วันเสาร์ที่ 16 มีนาคม พ.ศ. 2567

จับแม่ทัพไปไถนา-บทที่ 794 ข่าวลือ

         เมื่อเฝ้ามองน้องสาวออกไปนอกห้องแล้ว เหลียนฟางโจวจึงถอนหายใจเบา ๆพร้อมรอยยิ้ม "เจ้าดูแลชิงเอ๋อร์ได้ดีมาก ดูเหมือนนางจะเชื่อฟังเจ้าดีนะ!  ข้ายังกังวลว่าหลังจากที่ข้าออกจากบ้านแล้ว เด็กหญิงตัวเล็ก ๆ นี้จะมีปัญหา เฮ้อ ข้ากังวลเก้อเสียแล้ว! "


     เหลียนเจ๋อยิ้มเจื่อนๆ  "สาวน้อยผู้นี้เป็นนักก่อเรื่องตัวยงเลย นางชอบหลอกล่อผู้อื่นจนหัวหมุน และมีความคิดพิเรนทร์มากมาย และตอนนี้กิจการของตระกูลเรา ก็ใหญ่โตขึ้นเรื่อย ๆ  ซ้ำยังมีคนไม่หวังดีอยู่มากมาย  หากข้าไม่เข้มงวดกวดขันกับนาง  สวรรค์เท่านั้นรู้ว่า นางจะก่อเรื่องใหญ่โตขนาดไหน! "

    เหลียนเจ๋อไม่ได้เล่าให้เหลียนฟางโจวฟังว่า เหตุใดเขาถึงเข้มงวดกวดขันกับนางอย่างหนัก  เพราะเหลียนฟางชิงได้ประสบเหตุร้ายครั้งใหญ่สองครั้ง แต่โชคดีที่เหตุการณ์ร้ายทั้งสองได้รับการแก้ไขจนรอดพ้นมาได้

    สองพี่น้องพูดคุยกันอยู่พักหนึ่ง เหลียนฟางโจวจึงยิ้มแล้วถามว่า "ครั้งนี้ที่เจ้ามาปักกิ่งเมืองหลวง มีแผนการอะไรบ้าง?”

     เหลียนเจ๋อคาดอยู่แล้วว่า ผู้เป็นพี่สาวจะถามคําถามดังกล่าว จึงหัวเราะทันที "ข้าให้คนไปซื้อที่ดินในมณฑลเหอเป่ย์และมณฑลซานตงเมื่อปีที่แล้ว และเตรียมที่จะปลูกฝ้ายและสร้างโรงงานในปีนี้ และเราก็ซื้อร้านค้าอีกสองสามร้านในเมืองหลัก ในสองมณฑลนี้ และสามร้านในเมืองหลวง และจะมีการเปิดโรงงานสกัดน้ํามันในปีหน้าด้วย "

    เหลียนฟางโจวพยักหน้ายิ้มๆ "ก็ดีแล้ว เหนืออื่นใด มีสถานที่สองสามแห่งในเมืองหลวงซึ่งสามารถแทรกซึมเข้าไปได้ ดังนั้นถ้าจะให้มั่นคงปลอดภัย เจ้าควรค่อยๆหยั่งรากลึกในธุรกิจช้าๆ โดยเริ่มจากพื้นที่รอบนอกเมืองหลวงก่อน!" 

    เหลียนเจ๋อยิ้มแล้วเอ่ยว่า "สิ่งสำคัญก็คือ เราจะค่อยๆคืบคลานเข้าใกล้เมืองหลวงทีละก้าวๆ ข้าถึงจะสบายใจ!" 

    เขายังเล่ารายละเอียดความเป็นไปบางอย่างให้เหลียนฟางโจวทราบ ทีละเรื่อง และกล่าวว่าเนี่ยเอ้อหลางเป็นคนที่กระตือรือร้นยิ่งนัก และครั้งนี้เขาพาอีกฝ่ายเข้ามาในกรุงปักกิ่งโดยเฉพาะ เพื่อจัดการเรื่องกิจการในส่วนนี้ของเมืองหลวง

    เขายิ้มให้เหลียนฟางโจวอีกครั้ง "พี่ใหญ่ ท่านขอให้พ่อบ้านในจวนของท่าน ช่วยข้าสอบถามว่ามีบ้านที่ประกาศขายในเมืองหลวงหรือไม่ ข้าพร้อมที่จะซื้อไว้สักหลัง และตอนนี้พวกเราอยู่ที่จวนนี่ก็สะดวกสบายดี แต่ในอนาคต อย่างไรเช่อเอ๋อร์จะต้องมีที่พัก ยามที่เขาต้องมาที่กรุงปักกิ่งด้วย!" 

    เหลียนฟางโจวไม่ต้องการให้คนอื่นมองน้องชายและน้องสาวของเธอว่า มาเกาะครอบครัวฝั่งสามีของเธอ ตระกูลเหลียนก็คือตระกูลเหลียน และตระกูลหลี่ก็คือตระกูลหลี่ และเนื่องจากเหลียนเจ๋อตัดสินใจเปิดตลาดในภาคเหนือ ตระกูลเหลียนจึงควรซื้อบ้านในเมืองหลวงเอาไว้ด้วย

    ดังนั้นเธอจึงไม่ปฏิเสธ และไม่ได้พูดอะไรทำนองที่ว่า ‘อยู่ที่นี่กับข้าก็ดีแล้ว ไม่เห็นต้องดิ้นรนลำบากอันใดเลย!’ หญิงสาวเพียงพยักหน้าอย่างยินดี "ได้สิ การหาซื้อบ้านดีๆในเมืองหลวงไม่ใช่เรื่องง่าย  เจ้าต้องค่อยๆสำรวจดูไปช้าๆ! ในเมื่อเจ้าอยากจะซื้อสักหลังหนึ่ง เจ้าก็ซื้อหลังที่เจ้าพอใจเถิด!  ตอนนี้เจ้าก็อยู่ที่นี่อย่างสบายใจเถิด! ถ้าใครกล้าพูดเหลวไหล หรือไม่มีมรรยาท เจ้าก็ไม่ต้องเกรงใจ รีบมาบอกข้าทันที ข้าจะได้ชำระสะสางให้! "

    เหลียนเจ๋อไม่ได้ปฏิเสธ เพียงแต่เอ่ยพร้อมรอยยิ้ม "ขอบคุณพี่ใหญ่ขอรับ!" เพียงเท่านั้น

    เหลียนฟางโจวหัวเราะอีกครั้ง "เจ้าไปขอให้พ่อบ้านพาไปดูแถบชานเมืองหลวง  ไปดูว่ามีพื้นที่การเกษตรที่เหมาะสมหรือไม่  เราควรซื้อเก็บไว้บางส่วนด้วย!" 

    เหลียนเจ๋อย่อมเห็นด้วย  "เรื่องราคาข้าไม่เกี่ยง ซื้อเก็บไว้บางส่วนจะได้อุ่นใจ ต่อไปพืชผักและธัญพืชที่ผลิตได้ ก็เอาไว้ให้ที่บ้านบริโภคได้  ซึ่งก็เพิ่มความสะดวกสบายขึ้นด้วย!" 

   "แล้วใครจะบอกว่าไม่ใช่เล่า!"  หลังจากพูดคุยกันอีกเล็กน้อยเหลียนฟางโจวจึงบอกให้เขาไปพักผ่อน แล้วให้ชุนซิ่งไปถ่ายทอดคำสั่งของเธอ ให้พ่อบ้านเฉียนมาคุยกับเธอเป็นการส่วนตัว

    พ่อบ้านเฉียนพยักหน้ารับคำ แต่ก็มีท่าทีอึกอักลังเลเล็กน้อย มีท่าทีดูคล้ายอยากจะถามแต่ไม่กล้าถาม

    เหลียนฟางโจวจึงเร่งเร้าเขา อีกฝ่ายจึงเอ่ยด้วยรอยยิ้ม "บ่าวไม่รู้เรื่องราคา แต่จิ้วเย่ว[1]มีความต้องการอะไรเฉพาะเจาะจงหรือไม่ขอรับ... "

    บ้านในกรุงปักกิ่งมีราคาแพงนัก! บ้านที่มีบริเวณกว้างขวางและสะดวกสบายดีๆ ก็ยิ่งมีราคาแพงเข้าไปใหญ่! หากไม่ถามให้ชัดเจน แล้วจะบอกเขาได้อย่างไร!

   แม้จะดูค่อนข้างน่ารําคาญที่มาถามคําถามนี้ แต่เขาก็ต้องกัดฟันถามอย่างละเอียด

   เหลียนฟางโจวหัวเราะแล้วพูดว่า"ข้าสะเพร่าเสียแล้ว ข้าควรเป็นฝ่ายชี้แจงกับท่านให้แจ่มแจ้ง! เรื่องราคาไม่เกี่ยง ขอให้ได้บ้านที่ดีก็แล้วกัน  เรื่องไร่นาในเขตชานเมืองของกรุงปักกิ่ง ก็มีเงื่อนไขเช่นเดียวกัน! แน่นอนเจ้าสามารถต่อรองราคาได้ หากได้ราคาที่เหมาะสม ย่อมดีที่สุด! "

   "ขอรับ ฮูหยิน เช่นนั้น บ่าวชราก็รู้ความต้องการของจิ้วเย่แล้ว!" พ่อบ้านเฉียนเอ่ยด้วยรอยยิ้ม

    ถึงแม้ว่าเขาจะค่อนข้างอยากรู้อยากเห็นเกี่ยวกับการปรากฏตัวของจิ้วเย่ที่ยังเป็นหนุ่มน้อย และแต่งกายเรียบๆ แต่เขาเคยได้ยินมาว่า อีกฝ่ายมาจากชนบท คงไม่น่าจะใช่บุตรชายของตระกูลที่ร่ำรวยมั่งคั่ง แล้วเขาจะมีเงินถุงเงินถังมาซื้อได้อย่างไร?

   แต่นั่นไม่ใช่สิ่งที่เขาควรถาม แม้ว่าฮูหยินจะใกล้ชิดสนิทสนมกับครอบครัวบ้านเดิม คนอย่างนายท่านก็คงไม่สนใจ ส่วนตัวเขาก็แค่ทำหน้าที่ของตัวเองไป!

   เมื่อเหลียนเจ๋อและ เหลียนฟางชิงถูกเพิ่มเข้ามาในจวน เช่นเดียวกับบ่าวไพร่ที่ติดตามมาเป็นจํานวนมาก ทันใดนั้นบรรยากาศในจวนก็คึกคัก มีชีวิตชีวาขึ้นมาในบัดดล ส่วนเหลียนฟางโจวก็รู้สึกผ่อนคลาย และมีความสุขมากขึ้น

    ปี้เถาและชุนซิ่งที่ติดตามเหลียนฟางโจวมาจากบ้านตระกูลเหลียน พวกนางก็รู้สึกอบอุ่นใจเป็นพิเศษเมื่อเห็นซือซือ

    เหลียนเจ๋อและหลี่อวิ๋นหันก็ค่อนข้างคุ้นเคยกันดี และเข้ากันได้ดียิ่งนัก  

    เนี่ยเอ้อหลางที่ออกไปทำธุระมาก่อนหน้า ได้มาพักอยู่ที่จวนสองวันแล้ว บางครั้งบางคราวเหลียนเจ๋อก็ออกไปข้างนอกจวนเป็นเวลาสองหรือสามวัน แต่เวลาส่วนใหญ่เขาก็ยังคงอยู่ในจวนกับหลี่อวิ๋นหันในฐานะสหาย หรือไม่ทั้งสองก็ออกไปท่องเที่ยวด้วยกัน  แน่นอนว่าเขาจะไปนั่งคุยเป็นเพื่อนเหลียนฟางโจววันละสองครั้ง ในตอนเช้ากับตอนเย็น

   จวนตระกูลหลี่ครอบครองอาณาเขตกว้างขวาง เหลียนฟางชิง ผู้เป็นน้องสาว เมื่อว่างจากนั่งคุยกับพี่สาว นางก็จะพาเสี่ยวฮุยไปเล่นในสวน

   บางครั้ง ปี้เถา หรือชุนซิ่งจะมาเป็นเพื่อนนาง รวมทั้งซือซือกับเสี่ยวเหนียน ในยามที่พวกนางสองคนมีเวลาว่าง และหลังจากพวกปี้เถาคุ้นเคยกับนางแล้ว เหลียนฟางชิงก็ไม่อยากให้พวกปี้เถามาเป็นเพื่อนเล่นกับนางอีกแล้ว

   บ่าวไพร่ในจวนก็ไม่มีปัญหาตามคาด และใครๆก็รู้ว่านายท่านรักใคร่ฮูหยินยิ่งนัก  แต่หากใครที่ไม่มีตา ก็คงกล้าสร้างความขุ่นเคืองให้ญาติๆของฮูหยินเป็นแน่

   วันแรกที่เหลียนเจ๋อและเหลียนฟางชิงมาถึงจวน แม่นางฉินก็รู้ข่าวแล้ว

    "เป็นสองพี่น้อง เหลียนเจ๋อและเหลียนฟางชิงที่มาถึงจวนพร้อมทั้งห่อข้าวของสัมภาระส่วนตัว ดูเหมือนว่าพวกเขาจะมาอาศัยอยู่ที่นี่เป็นเวลานาน! บ่าวไม่รู้ว่าพวกเขาไปเอาหน้าใหญ่ใจโตขนาดนี้มาจากไหน  นางแต่งงานกับท่านแม่ทัพไม่ทันไร  ก็อดรนทนไม่ไหวแล้ว ถึงกับหอบเอาญาติโกโหติกาทั้งตระกูลเข้ามาอาศัยอยู่ที่นี่ด้วย ! ท่านแม่ทัพเพิ่งไปได้แค่ไม่กี่วันเองมิใช่หรือไร? ยังไม่ทันไร พวกเขาก็หอบผ้าหอบผ่อนมากันแล้ว! เมื่อท่านแม่ทัพกลับมา เขาต้องไม่พอใจเป็นแน่ แต่ก็คงพูดอะไรไม่ได้! นอกจากนี้ฮูหยินก็ยังตั้งครรภ์ลูกของเขาอีก!” ติงเซียงพูดกับแม่นางฉินด้วยความรังเกียจเดียดฉันท์

    แม่นางฉินขมวดคิ้ว และถอนหายใจเบา ๆ "เราไม่ใช่เจ้านายที่แท้จริงในจวนหลังนี้ และเราก็ไม่มีสิทธ์กล่าวคําพูดพวกนี้ด้วย! เจ้าก็หุบปากไหเถอะ อย่าให้ใครจับการลงมือครั้งแรกได้ก็แล้วกัน! ตอนนี้พี่ฟูไม่ได้อยู่ในจวน หากมีอะไรเกิดขึ้น ต่อให้ข้าอยากช่วยเจ้า ก็เกรงว่าจะช่วยเจ้าไม่ได้! "

   ติงเซียงหน้าถอดสีไปทันที ก่อนจะก้มหน้าและกล่าวว่า"บ่าวรู้ บ่าวจะไม่ให้ใครจับได้ ..."

   ภายในไม่กี่วัน ก็เริ่มมีเรื่องซุบซิบนินทาแพร่สะพัดไปในผู้คนในจวนโดยไม่รู้ตัว ส่วนจะร่ำลือมาจากไหน ก็ไม่มีใครรู้ ซึ่งคล้ายๆกับเนื้อหาของเรื่องน่าหัวเราะของเหลียนฟางโจวกับเหลียนเจ๋อเมื่อก่อนหน้านี้

    ข่าวลือบอกว่า น้องชายและน้องสาวของฮูหยินจากชนบท มาที่จวนเพื่อมาขอพึ่งพิง บางทีพวกเขาอาจมาอาศัยอยู่เป็นเวลานาน! เด็กหญิงตัวน้อยคนนั้นก็ยังเด็กอยู่ ส่วนน้องชายคนนั้นก็อายุราวสิบหกถึงสิบเจ็ดหนาว และก็ยังหางานทำเป็นหลักแหล่งไม่ได้ วันๆเอาแต่เที่ยวเล่นกับนายน้อยหลี่ หรือไม่ก็นั่งกินนอนกิน  ไม่รู้ว่าคิดอะไรอยู่

    เท่านั้นยังไม่พอ เมื่อมีคนไปรู้มาว่า พ่อบ้านเฉียนจะช่วยพวกเขาซื้อบ้านและทุ่งนา จึงได้มีข่าวเพิ่มเติมอีกว่า ต้องเป็นฮูหยินที่เอาเงินของนายท่านไปช่วยน้องชายของบ้านเดิมเป็นแน่!

   มิฉะนั้น เด็กหนุ่มจากชนบท จะมีเงินทองมาซื้อบ้านในเมืองหลวง และทุ่งนาในชานเมืองหลวงได้อย่างไร?

   "นายท่านช่างน่าสงสารยิ่งนัก!"

    นี่คือข้อสรุปของข่าวลือที่หาที่มาไม่ได้ของทุกคน

**

[1]นายท่านน้องภรรยา / น้าชาย หรือลุง


3 ความคิดเห็น:

  1. ไม่ระบุชื่อ17 มีนาคม 2567 เวลา 12:26

    แผนร้ายมาแล้ว

    ตอบลบ
  2. ไม่ระบุชื่อ17 มีนาคม 2567 เวลา 15:02

    น่าจะให้นายบ่าวคู่นี้ออกไปถือศีลอยู่วัดช่วงระหว่างคลอดน่าจะดี กำจัดภัยแฝงระหว่างคลอด

    ตอบลบ
  3. บางทีการเปิดเผยบางสิ่งบางอย่างก็จะช่วยสยบขาวลือได้บางครั้งมันก็น่ารำคาญจริงๆทั้งๆที่นางร่ำรวยมากๆแต่นางไม่เคยแสดงตัว

    ตอบลบ