วันศุกร์ที่ 19 เมษายน พ.ศ. 2567

จับแม่ทัพไปไถนา-บทที่ 803 แค่ทรมานไม่ถึงกับฆ่า

     "ปล่อยข้านะ ข้าจะกินเอง!" แม่นางฉินแทบจะกัดฟันพูดทีละคำ

    หัวใจของนางหดหู่สิ้นหวังจนแทบกระอักเป็นเลือด


    จะไม่มีอะไรที่น่าหงุดหงิดกว่านี้อีกไหม หลายเรื่องที่นางต่อต้านขัดขืนอย่างหัวเด็ดตีนขาด  สุดท้ายก็ต้องมาเป็นฝ่ายขอร้อง

   "ก่อนจะพูดอย่างนี้ ทำไมถึงไม่ให้ความร่วมมือเสียตั้งแต่แรกเล่า? ต้องให้พวกข้าใช้กำลัง! "

    “ช่างเป็นคนไร้ค่านัก!"

    พวกหญิงรับใช้สูงวัยจึงปล่อยมือ แต่ก็ยังไม่วายแค่นเสียงใส่

   แม่นางฉินรู้สึกความหวานในลําคอ และรู้สึกดวงตาพร่ามัว นางจึงกัดฟันอดทนเอาไว้ทันใด

    แม่นางฉินไม่สนใจถ้อยคำเสียดสี อันน่าอับอายนั้น หญิงรับใช้สูงวัยพวกนั้น ผู้ซึ่งคมเสียยิ่งกว่ามีดที่ทิ่มแทงหัวใจ กำลังนั่งลงกินอาหารที่โต๊ะกลมเล็กๆกัน

   เมื่อหญิงสาวหยิบชามข้าวขึ้นมา มือก็สั่นระริก

   คนเราจะมีความรู้สึกแบบไหน ยามที่กินอะไรไม่รู้รส

   ในเวลานี้ นางก็ยังไม่เข้าใจว่า เหลียนฟางโจวในฐานะหัวหน้าจวน หากนางอยากทรมานแม่นางฉินจนตายเลยจริงๆ มันก็ง่ายเสียยิ่งกว่าปลอกกล้วยเข้าปาก

   ทว่าแม่นางฉินไม่ควรแตะขีดจำกัดความอดทนของเหลียนฟางโจวเลย!

   หากไม่ใช่เพราะนางไม่ยินยอม และยังก่อเรื่องมากมาย นางก็สามารถมีชีวิตอยู่ได้สุขสบายแล้ว

   ยามนี้แม่นางฉินเพิ่งถูกสั่งสอนมา  นางจึงไม่กล้าต่อต้านหญิงรับใช้สูงวัยทั้งสี่คนอีกต่อไป และไม่ว่านางจะทำอะไรก็ตาม นางก็ต้องไปขอพวกนาง และเมื่อพวกนางไปนอน ในตอนกลางคืน นางจะไม่กล้าพูดมากเกินไป ในเมื่อทั้งมือทั้งเท้าถูกมัดด้วยผ้าไหมนุ่มอยู่

   คนชั่วย่อมต้องให้คนชั่วด้วยกันขัดเกลา คำกล่าวนี้ถูกต้องแล้ว

   วันรุ่งขึ้น มีคนสองคนมาที่เรือนถือศีลภาวนา  เป็นปี้เถาที่นำเซียวมู่มาด้วยใบหน้าเย็นชา

    ปี้เถาอดนึกบ่นในใจไม่ได้ นางไม่รู้ว่าหูข้างไหนที่ไปรายงานเทพเซียนได้ไวถึงเพียงนี้ เจ้าบ้าคนนี้ถึงทราบข่าวแล้วรีบวิ่งแจ้นมาหาคน!

   ผู้หญิงที่มีจิตใจอสรพิษแบบนี้ เขาก็ยังไม่ถอดใจ ยังปล่อยวางความรู้สึกไม่ได้ ช่างน่าตายนัก- ยิ่งคิดนางก็ยิ่งขุ่นใจ

   ตั้งแต่เหลียนฟางโจวสำแดงแสนยานุภาพ ผู้คนในจวนต่างก็สงบเสงี่ยมเรียบร้อยมากขึ้น ปี้เถาเป็นคนสนิทของเหลียนฟางโจว หญิงรับใช้สูงวัยทั้งสี่ จึงไม่กล้าห้าม ได้แต่ยิ้มแย้ม และขอให้ปี้เถา ไปพักผ่อนในห้อง และให้เซียวมู่ไปพบแม่นางฉิน

   เมื่อเสี่ยวมู่เห็นว่ามีหญิงรับใช้สูงวัยสองคนที่คอยตามประกบแม่นางฉินไม่ห่าง เขาจึงหายใจเข้าลึก ๆ และกล่าวอย่างเย็นชาว่า " พวกเจ้าทุกคนออกไปข้างนอก ข้ามีบางอย่างจะพูดกับนางตามลำพัง!" 

   หญิงรับใช้สูงวัยทั้งสองไม่ขยับตัว

   หากไม่มีคําสั่งจากเหลียนฟางโจว พวกนางจะยอมถูกนายท่านเซียวผู้นี้สังหาร มากกว่าถูกโบยจนตาย พวกนางจึงไม่กล้าขยับ

   ปี้ถาคาดว่าจะเกิดเหตุการณ์นี้อยู่แล้ว จึงเข้ามาสั่งให้หญิงรับใช้สูงวัยสองคนนี้ออกไป และพวกนางก็รับคำสั่ง

   เซียวมู่เหลือบมองปี้เถาผู้ซึ่งมีใบหน้าเย็นชา อย่างซาบซึ้ง หญิงสาวแค่นเสียงเย็นชา แล้วหันหน้ากลับเดินจากไป

    ความเจ็บปวดคับข้องใจทั้งหมดพุ่งเข้ามากระแทกใจของปี้เถา  ในขณะที่เห็นเซียวมู่และแม่นางฉิน ผู้ซึ่งไม่มีแม้แต่พลังจะยืนขึ้น ดังนั้นนางจึงจับโต๊ะเพื่อพยุงตัวไว้ และแทบลุกขึ้นยืนไม่ไหว นางเอ่ยเสียงเครือทั้งน้ำตา : "พี่ใหญ่เซียว..."

    "ทําไม?" เซียวมู่สูดลมหายใจเข้าลึกๆ ใบหน้าเคร่งขรึมเต็มไปด้วยด้วยความเจ็บปวดและความผิดหวังที่บรรยายออกมาไม่ได้  "ทําไมเจ้าถึงทําแบบนี้!" 

   คล้ายกับโดนอ่างน้ำเย็นเทโครมลงมาบนหัว แม่นางฉินรู้สึกมึนงง จนไม่อาจโต้ตอบได้

   "อะไรนะ?" หญิงสาวเอ่ยอย่างตกตะลึง

   เซียวมู่ถอนหายใจ "อาฉิน ทําไมเจ้าถึงได้เลอะเลือนถึงเพียงนี้!  เจ้าทำเรื่องเช่นนั้นได้อย่างไร—"

   "ท่านมาที่นี่เพื่อสั่งสอนข้า และมาหัวเราะเยาะข้ารึ?" ทีแรกมันเหมือนกับความตื่นเต้นดีใจที่ได้เห็นญาติมิตร และแล้วความคาดหวังก็พลันถูกแช่แข็งเป็นน้ําแข็งไปในทันที กลายเป็นความผิดหวังและความโกรธอย่างลึกซึ้ง

    แม่นางฉินก้มใบหน้าเย็นชาและงดงามของนางลง แล้วจึงจ้องเซียวมู่ตรงๆด้วยสายตาเย็นชา

   "ข้า—" เมื่อเห็นสายตาของนางเช่นนี้ หัวใจของเซียวมู่ก็พลันเจ็บปวด เขาตกตะลึงจนพูดไม่ออก

    "ข้ารู้" แม่นางฉินถอนหายใจเบาๆ "ท่านยังเห็นข้าเป็นคนที่น่ากลัว ท่านมันก็เหมือนกับทุกคนนั่นแหละ! ในใจของท่านกำลังบอกว่า ทุกอย่างเป็นความผิดของข้า ทุกอย่างเป็นความผิดของข้า แต่ทําไมท่านไม่คิดบ้างว่า ข้าไม่ได้เป็นเช่นนี้มาก่อน! เหตุใดท่านถึงไม่คิดบ้างว่า ทุกอย่างเปลี่ยนไปหลังจากที่เหลียนฟางโจวมา! นางเป็นคนที่ทําลายชีวิตพวกเรา! นางหลงใหลพี่ฟู่มาก นางไม่ลังเลที่จะเป็นศัตรูกับตระกูลจู ! วันนี้เป็นตระกูลจู พรุ่งนี้ใครจะรู้ ว่าเป็นตระกูลไหน? เพียงเพราะนางไร้การศึกษา ออกสังคมไม่ได้ และเพื่อประโยชน์ของนาง มันเป็นไปได้เหรอที่จะให้พี่ฟู่ ขัดแย้งกับตระกูลที่มีชื่อเสียง และตำหนักอ๋องทั้งหลายในเมืองหลวงนี้! เห็นได้ชัดว่านางเป็นดาวหายนะ! เป็นผู้หญิงที่โง่เขลา และเห็นแก่ตัว! สําหรับความเห็นแก่ตัวของนาง นางพอใจจะแตกหักกับคนหลายคน แต่นางเคยคิดถึงพี่ฟู่บ้างไหม! ในเมื่อพี่ฟูเป็นขุนนางในราชสำนักคนหนึ่ง เขาจะเป็นฝ่ายสูญเสีย! ด้วยมีนางอยู่ที่นี่ สักวันหนึ่งนางจะทำร้ายพี่ฟู่! "

   เซียวมู่ฟังอย่างเหม่อลอย  ในใจเขาไม่อาจบอกได้ว่า เขาโล่งใจหรือ ยิ่งไม่สบายใจกว่าเดิม

   อย่างไรก็ตาม อย่างน้อย อาฉิน นางไม่ได้ร้ายกาจอย่างที่เขาคิดและมีเหตุผลว่าทำไมนางถึงวางแผนเล่นงานพี่สะใภ้ของนาง!

   นางทำทุกอย่างเพื่อพี่ฟู่...

    เพียงแต่...

   เซียงมู่รู้ว่า เหลียนฟางโจวไม่ควรถูกตำหนิ เพราะเรื่องที่เกิดขึ้นกับตระกูลจู กระทั่งเขายังสามารถเห็นเจตนารมย์ของหลี่ฟู่ ไม่ต้องพูดถึงเหลียนฟางโจวเลย

   หากมีผู้หญิงคนใดมาตามไล่จับ แล้วเขาต้องยอมแต่งกับทุกนาง  เช่นนั้นการมีเสน่ห์ดึงดูด ก็นับเป็นเรื่องหัวเราะสำหรับหัวหน้าแล้ว!

    ยิ่งกว่านั้นตระกูลจูเป็นตระกูลพระชายาของหลีอ๋อง และแม้ว่าจะยังจะไม่ดีเท่าตระกูลพระชายาขององค์รัชทายาท แต่ก็ไม่ย่ำแย่กว่ามากนัก ใครเล่าจะรู้ว่าเขามีความคิดเป็นอื่นหรือไม่? หัวหน้าจึงไม่เต็มใจอย่างยิ่งที่จะเกี่ยวข้องกับตระกูลจู

   ใบหน้าของเซียวมู่อ่อนลงโดยไม่รู้ตัว และน้ําเสียงของเขาเบาลงมาก ครั้นแล้วเขาจึงพูดเบา ๆ ว่า" บางที เจ้าก็คิดมากเกินไป พี่สะใภ้ของเจ้าไม่ใช่คนที่ไม่มีสามัญสำนึก และหัวหน้าก็ ——"

   "ท่านคิดว่าข้าทําไม่ถูกด้วยเหรอ? ท่านช่วยพูดให้นางด้วยรึ! “  แม่นางฉินขัดจังหวะเขาด้วยน้ำตาเอ่อคลอ

    "ข้า—" เซียวมู่ค่อนข้างอึดอัดใจ จึงหลบสายตาของแม่นางฉิน  เมื่อเห็นนางเป็นเช่นนี้ เขาก็โศกเศร้าและหัวใจสลาย

    ยังไงก็ตาม นางเป็นคนน่าสงสาร! เป็นคนน่าสงสารที่เขาไม่อาจปล่อยไปได้!

   แม่นางฉินยิ้มเศร้าและถอนหายใจ "ท่านรู้ไหมว่า ข้าใช้ชีวิตแบบไหนในสองวันนี้? หญิงรับใช้สูงวัยพวกนั้น ทรมานข้าทุกรูปแบบ  หากไม่มีคำสั่งจากเหลียนฟางโจว พวกเขาจะกล้าไหม! "

   เซียวมู่ตกตะลึง ไม่รู้จะพูดอะไรดี

   ความอับอายขายหน้าที่นางได้รับความเดือดร้อนจากหญิงรับใช้สูงวัยทั้งสี่  ที่นางไม่อยากแม้แต่จะคิดถึง แม่นางฉิน ได้แต่หวังว่ามันจะไม่เคยเกิดขึ้นอีก และแน่นอนว่า นางจะไม่พูดต่อหน้าเซียวมู่

   ในมุมมองของเซียวมู่ มองว่าไม่เห็นว่าอีกฝ่ายจะมีอะไรผิดปกติ เสื้อผ้าเครื่องแต่งกายของนาง ก็สะอาดสะอ้านและเป็นระเบียบเรียบร้อย และไม่มีรอยแผลเป็นบนใบหน้าของนาง ยกเว้นว่านางถูกคุมตัวแจ นอกนั้นก็ไม่มีอะไรผิดปกติ

   สำหรับคนรับใช้ เป็นเรื่องธรรมดาที่จะบูชาคนที่สูง และเหยียบคนที่ต่ำกว่า รวมทั้งนางได้ทําเรื่องเช่นนั้นอีก จึงเป็นเรื่องปกติสําหรับคนรับใช้ที่ต้องการทําให้เจ้านายของพวกนางพอใจ

    "อะไร? ท่านไม่เชื่อเหรอ? “ แม่นางฉินยิ้มเศร้า พยายามขัดขืนแรงกระตุ้นในใจที่อยากจะบอกความจริง ก่อนจะถอนหายใจเบา ๆ "ข้าไม่ตําหนิท่านที่ไม่เชื่อ เหลียนฟางโจวเองก็เคยชินกับการแสร้งทำเป็นคนดีที่หนึ่ง แม้กระทั่งท่าน   ข้าไม่รู้ว่านางใช้วิธีอะไรถึงหลอกท่านได้  และท่านได้รับประโยชน์จากพี่สะใภ้ของท่านมากน้อยแค่ไหน!" 

    เซียวมู่รู้สึกเจ็บปวดในใจและพูดว่า "อาฉิน ทำไมเจ้าถึงต้องทำตัวเองเดือดร้อนด้วย ! เจ้ายังไม่เข้าใจมันอีกเหรอ? หัวหน้ามีเพียงนางเท่านั้นในหัวใจ ส่วนเจ้า".

   ชายหนุ่มพูดถ้อยคำที่โหดเหี้ยม และทำร้ายจิตใจ "เจ้าไม่สามารถเอาชนะนางได้หรอก!" 

   ทันใดนั้น แม่นางฉินก็จ้องมองเขาด้วยสายตาเบิกกว้าง




3 ความคิดเห็น: