ! มีอะไรต้องโกรธด้วย! “  เหลียนฟางโจวเอ่ยปลอบด้วยรอยยิ้ม

**

[1] เจ็ดอารมณ์หกปรารถนา

七情六欲 Qīqíngliùyù

เจ็ดอารมณ์ ยินดี โกรธ เศร้า กลัว รัก เกลียด ใคร่
หกปรารถนา ปรารถนาทางตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ




1 ความคิดเห็น: