วันศุกร์ที่ 19 เมษายน พ.ศ. 2567

จับแม่ทัพไปไถนา-บทที่ 807 ย้อนนึก

        เอาล่ะ หากเป็นกรณีนี้ นางคงเก็บงำเป็นความลับได้ไม่นาน! หากนางไม่อยากเล่าทนางก็คงไม่เล่า! แต่ถึงอย่างไร นางก็ดูไม่ใช่คนเลอะเลือนและประมาท  และคงจะไม่มีทางทําอะไรเสื่อมเสียเป็นแน่


     เหลียนฟางโจวคลี่ยิ้มและพูดว่า"เจ้าก็จับตาดูนางหน่อย! หากนางยังไม่ยอมเล่าอะไร ก็ไม่เป็นไร เจ้าและชุนซิ่งใช้เวลาในยามปกตินี่แหละ ชวนนางพูดคุยแก้เบื่อกันให้มากขึ้น และอย่าได้ทำให้ตัวเองมีพิรุธจนนางจับได้ขึ้นมาล่ะ! "

    หงอวี้รับคำพร้อมรอยยิ้ม แล้วจึงคอยประคองพาเหลียนฟางโจวไปทางห้องข้างตะวันออกเพื่องีบหลับตอนกลางวัน

   เมื่อคืนเกือบทั้งคืน ที่สายลมหนาวเย็นพัดผ่านประตูที่เปิดอ้าอยู่เข้ามา  เซียวมู่ซึ่งกําลังหลับสนิทอยู่บนตั่ง ในที่สุดก็ตื่นขึ้นมา

    หัวของเขาไม่ได้ปวดหนักมากเหมือนเมื่อวานแล้ว เขานวดขมับไปมา พลางมองไปรอบ ๆ ครั้นแล้วชายหนุ่มจึงตระหนักว่าตนเองได้อยู่ในบ้านของตนแล้ว

    ข้ากลับบ้านมาเหรอ?  แล้วกลับมาตั้งแต่เมื่อไหร่กันนะ?  จากนั้นก็พบว่า ตัวเองจำอะไรไม่ค่อยได้!

    หลังจากนึกแล้วนึกอีก ก็มีแต่ความทรงจำลางเรือน ไม่ค่อยปะติดปะต่อ ดูเหมือนจะมีคนส่งเขากลับขึ้นรถม้า และช่วยประคองเขาเข้าไปในบ้าน แล้วก็...

   แล้วไงต่อ? เซียวมู่พ่นลมหายใจ พลางส่ายหน้า เขานึกอะไรไม่ออกเลย!

   ไม่เป็นไร! หากคิดไม่ออก ก็ไม่ต้องคิด!

   จะมีประเด็นอะไรให้เขาคิดอีกล่ะ? ยกเว้นเพื่อนๆทหารในอดีตสองสามคนที่ดีต่อกันอยู่เสมอ และตอนนี้พวกเขาก็ทํางานอยู่ในเมืองหลวงแล้ว ยังจะมีใครที่มีความปรารถนาดีต่อเขาถึงเพียงนั้นเล่า!

   ชายหนุ่มรู้สึกมึนหัวหน่อยๆ และกระหายน้ำเล็กน้อย ดังนั้นเขาจึงลุกขึ้น และเตรียมไปเอาชามาจิบ แล้วค่อยไปเอาน้ํามาล้างหน้าล้างตาอีกที

   ตอนนี้ท้องเขาก็หิวขึ้นมานิดหน่อยแล้วด้วย เช่นนั้นเขาออกไปหาอะไรกินดีกว่า! เอ๊ะ!

   ราวกับว่าเท้าเขาไปเหยียบเข้ากับอะไรบางอย่าง เมื่อเซียวมู่มองลงไปใต้เท้า ก็เห็นว่าเป็นผ้าเช็ดหน้าสีชมพู

   ชายหนุ่มตกตะลึง แล้วก้มลงไปหยิบขึ้นมา

   ที่มุมผ้าเช็ดหน้า ปักเป็นรูปดอกชบาบานสะพรั่งสีเพลิงซึ่งสดใสเจิดจ้ายิ่งนัก

    ที่มุมหนึ่งดูเหมือนจะปักตัวอักษรเล็ก ๆไว้

   อาศัยแสงสลัวในห้อง เมื่อเซียวมู่เขม้นมองใกล้ๆ ปรากฏว่าเป็นคำว่า "ปี้"

  "ปี้? นี่ใครน่ะ? ไฉนมันถึงมีของเช่นนี้อยู่ในบ้านข้าเล่า? เซียวมู่บ่นพึมพําด้วยความสับสน

    และแล้วก็มีแสงวาบขึ้นมาในหัว ทันใดนั้น ชายหนุ่มก็ตระหนักขึ้นได้ พลางร้องอุทานเบาๆ “อา”!

    ภาพเหตุการณ์ที่เดิมดูสับสนมืดมัวและคลุมเครือ ซึ่งไม่มีทางจะนึกออกเลย ไม่เพียงจู่ๆจะระลึกขึ้นมาได้ แต่ยังเชื่อมโยงปะติดปะต่อเหตุการณ์ทั้งหมด ตั้งแต่ต้นจนจบด้วย!

    เซียวมู่นั่งลงบนตั่งอย่างอ่อนแรง ผ่านไปสักครู่ ก็กลับมาได้สติ  แล้วตบปากตนเองอย่างแรง "เซียวมู่  เจ้าเซียวมู่เอ๊ย เจ้าทำอะไรลงไป?" 

   เมื่อมองไปที่ผ้าเช็ดหน้าปักลายสีชมพูอ่อนในมือ ซึ่งดูเหมือนจะมีกลิ่นหอมจาง ๆโชยมา เซียวมู่ก็อยากจะร้องไห้ แต่ดันไม่มีน้ําตา!

   เวลานี้ เขาได้ล่วงเกินผู้อื่นอย่างเลวร้ายแล้ว!

   สิ่งที่สําคัญที่สุดก็คือ การที่เขาล่วงเกินผู้อื่นอย่างเลวร้าย มันเป็นการกระทำผิดที่ไม่มีทางให้อภัย หรือยุติเรื่องนี้ลงได้!

   หญิงสาวอุตส่าห์ใจดีและมีความปรารถนาดี ส่วนเขาเทน้ำสีเหลืองใส่ปาก แล้วก็ปลดปล่อยความบ้าคลั่งป่าเถื่อนออกมาอย่างไม่นึกไม่ฝัน และแม้กระทั่ง -

   ลงมือกระทำการเยี่ยงสัตว์ร้ายกับหญิงสาว!

   แค่กๆ เขาอับอายเกินกว่าจะคิดต่อ!

   "ข้าควรทำอย่างไรดี!  ข้าควรทำอย่างไรดี!” เซียวมู่รำพึงซ้ำๆอยู่หลายครั้ง ไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรดี ยกเว้นการตัดสินใจอย่างเด็ดขาดว่า ต่อไปตนจะไม่ดื่มสุราอีกแล้ว ที่เหลือเขาคิดไม่ออกว่าจะทำอย่างไรดี

   จากนั้นเขาก็นอนหลับไปอย่างเป็นกังวล และในตอนกลางดึกก็ฝันว่า ปี้เถาถือมีดวิ่งไล่ตามเขาอย่างโกรธแค้น และอยากสับเขาเป็นชิ้นๆ จนทำให้เขาตื่นขึ้นมาด้วยความตกใจ!

   ดังนั้นในช่วงครึ่งหลังของตอนกลางคืน เซียวมู่ก็นอนไม่หลับอีกต่อไป ได้แต่เบิกตากว้างจ้องมองม่านมุ้ง

   และแอบสำนึกผิดในใจ  แล้วจะเกิดอะไรขึ้น ถ้าหากเขาโดนนางสับจนตาย? นั่นคือสิ่งที่เขาสมควรได้รับแล้ว! ใครใช้ให้เขาทําเรื่องบ้าๆแบบนั้นเล่า

   หลังจากครุ่นคิดจนปวดหัว ในที่สุดเซียวมู่ก็คิดหาทางแก้ไขได้ ซึ่งที่จริงก็ไม่ใช่ทางแก้ไข  แต่เป็นการไปขอคำแนะนำจากหมอเซวีย  เพราะหมอเซวียมีความรู้มากมาย…

   แม่ทัพเซียวผู้น่าสงสาร ไม่เคยตระหนักเลยด้วยซ้ำว่า ครั้งที่แล้ว เขาก็ถูกหมอเซวียเล่นงานมาอย่างน่าสังเวช  แต่กลับคิดว่าทุกอย่างเป็นเพราะปี้เถามีนิสัยแปลกประหลาด!

   เมื่อท้องฟ้าเริ่มมีแสงเงินแสงทองรำไร เซียวมู่ซึ่งร้อนอกร้อนใจ ก็รีบลุกขึ้น แล้วนั่งรถม้าวิ่งไปที่บ้านพักหลังเล็ก ๆ ซึ่งอยู่ติดกับโรงหมอของท่านหมอเซวีย

   จากนั้นก็ตรงไปลากหมอเซวียลงมาจากเตียง

  "เกิดอะไรขึ้น! นี่เพิ่งรุ่งสางเอง ทำไมไม่ปล่อยให้คนนอนต่อเล่า! “ หมอเซวียปิดปากแล้วหาวออกมา ชายหนุ่มพ่นลมออกจมูก และจ้องมองอีกฝ่ายอย่างไม่สบอารมณ์

   ให้ตายสิ เจ้าบ้านี่ น่ารําคาญยิ่งกว่าหลี่ฟู่ ที่มักจะวิ่งไปหาเขาเสมอ ในยามที่ไม่ควรหา มันง่ายนักเหรอไง กว่าเขาจะได้นอนฝันหวานสักที!

   เซียวมู่เองก็รู้สึกละอายใจหน่อยๆ แต่เขารีบมากจริงๆนะ!

   หญิงสาววิ่งหนีไปอย่างโกรธจัด และตอนนี้ไม่รู้ว่า นางจะมีความรู้สึกแบบไหน? เรื่องนี้นับว่าเป็นเรื่องเร่งด่วน  และไม่อาจล่าช้าได้อีกแล้ว!

   อย่างไรก็ตาม แม้ว่าไม่อาจชักช้าได้ แต่ตัวเขาก็ยังพูดไม่ออกอยู่ดี

   เมื่อมองเห็นเซียวมู่ที่เอาแต่ทำท่าลังเลแล้วลังเลอีก พลางเปล่งเปล่งเสียงคำรามฮึ่มฮั่มอยู่หลายครั้ง  สุดท้ายก็ยังไม่อาจเอ่ยคำออกมาเป็นประโยคสมบูรณ์เสียที เซียวอวี้ชิงจึงเหลือบมองอีกฝ่าย แล้วเอ่ยอย่างเกียจคร้าน: "เล่ามา เป็นเรื่องเกี่ยวกับผู้หญิงอีกแล้วใช่ไหม? คราวนี้เกิดอะไรขึ้นล่ะ?" 

    หมดหวังแล้ว!

   เซวียอวี้ชิง แอบสบถในใจ เขาเห็นมานานแล้วว่าแม่นางฉินไม่ได้อ่อนโยน ใจดี มีความประพฤติเรียบร้อย และอ่อนน้อม อย่างที่นางชอบแสดงออกฉาบฉวยเลน และคงมีเพียงคนโง่งมอย่างอีกฝ่ายเท่านั้น ที่หลงไหลได้ปลื้ม

   และเหตุผลที่หลี่ฟู่ดูแลนางมากกว่าปกติขึ้นมาหน่อย ทั้งหมดก็เพราะเห็นแก่ความสัมพันธ์กับแม่นม หากไม่มีความสัมพันธ์ดังกล่าว ไม่ว่านางจะอ่อนโยนแค่ไหน หลี่ฟู่ก็คงไม่ใส่ใจนางอย่างแน่นอน

   แม้เขาจะไม่ใส่ใจกับเรื่องพวกนี้ แต่จิตใต้สำนึกของเขานั้นแม่นยําชั้นหนึ่งอย่างแท้จริง! ไม่เหมือนเจ้าโง่นี่!

   แค่กๆ  ถ้าอีกฝ่ายสติแตก และมาขอร้องตนให้ช่วยคิดหาทางช่วยแม่นางฉิน เขาคงจะเตะอีกฝ่ายทันที!

    แต่จะสามารถเตะอีกฝ่ายได้อย่างที่พูดหรือไม่นั้น แต่ท่าทีของเขาแน่วแน่มั่นคงนัก!

    เมื่อโดนเซวียอวี้ชิงถลึงตาใส่ เซียวมู่ก็รู้สึกขนลุกขนชัน แล้วก้าวถอยหลังไปสองก้าวโดยไม่รู้ตัว พลางกลืนน้ําลาย จากนั้นจึงส่งยิ้มแหยๆ: "ข้า ข้าไปทำให้แม่นางคนอื่นขุ่นเคืองเข้า ——"

   "ขุ่นเคืองอีกแล้วเหรอ?"  เซวียอวี้ชิงตวาดออกมา ยามเขาลุกขึ้น ก็เอ่ยอย่างรำคาญ: "เกิดอะไรขึ้นกับเจ้าอีกล่ะ! ไฉนเจ้าไปสร้างความขุ่นเคืองให้ผู้อื่นอีกแล้ว? เป็นแม่นางคนไหนกัน?  ถึงเจ้าไม่อยาก เจ้าก็ต้องไปขอโทษนาง!  ผู้หญิงสาวล้วนชอบเครื่องประดับ ปิ่นปักผม และก็แป้งชาด เจ้าก็ไปหาซื้อจากร้านที่ดีที่สุดในปักกิ่ง มาสักอย่างสองอย่าง เพื่อเป็นการขอโทษนาง! "

    เซวียอวี้ชิงไม่สนใจจะหยอกล้อเขาอีกต่อไป แล้วเริ่มพูดอย่างจริงจัง

    ไม่ว่าเซียวมู่จะซื่อบื้อแค่ไหน แต่เขาก็รู้ว่าสิ่งที่เขาทําเมื่อวานนี้ไม่ใช่สิ่งที่สามารถแก้ปัญหาได้โดยใช้ เครื่องประดับ ปิ่นปักผม และก็แป้งชาด 

    ชายหนุ่มถอนหายใจ แล้วเอ่ยเบาๆว่า "เรื่องนี้ค่อนข้างร้ายแรง..."

    เซวียอวี้ชิงนิ่งงันไป พลางจ้องมองเขาตาไม่กระพริบ จ้องมองเซวียมู่อย่างค้นหา หวังจะเจอพิรุธ เขาจ้องมองใบหน้าของอีกฝ่ายที่ขึ้นสีแดงเรื่อ ดวงตาอีกฝ่ายเริ่มหลุกหลิก สุดท้ายก็หลบตา

   จู่ๆเซวียอวี้ชิงก็ระเบิดหัวเราะออกมา พลางถูไม้ถูมือพร้อมรอยยิ้ม "บอกมาตรงๆ ว่า เจ้าทําอะไรกับแม่นางผู้นั้น? เจ้าไม่ใช่คนแบบนั้นเลย  เจ้าดื่มสุรามากไปหรือเปล่า ?"

   "เจ้ารู้ได้ยังไง?" เซียวมู่จ้องมองเซวียอวี้ชิง แล้วเลิกคิ้วด้วยความประหลาดใจ

   "เจ้าเล่ามาเร็วๆสิ!" เซวียอวี้ชิงรีบโบกมืออย่างใจร้อน

   เขารู้ได้ยังไง?  ยังมีหน้ามาถามอีกเหรอ? ผู้หญิงที่เขารักกลายเป็นแบบนั้น  เขาย่อมหดหู่เศร้าหมอง แล้วเขาจะไม่ดื่มสุราเหรอ? หลังจากดื่มสุรา เพราะความเศร้าแล้ว หากมีเหตุบังเอิญ จะเกิดสิ่งที่ไม่คาดคิดไม่ได้เหรอ? - หืม เหตุบังเอิญเหรอ?

   เซวียอวี้ชิงกล่าวอย่างนึกสงสัย "เจ้าเมาแล้ว ยังมีแม่นางคนอื่นเป็นฝ่ายเข้ามาใกล้ชิดโดยบังเอิญเหรอ? ไม่สิ! ในเมืองหลวงเจ้ามีคนที่รู้จักไม่มาก และยิ่งเป็นผู้หญิงด้วยแล้วก็ยิ่งน้อยไปอีก..."

   ดวงตาของเซวียอวี้ชิงเปล่งประกายด้วยความอยากรู้อยากเห็นกว่าเดิม เขาจึงเร่งให้เซียวมู่เล่าออกมาโดยเร็ว!






ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น