ถ้านางไม่เคยเชื่อมาก่อน นางก็เชื่อแล้วหลังที่ผ่านเหตุการณ์ลงทัณฑ์สองสาวใช้มีอายุ! นางเชื่อแล้ว นางเชื่อแล้วอย่างแท้จริง!
ผู้หญิงคนนั้นเป็นคนสองบุคลิกจริงๆ และนางกำลังหันบุคลิกที่สองมาที่ตัวนางแล้ว
"ข้าควรจะทําอย่างไร! ข้าควรจะทําอย่างไรดี..." แม่นางฉินพูดพึมพํา และดวงตาเริ่มมีน้ำตาคลอหนาขึ้นเรื่อยๆ จนบดบังการมองเห็น
ความดุร้ายผุดขึ้นในดวงตาของติงเซียง นางเอ่ยขึ้น"แม่นาง หากขั้นแรกไม่ทำ ขั้นที่สองก็จบไม่ได้ ลงมือก่อนย่อมได้เปรียบ! ตอนนี้มีแค่วิธีนี้วิธีเดียวเท่านั้น! "
แม่นางฉินไม่ได้ตกใจหรือประหลาดใจกับคำพูดนี้ เพียงแต่คลี่ยิ้มอย่างขมขื่น "หากมันง่ายอย่างที่เจ้าพูด ทำไมถึงไม่เริ่มตั้งแต่แรกเล่า? แล้วตอนนี้ข้าจะทำอะไรได้เล่า! "
ติงเซียงแค่นเสียงเย็นชา "แม่นางต้องเป็นผู้ทำหน้าที่นี้อยู่แล้ว ตอนนี้นางอาจไม่ได้ระแวงแม่นาง ยิ่งไปกว่านั้น นางก็สนใจแต่เรื่องตั้งครรภ์อย่างเดียว หญิงตั้งครรภ์นี้มีแนวโน้มที่จะเกิดอุบัติเหตุได้มากที่สุด และอุบัติเหตุก็เป็นสิ่งที่ตรวจสอบให้กระจ่างได้ยากที่สุด!"
"ไม่!" แม่นางฉินส่ายหน้า และปฏิเสธโดยไม่เสียเวลาคิด " นั่นคือลูกของพี่ฟู่ ข้าไม่อาจทําร้ายลูกพี่ฟู่ได้"
ติงเซียงกล่าวอย่างไม่สนใจมรรยาท "แต่นั่นก็เป็นลูกของเหลียนฟางโจวด้วย! ท่านแม่ทัพคือคนระดับไหนกัน แล้วเหลียนฟางโจวคู่ควรที่จะมีลูกให้เขาเหรอ! "
แม่นางฉินนิ่งอึ้งไปทันที พลางคิดในใจ: ใช่แล้ว นางสมควรมีเด็กกับพี่ชายของนางเหรอ? ถึงแม้จะไม่มีเด็กคนนี้ แต่ในอนาคตพี่ฟู่ก็จะมีลูกอีกหลายคน และข้าก็จะมีลูกกับเขาด้วย...
เมื่อติงเซียงเห็นว่าเจ้านายตนมีทีท่าหวั่นไหวแล้ว นางจึงพูดสำทับ "แม่นางตอนนี้เป็นโอกาสที่ดี! เหลียนฟางชิงคือน้องสาวของนาง และนางก็ป้องกันใครให้เข้าถึงน้องสาวนางไม่ได้หรอก! ก็แค่เด็กหญิงอายุ 11 หรือ 12 หนาวเอง หลอกล่อไม่ยากอยู่แล้ว! "
แม่นางฉินต่อสู้กับความคิดในใจ และในที่สุดความเห็นแก่ตัว ก็มีชัย หญิงสาวพูดขึ้นอย่างลังเล: "เจ้า เจ้าแน่ใจจริงๆหรือ?"
ติงเซียงถอนหายใจและพูดว่า "แม่นาง ไม่ต้องห่วง! บ่าวแน่ใจเจ้าค่ะ! ต่อให้ล้มเหลว บ่าวก็จะรับผิดทั้งหมด เพื่อเห็นแก่แม่นาง บ่าวยินดีที่จะทําเพื่อแม่นางเจ้าค่ะ! "
ในที่สุดแม่นางฉินก็นิ่งไป และพูดเพียงว่า"เหลียนฟางโจวไม่ใช่คนที่จะถูกหลอกง่ายๆ เจ้าต้องระวังให้มาก! อย่าพูดว่า หากล้มเหลว แล้วเจ้าจะรับผิดชอบคนเดียวเลย ข้าไม่ปล่อยให้เจ้าแบกรับตามลำพังหรอก! "
ติงเซียงรู้สึกซาบซึ้งใจนัก "แม่นาง ที่แม่นางดีต่อบ่าว บ่าวจดจำไว้ในใจ ขอเพียงแม่นางมีความสุข บ่าวก็เต็มใจทําทุกอย่างเจ้าค่ะ!"
หลังจากแม่นางฉินตกลงร่วมมือแล้ว ติงเซียงก็เริ่มลงมือ
หลังจากนั้นไม่กี่วันในขณะที่เหลียนฟางชิงกําลังเดินเล่นอยู่ในสวน ติงเซียงก็จงใจทำเป็นพบเด็กหญิงเข้าโดยบังเอิญ และพานางไปที่เรือนถือศีลภาวนา
“คุณหนูบ้านเดิมมานั่งจิบน้ำชาให้ชุ่มคอก่อนเถอะเจ้าค่ะ จากนั้นท่านก็มาจุดธูปไหว้พระโพธิสัตว์ที่นี่ เพื่อขอพรให้ฮูหยินคลอดบุตรราบรื่น และได้บุตรเป็นชายในท้องแรกสิเจ้าคะ!" ติงเซียงเอ่ยด้วยรอยยิ้มบนใบหน้า
เหลียนฟางชิงฟังแล้วก็เห็นด้วย แล้วจึงเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “ช่วงสองสามวันนี้ พี่สาวของข้านอนไม่ค่อยหลับ ข้าควรมาขอพรพระโพธิสัตว์ให้ช่วยนางด้วยดีกว่า!”
ครั้นแล้วเด็กหญิงจึงเดินตามติงเซียงเข้ามา
"คุณหนูบ้านเดิมช่างกตัญญูจริงๆเจ้าค่ะ!” ติงเซียงกลอกตาไปมา แล้วเดินนำเหลียนฟางชิงเข้าไปจุดธูปไหว้พระ ในขณะที่หัวเราะแล้วเอ่ยว่า: "ช่วงนี้อากาศร้อนขึ้นทุกวัน คนปกติยังรู้สึกอึดอัด ไม่ต้องพูดถึงฮูหยินที่ตั้งครรภ์แก่ท้องโตเช่นนี้เลย! บ่าวไม่รู้ว่าฮูหยินชอบกินอะไร? แต่คนท้องควรกินอาหารอ่อนๆหลากหลายชนิด อย่างน้ำแกงตุ๋นร้อนๆ ก็ทำให้ร่างกายแข็งแรงขึ้นนะเจ้าคะ! "
เมื่อเหลียนฟางชิงล้างมือจนสะอาดแล้ว นางก็จุดธูปแล้วปักลงในกระถางธูป ก่อนจะคุกเข่าบนเบาะหน้าพระโพธิสัตว์ แล้วโขกศรีษะสามที จึงลุกขึ้นยืน
ในขณะที่กำลังเดินออกไปกับติงเซียง นางก็ถอนหายใจเล็กน้อย และเอ่ยขึ้นว่า "พี่สาวข้าจะกินอะไร! นางเอาแต่บอกว่า ไม่อยากกิน! ห้องครัวก็อุตส่าห์เปลี่ยนวิธีตุ๋นโจ๊กและน้ำแกงมาก็แล้ว นางก็กินได้แค่สองสามคำเอง! "
"พี่ติงเซียง ท่านมีวิธีดีๆบ้างไหม?" เหลียนฟางชิงเอ่ยถามด้วยสีหน้าจริงจัง
โดยไม่ต้องรอให้อีกฝ่ายตอบ เด็กหญิงก็ยู่ปาก แล้วยิ้มให้กับตัวเอง: "หากข้าป่วยจริงๆ ข้าจะเดือดร้อนถามวิธีจากเจ้าทำไม!" เจ้าเป็นเด็กสาว เจ้าจะรู้อะไร! "
ติงเซียงและแม่นางฉินเคยพักอยู่ในหมู่บ้านต้าฝางเพียงสองสามวัน ทว่าเหลียนฟางชิงเป็นเพียงเด็กคนหนึ่งในบ้าน และย่อมไม่มีความขัดแย้งกับพวกนาง ดังนั้นเหลียนฟางชิงจึงไม่รู้สึกว่าพวกนางเป็นคนไม่ดี ติงเซียงจึงสามารถล่อหลอกเหลียนฟางชิงให้มาที่เรือนถือศีลภาวนาได้อย่างรวดเร็ว
เมื่อเห็นว่าเด็กหญิงตัวน้อยคนนี้ที่กําลังจะติดเบ็ด จู่ๆก็เอ่ยคำพูดเช่นนั้นออกมา ติงเซียงที่เกือบจะลำพองใจ และนึกดูถูกตระกูลเหลียนจากชนบท ก็รู้สึกมึนงงไปชั่วขณะ
นางนึกด่าในใจ "นางมารน้อย”! “ ก่อนจะทำเป็นหัวเราะอารมณ์ดี: "บ่าวเป็นคนระดับไหนกัน บ่าวไหนเลยจะไม่เข้าใจเรื่องพวกนี้เล่าเจ้าคะ อย่างไรก็ตาม เจ้านายของบ่าว รู้หนังสือและแต่งบทกวีได้ดี และยังรู้ศาสตร์อื่นๆอีกนะเจ้าคะ"
พอมาถึงจุดนี้ ข้าคงต้องขอให้แม่นางออกหน้าแล้ว
เหลียนฟางชิงตกตะลึงและพูดว่า"เจ้านายรึ? เป็นพี่สาวคนสวยน้องคนนั้นเหรอ? นางดูดีนัก นางสุภาพใจดียิ่งกว่าพี่ชายสามที่เล่าเรียนหนังสือที่สำนักศึกษาเสียอีก บางทีนางอาจรู้จริงๆก็ได้! ติงเซียง นางอยู่ไหนเหรอ? รีบพาข้าไปพบนางเร็วเข้า "
ติงเซียงต่อต้านยามที่ถูกอีกฝ่ายเร่งเร้า แล้วกลอกตาใส่ เมื่อคิดถึงเนื้อหาในคำพูด! มาเปรียบเทียบพี่ชายคนที่สามกับแม่นางของนางรึ! ช่างเหลือเกินนัก
ทว่ารอยยิ้มบนใบหน้าของนางกลับดูใจดี: "คุณหนูบ้านเดิมรอสักครู่เจ้าค่ะ เจ้านายของบ่าวกําลังทำสมาธิอยู่ด้านหลัง บ่าวจะไปเชิญนางมาเดี๋ยวนี้เจ้าค่ะ! เพราะ หากเป็นคุณหนูบ้านเดิมมา บ่าวถึงกล้าไปขัดจังหวะนางได้ ไม่เช่นนั้น เจ้านายจะโกรธบ่าวอย่างแน่นอนเจ้าค่ะ! "
เหลียนฟางชิงหน้าเปลี่ยนสีเล็กน้อย "อา" แล้วจึงรีบพูดขึ้น "ทำอย่างนี้มันจะไม่เสียมรรยาทเหรอ? ไม่เช่นนั้น ข้าจะกลับมาวันหลังก็แล้วกัน! "
ติงเซียงลำบากแทบตายกว่าจะหลอกล่อเหลียนฟางชิงมาได้ แล้วนางจะปล่อยอีกฝ่ายไปง่ายๆแบบนี้ได้ที่ไหน? นอกจากนี้ หากเหลียนฟางชิงเข้าๆและออกๆเรือนถือศีลภาวนาหลายครั้ง มันจะไม่น่าสงสัยหนักขึ้นเหรอ? แน่นอนว่า ให้นางเข้าออกที่นี่ให้น้อยหน่อยจะดีกว่า!
"ทั้งหมดเป็นบ่าวที่พูดเกินจริงไปอย่างนั้นเอง! คุณหนูบ้านเดิมรีบนั่งลงเร็วเถอะเจ้าค่ะ ไม่แน่ว่า ยามนี้นายหญิงนั่งสมาธิใกล้จะเสร็จแล้ว บ่าวขอไปดูก่อนนะเจ้าคะ! “ ติงเซียงรีบหัวเราะออกมา
เหลียนฟางชิงเองก็ไม่ได้มีข้อสงสัยใด ๆ "อ้อ” แล้วยังคงนั่งลง ดวงตาของนางกระจ่างใสบริสุทธิ์ ดูแล้วไม่มีแววตาหลุกหลิกน่าสงสัย
ติงเซียงจึงโล่งใจ แล้วเดินเข้าไปในห้องโถงด้านหลัง พลางกระซิบกับแม่นางฉินที่ขมวดคิ้ว และอดลังเลอีกครั้งไม่ได้
ติงเซียงจึงกระตุ้นอีกครั้ง "แม่นาง อย่าได้พลาดโอกาสนี้! หากพลาดโอกาสในครั้งนี้ ต่อไปคงหาโอกาสแบบนี้ได้ยากแล้วนะเจ้าคะ! "
แม่นางฉินสะกดกลั้นหัวใจที่เต้นแรง แล้วเดินออกไปกับติงเซียง
เหลียนฟางชิงกระพริบดวงตากลมโตที่ใสฉ่ำน้ำ มองอีกฝ่าย พลางปรบมือ แล้วฉีกยิ้มขึ้นมา: "เป็นท่านจริงๆด้วย พี่สาวคนสวย!"
แม่นางฉินเกลียดเหลียนฟางชิงไม่ลงจริงๆ นางจึงยิ้มแย้มพยักหน้าให้อีกฝ่ายโดยไม่รู้ตัว "เจ้าคือฟางชิงใช่หรือไม่? รีบนั่งลงเถอะ ยินดีต้อนรับนะ! "
เหลียนฟางชิงไม่เคยรู้ว่าอะไรคือสิ่งที่เรียกว่าธรรมเนียมมรรยาท ก็รีบนั่งลงอย่างดีใจ "อื้ม"
โดยไม่ต้องรอให้แม่นางฉินพูด เด็กน้อยแทบอดใจรอสอบถามไม่ไหว " ข้าได้ยินติงเซียงบอกว่า พี่สาวคนสวยมีวิธีที่จะทําให้พี่สาวของข้าที่ตั้งครรภ์อยู่ลำบากกายน้อยลง เป็นเรื่องจริงหรือไม่?"
แม่นางฉินตัวสั่นเล็กน้อย ขณะที่ฝ่ามือกำแน่นโดยไม่มีเหตุผล
…
บางทีการเลี้ยงดูโดยการปกป้องเกินไปก็ทำให้รู้ไม่เท่าทันคนชั่วจิตใจใสสะอาดเกินไปก็รู้ไม่เท่าทันเล่ห์เหลี่ยมคนอื่นอาจนำพาหายนะมาสู่ตนเองและครอบครัวได้โดยง่าย ฟางชิงเอ๋ยเจ้าติดกับดักหรือเปล่า
ตอบลบขอบคุณผู้แปลมากค่ะ
ตอบลบสวัสดีเทศกาลปีใหม่ไทย