วันศุกร์ที่ 19 เมษายน พ.ศ. 2567

จับแม่ทัพไปไถนา-บทที่ 806 ทำเรื่องไม่ดีเพราะเมา

         เซียวมู่ "หือ? “ ชายหนุ่มจ้องปี้เถาตรงๆ แล้วขยี้ตาอีกครั้ง ก่อนจะเอ่ยน้ำเสียงอ้อแอ้ "กุญแจรึ? "

   "ใช่!" 

     ปี้เถาหงุดหงิด


    "กุญแจอาราย?" 

     ปี้เถาอยากจะบ้าตาย!

     เซียวมู่ไม่สนใจใบหน้าบูดบึ้งของปี้เถาเลย แต่แล้วจู่ๆ เขาก็นึกขึ้นได้จึงร้อง "อ๋อ" อีกครั้งแล้วยิ้มออกมา

     "ข้านึกออกแล้ว! เรามาดื่มกันที่นี่ ใช่ไหม? ถึงเวลาเปลี่ยนที่ดื่มแล้วละสินะ! "

     เออ ยังดีนะที่รู้ว่า ตอนนี้อยู่คนละที่แล้ว!

     ปี้เถาเพียงรู้สึกว่า ไฟโทสะที่กดทับไว้ในใจตน ค่อยๆปะทุขึ้นทีละน้อยๆแล้ว

     หญิงสาวกัดฟันกรอด แล้วเปล่งเสียงคำรามในลำคอ "ฮึ่ม ช่างเถอะ!  อย่าไปถือสาคนเมาเลย! "

     พอกล่าวจบ นางก็เอื้อมมือออกไปแตะตัวของเซียวมู่อยู่สองสามครั้ง ครั้นแล้วจึงล้วงลูกกุญแจในตัวเขาออกมาเปิดประตู และช่วยพาเขาเข้าไปด้านใน

    ในที่สุดนางก็ช่วยพยุงเขาเข้าไปในห้อง และนั่งลงบนตั่ง ปี้เถาจึงปล่อยมือออก และยืนข้างๆอย่างเหนื่อยหอบ

     คนผู้นี้ดูรูปร่างผอมบาง  แต่เหตุใดถึงได้ตัวหนักถึงเพียงนี้นะ! แล้วที่นี่ไม่มีใครอยู่เลยเหรอ!

    เซียวมู่ส่ายหน้าแล้วมองไปรอบ ๆ ก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงอ้อแอ้  

    "แล้วสุราอยู่ที่ไหนล่ะ?  รีบให้คนยกสุรามาให้ข้าดื่มสิ! นี่ แล้วโต๊ะล่ะ? โต๊ะหายไปไหนแล้ว! "

    "ไม่มีสุรา!" ปี้เถากล่าวอย่างขุ่นเคือง

    “ท่านหยุดดื่มเสียทีได้ไหม? ดูสารรูปไม่เป็นผู้เป็นคนของท่านสิ  แม่นางฉินจะเหลือบแลคนอย่างท่านเหรอ!  มิน่าเล่า ท่านถึงชอบควักหัวใจออกมาให้คนเขาเหยียบเล่น! "

    เซียวมู่ตัวแข็งทื่อ แล้วบ่นพึมพํา

    "แม่นางฉินหรือ? อาฉิน..."

    ปี้เถารู้สึกแสบจมูกขึ้นมา หัวใจก็ยังเจ็บแปลบหน่อยๆด้วย เขาเมามายจนเลอะเลือน และไม่มีสติสัมปชัญญะเลย แต่ก็ยังจําคนที่อยู่ในเรือนถือศีลภาวนาได้  นางเพียงเอ่ยชื่อของฝ่ายนั้น เขาก็ดูจะมีสติขึ้นมาหน่อยๆทันที

    นางช่าง...

    ปี้เถา อยากจะทึ้งหัวตัวเองนัก นางจึงเอ่ยเสียงลอดไรฟันอย่างเย็นชา "ท่านนั่งอยู่ที่นี่ และห้ามขยับไปไหน ข้าจะไปเอาน้ํามาให้!" 

   ในเมื่อนางก็เข้ามาแล้ว  คงจะทิ้งเขาไว้แบบนี้ไม่ได้ หากมีอะไรเกิดขึ้นล่ะ?

    ฮึ่ม คราวหน้า คราวหน้า ต่อให้เขาจะเป็นจะตายอยู่ตรงหน้า นางก็จะไม่เหลือบแลเป็นครั้งที่สองแล้ว!

    ปี้เถาหันหลังกลับ และเตรียมจะเดินออกไป  ทว่านางกลับถูกคนจับตัวไว้โดยไม่คาดคิด

     ปี้เถาตกใจ พยายามดิ้นรนขัดขืนเพื่อให้หลุดจากพันธนาการ

     หญิงสาวร้องเสียงหลงด้วยความตกใจและโมโห "ท่าน ท่านกําลังจะทําอะไร!" 

    "อาฉิน..." เซียวมู่มองนางอย่างบ้าคลั่ง

     ปี้เถาเหมือนตกลงไปในห้องเก็บน้ําแข็งใต้ดิน ร่างกายและจิตใจของนางเย็นเฉียบ

    นางคลี่ยิ้มเศร้า นางช่างโง่อะไรเช่นนี้ ที่หาเรื่องมาดูแลธุระส่วนตัวของเขา!

    หากเขาจะดื่มจนตาย แล้วมันเกี่ยวอะไรกับนางด้วย

    ปี้เถากระพริบตา เพื่อไล่น้ำตาไปจากดวงตา แล้วเอ่ยด้วยใบหน้าซีดขาว

    "ข้าไม่ใช่อาฉิน! ท่านดูให้ชัดๆสิ! ข้าไม่ใช่อาฉินของเจ้า! "   

    เซียวมู่จะได้ยินได้ที่ไหน เขารู้เพียงว่าผู้หญิงที่อยู่ตรงหน้าเขาคือผู้หญิงที่เขาหลงไหลมาเป็นเวลานาน และในที่สุดนางก็มายืนอยู่ตรงหน้าเขาตัวเป็นๆอีกครั้งแล้ว!

    เซียวมู่ฉุดปี้เถายืนขึ้นอย่างแรง และพึมพําว่า "ข้ารู้ว่าเจ้าไม่ใช่คนจิตใจชั่วร้ายเช่นนี้ เจ้าไม่ไช่ ... ข้ารู้ถึงความขมขื่นในใจเจ้า ข้ารู้ว่าเจ้าไม่ได้ตั้งใจทำ เจ้าเป็นผู้บริสุทธิ์ อาฉิน เจ้าแต่งงานกับข้าดีไหม แต่งงานกับข้านะ! "

   ปี้เถารู้สึกเพียงว่ามีเสียง "บึ้ม" ดังขึ้นในหัวราวกับถูกฟ้าผ่าใบหน้าหญิงสาวซีดเผือดจนไม่มีสีเลือด หัวใจของนางแทบจะถูกบดขยี้เป็นผุยผง มันเจ็บปวดจนราวกับคนทั้งคนไม่มีอยู่จริง

   "เซียวมู่! เจ้าคุยผิดคนแล้ว! เจ้าปล่อยข้านะ! “

    ปี้เถาคร่ำครวญอย่างโกรธเกรี้ยวและดิ้นรนอย่างแรง

   เซียวมู่ที่กำลังเมากรึ่มๆนั้น ความรู้สึกที่สะกดกลั้นไว้มานานของเขา ได้ปะทุขึ้นในยามนี้ เขาไม่สนใจอะไรแล้ว แล้วรวบตัวหญิงสาวมาไว้ในอ้อมแขน และกอดนางแนบแน่น ชายหนุ่มก้มหน้าลงจุมพิตใบหน้า คิ้ว หู และลำคอของนางอย่างรุนแรง พลางพึมพำว่า "อาฉิน อาฉิน ..."

   จูบของเขาร้อนลวกดั่งไฟ ลมหายใจอุ่นร้อนพ่นบนผิวของนาง พื้นผิวบริเวณที่เขาจุมพิตผ่านไป กลายเป็นสีแดง ความรู้สึกเสียวซ่านชาหนึบ ทําให้ปี้เถาอดสูใจ  และเกือบจะยืนไม่อยู่

   หญิงสาวทุบเซียวมู่อย่างแรง พลางส่ายหน้าหลบหลีกเป็นพัลวัน ขณะที่กรีดร้องลั่นและร้องไห้ไปด้วย

   ด้วยเรี่ยวแรงซึ่งไม่รู้ว่ามาจากที่ไหน ทำให้ในที่สุดนางก็หลุดพ้นจากอ้อมกอดของอีกฝ่ายจนเป็นอิสระ ความรู้สึกเจ็บแสบราวไฟเผาบนใบหน้าและลําคอ ทําให้นางรู้สึกอัปยศอดสูมากขึ้น

  หญิงสาวเกือบจะเซล้ม นางก้าวซวนเซถอยหลังไปสองสามก้าว  ขณะที่สะอื้นไห้ทั้งน้ำตา

 “เซียวมู่! เจ้าสารเลว! ข้าเกลียดเจ้า! ข้าจะเกลียดเจ้าจนตาย! “ 

   พอกล่าวจบ นางก็ยกมือปิดหน้า และหมุนตัววิ่งออกไป

   เมื่อกลับมาถึงจวนตระกูลหลี่แล้ว  ปี้เถาก็ปรับอารมณ์ของตนให้สงบลง แล้วรีบจัดเสื้อผ้าหน้าผมให้เรียบร้อย  เหลือเพียงรอยจูบเท่านั้น ที่ยังคงทิ้งรอยเจ็บปวดไว้หลายแห่งบนร่างกาย

   ปี้เถาถอนหายใจอย่างเหม่อลอย และบังคับตัวเองให้เดินเข้าไปในจวน

   ด้วยความอับอายและรู้สึกผิด หญิงสาวจึงเดินหลบเลี่ยงผู้คน ไปตามทางที่มุ่งสู่ห้องตนเอง ก่อนจะปิดประตูลง แล้วถอนหายใจออกมายาวเหยียดด้วยความโล่งอก

   "เจ้าสารเลวนั่น! ช่างชั่วช้านัก! “ น้ําตาของปี้เถาไหลรินออกมาอีกครั้ง นางรีบใช้มือปาดน้ำตาลวกๆ แล้วเปลี่ยนเสื้อผ้า หวีผม ขณะมองเงาตนเองในกระจกอย่างละเอียด และเมื่อพบว่าไม่มีอะไรผิดปกติแล้ว นางก็ล้างหน้าอีกครั้ง จากนั้นจึงทาแป้งเพื่อปกปิดร่องรอย อย่างระมัดระวัง แล้วจึงค่อย ๆค่อยเดินไปหาเหลียนฟางโจว

    ในเวลานี้เหลียนฟางโจวเพิ่งรับสำรับมื้อกลางวันเสร็จ นางเดินเล่นตรงระเบียงทางเดิน โดยมีหงอวี้คอยประคองไปด้วย

     ปี้เถารีบเก็บงำอารมณ์ แล้วยกมุมปากขึ้นเพื่อเผยรอยยิ้ม ก่อนจะสาวเท้าเข้าไปหา พลางยอบกายคำนับ “ฮูหยิน!”

    เหลียนฟางโจวยิ้มพยักหน้า แต่ก็อดมองหน้าอีกฝ่ายอย่างพินิจพิจารณาอีกสองสามครั้งไม่ได้

   พอเห็นแล้ว นางก็เกิดความสังหรณ์ในใจ  ปี้เถาดูแปลกไป ทั้งยังฝืนยิ้มจืดเจื่อนด้วย "ฮูหยิน มีอันใดหรือเจ้าคะ? ท่านถึงได้มองบ่าวแบบนี้! "

   เหลียนฟางโจวหัวเราะ "มีใครรังแกเจ้าหรือ?" 

   "หา? ไม่ ไม่ ไม่มีเจ้าค่ะ! “ ปี้เถารีบโบกไม้โบกมือ พลางส่ายหน้าหวือ และปฏิเสธเสียงหลง

   เหลียนฟางโจวหลุดหัวเราะ แล้วเอ่ยอย่างขบขัน "หากเจ้าว่าไม่มี  ก็ไม่มี ทำไมเจ้าต้องทำท่าตกใจด้วยเล่า!" 

   ปี้เถาหน้าแดง แล้วรีบยิ้ม "บ่าวลืมตัวเอะอะโวยวาย บ่าวคงไม่ได้ทำให้ฮูหยินตกใจกลัวนะเจ้าคะ!" 

   เหลียนฟางโจวลูบท้องกลมโตของตน แลวเอ่ยติดตลกว่า "ไม่มีอะไรที่จะทําให้ข้ากลัวได้หรอก แต่อาจจะสร้างปัญหาทำให้เขากลัวได้!" 

    ปี้เถานิ่งงัน และรู้สึกผิดอย่างมาก จึงรีบพูดว่า "ทั้งหมดเป็นความผิดของบ่าวเจ้าค่ะ! บ่าวช่าง ช่าง —"

   "พอเถอะ!" เหลียนฟางโจวโบกมือยิ้มๆ "ข้าก็แค่พูดเล่น ลูกชายข้ากล้าหาญนัก เขาจะขวัญอ่อนได้อย่างไร! ที่นี่ไม่มีงานอะไรแล้ว เจ้าไปเถอะ! "

    เนื่องจากปี้เถานั้นใจลอยและสับสนอยู่ ดังนั้นนางจึงต้องคอยบังคับตัวเองให้เข้มแข็งต่อหน้าเหลียนฟางโจว และพอนางได้ยินดังนี้ นางก็ยอบกายคำนับ แล้วก็รับคำ ก่อนจะล่าถอยออกไป

    เมื่อหงอวี้ช่วยประคองเหลียนฟางโจวเข้าไปในห้องเพื่อเตรียมตัวนอนกลางวันแล้ว  นางก็หัวเราะคิกคักแล้วเอ่ยขึ้น "พี่ปี้เถาดูสีหน้าไม่ค่อยดีนัก! ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นเจ้าค่ะ! "

   เกิดอะไรขึ้นเหรอ? มันจะเป็นอะไรได้อีก! หน้าตาท่าทางแบบนั้น ชัดเจนว่าคงกำลังติดกับอยู่กับความรัก และเจ็บปวดจากความรัก!

   ข้าเองก็ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับนางในวันนี้ ที่ทําให้นางดูมีปฏิกิริยาชัดเจนนัก!

   "เจ้าก็เห็นด้วยรึ?" เหลียนฟางโจวเลิกคิ้วขึ้น พร้อมรอยยิ้ม

    หงอวี้ยิ้ม "ชัดเจนออกอย่างนั้น คงยากที่จะไม่เห็นเจ้าค่ะ! อีกอย่าง ปกติแล้วพี่ปี้เถาเกลียดการทาแป้งที่สุด นี่ไม่ใช่ช่วงตื่นนอนในตอนเช้า แต่บ่าวกลับได้กินดอกมะลิเมื่อครู่เจ้าค่ะ "

   เหลียนฟางโจวอดหัวเราะไม่ได้ นี่แสดงว่านางคงอยากปกปิดละสิ!


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น