วันเสาร์ที่ 16 มีนาคม พ.ศ. 2567

จับแม่ทัพไปไถนา-บทที่ 796 วางอำนาจ

       หลายคนแสดงสีหน้าทนไม่ได้ และไม่กล้ากลับไปมองพวกนางอีก หลายคนหวาดกลัวตัวสั่น จนเหงื่อออกเต็มแผ่นหลัง

    แต่ไม่มีใครกล้าอ้อนวอนขอความเห็นใจสักคน


    สาวใช้มีอายุทั้งสองถูกลากไปที่ม้านั่งเหมือนสุนัขที่ตายแล้วโดยบ่าวชายที่แข็งแรงบึกบึนสองคน จับพวกนางนอนคว่ำหน้าลง เสียงไม้กระดานที่ฟาดลงไปอย่างไร้ความปรานี ดังชัดเจนนัก

    ทุกคนเงียบกริบ กลั้นหายใจเ มีพียงเสียงของไม้กระดานที่ฟาดลงบนร่างกาย ที่สะท้อนออกมาเท่านั้น

   แล้วตั้งแต่เริ่มต้น การฟาดไม้ลงไปบนตัวสาวใช้มีอายุทั้งสอง ไม่ต่างอะไรกับการฟาดหัวใจของทุกคน

    สาวใช้มีอายุทั้งสองได้หมดแรงกรีดร้องไปนานแล้ว มีเพียงเสียงครางงึมงำด้วยความเจ็บปวดดังแผ่วเบา ซึ่งยิ่งเขย่าขวัญสั่นประสาททุกคนเข้าไปใหญ่

    ทันใดนั้นท่ามกลางฝูงชน ก็มีเสียงดัง’ตึง!’ ขึ้นมา ปรากฎว่ามีสาวใช้รุ่นเล็กคนหนึ่งเห็นเลือดสีแดงสดๆไหลซึมออกมาจากตัวสาวใช้มีอายุทั้งสอง นางจึงหวาดกลัวจนขวัญหนีดีฝ่อ เมื่อทนดูไม่ไหว ก็ล้มตึงลงไปกับพื้นทันที

    แม้ว่าจะเห็นแบบนั้น ทุกคนรอบข้างก็เพียงเหลือบมองนาง  และยิ่งไม่มีใครกล้าเอะอะโวยวาย เสียงฟาดไม้ก็ยังคงดังเป็นจังหวะสม่ำเสมอ จนกระทั่งจบลง

    ในเวลานี้ สาวใช้มีอายุทั้งสองได้สลบไปแล้ว โดยร่างกายท่อนล่างมีแต่เลือดหยดติ๋งๆ ผมเปียกโชกไปด้วยเหงื่อ ศีรษะห้อยลงคล้ายตุ๊กตาชักใย

   พ่อบ้านเฉียนสั่งให้บางคนเอามืออังที่จมูกของพวกนาง เพื่อดูว่ายังหายใจอยู่หรือไม่ พอทราบแล้วว่าพวกนางยังมีลมหายใจอยู่ เขาจึงพูดเบา ๆ " ลากพวกนางลงไป  พอคนฟื้นขึ้นมา ก็ให้นายหน้ามาเอาตัวไป" 

   ใบหน้าของผู้คนเปลี่ยนสีไปอีกครั้ง ฝ่ามือของทุกคนชื้นไปด้วยเหงื่อ

    สาวใช้มีอายุสองนางนี้ตายแหงๆ!

   ในขณะนี้ทุกคนพลันระลึกได้ว่า นี่คือจวนแม่ทัพ และแม่ทัพหลี่ที่ฆ่าคนได้ตาไม่กระพริบ คือผู้นําในคนหนุ่มรุ่นใหม่ และสตรีที่เขาตกหลุมรัก จะอ่อนแอและไร้ความสามารถไปได้อย่างไร?

   ก่อนหน้านั้น ทุกคนเคยเห็นแต่ท่านแม่ทัพและฮูหยินรักใคร่กัน แต่ไม่เคยเห็นพวกเขาอารมณ์เสียมาก่อนเลย ซึ่งย่อมทำให้คิดไปเองว่า ฮูหยินและแม่ทัพเป็นคนใจเย็น และอารมณ์ดียิ่งนัก

   ใครเล่าจะรู้ เรื่องคราวนี้จะจบลงด้วยความรุนแรง!

   "พวกเจ้าก็ได้เห็นกันทั้งหมดแล้ว" พ่อบ้านเฉียนกล่าวเสียงเย็น "เพราะเจ้านายเป็นคนใจกว้าง พวกเจ้าจึงลำพองใจ จนลืมฐานะตัวเอง! ฮูหยินมีบางอย่างจะบอกกล่าวกับทุกคนว่า จงทําในสิ่งที่ควรทํา แล้วทางจวนจะไม่ปฏิบัติต่อพวกเจ้าไม่ดี แต่หากมีพวกประสงค์ร้ายที่ชอบยุยงปลุกปั่นผู้อื่น และไม่ดูตาม้าตาเรือ ก็จะลงเอยแบบสาวใช้มีอายุสองคนนี้! หากใครไม่เชื่อ ก็ลองดูได้!"

    ฝูงชนเงียบกริบ ทุกคนอดก้มหน้าลงไม่ได้

    ดวงตาเย็นชาของพ่อบ้านเฉียน กวาดมองทุกคนทีละคน แล้วกล่าวว่า " ฮูหยินยังกล่าวอีกด้วยว่า หากยังกล้าลองดี คราวนี้ปากจะโดนตบมากกว่าสาวใช้มีอายุสองคนนี้อีก พวกนางก็แค่โชคร้าย ที่บังเอิญไปโดนจับใด้พอดี! ส่วนคนอื่น ๆ ครั้งนี้ ฮูหยินจะปล่อยไปก่อน ไม่สอบสวน นี่คือความเมตตาของฮูหยินแล้ว และอย่าคิดนะว่าจะไม่โดนจับได้!  ดังนั้น จงคอยหุบปากให้ดี! "

    มีหลายคนแอบถอนหายใจโล่งอก จากนั้นพวกเขาก็ตระหนักได้ว่า ร่างกายของพวกเขาโดนสูบเรี่ยวแรงไปแทบหมดแล้ว

   ไม่ว่าอย่างไร คราวนี้พวกเขาก็รอดพ้นหายนะมาได้ในที่สุด แล้วหากคราวหน้าเล่า—

   คราวหน้าอะไรกัน! ไม่มีคราวหน้าอีกแล้ว! ไม่มีใครกล้าคิดถึงคราวหน้าอีกแล้ว

   ในเมื่อฮูหยินเอ่ยคําดังกล่าว นางต้องไม่ได้พูดเล่นๆเป็นแน่

    "พวกเจ้าจำได้ทั้งหมดหรือยัง?"  พ่อบ้านเฉียนตวาดลั่น

     บ่าวไพร่ทุกคนรับคำโดยพร้อมเพียงกัน

     พ่อบ้านเฉียน คำรามในลำคอ "จําเอาไว้นะ! ข้าจะไม่พูดซ้ำอีกแล้ว!  เอาล่ะ แยกย้ายกันไปทำหน้าที่ของตัวเองได้แล้ว! "

     ทุกคนรับคำ แล้วแยกย้ายกันไป

     ไม่เหมือนตอนที่เพิ่งมารวมตัวกันก่อนหน้า ที่พูดคุยซุบซิบกันอย่างครึกครื้น คราวนี้ทุกคนเงียบกริบ มีแต่เสียงฝีเท้าที่ดังขึ้นเบาๆเท่านั้น

     พ่อบ้านเฉียนสั่งให้บ่าวหนุ่มสองคน นําน้ํามาทําความสะอาดคราบเลือดที่หยดลงบนพื้น  ส่วนเขาเดินกลับไปที่เขตเรือนด้านใน เพื่อกลับไปรายงานเหลียนฟางโจว

    หลังจากได้ฟังรายงาน เหลียนฟางโจวจึงพยักหน้า "จัดการที่เหลือให้ดี  ตอนนี้นายท่านไม่ได้อยู่ที่จวน เจ้ายังต้องทุ่มเทเวลา ดูแลทุกสิ่งในจวนให้มากขึ้น"

    พ่อบ้านเฉียนรับคำ แล้วถามว่ายังมีอะไรอื่นอีกไหม? เมื่อไม่มีอะไรให้ทําแล้ว เขาจึงค้อมคำนับ ก่อนจะล่าถอยออกไป

    ชุนซิ่งและปี้เถารู้เบื้องลึกเบื้องหลังของตระกูลเหลียนดี พวกนางจึงไม่พอใจเป็นอย่างยิ่ง เมื่อได้ยินคำวิจารณ์เหล่านี้

    ชุนซิ่งอดพูดขึ้นมาไม่ได้ "ไฉนฮูหยินถึงไม่บอกความจริงกับทุกคนล่ะเจ้าคะ?  ช่างน่าขยะแขยงนัก ที่คนเหล่านี้มาใส่ความผู้อื่น! "

    ปี้เถาแค่นเสียง "คนโง่เหล่านี้ชอบดูแคลนคน พวกคนที่มีตาสุนัข เห็นพวกเรามาจากชนบท ก็เหมาเอาว่าบ้านเดิมของฮูหยินยากจนเหรอ? บ้าไปแล้ว หากได้รู้ถึงทรัพย์สมบัติมหาศาลของบ้านเดิมของฮูหยินเมื่อไร รับรองว่า จะต้องจ้องกันจนตาถลนกันไปข้างหนึ่งเลย! "

    ชุนซิ่งยังตอบว่าใช่ และกล่าวเสริมว่า " แบบนี้ก็จะช่วยลดปัญหา ประหยัดเวลานะเจ้าคะ ข่าวลือพวกนี้ช่างทำให้คนโมโหจริงๆ!" 

    เหลียนฟางโจวหัวเราะเหยียดหยัน แล้วเอ่ยเบา ๆว่า "แม้ว่าสิ่งที่เจ้าพูดมา จะดูสมเหตุสมผล แล้วเหตุใดข้าต้องไปอธิบายให้ทาสกลุ่มนั้นฟังด้วยเล่า? พวกเขาคู่ควรด้วยรึ! หากพวกเขากล้าวิพากษ์วิจารณ์เจ้านายของตัวเอง พวกเขาก็สมควรถูกลงโทษ! หากข้ารีบร้อนอธิบายให้พวกเขาไป แล้วมันจะเป็นอย่างไร? มีแต่จะทำให้พวกเขาดูถูก! และอาจถึงขั้นไม่เชื่อเอาด้วย! "

    ชุนซิ่งและปี้เถาหมดคำพูด เมื่อคิดตามคำกล่าวของเจ้านาย

     ชุนซิ่งถอนหายใจ "บ่าวได้รับการสั่งสอนแล้ว เป็นอย่างที่ฮูหยินพูดมาจริงๆ บ่าวคิดไม่ถ้วนถี่จริงๆเจ้าค่ะ!" 

     เมื่อติงเซียงรับทราบการเคลื่อนไหว ก็รีบกลับไปรายงานแม่นางฉิน: "นางโกรธรุนแรงยิ่งนักเจ้าค่ะ! ทุกคนในจวนถูกเรียกตัวให้ไปดูการลงทัณฑ์  สองคนนั้นโดนตบปากจนบวม พูดไม่ได้  ไม้กระดานก็ฟาดลงมาอย่างแรงและเร็วนัก ตีคนจนเกือบตายเลยเจ้าค่ะ! บอกว่าเขาจะสาดน้ําเย็น และพอตื่นขึ้นมา ก็จะถูกส่งไปให้นายหน้าขายออกไป นี่มันคือการฆ่าคนทั้งเป็นชัดๆ! นางกำลังตั้งครรภ์แก่จะคลอดอยู่แล้วแท้ๆ ยังไม่รู้จักสะสมบุญบารมีอีก! "

    เมื่อได้ยินเข้า แม่นางฉินอดรู้สึกกลัวขึ้นมานิดๆไม่ได้ ฝ่ามือของนางเย็นเฉียบ

   นางเริ่มคิดโดยไม่รู้ตัวว่า หากนางเป็นหัวหน้าจวน นางจะทําอย่างไร เมื่อเจอกับเหตุการณ์แบบนี้?

   ไม่ว่าอย่างไร นางคงทำอะไรได้ไม่โหดร้ายเท่าอีกฝ่าย

   อย่างไรก็ตาม คํานินทาไม่กี่คํานั้น มันไม่ควรถึงกับฆ่าแกงกัน ควรจะงดจ่ายเงินเดือนสักสองถึงสามเดือน หลังจากโบยแล้ว ไฉนถึงกับต้องบังคับให้คนไปตายด้วย?

   นี่ถือว่าทำสิ่งที่ถูกต้องแล้วหรือ ยามที่มีอำนาจอยู่ในมือ?

    นึกไม่ถึงเลยว่าอีกฝ่ายจะเป็นคนชั่วร้ายในกมลสันดานเช่นนี้  ข้าไม่รู้ว่าพี่ฟู่ทราบเรื่องนี้แล้วหรือไม่!

     ต้องไม่รู้เป็นแน่!

     ยามที่พี่ฟู่อยู่ที่จวน นางคงชินกับการเสแสร้ง แม้กระทั่งต่อหน้าตน นางก็ไม่ได้พูดคำหยาบเลย ต่อให้นางจะชิงชังตนจนแทบตายก็เถอะ ทว่าทันทีที่พี่ฟู่ไม่อยู่ นางก็เปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือทันที แล้วตอนนี้….

   ทันใดนั้นแม่นางฉินก็พลันรู้สึกไม่สบายใจขึ้นมา 

   ในเวลานี้ติงเซียงกล่าวอย่างเป็นกังวลต่อหน้านางอีกครั้ง " แม่นาง บ่าวนึกไม่ถึงเลยว่าฮูหยินเหลียนจะเป็นหยาบกระด้างและจิตใจโหดเหี้ยมเช่นนี้  สาวใช้สองคนนั้นไม่เคยทำให้นางเจ็บช้ำน้ำใจ เพียงแค่ซุบซิบนินทานิดหน่อยเท่านั้นเอง และความขัดแย้งระหว่างแม่นางกับนางก็ชัดเจนนัก  นางจะไม่คิดแผนร้ายไว้ในใจได้อย่างไร? ปกติ บ่าวเองก็ไม่เคยเห็นจุดนี้ แล้วหากนางเผยธาตุแท้เล่า! ใครจะไปรู้ว่าเมื่อไหร่ นางจะลงมือกับแม่นาง?  ภายหน้าท่านแม่ทัพจะต้องไปทําสงคราม บ่าวกังวลจริงๆ หากท่านแม่ทัพหายไปนานๆ จะมีใครในจวนหลังนี้ไม่เชื่อฟังนางเล่า? แล้วพอนางต้องการจะทำอะไร  ก็แค่ออกปากสั่ง! เมื่อถึงตอนนั้น แม่นางคงเรียกให้ใครช่วยไม่ได้แล้ว  บ่าวกลัวแต่ว่า รอจนแม่ทัพกลับมา คงบอกไม่ได้ว่ายังมีแม่นางอยู่หรือไม่! โอ๊ะ บ่าวเผลอพูดเป็นลาง! บ่าวสมควรตาย บ่าวสมควรตายเจ้าค่ะ! "

    พอติงเซียงพูดจบ ก็ตบปากตัวเองเบาๆ

   แต่ใบหน้าของแม่นางฉินเริ่มซีดขึ้นทุกที หญิงสาวตกตะลึงพรึงเพริด ดวงตานิ่งขึงอยู่กับที่

    คําพูดของติงเซียงช่างบังเอิญตรงกับที่นางคิดพอดี!

    กระทั่งตรงไปตรงมาและโหดร้ายกว่าที่นางคิดเสียอีก


9 ความคิดเห็น:

  1. รอค่ะ ขอบคุณมากค่ะ

    ตอบลบ
  2. ไม่ระบุชื่อ17 มีนาคม 2567 เวลา 12:35

    แม่นางฉิน เริ่มกลัวแล้วรึยัง

    ตอบลบ
  3. ไม่ระบุชื่อ19 มีนาคม 2567 เวลา 22:10

    กำลังสนุกเลย ขอบคุณครับ

    ตอบลบ
  4. ไม่ระบุชื่อ22 มีนาคม 2567 เวลา 17:43

    แม่นางกลัวแล้วรีบออกไปนะ

    ตอบลบ
  5. ไม่ระบุชื่อ24 มีนาคม 2567 เวลา 14:26

    รอไรท์เสมอแลดขอบคุณที่มาแปลอ่านให้อ่านนะคะ

    ตอบลบ
  6. คนที่คิดร้ายแท้จริงอยู่ตรงนี้สมควรแล้วที่จะต้องกลัวโดนดีสักวันถ้ายังไม่กลับตัว

    ตอบลบ
  7. ขอบคุณมากนะคะไรท์ที่แปลให้ได้อ่านค่ะ

    ตอบลบ
  8. ไม่ระบุชื่อ30 มีนาคม 2567 เวลา 20:52

    สนุกมากค่ะ รอตอนต่อไป ขอบคุณค่ะ

    ตอบลบ