วันเสาร์ที่ 16 มีนาคม พ.ศ. 2567

จับแม่ทัพไปไถนา-บทที่ 791 อยู่เป็นเพื่อน

      "ไม่ได้เจอกันนานเลยนะ!" เหลียนฟางโจวพยักหน้าให้แม่นางฉินพร้อมรอยยิ้ม "ข้าสบายดี อาฉิน เจ้าคงสบายดีนะ!" 


    แม่นางฉินพยักหน้าเบา ๆ "อื้ม"  ก่อนจะยิ้มและพูดว่า "ฮูหยินเหลียนคอยเตือน คอยให้คำแนะนำคนใต้บังคับบัญชาอยู่เสมอ ขอบคุณฮูหยินเหลียน!" 

   "อาฉินไม่ต้องมากพิธีรีตองเหมือนเป็นแขกหรอก นี่ก็แค่เรื่องเล็กๆน้อยๆ อย่าได้เกรงใจไป!" เหลียนฟางโจวกล่าว

   สายตาของแม่นางฉินจับจ้องหน้าท้องที่โป่งนูนของอีกฝ่าย แล้วจึงเอ่ยยิ้มแย้ม " ฮูหยินเหลียนใกล้จะคลอดแล้วใช่ไหม? ขอแสดงความยินดีด้วยเจ้าค่ะ! "

   ประโยค "ขอแสดงความยินดี" นี้ที่เปล่งออกมาจากปากของแม่นางฉิน เหลียนฟางโจวรู้สึกเพียงว่า มันไม่ค่อยรื่นหูนักเมื่อได้ยิน หญิงสาวจึงส่งยิ้มพอเป็นพิธี และพูดเรื่องสัพเพเหระอย่างสุภาพอีกไม่กี่ประโยค แล้วจึงอ้างว่าแดดแรงแล้ว จะขอตัวกลับไปพักผ่อน ก่อนจะกล่าวขอตัวกับแม่นางฉิน

   แม่นางฉินไม่ได้พูดอะไรมาก แล้วเอ่ยด้วยรอยยิ้ม "ตอนนี้อากาศเริ่มร้อนขึ้นทุกวัน ฮูหยินเหลียนควรระมัดระวังให้มากขึ้นเจ้าค่ะ!" 

   เหลียนฟางโจวขมวดคิ้ว แล้วจึงยิ้มให้ ก่อนจะกลับไปพร้อมปี้เถาและหงอวี้

    ปี้เถาอดพูดขึ้นมาไม่ได้ "นายท่านเพิ่งออกจากจวน และเราก็ได้พบกับนางโดยบังเอิญ มันดูประจวบเหมาะอย่างไรก็ไม่รู้เจ้าค่ะ ดูจะดวงไม่ดีจริงๆ!" 

    หงอวี้ครุ่นคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ พลางจับจ้องเหลียนฟางโจว แล้วเอ่ยขึ้นอย่างระมัดระวัง "บ่าวคิดว่านี่มันจะดูบังเอิญเกินไป! นางน่าจะรู้ว่านายท่านออกจากจวนในวันนี้ ดังนั้นนางจึงจงใจรออยู่ที่นั่น เพื่อหวังพบฮูหยินเจ้าค่ะ? "

    ปี้เถาตกตะลึง แล้วจึงเอ่ยอย่างฉงน "เรื่องนี้ ไม่น่าเป็นไปได้..."

    นางบอกว่ามันไม่น่าเป็นไปได้ แต่ในความเป็นจริง ในใจกลับเชื่อคําพูดของหงอวี้ไปแล้ว

   แม้ว่าเหลียนฟางโจวจะไม่กลัวแม่นางฉิน แต่ตอนนี้เธอกําลังตั้งครรภ์แก่ในช่วงสุดท้าย เธอก็ไม่อาจประมาทเลินเล่อได้แม้แต่น้อย

   หญิงสาวจึงเอ่ยขึ้น "หงอวี้พูดถูก เรื่องเมื่อครู่ดูบังเอิญเกินไปเช่นกัน! หากนางจงใจรออยู่ที่นั่นในวันนี้ แสดงว่านางคงได้รับแจ้งข่าวสารมาอย่างดี! "

   ทันใดนั้น ปี้เถาก็รู้สึกผิดขึ้นมา "บ่าวนี่ ช่างไร้ประโยชน์แท้ๆ..."

    ก่อนหน้านี้ต่อหน้าเหลียนฟางโจว นางสัญญาว่าจะจับตาดูพวกนางนายบ่าวที่เรือนถือศีลภาวนาไว้ แต่ใครเล่าจะรู้ว่า นางก็ยังพลาดอยู่ดี

    เหลียนฟางโจวไม่ได้ตําหนิสาวใช้คนสนิท เพียงแต่หัวเราะ "ไม่เอาน่าอย่าโทษตัวเองเลย! ข้าตําหนิเจ้าเรื่องนี้ไม่ได้หรอก!  เจ้าเองก็ยังจับตาดูนางตาไม่กระพริบทั้งวันอยู่เลย! "

   "ทว่าตอนนี้ นายท่านไม่อยู่ที่จวน ฮูหยินเจ้าคะ ตั้งแต่วันพรุ่งนี้เป็นต้นไป บ่าวจะจับตาดูพวกนางนายบ่าวตาไม่กระพริบทั้งวันเลย! ไม่สิ เริ่มจากวันนี้เป็นต้นไปเลยเจ้าค่ะ! “ ปี้เถากัดฟันกรอดๆ

    "เหลวไหล!" เหลียนฟางโจวรีบเอ่ย "นี่มันจะลงทุนลงแรงกับนางมากเกินไปแล้ว! อีกอย่าง เจ้าว่าพวกบ่าวไพร่ในจวนจะมองข้าอย่างไร ในฐานะหัวหน้าผู้ดูแลจวน ที่มาทำแบบนี้กับคนใต้อาณัติ? ถึงไม่พูดว่าข้าใจร้าย ข้าก็ควรถูกหัวเราะเยาะที่ไร้ความสามารถ ความคิดโง่ ๆ แบบนี้ ก็ยังคิดออกมาได้! "

     ปี้เถาหน้าแดง พลางพึมพํา"ถึงจะเป็นความคิดโง่ๆ ตราบใดที่มันได้ผล มันก็จัดการนางได้ใช่ไหมเจ้าคะ!" 

     เหลียนฟางโจวเลิกคิ้วขึ้น แล้วเอ่ยว่า  "อย่างไรก็ตาม เจ้าก็ปล่อยปละเรื่องนี้ไม่ได้เช่นกัน  เจ้าสองคนไปตรวจสอบดูด้วยกัน ข้าอยากรู้ว่าพวกนาง สองนายบ่าว ที่วันๆเอาแต่ขังตัวเองอยู่หลังประตู พวกนางไปได้รับข่าวสารที่แม่นยำเช่นนี้มาได้อย่างไร?! "

    ปี้เถากับหงอวี้รีบรับคำ

     เหลียนฟางโจวไม่คาดคิดมาก่อนว่า ในวันรุ่งขึ้นโจวซื่อจะมาที่จวนพร้อมกับหลี่อวิ๋นหันจริง ๆ รวมทั้งสาวใช้ที่หิ้วห่อสัมภาระเดินทางของสองคนแม่ลูกไว้ในมือ และดูเหมือนว่าพวกนางจะมาขออยู่ที่จวนสักพักหนึ่งด้วย

     "เมื่อวานข้าได้ยินอวิ๋นหันบอกว่า น้องชายสามพี่ชายจะไปอยู่ที่ค่ายทหารสักพัก ข้าจึงกลัวว่า เจ้าอยู่คนเดียวแล้วจะเบื่อ ดังนั้น ข้าจึงจะมาอยู่ที่นี่สักพักมา เพื่อว่าเจ้าจะได้มีเพื่อน!" โจวชื่อยิ้ม

     เหลียนฟางโจวย่อมต้อนรับอีกฝ่าย โจวซื่อเคยยืนกรานว่าจะย้ายออกไป เพราะนางอยากหลีกเลี่ยงแม่นางฉิน แต่ในขณะนี้ นางกลับมา เพื่อมาอยู่เป็นเพื่อนเธอ หญิงสาวจึงรู้สึกประทับใจนัก

    "เป็นเรื่องประเสริฐนัก หากพี่สะใภ้ใหญ่ยินดีจะมาเจ้าค่ะ! ตั้งแต่สามีข้าจากไป จวนเราก็เงียบเหงาไปถนัดตา มีอวิ๋นหันอยู่ที่นี่ ที่จวนคงจะมีชีวิตชีวายิ่งกว่าเดิม! นอกจากนี้ข้าใกล้จะคลอดแล้ว ในใจก็รู้สึกตื่นเต้นเป็นกังวล หากว่าเกิดอะไรขึ้น! พอมีพี่สะใภ้ใหญ่อยู่ที่นี่ด้วย ข้าเองก็รู้สึกสบายใจขึ้นมาก! ถึงอย่างไร พี่สะใภ้ใหญ่ก็ถือว่าเป็นผู้มีประสบการณ์เจ้าค่ะ! "

    โจวซื่อพยักหน้ายิ้มๆ "ข้าก็หมายความเช่นเดียวกัน!" 

     ส่วนหลี่อวิ๋นหันเองก็สาวเท้า เข้าไปคารวะหาอาสะใภ้สามด้วย

      หลังจากสนทนากันไปสักพัก เหลียนฟางโจวก็เอ่ยด้วยรอยยิ้ม "เขตเรือนของพี่สะใภ้ใหญ่และอวิ๋นหัน ข้าให้คนมาทำความสะอาดเสมอ  เพียงเปลี่ยนผ้าปูที่นอนใหม่ ก็ใช้ได้แล้ว! พวกท่านเอาสัมภาระไปเก็บกันก่อนเถอะเจ้าค่ะ! ตอนนี้เที่ยงแล้ว ประเดี๋ยวพวกเราไปรับสำรับมื้อเที่ยงด้วยกัน! "

    โจวซื่อยิ้มตกลง ทันใดนั้นนางก็พูดขึ้นว่า " พวกข้าแม่และลูกชายไม่ได้อาศัยอยู่ที่นี่มาเป็นเวลาแล้ว เขตเรือนนี้คงทำความสะอาดไม่ง่าย หากเจ้าเพิ่มแรงงานคน เพื่อเก็บกวาดทำความสะอาด ดูมันจะวุ่นวายปัญหาเยอะ ดังนั้นข้าจะอาศัยอยู่ในเขตเรือนเดียวกับอวิ๋นหัน! ทำแบบนี้จะช่วยประหยัดเวลาและเงินทองไปได้มาก! เราก็ทำความสะอาดเพียงบางส่วนเถอะ คนในจวนเองก็จะได้โล่งใจขึ้นด้วย! "

     เหลียนฟางโจวขบคิดเรื่องนี้สักครู่  เธอรู้ว่าโจวซื่อกําลังหาทางป้องกันไม่ให้แม่นางฉินไปหานาง

     เมื่อโจวซื่อและหลี่อวิ๋นหันอาศัยอยู่ในเขตเรือนเดียวกัน แม่นางฉินก็จะไม่สะดวกมาหานางแต่อย่างใด

     ส่วนโจวซื่อเองก็เป็นคนมีเจตนาดี!

     เหลียนฟางโจวจึงพยักหน้ายิ้มๆ "ตราบใดที่พี่สะใภ้ใหญ่ไม่รู้สึกว่าสถานที่แคบและไม่สะดวก ข้าย่อมไม่คัดค้าน!  พี่สะใภ้ใหญ่มีจิตใจดีและคิดถึงผู้อื่นอยู่เสมอเจ้าค่ะ! "

     โจวซื่อรู้สึกโล่งใจ  แล้วจึงเอ่ยด้วยรอยยิ้ม "ดูเจ้าพูดเข้าสิ เราไม่ใช่คนนอกกันสักหน่อย เราไม่ควรคิดมาก! เช่นนั้นพวกเราจะเอาห่อสัมภาระไปเก็บก่อนก็แล้วกัน! "

     เหลียนฟางโจวตกลง แล้วจึงสั่งให้หงอวี้พาสาวใช้รุ่นเล็กสองคนเข้าไปช่วย

     ใครเล่าจะรู้ว่าโจวซื่อและบุตรชายเพิ่งเอาข้าวของไปเก็บได้สักพัก ฉีซื่อก็นั่งรถม้ามากับสาวใช้สองคน

      นอกจากนี้ นางก็กล่าวว่า หลี่ฟู่ไม่อยู่ที่จวน ดังนั้นนางจะมาอยู่กับเหลียนฟางโจวสักพัก เพื่อมาอยู่เป็นเพื่อน และนางจะได้ช่วยดูแลเรื่องต่างๆให้ด้วย

      คราวนี้ นางมาช่วยอีกฝ่ายจริงๆ ประการแรก นางอยากสร้างความดีความชอบ และคลายความสัมพันธ์ที่ตึงเครียดระหว่างกัน ประการที่สอง นางเองก็ถือโอกาสผูกมิตรและซื้อตัวคนรับใช้สักคนสองคนจากจวนฝั่งนี้ และหากมีสิ่งใดเกิดขึ้นที่จวนฝั่งนี้ในอนาคต นางก็จะได้รับทราบข่าวสารทันเวลา

     และประการที่สาม ซึ่งสําคัญที่สุด นั่นคือใช้โอกาสนี้สํารวจภูมิหลังของครอบครัวของเหลียนฟางโจวและหลี่ฟู่ว่าคืออะไร

    ฮ่องเต้ทรงพระราชทานจวนนี้ให้เป็นรางวัลแก่หลี่ฟู่ และนางได้ยินมาว่าฝ่าบาทยังทรงพระราชทานรางวัลมีค่าอีกมากมายนัก!

    ถึงแม้ว่า พวกนางแม่สามี และลูกสะใภ้รวมสามคนจะค้นพบความจริงว่ามีของรางวัลอะไรบ้าง และอาจไม่สามารถเอามาครอบครองได้ แต่พวกนางก็ยังอยากรู้อยู่ดี! และรู้สึกคันยุบยิบในใจนัก!

    มันยากนักที่จะมีโอกาสงามๆเช่นนี้ ดังนั้นฮูหยินรองจะปล่อยมันไปได้ยังไง? แม่สามีและสองลูกสะใภ้ ทั้งสามคนหารือเรื่องนี้กันมาระยะหนึ่งแล้ว และพวกนางทุกคนรู้สึกว่าการส่งฉีซื่อมา ดูจะเหมาะสมที่สุด และเหลียนฟางโจวก็มีแนวโน้มจะไม่ปฏิเสธฉีซื่อมากที่สุด ดังนั้นฉีซื่อจึงรีบเร่งมา!

   โชคดีที่เหลียนฟางโจวทำตัวสงบเสงี่ยม ไม่อวดความร่ำรวย และที่สําคัญเรื่องที่เธอเปิดกิจการร้านค้า ก็ไม่เคยเปิดเผยต่อสาธารณชน จึงไม่มีใครรู้ว่าเธอเป็นเจ้าของร้านขนมหมู่บ้านซิ่งฮวา  ไม่เช่นนั้น ที่จวนฝั่งโน้นคงได้อิจฉาตาร้อนเข้าไปอีก

    ไม่ต้องพูดถึงเรื่องที่มีโจวซื่อมาอยู่เป็นเพื่อนแล้วเลย แต่ถึงไม่มีโจวซื่อ เหลียนฟางโจวก็ไม่อาจดึงปัจจัยที่ไม่แน่นอนอย่างฉีซื่อเข้ามาในจวนได้

     หญิงสาวจึงตอบปฏิเสธไปอย่างสุภาพ โดยบอกว่าพี่สะใภ้ใหญ่และหลานชายอวิ๋นหันได้มาแล้ว และเธอก็ไม่ใช่คนที่บอบบางอย่างนั้น และเธอจะไม่รู้สึกสุดแสนกระอักกระอ่วนใจ ที่มีคนมากมายอยู่เป็นเพื่อนได้อย่างไร? และการที่จะมาอยู่เป็นเพื่อนเธอ อาจทำให้พวกนางทั้งสองทะเลาะกันใด้  ไม่ต้องเอ่ยถึงเรื่องที่เธอรู้สึกไม่สบายใจ  ซึ่งเธอไม่อาจแบกรับความเครียดไหวเลย  และหากหลี่ฟู่รู้เข้า เขาก็คงจะบ่นเธอที่รับปัญหาเข้ามา!

    เมื่อฉีซื่อได้ฟังเหลียนฟางโจวร่ายยาวออกมา ก็ถึงกับพูดไม่ออก

    หลังมื้อกลางวัน นางจึงต้องกลับไปด้วยความสิ้นหวัง

    เมื่อฮูหยินรองรู้เข้า ก็ไม่พอใจยิ่งนัก เมื่อรู้สึกเคียดแค้นชิงชัง ก็หันมาดุด่าฉีซื่ออย่างหนัก "เจ้ามักจะบอกว่าข้าลำเอียงเข้าข้างลูกสะใภ้คนโต และข้ามักจะเรียกนาง เมื่อมีเรื่องอะไรเกิดขึ้น แล้วไม่เรียกเจ้า! ทีนี้ก็ดูตัวเจ้าเองเสียด้วย คราวนี้ข้าให้โอกาสเจ้า แต่เจ้าทําอะไรลงไป? แค่พูดไม่กี่คํา นางก็ส่งเจ้ากลับมาได้แล้วเหรอ? เจ้าไม่ได้บอกไปหรือว่า ไม่มีใครอยู่ในจวนของพี่สะใภ้ใหญ่ทางโน้นเช่นกัน แล้วก็ให้นางกลับไปเสีย ส่วนจวนของเราที่นี่ก็ไม่ได้ขาดเจ้าเช่นกัน ใช่ไหม? ช่างโง่บรมโง่โดยแท้! "

2 ความคิดเห็น:

  1. ไม่ระบุชื่อ17 มีนาคม 2567 เวลา 12:08

    เข้มข้นขึ้นเรื่อย ๆ
    ขอบคุณค่ะ

    ตอบลบ
  2. มีแต่คนต้องการผลประโยชน์จากคนอื่นและจ้องจะแทงลับหลัง

    ตอบลบ