วันอาทิตย์ที่ 7 เมษายน พ.ศ. 2567

จับแม่ทัพไปไถนา-บทที่ 798 เล่ห์เหลี่ยมและแผนชั่ว

       แม่นางฉินปรับจิตใจให้เยือกเย็น แล้วพยักหน้าอย่างฝืนๆด้วยรอยยิ้ม: "บังเอิญจัง ข้าเพิ่งเตรียมยาสงบใจมาสองเทียบเมื่อสองสามวันก่อน ข้ากินไปแล้วเทียบหนึ่ง ยังมีเหลืออีกเทียบ หากเจ้าต้องการ ข้าจะมอบให้เจ้า!" 


    "จริงเหรอ?" ดวงตาของเหลียนฟางชิงสว่างวาบขึ้น เด็กหญิงกล่าวด้วยความดีใจ "เช่นนั้นแล้ว ขอบคุณมากนะ!" 

    "ด้วยความยินดี" แม่นางฉินกล่าวด้วยรอยยิ้มบาง "เหตุใดเจ้าไม่รอสักครู่ล่ะ ประเดี๋ยว ข้าจะเอายาไปถวายพระโพธิสัตว์ แล้วสวดมนตร์ขอพรจากท่าน  เพื่อให้ยาเห็นผลดีขึ้น เจ้าเห็นว่าอย่างไร?" 

   เหลียนฟางชิงพยักหน้าพร้อมรอยยิ้ม โดยไม่ต้องคิด "ตกลง! รบกวนพี่สาวที่น่ารักแล้ว! "

   "น้องสาวไม่ต้องเกรงใจ นั่นคือสิ่งที่ข้าควรทําแล้ว” แม่นางฉินยิ้มแข็งทื่อ แล้วลุกขึ้นเดินออกไปอย่างไม่ค่อยเป็นธรรมชาตินัก

   ติงเซียงนึกยินดีปรีดานัก แล้วหันไปเอ่ยชมเหลียนฟางชิงเสียหลายที

   ไม่นานหลังจากนั้น แม่นางฉินก็กลับมา พลางยื่นห่อกระดาษใบเล็กให้เหลียนฟางชิง แล้วเอ่ยด้วยรอยยิ้ม " เอ้านี่ เจ้าเอากลับไปแล้วเทใส่ในน้ำชา ให้พี่สาวของเจ้ากินสองครั้ง บางทีอาจจะรู้สึกดีขึ้น" 

   เมื่อเห็นว่าเหลียนฟางชิงรับยาไปอย่างระมัดระวัง และรับฟังที่นางบอกตาปริบๆอย่างตั้งใจแล้ว แม่นางฉินก็แอบถอนหายใจด้วยความโล่งอก และฉีกยิ้มช้า ๆ "เพราะข้าสวดขอพรต่อหน้าองค์พระโพธิสัตว์ไปแล้ว ดังนั้นเจ้าอย่าให้คนอื่นรู้ แม้แต่พี่สาวของเจ้า เจ้าก็บอกไม่ได้ หลังจากใช้ห่อยานี้แล้ว เจ้าก็หาสถานที่เปลี่ยวๆ ไม่มีใครอยู่แถวนั้น และเผาห่อยาทิ้งเสีย ไม่เช่นนั้น ยาจะไม่ได้ผลเอา!" 

   เหลียนฟางชิงครุ่นคิดหลังจากได้ฟัง ก่อนจะพยักหน้าร้อง "อ้อ" แล้วกล่าวว่า"ข้าจำได้แล้ว! แต่นี่มันได้ผลจริงๆเหรอ?  พอข้าเห็นพี่สาวอึดอัดไม่สบายตัว ข้าก็รู้สึกไม่สบายตามไปด้วย ข้าจึงอยากทำอะไรที่มีประโยชน์เพื่อนางจริงๆ! "

   "มีประโยชน์! แน่นอน - มีประโยชน์แน่! “  แม่นางฉินยิ้มและพูดว่า "ขอเพียงเจ้าทำตามที่ข้าบอกอย่างเคร่งครัด มันย่อมได้ผลแน่นอน!" 

   การหลอกลวงผู้คนมักเป็นเรื่องยากที่สุดที่ก้าวแรก หลังก้าวข้ามอุปสรรคนั้นไปได้แล้ว ก้าวต่อไปก็ราบรื่นขึ้นมาก ไม่ต้องกลั้นหายใจ  หัวใจไม่เต้นแรง หน้าไม่แดง แม้กระทั่งน้ําเสียงก็ยังลื่นไหล! ซ้ำยังสามารถพูดออกมาด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม และแสดงท่าทีเอ็นดูใส่ใจอีกด้วย!

   ตอนนี้แม่นางฉินกําลังก้าวผ่านขั้นตอนดังกล่าวแล้ว

   "ใช่แล้ว ใช่แล้วเจ้าค่ะ" ติงเซียงเอ่ยด้วยรอยยิ้ม "แม่นางของเรามีการศึกษาดีมาก หากนางบอกว่ามีประโยชน์ มันก็มีประโยชน์แน่นอน! เมื่อถึงเวลานั้น ฮูหยินจะให้กำเนิดหลานชายที่ขาวอวบตัวใหญ่ให้แก่ท่านอย่างแน่นอน! "

   "หืม! หากมีประโยชน์ ก็ดีเลย! “ เหลียนฟางชิงฉีกยิ้มกว้างจนตาหยี ดุจพระจันทร์เสี้ยว จนแม่นางฉินและติงเซียงโล่งอกอย่างบอกไม่ถูก

   เหลียนฟางชิงไม่สามารถนั่งนิ่งๆได้อีกต่อไป ดังนั้นนางจึงลุกขึ้นแย้มยิ้ม "พี่สาวคนสวย ติงเซียง ข้ากลับก่อนนะ!" 

   "ได้สิ เจ้าไปเถอะ!" แม่นางฉินยิ้ม "จำไว้ว่า จะให้ใครรู้ไม่ได้นะ!" 

   "อื้ม! ข้ารู้แล้ว! วางใจเถอะ! เหลียนฟางชิงรับคำพร้อมรอยยิ้มกว้าง พร้อมสีหน้าตื่นเต้น ก่อนจะออกไปจากเรือนถือศีลภาวนาอย่างร่าเริง

   เมื่อเห็นเด็กน้อยออกไปแล้ว แม่นางฉินก็ถอนหายใจออกมายาวเหยียด ด้วยความโล่งอก ร่างซวนเซ เข่าอ่อนจนเกือบจะล้มลง ดีที่ได้ติงเซียงเข้ามาพยุงไว้ทัน

   "แม่นาง!" ติงเซียงช่วยประคองหญิงสาวนั่งลงด้วยความทุลักทุ แล้วรินชาอุ่น ๆหนึ่งถ้วยมอบให้นาง "แม่นางจิบชาเจ้าค่ะ!  เห็นไหม เท่านี้ก็เสร็จเรียบร้อยแล้ว! "

   "แต่, แต่ว่าในใจข้า —" แม่นางฉินส่ายหน้า แล้วถอนหายใจเบาๆ 

   ติงเซียงยกยิ้มเหยียด แล้วเอ่ยขึ้น "แม่นางไม่จําเป็นต้องรู้สึกผิด!  ท่านแม่ทัพจะปล่อยให้คนชั้นต่ำเยี่ยงนั้น มาให้กําเนิดทายาทของเขาได้อย่างไร?  แม่นางจึงไม่ได้ทําอะไรผิดเลยเจ้าค่ะ! นอกจากนี้ ถึงแม่นางไม่ละเว้นอีกฝ่ายในวันนี้ อีกฝ่าย ก็ไม่มีวันละเว้นแม่นางหรอก! ท่านยินดีจะมีชีวิตในสภาพนี้ไปจนชั่วชีวิตเหรอเจ้าคะ แม่นาง? "

   "ไม่!" แม่นางฉินปฏิเสธทันทีโดยไม่เสียเวลาคิด

    ติงเซียงยิ้ม "เรื่องนี้คงช่วยอะไรไม่ได้! แม่นาง  ท่านก็ต้องพยายามปกป้องตัวเอง ท่านถูกบังคับให้ทํา! ท่านไม่ได้อยากทำจริงๆ ที่จริงแล้วท่านไม่ได้ต้องการอะไรมากเลย แต่เป็นเพราะนางเองที่ทนไม่ได้ เป็นเพราะนางที่จิตใจชั่วร้ายและเห็นแก่ตัวก่อน นางจะมาตำหนิผู้อื่นไม่ได้! ต่อให้นางตาย ก็เป็นนางที่ฆ่าตัวเอง ไม่ใช่เรื่องของแม่นางเลย! "

    "ใช่แล้ว เจ้าพูดถูก เจ้าพูดถูก ..."  แม่นางเฉียนพึมพำ

    ถูกต้องแล้ว ข้าไม่ได้ขออะไรมากเลย แค่ขออยู่ข้างกายพี่ฟู่ ข้าอยากปรนนิบัติรับใช้เขาอย่างท่านแม่ของข้า ทำไมแค่คำขอที่ต่ำต้อยเช่นนี้ เจ้าก็ทนไม่ได้!

    นางก็รู้อย่างกระจ่างว่า ตนกับพี่ฟู่ต่างก็รักกัน และก็รู้ว่าตนแยกจากพี่ฟู่ไม่ได้ แต่นางก็ยืนกรานจะทำใจดำอำมหิตแบบนี้ ดังนั้น หากจะตำหนิใคร เจ้าก็จงตำหนิตัวเองเถอะ!

   "ข้าหวังว่าเด็กหญิงตัวน้อยนั้น จะเริ่มภารกิจอย่างราบรื่น และจะไม่สาวมาถึงเรา" อารมณ์ของแม่นางฉินสงบลงอย่างสิ้นเชิง ยามเอ่ยขึ้นเบาๆ

    ติงเซียงหัวเราะหยัน "แม่นางวางใจเถอะเจ้าค่ะ! เด็กหญิงคนนี้เป็นน้องสาวแท้ๆของเหลียนฟางโจวเอง และหากนางมีโอกาสได้ลงมือ ทุกอย่างจะดำเนินไปด้วยดี! ยานี้เป็นเพียงยากระตุ้นให้คลอดก่อนกำหนด และทำให้ตกเลือด หากต้องการตรวจสอบ จะหาเจอได้อย่างไร?  ที่เด็กหญิงคนนั้นมาที่นี่ เมื่อถึงตอนนั้น ข้าเกรงว่านางจะมัวแต่ตกใจหวาดกลัว แล้วจะมีเวลามาคิดถึงพวกเราได้อย่างไร! เด็กอย่างนางจะไปรู้อะไร! ต่อให้นางมาหาเราถึงที่ เราก็ปฏิเสธไป ในเมื่อไม่มีหลักฐานเสียอย่างนี่เจ้าคะ! "

    หัวใจของแม่นางฉินมั่นคงมากขึ้น นางพยักหน้าช้า ๆ และในที่สุดรอยยิ้มก็ปรากฏขึ้นบนใบหน้าซีดเซียวนั้น: "เจ้าพูดถูก ไม่มีหลักฐานเสียอย่าง!" 

   เมื่อติงเซียงเห็นว่า อีกฝ่ายยังไม่ค่อยสบายใจ  นางจึงปลอบโยนอีกฝ่ายสองสามคำพร้อมรอยยิ้ม และประคองหญิงสาวกลับเข้าห้องนอนเพื่อพักผ่อน

   จากนั้นเจ้านายและคนรับใช้ทั้งสองก็เข้าไปในห้อง และรอคอยความวุ่นวายที่จะเกิดขึ้นที่เขตเรือนหลักอย่างเงียบ ๆ 

   สามวันต่อมา ในช่วงกลางดึก มีความสับสนอลหม่านเกิดขึ้นที่นั่น มีเสียงเออะโวยวายดังขึ้นเป็นระลอก ผสานกับเสียงฝีเท้าอันสับสนวุ่นวาย รวมทั้งเสียงกรีดร้องและเสียงร้องไห้ด้วย

   เป็นเพราะเรือนถือศีลภาวนาอยู่ไกลจาก เขตเรือนหลัก แม่นางฉินและติงเซียงจึงไม่รู้รายละเอียดในตอนเกิดเหตุ  และเพิ่งได้รับทราบข่าวเอาในตอนเช้า

   ติงเซียงรีบวิ่งกลับเข้ามาอย่างตื่นเต้น และบอกแม่นางฉินว่า "ขอแสดงความยินดีกับแม่นางด้วยเจ้าค่ะ! สำเร็จแล้ว! ในที่สุดก็สำเร็จแล้ว!  เกิดเรื่องวุ่นวายในช่วงกลางดึก ทั้งท่านหมอและหมอตำแยต่างก็มากัน  ข้าได้ยินมาว่าจู่ๆนางก็ปวดท้องรุนแรงอย่างฉับพลัน และเกิดแท้งลูก อาการสาหัสนัก ชุนซิ่ง ปี้เถาและคนอื่นๆ ยามนี้กำลังร้องไห้เหมือนคนบ้า! ชั่วขณะนี้ พวกเขากำลังยื้อชีวิตด้วยน้ำโสมต้ม! ฮูหยินใหญ่ก็ร้องตะโกนให้คนไปตามท่านแม่ทัพกลับมาโดยด่วน!  ฮึ่ม ท่านแม่ทัพอยู่ในค่ายทหาร  นายท่านจะกลับมาทันทีได้อย่างไร? "

   แม่นางฉินถอนหายใจยาวออกมาอย่างโล่งอก เมื่อนึกวาดภาพถึงสภาพที่น่าเศร้าของเหลียนฟางโจว เมื่อนึกภาพไปว่า อีกฝ่ายจะตายโดยไม่ได้เห็นหน้าพี่ฟู่เป็นครั้งสุดท้าย เท่านี้นางก็อดรู้สึกเป็นสุขไม่ได้

   เจ้าจะมากล่าวโทษว่าข้าโหดร้ายไม่ได้ เป็นเพราะเจ้าทนให้ข้าอยู่ด้วยไม่ได้เอง!

   ครั้งแล้วครั้งเล่า ที่อีกฝ่ายกดดันนางอย่างไม่ลดราวาศอก แล้วจะให้นางทนได้อย่างไร?

   ในเมื่อเป็นเช่นนี้ จะให้นางมัวมานั่งอดทนเพื่อประโยชน์อะไร?  หรือจะให้อดทนจนกว่าชีวิตจะหาไม่?

    หากอีกฝ่ายรู้ว่าตัวเองตายด้วยน้ํามือของน้องสาวตัวเอง ก็ไม่รู้ว่าในใจจะรู้สึกอย่างไร!

   น่าเสียดายที่นางไม่มีทางบอกความจริงกับอีกฝ่ายได้ ดังนั้นนางจึงเพียงรออยู่ที่นี่อย่างเงียบ ๆ

    เจ้านายและคนรับใช้ ทั้งสองคนพยายามสะกดกลั้นความสุขและความสะใจไว้ภายในใจ พยายามทำตัวเองให้สงบเยือกเย็นตามปกติ   ทว่าจู่ๆประตูเขตเรือนก็ถูกถีบเปิดออกเสียงดัง ‘ปัง’ โดยไม่คาดคิด ทำเอาสองคนที่อยู่ในห้องสะดุ้งตกใจ

    "ใครกัน!"  ติงเซียงเอ่ยอย่างไม่สบอารมณ์ ขณะยืนขึ้น

    ก่อนที่ทั้งสองจะก้าวเท้าไปสองก้าว ก็เห็นร่างสีชมพูวิ่งเข้ามาดั่งลมหอบหนึ่ง และตะโกนว่า "ติงเซียง! พวกเจ้านายบ่าว ไสหัวมาหาข้าเสียดีๆ!" 

    เมื่อติงเซียงและแม่นางฉินสงบใจได้ ก็พบว่าคนที่มา ก็คือเหลียนฟางชิง ความรู้สึกหนักอึ้งก็พลันผุดขึ้นมาในใจทันที



1 ความคิดเห็น: