"คุณหนูบ้านเดิม ท่านเป็นอะไรไปเจ้าคะ! อุ๊บส์ ไฉนท่านถึงร้องไห้เสียตาบวมเป่งตาล่ะ เกิดอะไรขึ้นรึเจ้าคะ? มีใครรังแกท่านเหรอ?”
ติงเซียงแสร้งทําเป็นแปลกใจ
"เจ้ายังมีหน้ามาทำเป็นไม่รู้อีกเหรอ!" เหลียนฟางชิงเอ่ยด้วยความเกลียดชัง "ยาที่เจ้าให้ข้ามา คือยาพิษใช่ไหม? ฮือๆๆ ข้าฆ่าพี่สาวตัวเองเสียแล้ว เจ้าสองคนโกหกข้า! "
"ท่านพูดเรื่องไร้สาระอะไรของท่านกันเนี่ย!" ติงเซียงเอ่ยอย่างโกรธเกรี้ยว "คุณหนูบ้านเดิม อย่ามามุ่งร้ายใส่ความกันสิ! ยาพิษอะไรกัน? เรื่องน่ากลัวขนาดนี้ ก็พูดออกมาได้! "
เหลียนฟางชิงตวาดอย่างโกรธแค้น "เจ้าแสร้งทำเป็นไม่รู้เหรอ นั่นคือยาผงที่เจ้าให้ข้า ตอนที่ข้ามาที่นี่ในวันนั้นไง! เจ้าคนหนึ่งบอกให้ข้าเอาใส่ลงในชาให้พี่สาวข้า แล้วบอกว่าพระโพธิสัตว์จะอวยพรให้พี่สาวข้า ให้กําเนิดหลานชายผิวขาวอวบตัวใหญ่ และผลที่ได้ก็คือ-- ฮือๆๆ! เจ้าสองคนมันน่ารังเกียจและไร้ยางอาย ! ข้าจะไม่ละเว้นชีวิตพวกเจ้า!"
ติงเซียงและแม่นางฉินแอบแลกเปลี่ยนสายตากันแวบหนึ่งโดยไม่มีใครทันสังเกต ในดวงตาของคนทั้งคู่มีร่องรอยของความตื่นเต้นพาดผ่าน
ติงเซียงตอบโต้ทันที
"คุณหนูบ้านเดิม ท่านพูดเรื่องอะไรกันเจ้าคะ? ยาผงอะไรกัน? บ่าวไม่เห็นจะเข้าใจเลยเจ้าค่ะ! "
"คุณหนูบ้านเดิม ท่านจะมากล่าวหาลอยๆไม่ได้นะ เราสองคนนายบ่าว อยู่กันอย่างสันโดษ ไม่เคยให้ความสนใจเรื่องกับเรื่องราวภายนอก คุณหนูผู้นี้ ยังเด็กอยู่แท้ๆ ก็รู้วิธีใส่ร้ายพวกเราแล้วรึ! ช่างเหลือเกินจริงๆ —" แม่นางฉินถอนหายใจ
เหลียนฟางชิงโกรธจัดจนเอ่ยอย่างแค้นเคือง
"นี่ไม่ใช่คำพูดที่ท่านพูดในวันนั้นรึ! ไฉนถึงกล้าพูดปฏิเสธได้ตาไม่กระพริบเล่า! ท่านไม่กลัวพระโพธิสัตว์ตําหนิเอาหรือ! “
ติงเซียงเห็นท่าทีโกรธแค้นของอีกฝ่าย ก็ยิ่งสะใจ นางแบสองมือออก แล้วเอ่ยด้วยรอยยิ้มแปลก ๆ
"คุณหนูบ้านเดิม ท่านจะมาพูดแบบนี้ไม่ได้นะ! เห็นอยู่ชัดๆว่าท่านกุเรื่องขึ้นมาเอง แล้วเราจะยอมรับได้อย่างไร? พระโพธิสัตว์รึ? ต่อให้พระโพธิสัตว์ทรงอยากตําหนิ คนที่ต้องโดน ก็คงเป็นท่าน ไม่ใช่พวกเราหรอกนะเจ้าคะ! "
"จะไม่ยอมรับเหรอ? ข้ามีหลักฐานนะ! “
เหลียนฟางชิงแค่นเสียงอย่างเย็นชา พลางหยิบห่อกระดาษใบเล็ก ออกจากแขนเสื้อ แล้วสะบัดไปมา เป็นห่อกระดาษที่แม่นางฉินมอบให้นางในวันนั้น
เหลียนฟางชิงเอ่ยอย่างโกรธเกรี้ยว "ดูซิว่านี่คืออะไร? โชคดีนักที่ข้ายังไม่ทันได้เผา ฮึ่ม! พี่ชุนซิ่งได้ส่งคนไปถามท่านหมอเทวดาเซวียอะไรนั่นแล้ว แล้วเมื่อถึงตอนนั้น ข้าจะมอบสิ่งนี้ให้เขา แล้วให้เขาถามพวกเจ้า! "
แม่นางฉินและติงเซียงตกตะลึง หน้าถอดสีไปทันที
เมื่อถึงตอนนั้น แม้สามารถปฏิเสธได้ แต่ถึงอย่างไร นี่ก็เป็นหลักฐานชิ้นหนึ่งที่สืบหาร่องรอยได้
เหลียนฟางชิงเป็นน้องสาวของเหลียนฟางโจว นางไม่มีทางทำร้ายพี่สาวตนเองอยู่แล้ว เช่นนั้นแล้ว เรื่องนี้ก็ต้องเป็นเพราะใครบางคนหลอกลวงนาง พอเป็นแบบนี้ ถึงคำกล่าวโทษในส่วนของอีกฝ่าย จะเอาผิดพวกนางสองคนไม่ได้ แต่ก็ไม่อาจขจัดความสงสัยในตัวพวกนางสองคนออกไปได้อยู่ดี
หรือพูดอีกนัยหนึ่งก็คือ พวกนางไม่มีทางจะบริสุทธิ์ไร้มนทิลอย่างแต่ก่อนแล้ว
เหมือนอย่างแต่ก่อน ที่ไม่มีเรื่องน้ำชา พอเหลียนฟางโจวแท้งลูกตกเลือด ใครเล่าจะรู้ว่าสาเหตุคืออะไร?
แต่ด้วยห่อกระดาษนี้ เรื่องทุกอย่างจะแตกต่างออกไป!
ไม่ว่าจะมองอย่างไร ท่านแม่ทัพจะต้องมีหนามนี้อยู่ในใจเขา!
"นี่คืออะไรเหรอ? พวกเราไม่เคยทราบมาก่อนเลย อย่าเอามาใช้ขู่คนอื่นเสียให้ยาก! “
ติงเซียงพูดพลาง ขณะที่หางตาก็แอบเหล่มองเหลียนฟางชิง พลางค่อยๆเขยิบเข้าหาอีกฝ่ายอย่างเงียบๆ แล้วพลันเอื้อมมือออกไปทันที เพื่อแย่งห่อกระดาษจากมือของเหลียนฟางชิง
นึกไม่ถึงว่า เหลียนฟางชิงจะกำห่อกระดาษไว้ในมือแน่น ติงเซียงจึงแย่งชิงมาไม่ได้
"เอามาให้ข้าเดี๋ยวนี้!"
เมื่อติงเซียงเห็นว่าการแอบโจมตีทีเผลอไม่สำเร็จ นางจึงไม่สุภาพกับเหลียนฟางชิงอีก ครั้นแล้วเข้าไปใช้กำลังบังคับยื้อแย่งมา
"ไม่!"
เหลียนฟางชิงเบี่ยงตัวกันอย่างแน่นหนา พลางแค่นเสียงเย็นชา "อะไร? กลัวความผิดเหรอ? เจ้าบอกเองไม่ใช่เหรอว่าไม่เกี่ยวอะไรกับเจ้า! หากไม่เกี่ยวแล้วเจ้าจะมาแย่งทำไม! เจ้ากลัวอะไร! คนสารเลว! ไร้ค่า! ไร้ยางอาย! "
"หุบปากนะ!"
ติงเซียงจะทนฝีปากเผ็ดร้อนของเหลียนฟางชิงได้ที่ไหน จึงเอ่ยออกมาอย่างกราดเกรี้ยว "นังเด็กน้อย ปากดีเหมือนพี่สาวเลยนะ! ในเมื่อเข้ามาแล้ว วันนี้ก็อย่าหวังจะได้ออกไปเลย หากเจ้าไม่ยอมทิ้งของไว้! "
เหลียนฟางชิงร้องตะโกน ขณะที่ดิ้นรนต่อสู้กับอีกฝ่าย
"ข้าไม่ให้เจ้า! นี่คือหลักฐาน! หลักฐานที่บอกว่า พวกเจ้าสองคนทําชั่วกับพี่สาวข้า! คิดว่าข้าไม่รู้หรือว่าพวกเจ้าคิดอะไรอยู่? คิดจะแย่งหลักฐานไปทำลาย แล้วแกล้งทําเป็นไม่รู้เหมือนตอนนี้ใช่ไหมเล่า! "
พอเห็นว่านางแย่งของจากมือเหลียนฟางชิงไม่ได้แน่แล้ว ติงเซียงก็อดโกรธแค้นและวิตกกังวลไม่ได้ เมื่อโดนอีกฝ่ายด่าว่าและดูถู นางจึงร้องตวาด
"นังเด็กสารเลว หุบปากของเจ้าซะ! ข้าไม่เชื่อว่าข้าจะบังคับเจ้าไม่ได้! ฮึ่มหลักฐานรึ? ฝันไปเถอะ! ต่อให้มีหลักฐาน แล้วตัวเจ้าเล่า! วันนี้เราจะไม่ปล่อยให้เจ้า ได้เอาสิ่งนี้ออกมาแสดงอีกเลย! "
"ในที่สุดพวกเจ้าก็ยอมรับแล้วรึ!"
เสียงของเหลียนฟางชิงสั่นด้วยความโกรธ และเอ่ยด้วยความเคียดแค้นชิงชัง
"ต่อให้พวกเจ้ายื้อแย่งสิ่งนี้ไปได้ พวกเจ้าจะฆ่าข้าได้เหรอ! พอพี่เขยของข้ากลับมา ข้าจะฟ้องเขาอย่างแน่นอน! พี่เขย เขาจะไม่ไว้ชีวิตพวกเจ้าแน่"
"ฮ่า! หากเจ้าอยากฟ้อง ก็ฟ้องไปเลย! “
ติงเซียงมีวิธีแก้ไขอยู่ในใจแล้ว จึงทำให้นางเริ่มลำพองใจขึ้นมา แล้วร้องตะโกนขึ้น " เจ้ามันก็แค่เด็กผู้หญิงตัวเล็ก ๆ เมื่อไม่มีหลักฐาน เจ้าคิดว่าเขาจะเชื่อคําพูดของเจ้าหรือ? ใครเล่าจะรู้ เจ้าอาจเห็นว่าพี่สาวตัวเองตายอย่างอนาถ ก็เลยมาใส่ร้ายเราก็ได้ บางที นี่อาจเป็นสิ่งที่พี่สาวสอนเจ้าก่อนจะตายก็เป็นได้! มีใครไม่รู้บ้างว่านางเกลียดชังแม่นางของเรา! "
จากนั้นติงเซียงก็นึกถึงแม่นางฉิน ที่กำลังทำอะไรไม่ถูกได้ จึงรีบตะโกนขึ้น "แม่นาง ท่านมาช่วยบ่าวเร็วเข้า!" อย่าให้เด็กคนนี้หนีไปได้นะเจ้าคะ! "
แม่นางฉินตื่นขึ้นจากภวังค์ พลางถอนหายใจ
"ฟางชิง เจ้าอย่าดื้อดึงไปเลย ทิ้งของนี่ไว้ซะ! เรามีสองคน เจ้ามีคนเดียว เราจะปล่อยให้เจ้าหนีไปแบบนี้ไม่ได้ "
ขณะที่พูด หญิงสาวก็เดินเข้ามาช่วย
มือของเหลียนฟางชิงพลันคลายออกอย่างกะทันหัน และในที่สุดแม่นางฉิน และติงเซียงก็คว้าห่อกระดาษไปได้
ติงเซียงยิ้มอย่างมีชัย "เด็กน้อย ลำบากเจ้าแล้ว! หากวางของไว้เสียตั้งแต่เนิ่นๆ ป่านนี้ก็สบายไปแล้ว! "
เหลียนฟางชิงแค่นเสียง แล้วค่อยๆก้าวถอยหลัง
อย่างไรก็ตาม เมื่อแม่นางฉินคว้ากระดาษออกมาดู นางก็อุทานด้วดวงตาที่เบิกกว้าง "ไม่ใช่นี่! กระดาษที่ห่อยานั่นไม่ใช่แบบนี้! "
เหลียนฟางชิงแค่นเสียง "พวกเจ้าช่างสายตาดีจริงๆ สามารถแยกแยะได้ดี!"
ติงเซียงก็หน้าเปลี่ยนสีไปเช่นกัน คราวนี้นางโกรธเกรี้ยวอย่างที่สุด พลางจ้องเหลียนฟางชิงอย่างเย็นชา "กระดาษอยู่ที่ไหน? เจ้าเผาทิ้งไปแล้วใช่ไหม! "
เหลียนฟางชิงคำราม "ไม่! พวกเจ้ารอรับโชคร้ายได้เลย! "
แม่นางฉินซวนเซแทบล้ม
ติงเซียงย่างสามขุมไปหาเหลียนฟางชิง แล้วตะคอกอย่างไม่เกรงใจ "เอาไปไว้ที่ไหน? ส่งมาให้ข้าเดี๋ยวนี้! "
แม่นางฉินตัดสินใจ เข้ามากดดันเหลียนฟางชิงอีกคน
ในเมื่อเหลียนฟางชิงมาคนเดียว แทนที่จะเป็นชุนซิ่ง, ปี้เถา, พ่อบ้านเฉียน และคนอื่นๆ ก็หมายความว่าเหลียนฟางชิงยังไม่ได้พูดเรื่องนี้กับใคร ไม่เช่นนั้น นางคงไม่มาคนเดียวหรอก!
โชคดีที่เด็กหญิงตัวน้อยคนนี้หุนหันพลันแล่น และตั้งใจมาคนเดียว การที่นางวิ่งมาที่นี่คนเดียว พวกนางก็ยังมีโอกาสแก้ไขอยู่
เหลียนฟางชิงเบะปาก แล้วเชิดหน้าขึ้น
"ไม่! และก็ไม่ คิดจะฆ่าข้าปิดปากเหรอ! หากเก่งจริงก็ลองดูสิ!"
เดิมทีติงเซียงและแม่นางฉินไม่มีเจตนาฆ่าคน แต่เมื่อเหลียนฟางชิงพูดแบบนี้ ทั้งสองคนก็มองหน้ากัน ในใจก็เริ่มคิด
…
เด็กที่โง่เขลา ไปคนเดียวช่างอนาถนักน่าโมโหจริงๆ
ตอบลบ