วันเสาร์ที่ 17 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2567

จับแม่ทัพไปไถนา-บทที่ 784 พวกเรามามีชีวิตที่ดีกันเถอะ

         ทันใดนั้น จู่ๆเหลียนฟางโจวก็ฉุกคิดเรื่องหนึ่งขึ้นมาได้ เธอจึงหันไปมองหลี่ฟู่ แล้วกระแอมเบา ๆ : "หากครั้งนั้นท่านเดินทางกลับไปที่เมืองหลวงอย่างราบรื่น แล้วทางตระกูลจูได้เอ่ยถึงเรื่องแต่งงานกับท่าน   ท่านจะตกลงหรือไม่? ห้ามมาให้เหตุผลแบบขอไปทีกับข้านะ แล้วห้ามพูดโกหกด้วย! "


   เหลียนฟางโจวจ้องมองเขาอย่างคาดคั้น

   หลี่ฟู่นิ่งอึ้งไป ไม่ให้พูดแบบขอไปที ไม่ให้พูดโกหกเหรอ?

   เขาอดแอบนึกไตร่ตรองไม่ได้

   หากเขาเดินทางกลับปักกิ่งเมืองหลวงอย่างราบรื่น เขาย่อมไม่รู้จักฟางโจว สําหรับเรื่องการแต่งงาน ดูเหมือนว่าเขาไม่เคยคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้เลยกระมัง? แม้จะรู้ว่า สักวันหนึ่งเขาก็ต้องแต่งภรรยาสักคน แต่นั่นก็คือการแต่งงานมีภรรยา และเริ่มต้นสร้างครอบครัว มีลูกเช่นเดียวกับคนหลายพันคน ใช้ชีวิตประจําวันตามธรรมดากับภรรยาและลูก ๆ  และมันจะตรงข้ามกันลิบลับกับชีวิตคู่ในตอนนี้  ที่ทำให้เขาใจเต้นตึกตักทุกวัน และจะไม่มีความรักถึงขั้นที่หลอมรวมร่างกายและจิตวิญญาณเป็นหนึ่งเดียวกัน….

   หลี่ฟู่อดหนาวยะเยือกไม่ได้ เขานึกโชคดีอย่างลับๆ โชคดีที่เกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝัน ที่ทําให้เขาได้พบกับนาง และตั้งแต่นั้นมา เขาก็มีความรู้สึกที่ไม่เคยมีมาก่อนในชีวิตนี้ และเขาจะไม่มีทางหลงรักใครอื่นได้อีกแล้วตลอดชีวิตนี้

   "โชคดี โชคดีที่ข้าได้พบกับเจ้า!" หลี่ฟู่อดพูดโพล่งออกมาไม่ได้

    ดวงตาของเหลียนฟางโจวเบิกกว้างขึ้นอย่างไร้ประโยชน์ "อีกคามหมายหนึ่งก็คือ ท่านจะแต่งงานกับนางเหรอ?" 

    หลี่ฟู่นิ่งขึง เขาไม่อาจโกหกได้เลยภายใต้สายตาของแม่เสือ ชายหนุ่มจึงพูดโพล่งออกมา: "ข้า ข้าอาจจะแต่งก็ได้!" 

  ใบหน้าของเหลียนฟางโจวเปลี่ยนเป็นสีดําทะมึน

   หลี่ฟู่รีบกอดหญิงสาว แล้วคลี่ยิ้มบาง "ฮูหยินคนดี เจ้าก็รู้ว่า ตอนนั้นข้าไม่มีใครในใจ นอกจากเจ้าแล้ว ใครที่ข้าจะแต่งงานด้วย มันก็เหมือนกันหมดสําหรับข้า! ข้าไม่อยากโกหกเจ้า หากไม่มีเจ้า และตระกูลจูตั้งใจจะเจรจาเรื่องแต่งงาน ข้าก็ไม่ควรปฏิเสธ! ข้าหาเหตุผลที่จะปฏิเสธไม่ได้!"

   เหลียนฟางโจวครางฮึ่ม ทว่าสีหน้าดีขึ้นมาก

   เมื่อเขามองรูปโฉมที่อวบอิ่มและพองออกมาของหญิงสาว หลี่ฟู่ก็อดหัวเราะออกมาดัง ๆ ไม่ได้ แล้วเอ่ยอย่างจนใจ: "ดูเจ้าสิ เจ้าอยากถามข้า และไม่ให้ข้าตอบแบบขอไปที ข้าก็ตอบตามความจริงให้เจ้าฟัง เจ้าก็โกรธ ไฉนเจ้าถึงสนใจจะถามขึ้นมาเล่า!" 

   พอกล่าวจบ ชายหนุ่มก็ลูบแก้มหญิงสาวเพื่อเอาใจ "ตอนนี้เราแต่งงานกันแล้ว แล้วเจ้ายังกําลังตั้งครรภ์ลูกของข้าอีกด้วย เจ้ามัวโกรธในสิ่งที่ไม่เคยเกิดขึ้น เจ้าไม่โง่ไปหน่อยเหรอ!" 

   เหลียนฟางโจวเองก็อดหัวเราะไม่ได้ แล้วถอนหายใจ "แม้ว่าข้าจะรู้อย่างนี้ แต่ก็อดโมโหไม่ได้อยู่ดี เมื่อคิดว่าท่านอาจจะแต่งงานกับสตรีอื่น! ดังนั้น อาเจี่ยน หากท่านไม่เป็นของข้าคนเดียว ไม่เช่นนั้น ข้าก็เลือกไม่เอาท่านดีกว่า! "

    "ห้ามพูดนะ" หลี่ฟู่ยกมือปิดปากหญิงสาวเบาๆ แล้วกระซิบว่า "ฟางโจว เจ้าน่าจะเข้าใจจิตใจของข้านะ!" 

    หัวใจของเหลียนฟางโจวพลันอบอุ่นขึ้นมา หญิงสาวพยักหน้าเบาๆ พร้อมรอยยิ้ม

     เรื่องราววุ่นวายในครั้งนี้  อาจมีข้อดีก็ได้ นั่นคือ เพื่อให้เธอเห็นหัวใจของชายคนนี้อย่างกระจ่างอีกครั้ง! เธอจะผูกมัดหัวใจของเขาไว้กับตัวเธออย่างมั่นคง และจะไม่มีวันให้โอกาสกับใคร!

    ทั้งสองพูดคุยกันสักพัก หลี่ฟู่จึงปล่อยนาง แล้วเอ่ยเบาๆ "เจ้าพักผ่อนสักพักหนึ่งก่อน ข้าจะไปหาอาฉิน" 

    ชายหนุ่มลังเลแล้วจึงเอ่ยขึ้น "อย่างไรข้ากับนางก็ร่วมทุกข์ร่วมสุขกันมา ดั่งเหมยสีเขียวม้าไม้ไผ่[1]... ข้าไม่รู้ว่า คนข้างนอกแพร่ข่าวลือได้อย่างไร! "

    ดวงตาของเหลียนฟางโจวเปล่งประกายขึ้นมาวูบหนึ่ง "ดังนั้นท่านจึงต้องการให้นางออกมาพูดหักล้างข่าวลือเหรอ?" 

    หลี่ฟู่พยักหน้า "และถ้อยคําเหล่านั้นที่ใส่ร้ายและกลั่นแกล้งเจ้า  ข้าจะปล่อยให้เจ้าแบกมันไว้เปล่าๆไม่ได้" 

     เหลียนฟางโจวอ้าปากค้าง อยากจะพูดอะไร แต่ในที่สุดก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา เพียงแค่พยักหน้ายิ้มๆเท่านั้น: "เช่นนั้นแล้ว ข้าจะรออยู่ที่นี่นะ!" 

    หลี่ฟู่ยิ้ม พลางลุกขึ้นแล้วเดินออกไป

    ให้แม่นางฉินออกมาปฏิเสธข่าวลือเหรอ? เหลียนฟางโจวหัวเราะเยาะให้ตัวเอง เกรงว่านางคงไม่ยินดีจะช่วยเธอหรอก!

    นางติดกับดักอยู่ในวังวนสายนี้ นายสาวและสาวใช้คงได้ปรบมือดีใจกัน แล้วบอกทุกคนว่ามันเป็นความจริงละสิไม่ว่า พวกนางน่ะเหรอยินดีที่จะช่วยเธอ!

    แน่นอนว่าใช้เวลาไม่นาน หลี่ฟู่ก็เดินคอตกกลับมา และสามารถเห็นโทสะรางๆบนใบหน้าของเขาได้

    แม่นางฉินป่วย ดังนั้นนางจึงจนใจ ทำอะไรไม่ได้ และไม่อาจลุกขึ้นมาปฏิเสธข่าวลือได้ด้วย

    นางช่างหาข้ออ้างได้ดี แต่มันก็ดูบังเอิญเกินไปหน่อยไหม นางทำเหมือนผู้อื่นโง่กันหมดหรือไร เหตุการณ์ข่าวลือทั้งหลาย เป็นสิ่งที่นางคิดหวังมาโดยตลอด

    แม้ว่าหลี่ฟู่จะไม่สามารถบังคับแม่นางฉินได้ แต่เขาก็รู้สึกผิดหวังในใจยิ่งนัก

    เหลียนฟางโจวคาดว่าผลจะออกมาเป็นแบบนี้ได้ล่วงหน้าสองถึงสามส่วนแล้ว แต่แทนที่จะปลอบใจหลี่ฟู่ เธอกลับเอ่ยพร้อมรอยยิ้ม "ไม่เป็นไรหรอก หากนางออกหน้าไม่ได้ มันก็เป็นการตั้งรับที่ดีที่สุดจากจวนเราแล้ว  การที่นางลุกขึ้นมาเพื่อหักล้างข่าวลือ ไม่มีใครรู้หรอกว่า เรื่องราวมันจะไม่อึมครึมไปมากกว่าเดิมหรือไม่?  ในเมื่อผู้อื่นปักใจมั่นว่า ทั้งหมดเป็นความผิดของข้าไปแล้ว  การพูดปฏิเสธข่าวลือ ด้วยคำพูดไม่กี่คำ คงจะเปลี่ยนแปลงอะไรไม่ได้หรอก ดีไม่ดีอาจมีเรื่องเลวร้ายอื่นๆเพิ่มเติมเข้ามาก็เป็นได้!  ข้าจะรอดูสิว่าพวกเขาจะลงเอยอย่างไร! "

    หลี่ฟู่ก็คิดในประเด็นนี้เช่นกัน และก็คงทำได้เท่านี้  ในใจเขา รู้สึกผิดต่อภรรยายิ่งนัก

    เมื่อข่าวลือนี้แพร่กระจายไปตามถนนและตรอกซอกซอยของเมืองหลวง ด้วยความว่องไวปานลมพัด ซุนหมิงย่อมรู้เรื่องไปด้วย

    ชายหนุ่มยืนเอามือไพล่หลัง มองดูต้นทับทิมอยู่ในลานบ้าน แล้วอดถอนหายใจแผ่วเบาออกมาไม่ได้

    เรื่องเช่นนี้ เขาไร้อํานาจโดยสิ้นเชิง! ได้แต่สวดภาวนาให้นางเงียบๆเท่านั้น

    มิคาดคิดว่า เสียงถอนหายใจนี้ จะผ่านเข้าสู่โสตประสาทของซูซินเอ๋อร์ ที่เพิ่งเดินออกมาจากเรือน ทำให้ใบหน้าของซูซินเอ๋อร์บึ้งตึงขึ้นมาทันที หญิงสาวแค่นเสียง: "อะไรกัน? ท่านรู้สึกเจ็บปวดเพื่อคนอื่นเหรอ? หากท่านรู้สึกเป็นทุกข์ ก็ไปหาถึงที่สิ  ไปปลอบโยนผู้อื่นเลย! ข้าเห็นว่าคราวที่แล้ว ดูเหมือนว่าท่านจะมีเรื่องคุยกับนางไม่รู้จบนี่ เช่นนั้นก็ไปคุยกันอีกสิ! "

   ในคืนวันที่สิบห้าเดือนหนึ่ง สองหนุ่มสาวได้ทะเลาะกัน ต่อมาภายหลัง ความสัมพันธ์ที่เย็นชาเป็นน้ำแข็งซึ่งกำลังค่อยๆละลายลงตามลำดับ  เพียงชั่วข้ามคืน อุณหภูมิก็ลดลงอย่างฮวบฮาบ และก็แข็งตัวกลับมาใหม่อย่างรวดเร็ว จนพวกเขาทั้งสองไม่ได้พูดคุยกันมาหลายวันแล้ว

   ทุกวันนี้ ซูซินเอ๋อร์มีใบหน้าเย็นชา ไม่ว่านางจะไปที่ไหนก็ตาม ส่วนซุนหมิงก็ไม่ได้มีสีหน้าดีกว่ากันมากนัก และพวกเขาต่างก็เพิกเฉยต่อกัน ราวกับต่างฝ่ายต่างเป็นอากาศธาตุเหมือนกัน

    แม้ทั้งสองคนจะอาศัยอยู่ภายใต้ชายคาเดียวกัน พวกเขาก็ปฏิบัติต่อกันอย่างเอาจริงเอาจังสุดขีดราวกับอีกฝ่ายเป็นอากาศธาตุ ขณะที่บรรดาคนรับใช้ ที่คอยปรนนิบัติ ต่างหวาดหวั่นราวกับเดินบนน้ําแข็งบาง ๆ เพราะกลัวว่าเจ้านายจะโกรธ หากพวกเขาไม่ใส่ใจ

   เมื่อซุนหมิงได้ยินเสียงของซูซินเอ๋อร์ ก็หันหน้าไปมองอีกฝ่าย

   ทันใดนั้นเขาก็รู้สึกถึงความไร้อํานาจ และความสิ้นหวังในใจที่ไม่เคยรู้สึกมาก่อน

   ชายหนุ่มเลิกคิ้วขึ้น แล้วเดินไปหาซูซินเอ๋อร์ พลางจ้องมองนางแล้วถอนหายใจ "ซินเอ๋อร์ เรามาใช้ชีวิตที่ดีกันเถอะ!" 

   ซูซินเอ๋อร์นิ่งงันไป เมื่อเห็นสีหน้าจริงจังของชายหนุ่ม หญิงสาวกลืนคำพูดประชดประชันกลับเข้าไป พลางแค่นเสียงเบาๆ แล้วเสมองไปทางอื่น

   "ซินเอ๋อร์" ซุนหมิงลังเลเล็กน้อย แต่ยังคงเอื้อมมือออกไปจับมือนาง พอรู้สึกว่านางดิ้นรนขัดขืนอย่างหนัก จึงเอ่ยขึ้น "เจ้าแต่งให้ข้าแล้ว เจ้าเป็นลูกสะใภ้ของตระกูลซุนของข้าแล้ว  เหตุใดเราสองคนถึงต้องมาทะเลาะกันวุ่นวายอยู่ร่ำไป! ข้ารู้ว่าเจ้าโกรธอะไร ใช่ ทีแรกข้าคิดจะสู่ขอตระกูลเหลียนแต่งงาน แต่ในที่สุดเรื่องนี้ก็จบลง และล้มเลิกไปแล้ว! ฟางโจว..นางช่วยชีวิตข้าไว้ และยังช่วยครอบครัวของเราไว้มากมาย ในใจของข้า นางเป็นสหายที่ควรค่าแก่การไปมาหาสู่กัน! ข้ารู้ว่าเจ้ายังคงคิดถึงเปี่ยวเกอของเจ้าอยู่ แต่นั่นก็ไม่สําคัญแล้ว เจ้าวางความระแวงลงเถอะ และทำจิตใจให้สบาย พยายามเข้ากันกับข้า และวันหนึ่งเจ้าจะมองว่าข้าเป็นสามีของเจ้าจริงๆ! แม้ว่าข้าจะไม่มีสิ่งใดเทียบเท่าเขา แต่ก็มีสิ่งหนึ่งที่ข้าดีกว่าเขาเสมอ และนั่นคือข้ามีความจริงใจและจริงจังกับเจ้า! "

   ซูซินเอ๋อร์ตัวแข็งทื่ออยู่ครู่หนึ่ง พลางมองซุนหมิงด้วยความตกใจ ด้วยสีหน้าที่ซับซ้อนและพูดไม่ออก

  คําพูดเหล่านี้จู่ๆก็มาโดยไม่ทันคาดคิด มันกระทันหันเกินไป จนนางตั้งตัวไม่ทันเลย!

   ซูซินเอ๋อร์รู้สึกตื่นตระหนก พยายามดึงมือให้หลุดพ้นจากมือของซุนหมิงที่เกาะกุมอยู่อย่างหนัก

**

[1]คนหนุ่มสาวที่เติบโตเล่นมาด้วยกันตั้งแต่เด็ก


6 ความคิดเห็น:

  1. ขอบคุณค่ะอ่านแล้วสนุกมากเหมือนเกิดสงครามย่อยๆเลย ดีที่ทั้งตัวนางเอกและพระเอกรักกันและจิตใจหนักแน่นทำให้ผ่านเรื่องราวไปได้ รอลุ้นคู่ต่อไปค่ะ

    ตอบลบ
  2. ถ่วงก้อนหินในใจให้หนักๆเข้าไว้นะฟางโจ

    ตอบลบ
  3. ขอบคุณมากค่ะ
    สงครามชีวิตของนางเอกที่ต้องฟันฝ่าไปให้ได้

    ตอบลบ
  4. ขอบคุณมากค่ะ ท่านแม่ทัพจิตใจแน่มาก รอค่ะ

    ตอบลบ