อย่างไรก็ตาม นายท่านจูและบุตรชายคนโต ไม่เคยนึกไม่ฝันเลยว่าแม่ทัพหลี่ผู้นี้ จะเป็นคนที่กลัวภรรยาจริงๆ! อีกฝ่ายยอมรับเรื่องนี้ต่อหน้าพวกเขาอย่างหน้าชื่นตาบาน แม่ทัพหลี่จึงไม่สามารถตัดสินใจในเรื่องการแต่งงานนี้ได้ ทุกอย่างเขาล้วนเชื่อฟังภรรยาเท่านั้น!
ชายหนุ่มนึกในใจ ยามนี้ภรรยาของตนตั้งครรภ์ ทั้งเปราะบางยิ่งนัก นางคงทนไม่ไหวเป็นแน่!
นายท่านจูและบุตรชาย แทบจะเปิดปากไม่ออก รู้สึกจุกแน่นในอกแทบตาย
นายท่านจูแทบจะแช่งชักหักกระดูก ที่ทุกสิ่งทุกอย่างไม่เป็นดั่งหวัง: "แม่ทัพหลี่ควบม้าในสนามรบ เข่นฆ่าข้าศึกมามากมายนับไม่ถ้วน และทันทีที่ท่านออกคำสั่ง มั้งกองพันทหารก็รับคำสั่งของท่านไปปฏิบัติ! ท่านช่างมีศักดิ์ศรีอะไรเช่นนี้ ช่างมีความหยิ่งทะนงอะไรเช่นนี้ แล้วท่านจะอยู่ใต้อำนาจของผู้หญิงเพียงคนเดียวได้อย่างไร! ยิ่งกว่านั้น นับตั้งแต่โบราณกาล บุรุษย่อมเป็นหัวหน้าครอบครัว และหากแม่ทัพหลี่แสดงความกล้าหาญและความหยิ่งทะนงเพียงหนึ่งในสิบของที่ท่านใช้ในสนามรบ รับรองว่าฮูหยินก็คงไม่กล้าต่อต้านท่านแม่ทัพเป็นแน่! "
หลี่ฟู่แบมือทั้งสองอย่างจนปัญหา พลางยิ้มขมขื่น "นางกล้าแน่ ยิ่งไปกว่านั้น ข้ามีหน้าที่เพียงเชื่อฟังคำสั่งของนางเท่านั้น และท่านไม่จําเป็นต้องพูดเรื่องศักดิ์ศรีและความหยิ่งทะนงอะไรนั่นกับข้าเลย! เพราะภรรยาของข้าไม่ใช่ศัตรู แล้วข้าจะต้องทำกับนางเหมือนอยู่ในสนามรบได้อย่างไร? และหากท่านใช้กลอุบายซึ่งปกติมีไว้ใช้ในสมรภูมิรบกับภรรยาตนเอง แล้วพวกเราจะแตกต่างอันใดกับสัตว์เดรัจฉาน! "
"แม่ทัพหลี่ไม่กลัวถูกคนหัวเราะเยาะหรือ?" คุณชายใหญ่จูเดือดดาลยิ่งนัก
หลี่ฟู่หัวเราะเสียงดัง ที่จริงแล้วเป็นการหัวเราะชอบใจด้วย: "เรื่องนี้มีอะไรน่าอับอายกัน? ฮูหยินของข้ารักใคร่ห่วงใยสามีอย่างข้าถึงเพียงนี้ ข้ายังดีใจแทบไม่ทันเลย! "
คุณชายใหญ่จูรู้สึกว่าใบหน้าตนกำลังเปลี่ยนเป็นสีเขียวคล้ำแล้ว "ดังนั้นแม่ทัพหลี่จึงตั้งใจจะไม่รับภรรยาเพิ่มไปตลอดชีวิตนี้เหรอ? แม้กระทั่งอนุภรรยา ท่านก็ไม่ต้องการเหรอ? "
"ย่อมเป็นเช่นนั้น!" หลี่ฟู่เอ่ยโดยไม่ลังเล "ฮูหยินของข้าคงจะไม่อนุญาต และนอกจากนี้ ในเมื่อข้ามีนางแล้ว ข้าก็ไม่ต้องการใครอีก!"
หลี่ฟู่ถอนหายใจในใจ จริง ๆแล้วเขาไม่เต็มใจจะผลักทุกปัญหาไปให้เหลียนฟางโจวแบกรับตั้งแต่ทีแรกเลย
แต่เป็นเหลียนฟางโจวที่เกลี้ยกล่อมเขา โดยบอกว่าถึงอย่างไร ก้มหน้าไม่เห็น เงยหน้าเห็น เขาก็เป็นขุนนางในราชวงศ์เดียวกับนายท่านจูและบุตรชาย ชายหนุ่มก้มหน้าและไม่ได้เงยหน้ามองและไม่ได้เงยหน้าขึ้นมองเขา ต่อให้ไม่มีงานที่ต้องมาเกี่ยวข้องกัน แต่ก็ไม่จําเป็นต้องทําให้ความสัมพันธ์นั้นมึนตึงเกินไป การผลักทุกปัญหามาให้เธอนั้นเหมาะสมที่สุดแล้ว!
หลี่ฟู่ไม่มีทางเลือกนอกจาก จำใจยอมตกลง
คุณชายใหญ่จูแค่นเสียง"ดี! แม่ทัพหลี่อย่าลืมคําพูดของท่านในวันนี้เสียล่ะ ข้าจะรอดู"
หลี่ฟู่ยิ้มอย่างจนใจ "คําพูดของคุณชายใหญ่ดูคล้ายจงใจจะโต้เถียงกับผู้แซ่หลี่ และผู้แซ่หลี่ก็นึกฉงนใจเช่นกัน! อย่างไรก็ตามสิ่งที่คุณชายใหญ่จูพูดว่าจะรอดู เช่นนั้นท่านก็รอดูเถิด! ผู้แซ่หลี่ไม่สนใจเช่นกัน! "
นายท่านจูจ้องมองอีกฝ่ายอย่างเย็นชา และรับฟังอย่างเย็นชา ไม่ว่าสิ่งที่หลี่ฟู่พูดมา จะจริงหรือเท็จ เขาก็รู้ดีว่า อีกฝ่ายจะไม่มีทางแต่งงานกับจูอวี๋อิงแน่!
กล่าวอีกนัยหนึ่งก็คือ ตระกูลจูยังไม่มีบันไดที่จะลงเลย
"ท่านแม่ทัพหลี่ เราอย่าพูดกำกวมกันเลย" นายท่านจูเงยหน้าขึ้นมอง แล้วเอ่ยว่า "ตอนนี้ทุกอย่างกลายเป็นแบบนี้แล้ว ไม่สำคัญแล้วว่าใครจะถูก หรือใครจะผิด ทว่ายามนี้สถานการณ์ของตระกูลจูของเรายากลำบาก เหมือนขี่อยู่บนหลังเสือแล้ว! หากไม่มีทางออกที่ดีในเรื่องนี้ เรื่องนี้จะไม่มีทางจบลงได้จริงๆ และตระกูลจูก็ไม่อาจแบกรับการเสียหน้าในครั้งนี้ได้! ข้าอยากขอให้แม่ทัพหลี่โปรดยกโทษให้ข้าในจุดนี้ด้วยเถอะ! "
"หลี่ฟู่แค่นเสียงในใจ พลางคิดว่า ปัญหาที่เกิดขึ้น ก็เป็นเพราะคนในครอบครัวของท่าน คิดว่าตัวเองฉลาด ทำร้ายผู้อื่น จนย้อนกลับมาทําร้ายตัวเอง แล้วข้าไปเกี่ยวอะไรกับพวกท่านด้วยเล่า?
"นายท่านจู ท่านกำลังกล่าวโทษข้าหรือ?" หลี่ฟู่เอ่ยด้วยรอยยิ้มบาง
นายท่านจูนิ่งอึ้งไปชั่วครู่ เขาเพิ่งตระหนักว่าตนเองกล่าวหนักเกินไปหน่อย เขาจึงประสานหมัดคารวะ พลางยิ้มอย่างขมขื่น : "แม่ทัพหลี่ให้อภัยตาแก่คนนี้ที่เลอะเลือนด้วยเถอะ! ผู้ชราไม่กล้าตําหนิแม่ทัพหลี่ แต่เรื่องนี้ - เฮ้อ! แต่ตระกูลจูไม่อาจเป็นที่ขบขันเพราะเรื่องนี้ได้ เราจะต้องหาวิธีที่จะประนีประนอม ให้ผ่านพ้นปัญหาไปได้! ข้าเชื่อว่าแม่ทัพหลี่ ไม่อยากทําให้เรื่องมันเลวร้ายเกินไปใช่ไหม? "
หลี่ฟู่ยิ้มแล้วพูดขึ้นว่า "ถ้าเช่นนั้น ข้าก็ไม่รู้ว่านายท่านจูมีความเห็นอะไร?"
นายท่านจูยิ้มขมขื่น "แน่นอนทางออกที่ดีที่สุดก็คือ แม่ทัพหลี่เป็นฝ่ายมาสู่ขออิงเอ๋อร์กับตระกูลข้า ทว่าแม่ทัพหลี่ก็กล่าวปฏิเสธไปเช่นนั้นแล้ว เรื่องนี้ย่อมเป็นไปไม่ได้! อย่างไรก็ตาม ข้าก็ขอให้แม่ทัพหลี่ร่วมมือกับตระกูลจูของเราแสดงละครได้หรือไม่? "
"แสดงละคร?" หลี่ฟู่ประหลาดใจมากในครั้งนี้
"ใช่แล้ว!" นายท่านจูถอนหายใจ แม่ทัพหลี่สามารถส่งแม่สื่อไปทาบทามเพื่อสู่ขอแต่งงานอิงเอ๋อร์ที่จวนตระกูลจูได้หรือไม่ และเมื่อถึงขั้นตอนแลกเปลี่ยนดวงชะตากัน ก็จะใช้ข้ออ้างว่าดวงชะตาไม่สมพงศ์กัน แล้วทางเราจะเป็นฝ่ายบอกปัดการแต่งงาน! หากแม่ทัพหลี่ไม่เชื่อ เราสามารถเขียนบันทึกข้อตกลงเป็นหลักฐาน แล้วทําลายมันทิ้ง หลังจากเรื่องจบลงแล้วก็ได้ แม่ทัพหลี่เป็นคนเปิดเผยและตรงไปตรงมาเสมอ คงไม่มีทางใช้เอกสารมาข่มขู่ผู้อื่นเป็นแน่! "
หลี่ฟู่นึกดูถูกประโยคสุดท้ายของเขายิ่งนัก และก็รู้สึกรําคาญกับสองสามประโยคก่อนหน้า
"ไม่!" หลี่ฟู่ปฏิเสธโดยไม่แม้แต่จะคิด แล้วแค่นเสียงว่า "นายท่านจูจะเอาแต่คิดถึงครอบครัวท่านฝ่ายเดียวไม่ได้หรอกนะ!"
นายท่านจูรู้สึกผิดเล็กน้อย แต่ยังพยายามฝืนยิ้ม: "คือว่าแม่ทัพหลี่และฮูหยินหลี่ จะไม่มีความเสียหายมากมายนัก และจะได้รับคำขออภัยจากเรา ทางตระกูลจูของเราจะชดเชยให้อย่างแน่นอน ——"
"เราไม่ต้องการค่าชดเชยใด ๆ !" หลี่ฟู่เอ่ยขัด และพูดอย่างเย็นชา "หากข้าทําแบบนี้จริงๆ ข้าจะไม่ทำร้ายภรรยาของตนเองเหรอ? ภรรยาข้ากำลังท้องอยู่ นางคงทนไม่ไหวเป็นแน่ "
ให้เขาเป็นฝ่ายไปขอแต่งงาน พอถึงเวลาแลกเปลี่ยนดวงชะตา แล้วก็อ้างว่าไม่สมพงศ์กันเหรอ? ต้องขอบคุณเขาที่อุตส่าห์คิดออกมาได้!
แม้ว่าจะเป็นการเล่นละคร แต่เรื่องนี้ก็ทำให้ภรรยารู้สึกหดหู่ใจและกดดัน เมื่อได้ยินเข้า!
ใบหน้าของนายท่านซูกลับซีดเซียวเล็กน้อย "แม่ทัพหลี่ต้องการฉีกหน้าตระกูลจูของเรา และทําให้ตระกูลจูเสียหน้าจริงๆหรือ"
หลี่ฟู่กล่าวว่า "ไม่ใช่ว่านายท่านจูยังไม่กระจ่างรึว่าอะไรผิดหรือถูกในเรื่องนี้? ท่านจะใช้อำนาจกดขี่ผู้คนหรือไร? "
ชายหนุ่มยืนขึ้น แล้วเอ่ยว่า “ตั้งแต่เริ่มต้น นายท่านจูไม่จำเป็นต้องลงมือลงแรงอย่างหนักเลย ไม่ใช่ว่าตระกูลจูอยากหาทางลงไม่ใช่เหรอ? ก็ง่ายๆ ฮูหยินของข้าเป็นสตรีขี้หึง และไม่มีความอดทนต่อใครๆ นี่เป็นทางลงที่ดีที่สุดแล้ว! อีกอย่าง ยามนี้ชื่อเสียงด้านความขี้หึงของฮูหยินของข้า ก็ได้แพร่สะพัดไปทั่วเมืองหลวงในช่วงหลายวันที่ผ่านมานี้แล้ว และเมื่อนายท่านจูพูดออกไปเช่นนั้น ทุกคนก็ต้องเชื่อ! "
เหตุผลที่ชื่อเสียงของเหลียนฟางโจวได้ถูกร่ำลือออกไปเช่นนี้ ก็เป็นฝีมือของทางฝั่งตระกูลจูเองทั้งสิ้น
เมื่อได้ยินหลี่ฟู่พูดแบบนี้ ทั้งนายท่านจูและบุตรชายก็อดรู้สึกกระอักกระอ่วนใจเล็กน้อยไม่ได้
ท้ายที่สุด นี่คือความรู้สึกสำนึกผิด ที่การกลั่นแกล้งรังแกหญิงสาวตัวเล็ก ๆ คนหนึ่ง!
เมื่อหลี่ฟู่ทนไม่ไหวแล้ว เขาจึงกล่าวขอตัวจากไป นายท่านจูร้องห้ามบุตรชายคนโตที่จะวิ่งไล่ตามอีกฝ่ายทันที พลางถอนหายใจ "พอเถอะเรื่องนี้ มันก็ต้องออกมาในรูปนี้แหละ! เจ้ายังเห็นท่าทีของแม่ทัพหลี่ไม่ชัดเจนอีกหรือ? ถึงจะพูดไปมากเท่าไร ก็ไร้ประโยชน์! "
คุณชายใหญ่จูอดถอนหายใจออกมาไม่ได้เช่นกัน จากนั้นก็พลันคิดถึงน้องสาวที่น่าสงสารของตน ทำให้จิตใจเริ่มหนักอึ้ง
ไม่นานก็มีข่าวแพร่ออกมาว่า แม่ทัพหลี่กลัวภรรยา ฮูหยินหลี่เป็นสตรีขี้หึง นางจะไม่ยอมให้แม่ทัพหลี่มีผู้หญิงคนอื่นชั่วชีวิตนี้ และไม่ว่าคุณหนูหกจูจะหมกมุ่นหลงไหลจนเป็นบ้าอย่างไร นางก็ต้องร้องไห้และยอมแพ้ ก่อนจะตัดสินใจไปวัดประจำตระกูลเพื่อถือศีลภาวนา...
เมื่อเหลียนฟางโจวได้ยินตอนจบเช่นนี้ เธอก็แค่นเสียงเย้ยหยันอยู่สองสามที และไม่ให้ความสนใจในเรื่องนี้อีกต่อไป
ในที่สุดก็มีหญิงสาวมาถือศีลภาวนาอีกคนแล้ว ข้าเกรงว่า เมื่อเทียบกับอีกนางหนึ่งที่อยู่ที่จวนของตน เรื่องนี้น่าจะเป็นแขวนหัวแพะ ขายเนื้อสุนัข(ย้อมแมวขาย) มากกว่า! บอกตามตรง มันก็แค่เป็นการหลบหน้าผู้คนมากกว่า!
เหลียนฟางโจววางแผนจะเปิดร้านขนมหมู่บ้านซิ่งฮวาอีกสิบกว่าสาขาในกรุงปักกิ่งเมืองหลวง และเมืองโดยรอบในเดือนสาม รวมทั้งร้านเป็ดย่างสิบสาขาในเมืองหลวงด้วย แม้ว่าทุกอย่างจะพร้อมแล้ว ขาดแต่ลมบูรพา แต่ก็มีรายละเอียดปลีกย่อยที่เธอต้องดูแลไม่มากก็น้อย เธอย่อมไม่มีพลังงานส่วนเกินเหลือ ที่จะไปสนใจเรื่องหยุมหยิมอื่นๆ
หลี่ฟู่รู้สึกหดหู่และหงุดหงิดรำคาญมาสองวันอย่างหลีกไม่พ้น เขามิคาดว่าตระกูลจูจะปล่อยคำเล่าลือเช่นนั้นออกมาจริง ๆ ซึ่งไม่น่าพอใจสำหรับเขายิ่งนัก ยามที่ได้ยิน
…
ไม่ปกป้องเมียเลย ให้แต่เมียปกป้องตัวเอง
ตอบลบปัญหายังไม่หมดหรอก เหมือนกันแก้ผ้าเอาหน้ารอด
ตอบลบ