วันอาทิตย์ที่ 7 เมษายน พ.ศ. 2567

จับแม่ทัพไปไถนา-บทที่ 802 ฆ่าคนปิดปาก

        เมื่อมองคุณชายสามจู  ที่อยู่ในตระกูลสูงอย่างตระกูลจู รวมทั้งทั้งรูปร่างหน้าตาของคุณชายสามตระกูลจู  นางยังได้ชุบตัวไปอยู่ในฐานะบุตรสาวของตระกูลดี ซ้ำฝ่ายชายยังสัญญาว่าจะยอมให้นางมีบุตรชายเอาไว้เป็นที่พึ่ง  การที่เขาให้ผลประโยชน์ที่รับประกันตั้งแต่เกิดจนตาย คงมีสตรีเพียงไม่กี่คนหรอกที่จะไม่หวั่นไหว!


    พอพูดถึงตรงนี้ แม่นางฉินนั้นน่าช่างน่าสงสารจริงๆ สาวใช้คนสนิทเพียงคนเดียวที่นางพึ่งพาและให้ความไว้วางใจเต็มหัวใจ  ที่แท้ก็คืออสรพิษดีๆนี่เอง!

   เมื่อเห็นว่าเหลียนฟางโจวเงียบไปนาน พ่อบ้านเฉียนก็ถามขึ้นอย่างระมัดระวังว่า "ฮูหยิน ติงเซียงผู้นั้น—บ่าวควรทำเช่นไรขอรับ?" 

   ชุนซิ่งก็รีบพูดเช่นกัน: "ฮูหยินเป็นคนดวงดีนัก โชคดีที่ไม่เป็นอันตรายเจ้าค่ะ! ท่านต้องไม่โกรธนะเจ้าคะ คนกลุ่มนี้ ไม่ควรค่าให้ท่านโกรธหรอกเจ้าค่ะ "

    เหลียนฟางโจวยิ้มและเลิกคิ้วขึ้น "มีใครรู้เรื่องนี้อีกบ้าง?" 

    ชุนซิ่งรีบเล่า "ระหว่างการสอบสวน มีเพียงสองคนคือบ่าว และพ่อบ้านเฉียน นอกนั้นไม่มีใครรู้เจ้าค่ะ! เราสั่งคนให้อุดปากนางและลั่นดาลห้องเอาไว้ แล้วบ่าวก็เอากุญแจไว้กับตัวเจ้าค่ะ"

    เหลียนฟางโจวพยักหน้าเห็นด้วย แล้วเอ่ยด้วยรอยยิ้ม "ทําได้ดีมาก!" 

   เป็นตระกูลจูเหรอ? นาง…เหลียนฟางโจวจะจำเอาไว้!

   อย่างไรก็ตาม เธอไม่ได้ใสซื่อไร้เดียงสาที่คิดเพียง แค่อาศัยหลักฐานจากติงเซียง สาวใช้ตัวเล็ก ๆคนหนึ่ง จะสามารถทำอะไรกคุณชายสามจูได้ คำสารภาพของของเด็กสาวคนหนึ่ง ยังสู้ผายลมไม่ได้เลย ดังนั้นตระกูลจูย่อมฟ้องว่าถูกเธอหมิ่นประมาทและใส่ความได้

   ในตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่จะชนกับตระกูลจู

    ดังนั้นติงเซียงผู้นี้จึงไร้ประโยชน์ที่จะเก็บไว้

    เหลียนฟางโจวจึงกล่าวว่า "ติงเซียงฆ่าตัวตายเพราะกลัวความผิดที่ได้กระทำ จากนั้นให้โยนศพทิ้งไว้ที่สุสานเสีย!" 

   หญิงสาวอดทนอดกลั้นกับอีกฝ่ายมาเป็นเวลานานแล้ว ในเมื่อความทะเยอทะยานของหมาป่าได้สั่นไหวจิตใจของคนบางคน จนถึงกับคิดมุ่งร้ายทารกในครรภ์และตัวเธอ อีกฝ่ายย่อมต้องแบกรับผลกรรมที่ตามมา

    ใบหน้าของชุนซิ่งเปลี่ยนไปเล็กน้อย พ่อบ้านเฉียนคุ้นเคยกับเรื่องพวกนี้มานานแล้ว เขาจึงรับคำอย่างนอบน้อม “บ่าวชราจะไปจัดการเดี๋ยวนี้ขอรับ!" 

    เหลียนฟางโจวพยักหน้า "คําพูดเหล่านั้นที่ออกมาจากปากของนาง ก็ขอให้เน่าอยู่ในท้องพวกเจ้าเสีย!" 

   พ่อบ้านเฉียน ชุนซิ่งและปี้เถารีบรับคำกันอย่างพร้อมเพียง

   ในเรือนถือศีลภาวนา แม่นางฉินนั่งโง่งมอยู่บนเตียง มีหญิงรับใช้สูงวัยร่างท้วมแข็งแรงสองคน ที่จ้องนางเขม็ง ส่วนอีกสองคนพักอยู่ข้างนอก

    แม่นางฉินสแยะยิ้ม เหลียนฟางโจวกลัวว่านางจะฆ่าตัวตายเหรอ? ไม่ นางไม่ทําหรอก! ต่อให้อีกฝ่ายอยากสังหารนาง นางก็ไม่ยอมตายง่ายๆ!

   ต่อให้ตาย นางก็จะตายในอ้อมแขนของพี่ฟู่ และนางอยากให้พี่ฟู่จดจำนางไปตลอดชีวิต! ต่อให้นางไม่อาจอยู่เป็นผู้หญิงของเขาได้ในชาตินี้

   แม้ว่าชีวิตนางจะตกต่ำลงไปถึงขั้นนี้แล้ว นางจะไม่ยอมถูกจับเปล่าๆ อย่างน้อย นางก็ต้องทําอะไรบางอย่าง เพื่อฝังหนามในหัวใจของพี่ฟู่ แล้วจะไม่ทำให้แผนการที่เหลียนฟางโจววางไว้ต้องสูญเปล่าเหรอ?

   แม่นางฉินกลายเป็นคนหวาดระแวงโดยไม่มีเหตุผล นางปักใจมั่นว่าทั้งหมดนี้เป็นแผนการที่เหลียนฟางโจววางไว้ ร่วมกับน้องสาวของนาง

   อาหารมื้อเย็น แม่นางฉินก็ไม่ยอมกิน

   หญิงรับใช้สูงวัยคนหนึ่งยิ้มอย่างดูแคลน แล้วพูดอย่างเฉียบขาด" ทําเรื่องชั่วช้าถึงเพียงนี้  ยังมีหน้ามาทำตัวสูงส่งมีคุณธรรมอยู่ได้อย่างไร!  ทำท่าแบบนี้ คิดว่าจะมีใครเขาเห็นเหรอ! ทำไม?   จะอดข้าวประท้วง เพื่อทำให้ตัวเองมีสารรูปครึ่งผีครึ่งคนเหรอ ?  และพอนายท่านกลับมา เจ้าก็จะฟ้องนายท่านว่าฮูหยินทำร้ายเจ้ารึ? "

   เมื่อแม่นางฉินโดนจี้ใจดำ ก็หน้าซีดไปเล็กน้อย

   หญิงรับใช้อีกคนหนึ่ง ก็แค่นเสียงเย้ยหยัน " หากเจ้าอยากให้ข้าพูด  ข้าก็จะบอกว่า ฮูหยินใจกว้างเกินไปจริงๆ ทั้งใจดีและมีเมตตาเกินไป ดังนั้นนางจึงเคยชินกับคนที่ชอบทำเรื่องไร้ยางอายนี้ ! ข้าไม่สนหรอกว่านางจะมีภูมิหลังมาแบบไหน  แต่นางก็เป็นทาสคนหนึ่งเหมือนๆกับพวกเรา  ไม่รู้จริงๆว่านางต้องการวางแผนมารยาอะไรอีก!”

     อีกคนหนึ่งก็พูดขึ้นว่า "ดังนั้นคนแบบนี้ เรื่องสำคัญที่สุด ก็คือการสำนึกในกำพืดของตนเอง และอย่าได้คิดเพ้อฝันไปหน่อยเลย! ผู้หญิงใจอสรพิษแบบนี้ นายท่านจะชอบลงไปได้อย่างไร!  ข้าอยากจะบอกเจ้าว่า หากไม่ใช่เพราะนายท่านเห็นแก่มารดาของนาง ป่านนี้นางคงถูกเตะโด่งออกไปจากจวนนานแล้ว และนางก็น่าจะชอบเสแสร้งต่อหน้านายท่านตลอดเวลา! โอ๊ะ นางจ้องหน้าข้าอยู่ล่ะ พวกเจ้าดูสิ พอเราพูดความจริง นางก็โกรธ"

   หญิงรับใช้สูงวัยหลายคนหัวเราะเย้ยหยัน

   เมื่อก่อนไม่ใช่ว่าตนถูก ฮูหยินรองและคนอื่นๆในจวนฝั่งโน้นดูถูกหรอกรึ ทว่าตอนนั้น นางรู้สึกว่า ที่ตัวเองยอมทนทุกข์ ก็เพื่อเห็นแก่หลี่ฟู่ ดังนั้นหัวใจของนางจึงหวานล้ำ และไม่ว่าชีวิตจะขมขื่นแค่ไหน นางก็มีความสุข

   ในยามนี้ หญิงสาวถูกเยาะเย้ยดูถูกอย่างเปิดเผย โดยหญิงรับใช้ทำงานใช้แรงที่หยาบกระด้างพวกนี้ มันทำให้นางอับอายและโกรธเคืองในหัวใจอย่างบอกไม่ถูก

   ใบหน้าของแม่นางฉินเปลี่ยนเป็นเขียวสลับซีด นางจึงเอ่ยเสียงสั่น "พวกเจ้า มันจะมากเกินไปแล้วนะ! มันจะมากเกินไปแล้ว! "

   หญิงรับใช้สูงวัยพวกนั้นต่างชอบใจ ที่ทำให้อีกฝ่ายมีสีหน้าโกรธแค้นและบิดเบี้ยว จึงพากันหัวเราะคิกคัก "พวกเราทำมากเกินไปอย่างไร?  พวกเรายังเทียบเจ้าไม่ได้หรอก!  คิดจะปรารถนานายท่านอย่างไร้ยางอาย  เชอะ แค่ให้ถือรองเท้าฮูหยิน ยังไม่คู่ควรเลย"

   "ถูกแล้ว! มีใครไม่รู้บ้างว่านายท่านและฮูหยินต่างรักกันขนาดไหน! ตั้งแต่ฮูหยินตั้งครรภ์ นายท่านจะอยู่กับฮูหยินทุกครั้งที่นายท่านมีเวลาว่าง นอกจากนี้ เจ้าลองพิจารณาดูสิ มีสตรีบางคนพยายามเป็นฝ่ายทอดสะพานให้นายท่าน! กระทั่งยอมใช้แผนการชั่วร้ายต่างๆนาๆ! ข้าอยากจะบอกว่า การลงโทษนาง ไม่ต้องถึงมือฮูหยินหรอก เมื่อนายท่านกลับมา แล้วพบความจริงเมื่อไร เขาไม่ไว้ชีวิตนางแน่! "

    หัวใจของแม่นางฉินราวกับถูกแทงด้วยมีดอย่างไม่ปราณี เลือดกำลังหยดในโพรงอก จนเจ็บปวด นางยกมือกุมศรีษะแล้วกรีดร้อง "หุบปาก! หุบปาก! หุบปากเดี๋ยวนี้! พวกเจ้าหุบปากเดี๋ยว! "

    หญิงรับใช้สูงวัยรีบเอามือปิดหูด้วยท่าทางเกินจริง "อุ๊บส์", "ไอ้หยา"  แล้วยิ้มเย้ยหยันอีกครั้ง แล้วหนึ่งในนั้นก็หัวเราะ "เข้าใจแล้ว เราจะไม่พูดมากแล้ว! เพราะบางคนที่นี่ก็หน้าหนา ถึงมีคนมากมาย ก็ไม่รู้จักอาย! เรามาทำธุระกันเถอะ! ฮูหยินบอกว่า จะเล่นงานเรา หากนางผมร่วงสักเส้นหนึ่ง หากนางผอม ก็พอรับได้! "

    มีอีกคนปรบมือและพูดว่า"ถูกแล้ว!" เฮ้  รีบๆกินข้าวแต่โดยดีเสีย ข้าวชามใหญ่ กับน้ำแกงไก่นี้ เจ้าต้องกินให้เกลี้ยง! ไม่เช่นนั้น หญิงชราจะไม่ไว้ชีวิตเจ้า! "

    แม่นางฉินเหลือบมองนางด้วยความเกลียดชัง และหันหน้าไปทางอื่น

    กินมื้อเย็นรึ? นางโกรธอยู่เต็มท้องขนาดนี้ แล้วจะยังกินลงเหรอ?

    "ช่างน่าดื่มอวยพรให้จริงๆ จะไม่กินไม่ดื่มรึ! น้องสาว นี่เจ้า! “ เมื่อหญิงรับใช้สูงวัยเห็นแม่นางฉินยังคงหยิ่งผยอง พวกนางจึงเริ่มรำคาญ จึงถลกแขนเสื้อ แล้วก้าวเข้ามาคว้าตัวหญิงสาว

   อีกสามคนก็เดินเข้ามาช่วย สามคนจับหัวและมือ อีกคนบีบจมูกหญิงสาว แล้วเทน้ำแกงไก่ลงไปในปาก

    นางจะทนรับความอัปยศอดสูเช่นนี้ได้อย่างไร? แม่นางเฉียนโกรธจัดจนอยากจะเป็นลม ยามนี้นางตื่นตระหนกมากจนไม่สามารถทนเยือกเย็นได้อีกต่อไป

    หญิงสาวอ้าปากโดยไม่รู้ตัว แล้วกลืนน้ำแกงไก่ที่เทลงไปในปาก โดยไม่เต็มใจ มีบางครั้งที่นางกลืนไม่ทัน มันก็ไหลผ่านมุมปากจนลามไปถึงคางและคอจนเปียกชุ่มเหนียวไปหมด

    ในไม่ช้าก็สามารถมองเห็นก้นชามน้ำแกงไก่แล้ว หญิงรับใช้สูงวัยที่เป็นคนเทชามน้ำแกงไก่จนเห็นก้นชาม ก็หัวเราะอย่างมีชัย: "เป็นไง ไม่เมาเหรอ? ดี  ต้องให้ใช้วิธีนี้ถึงจะยอมกิน! "

    เมื่อนางเทเสร็จแล้ว ก็เงยหน้าขึ้น จากนั้นก็เอ่ยด้วยรอยยิ้ม " ในเมื่อนางปฏิเสธไม่ยอมกิน แล้วน้ำแกงไก่ชามหนึ่งจะเพียงพอได้อย่างไร? ควรยกมาป้อนอีกสักชามไหม?"

   หญิงรับใช้สูงวัยอีกสามคนหัวเราะ แล้วเอ่ยว่า "ข้าว่า เรามาป้อนนางกันเถอะ!" 

   แม่นางฉินชิงชังยิ่งนัก จนอยากจะเอาหัวโหม่งกำแพงตายไปเลยจริงๆ  ทันใดนั้น ประโยคหนึ่งก็พลันปรากฏขึ้นในใจ: หงส์ปีกหักที่ตกลงมาจากหิ้ง ก็ยังสู้ไก่ไม่ได้

9 ความคิดเห็น:

  1. ถ้าโพสต์ทีละตอน ขาดใจแน่ๆ ขอบคุณมากค่ะ

    ตอบลบ
  2. ไม่ระบุชื่อ8 เมษายน 2567 เวลา 07:43

    ขอบคุณค่ะ

    ตอบลบ
  3. ไม่ระบุชื่อ8 เมษายน 2567 เวลา 15:46

    แม่นางฉินน่าจะเป็นโรคจิตประเภทหลงตัวเองหรือเปล่า เพ้อฝันหนักมาก

    ตอบลบ
  4. ไม่ระบุชื่อ9 เมษายน 2567 เวลา 12:18

    ขอบคุณค่ะ

    ตอบลบ
  5. ไม่ระบุชื่อ9 เมษายน 2567 เวลา 12:50

    ตระกูลจู กัดไม่ปล่อยจริงๆ

    ตอบลบ
  6. ไม่ระบุชื่อ9 เมษายน 2567 เวลา 22:41

    ขอบคุณมากๆเลยค่ะ รออ่านตลอดค่ะ

    ตอบลบ
  7. ไม่ระบุชื่อ16 เมษายน 2567 เวลา 09:34

    ยังจะเทียบตัวเองเป็นหงส์อีก ไม่สำนึกจริงๆ

    ตอบลบ
  8. น่าเสียดายความจริงก็เป็นคนที่มีความรู้ดีเสียอย่างเดียวคิดผิดไปไกลเกี่ยวกับเรื่องหลี่ฟู่ ความรักความหลงบังตาบังสติปัญญาไปหมด

    ตอบลบ