วันอาทิตย์ที่ 7 เมษายน พ.ศ. 2567

จับแม่ทัพไปไถนา-บทที่ 801 ผลการสอบสวน

      แม้แต่โจวซื่อ พ่อบ้าเฉียน, ปี้เถา, หงอวี้ และคนอื่นๆ ต่างก็อมยิ้มไปตามๆกัน

    เมื่อส่งเซวียอวี้ชิงกลับไปแล้ว ก็ส่งเหลียนเจ๋อ หลี่อวิ๋นหันและ เหลียนฟางชิงกลับเรือนไป จากนั้นเหลียนฟางโจวก็หันใบหน้าเย็นชามาพูดกับพ่อบ้านเฉียน: "ท่านและ ชุนซิ่งไปสอบสวนติงเซียงซะ! ข้ามักรู้สึกอยู่เสมอว่า สาวใช้ผู้นี้มีบางอย่างผิดปกติ! แม่นางฉินไม่ใช่คนที่จะมีความกล้าขนาดนั้น หากไม่ใช่เพราะโดนยุยง นางคงไม่น่าจะทำเรื่องเช่นนั้นได้หรอก! หากนางปากแข็งไม่ยอมรับ ก็ใช้วิธีทรมานนางเสีย! ไปเสียเดี๋ยวนี้เลย ข้ากำลังรอฟังผลอยู่! "


    นางก็แค่เด็กสาวคนหนึ่ง ข้าไม่เชื่อหรอกว่า นางจะยอมอดทนนิ่งเฉยไปได้ถึงเมื่อไร

    พ่อบ้านเฉียนรู้สึกเหน็บหนาวในใจ  จากนั้นจึงรีบรับคำสั่งแล้วจากไป ชุนซิ่งก็ติดตามไปด้วย พร้อมกับสาวใช้รุ่นเล็กสองคน

    โจวซื่อยิ้มให้เหลียนฟางโจว "เจ้า เจ้าช่างร้อนใจเสียจริง! เจ้าต้องรู้จักรอคอย  ต้องคิดสิว่า เจ้าอุตส่าห์รอคอยทารกในครรภ์มานานเพียงใดแล้ว! อย่ารีบร้อนไปเลย เจ้าเอนกายนอนพักผ่อนสักครู่เถอะ! "

    ว่าแล้วโจวซื่อ รวมทั้งหงอวี้และปี้เถา จึงคอยประคองเหลียนฟางโจวเข้าไปในห้องเล็กตะวันออก  และให้เอนกายนอนพิงบนเตียงเตา จากนั้นเหลียนฟางโจวก็เอ่ยขึ้น "พี่สะใภ้ใหญ่ ข้าเข้าใจท่าน แต่ข้าสบายดี!" 

    โจวชื่อถอนหายใจเบา ๆ อีกครั้งและพูดว่า " ข้าไม่ตำหนิที่เจ้าจะโกรธเลยนะ! เรื่องนั้น - เฮ้อ หากน้องชายสามอยู่ที่จวน ไม่รู้ว่าจะโกรธถึงเพียงไหน! อาฉิน นางเลอะเลือนไปแล้ว! "

    เหลียนฟางโจวยิ้มและพูดอย่างแผ่วเบา "พี่สะใภ้ใหญ่คงตำหนิ ที่ข้าทนให้นางติดตามหลี่ฟู่ไม่ได้ใช่หรือไม่?" 

   โจวซื่อเป็นคนที่จริงใจและไม่โกหก และเมื่อนางได้ยินคำกล่าวนี้  ก็นิ่งอึ้งไป และเมื่อนางได้สติ ก็ดูจะสายเกินไปแล้ว จึงรีบพยายามตอบคำถาม

   โจวซื่ออดละอายใจยามที่มองหน้าเหลียนฟางโจวไม่ได้ จึงพยายามฝืนยิ้มจืดเจื่อนให้อีกฝ่าย

    เหลียนฟางโจวที่มีท่าทางนิ่งสงบ จึงเอ่ยด้วยรอยยิ้ม "พี่สะใภ้ใหญ่เป็นคนดีมีความจริงใจ  และแม่นางฉินอยู่กับพี่สะใภ้ใหญ่มาเป็นเวลานานแล้ว ข้าไม่ตำหนิพี่สะใภ้ใหญ่ หากท่านจะคิดเช่นนี้! มันเป็นเพียงเพราะว่าในใต้หล้านี้ สตรีอย่างเราอ่อนแอกว่าบุรุษมากนัก ทุกวันนี้ ไม่มีสตรีคนใดยินดีจะแบ่งปันสามีที่ตนรักไปอยู่กับหญิงอื่นหรอก และภายภาคหน้า การเพิ่มอนุภรรยาเข้ามา รังแต่จะเพิ่มปัญหา และข้าก็เห็นความจริงข้อนี้เช่นกัน! ครั้งแรกที่พวกเราแต่งงานกัน สามีของข้าสัญญากับข้าว่า ในชีวิตนี้เขาจะไม่มีใครนอกจากข้า โชคดีที่แม้ว่าเขาจะสูญเสียความทรงจําในเวลานั้น แต่เขาก็ไม่มีสัญญาการแต่งงานกับใคร และถึงแม้ว่าแม่นางฉิน คือคนที่เขาใส่ใจ แต่เขาก็ไม่เคยคิดจะยอมรับนางในแง่ชู้สาวเลย! ไม่เช่นนั้น ข้าก็คงยินดีจะแยกทางกับเขา และช่วยให้พวกเขาครองรักกันไปแล้ว! "

    "หยุดพูดเหลวไหลได้แล้ว!" โจวซื่อตกใจที่ได้ยินอีกฝ่ายพูดมาเช่นนี้ จึงรีบหยุดอีกฝ่าย ก่อนส่งยิ้มจืดเจื่อนให้อีกครั้ง: "เจ้าพูดอะไรของเจ้า!  เฮ้อ มีเพียงเจ้าเท่านั้นที่คู่ควรกับคนอย่างน้องชายสาม! ในเมื่อน้องชายสามสัญญากับเจ้าแล้ว และเจ้าก็พูดเปิดอกอย่างนี้แล้ว ข้าที่เป็นพี่สะใภ้ใหญ่จะคิดแบบนั้นได้อย่างไร?  ที่จริงแล้ว เป็นเจ้าที่ควรตำหนิข้า เมื่อก่อนอาฉินมักเปิดเผยความในใจของนางต่อหน้าข้าบ่อยๆ ข้าก็เอาแต่นึกว่า น้องชายสามคงรับรู้เรื่องนี้แล้ว พอเป็นแบบนี้ ข้าจึงไม่ได้พูดอะไรอีก ทว่าตอนนี้พอข้ามานึกตรึกตรองอย่างถี่ถ้วนแล้ว น้องชายสามเคยแสดงท่าทีใดๆต่อนางในแง่นี้ไหม ? คำตอบก็คือไม่เคยเลย!  และยิ่งเห็นการกระทำของนางในวันนี้  คงไม่มีใครตำหนิเจ้าได้หรอก! "

    เหลียนฟางโจวส่งยิ้มขอบคุณ  "ข้าจะจำคำของพี่สะใภ้ใหญ่เอาไว้ เวลาข้ามีอะไร ข้าก็พูดไปตามนั้น การปิดบังซ่อนเร้นเป็นเรื่องที่น่าเบื่อนัก!  ในเมื่อพี่สะใภ้ใหญ่พูดมาแบบนี้ ข้าก็รู้สึกสบายใจขึ้น!  ความจริงแล้ว ข้าไม่อยากให้เรื่องต่างๆ ดำเนินมาถึงขั้นนี้เลย และหากสามีข้ารู้ เข้า ไม่รู้ว่าเขาจะเศร้าเสียใจแค่ไหน! "

    โจวซื่อนิ่งขึงไป แล้วถอนหายใจ ก่อนจะส่ายหน้าเล็กน้อย

    เรื่องใหญ่ขนาดนี้ คงไม่มีทางปิดบังหลี่ฟู่ได้  อย่างมากที่สุด เมื่อถึงเวลานั้น ก็ค่อยเจรจารอมชอมกัน!

   เหลียนฟางโจวจึงกล่าวต่อ "แต่ข้าไม่เสียใจที่จะเปิดเผยเรื่องนี้ ไม่เช่นนั้น ก็ไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นในอนาคต ! ทุกอย่างสรุปสั้นๆ หากจะตรวจสอบข้า ข้าก็ไม่มีปัญหา! "

    หากแม่นางฉินไม่มีจิตคิดร้าย คิดหลอกใช้เหลียนฟางชิง เหลียนฟางโจวก็คงไม่วางแผนตลบหลังนาง!

   โจวซื่อเข้าใจว่า เหลียนฟางโจวหมายถึงอะไร ดังนั้นนางจึงพยักหน้าแล้วเอ่ยว่า "เราทุกคนรู้รายละเอียดทั้งนอกและในของเรื่องนี้ดี ไม่มีใครสามารถกลับดำเป็นขาว และไม่แบกแยะผิดถูกได้!" 

    เมื่อคิดว่าหากเหลียนฟางชิงอายุน้อยกว่านี้ และไม่มีความฉลาดเฉลียว นางคงถูกอาฉินหลอกใช้ไปแล้วจริงๆใช่หรือไม่?

   เมื่อคิดถึงตรงนี้ โจวซื่อจึงอดตัวสั่นขึ้นมาไม่ได้ และไม่กล้าคิดต่อ

   ความสัมพันธ์ฉันท์สามีภรรยาระหว่างน้องชายสาม และน้องสะใภ้สามนั้นดียิ่งนัก การจะบอกว่าเป็นเหมือนทากาว และเหมือนน้ำผึ้งผสมน้ำมัน ก็คงไม่ใช่การกล่าวเกินจริง

   หากน้องชายสามกลับมา และมาพบว่า จู่ๆเขาก็สูญเสียภรรยาและลูกในครรภ์ที่กําลังจะเกิดอยู่รอมร่อ เขาจะสามารถทนต่อความเสียใจอย่างหนักจนคุ้มคลั่งได้หรือไม่?

   ตอนที่เขารู้ว่าฟางโจวตั้งครรภ์ในครั้งแรก เขามีความสุขถึงเพียงนั้น ซึ่งทำให้ผู้คนที่เห็น ถึงกับขบขันอย่างหนัก!

   เมื่อโจวซื่อคิดถึงตรงนี้ ก็อดบ่นว่าแม่นางฉินไม่ได้ สรุปแล้ว นางชอบน้องชายสามจริงๆหรือไม่? ถ้าชอบจริง นางจะทนทําเรื่องโหดร้ายแบบนั้นได้ยังไง?

   ไม่ว่านางจะชิงชังฟางโจวแค่ไหน แต่เด็กคนนั้นก็เป็นเลือดเนื้อเชื้อไขของน้องชายสามนะ!

   โจวซื่อถอนหายใจเบา ๆ และอดปลอบโยนเหลียนฟางโจวอีกครั้งไม่ได้

   เหลียนฟางโจวรู้สึกซาบซึ้งใจนัก

   เธอไม่กลัวแม่นางฉินจะกลับดำเป็นขาวต่อหน้าหลี่ฟู่ โดยกล่าวหาว่าเธอวางหลุมพรางกับอีกฝ่ายไว้ เธอแค่ไม่ต้องการให้ความสัมพันธ์สามีและภรรยามีรอยร้าวเพราะผู้หญิงเช่นนั้น ดังนั้นเธอจึงต้องการให้มีการตรวจสอบกันอย่างโปร่งใสไปเลย

   คราวนี้เธอต้องการถอนรากถอนโคนแม่นางฉินในหัวใจของหลี่ฟู่! ไม่ให้เหลือร่องรอยไว้เลย! ต่อไปหากเขาจะคิดถึงบุคคลผู้นี้อีกครั้ง ก็จะมีแต่ความรังเกียจเดียดฉันท์เท่านั้น

   นางกล้าดียังไงมาทำให้ใจของผู้ชายของเธอหวั่นไหว แล้วยังเร่งทำทุกอย่างให้เธอตาย เธอจะยอมให้อภัยนางง่ายๆได้อย่างไร!

    อย่างไรก็ตาม ภายในครึ่งชั่วยาม พ่อบ้านเฉียนและชุนซิ่งก็กลับมาอีกครั้ง

   เหลียนฟางโจวเหยียดริมฝีปาก นางรู้ว่าติงเซียงที่เป็นพวกเด็กที่อวดฉลาด แต่นึกไม่ถึงว่านางจะวางแผนได้แย่นัก!

   แต่เมื่อหญิงสาวเหลือบมองสีหน้าของพ่อบ้านเฉียนและชุนซิ่ง พวกเขาก็อึกอักเล็กน้อย

  โจวซื่อเห็นแบบนี้ จึงลุกขึ้นแล้วเอ่ยด้วยรอยยิ้ม: "ข้าจะไปที่ห้องครัวสักหน่อย เพื่อดูว่าอาหารสำรับมื้อเที่ยงเตรียมไว้เสร็จแล้วหรือยัง เจ้าก็ไม่ต้องเป็นกังวล ทำใจเย็นๆ แล้วพักผ่อนให้เพียงพอนะ" 

   เหลียนฟางโจวพยักหน้ายิ้มให้อีกฝ่าย จากนั้นจึงสั่งให้หงอวี้ออกไปเฝ้าด้านนอก และไม่อนุญาตให้ใครเข้ามาใกล้ห้องนี้ จากนั้นหญิงสาวจึงเหลือบมองพ่อบ้านฉินและชุนซิ่ง: "พูดมา!" เล่ามาได้เลย! "

   พ่อบ้านเฉียนและชุนซิ่งมองหน้ากัน เป็นเขาที่พยักพเยิดให้ชุนซิ่งพูด

   ชุนซิ่งจึงกล่าวว่า "เป็นอย่างที่ฮูหยินคาดไว้เจ้าค่ะ มีบางอย่างผิดปกติกับติงเซียงจริงๆ เป็นคุณชายสามของตระกูลจูที่สมรู้ร่วมคิดกับนาง และสั่งให้นางหาโอกาสสังหารฮูหยิน ยานี้ คุณชายสามจูก็เป็นผู้ให้มาเจ้าค่ะ! "

   ใบหน้าของเหลียนฟางโจวมืดครึ้มลง ผ่านไปครู่หนึ่งหญิงสาวก็แค่นเสียง "ตระกูลจูรึ! "

   พ่อบ้านเฉียนและชุนซิ่งไม่กล้าส่งเสียง และ ปี้เถาก็ไม่กล้าทําเช่นกัน

   "ช่างน่าประหลาดใจนัก" เหลียนฟางโจวหัวเราะ "ข้าไม่รู้ว่าคุณชายสามจู สัญญาจะให้ผลประโยชน์แก่นางมากน้อยเพียงใด นางจึงยินดีกระทั่งหลอกใช้เจ้านายตัวเอง!" 

   ชุนซิ่งจึงกล่าวว่า "ตามที่ได้เค้นสอบนาง คุณชายสามจูสัญญาว่าจะพานางออกจากเรือนหลัง หลังภารกิจสำเร็จ แล้วจะเตรียมชุบตัวนางไปอยู่ในตระกูลดีๆ  รวมทั้งเขาจะรับนางเป็นเหลียงเฉี้ย[1] และอนุญาตให้นางมีบุตรชายด้วยเจ้าค่ะ"

   "ถ้าเป็นอย่างนั้น ก็ไม่น่าแปลกใจที่นางจะหวั่นไหว!" เหลียนฟางโจวยกยิ้มเหยียดหยัน

   ก็เป็นอย่างที่เรียกกันว่า คนเราไม่ทำเพื่อตัวเอง สวรรค์ก็คงประนามแล้ว อนาคตของแม่นางฉินไม่รุ่งโรจน์ และก็ยังไม่รู้ว่าอนาคตของนางจะเป็นอย่างไรเลย แล้วจะมีอะไรที่นางจะทำให้ติงเซียงรู้สึกมั่นใจเล่า?

**

[1]นางบำเรอผู้ดี เป็นสาวผู้ดีมีการศึกษา แต่ว่าขายไม่ออก หรือโดนบังคับมา




1 ความคิดเห็น: