วันเสาร์ที่ 4 พฤษภาคม พ.ศ. 2567

จับแม่ทัพไปไถนา-บทที่ 840 จำต้องไป

      จากนั้นเขาก็จ้องไปที่ฮูหยินรอง: "ไม่ใช่ว่าเจ้าจะไปขอร้องนางหรอกหรือ? ยังไม่รีบไปอีก เจ้ามัวรออะไรอยู่!"


   ในตอนนี้ ที่เดียวที่พอจะมีความหวัง ก็คือเหลียนฟางโจว!

   หลี่ฟู่รักภรรยาบ้านนอกของเขายิ่งนัก ตราบใดที่โน้มน้าวนางได้ พวกเขาก็มีความหวังว่าจะได้อยู่ต่อ ถึงแปดในสิบส่วนแล้ว

  นายท่านรองแอบถอนหายใจ แล้วเอ่ยเตือนอีกครั้ง: “ผู้หญิงอ่อนใจกว่าผู้ชายเสมอ ยิ่งเราแสดงท่าทีอ่อนน้อมถ่อมตนได้มากเท่าไร ก็ดีเท่านั้น! เข้าใจไหม?”

  ฮูหยินรองรีบรับคำ แล้วพาลูกสะใภ้สองคน รวมทั้งหลี่หว่านโหรวกลับมาที่ห้องเพื่อเตรียมแต่งตัว

  หลี่โซ่วกับน้องชายต่างมองหน้ากัน หลี่โซ่วพูดขึ้นอย่างไม่แน่ใจ: “ท่านพ่อ ที่จริงแล้ว คำแนะนำของหว่านโหรว ดูเหมือนจะสมเหตุสมผล—”

   "หุบปาก!" นายท่านรองพูดอย่างขมขื่นว่า “นางเป็นสตรีสายตาคับแคบ และเจ้าก็ไม่เก่งเท่านาง! ไม่มีประโยชน์หรอก ไม่มีประโยชน์ เหตุใดตระกูลจูจะต้องมาสนใจเราด้วยเล่า? ที่หลี่ฟู่พูดในวันนี้ ก็เพราะต้องการเน้นเรื่องนี้ พวกเจ้าคิดเหรอว่าทางโน้นคือสหายที่ดี ฮึ่ม หากเรื่องนี้รู้ถึงหูเขา ครอบครัวเราคงได้จบเห่แน่ อย่าคิดนะว่าเขาจะทำไม่ได้!”

   นายท่านรองครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง และในที่สุดก็เล่าคำขู่ทั้งหมดของหลี่ฟู่ออกมา เมื่อได้ยินเช่นนั้น สองพี่น้องก็อ้าปากค้างแล้วมองหน้ากัน ไม่กล้าคิดที่จะพึ่งพาตระกูลจูแล้ว

   ในที่สุดพวกเขาก็เข้าใจอย่างถ่องแท้ว่า ตระกูลหลี่สายหลักไม่ใช่สถานที่ที่พวกเขา สามารถกระทำการตามอำเภอใจได้อีกต่อไป!

   เหลียนฟางโจวค่อนข้างแปลกใจที่ฮูหยินรอง ลูกสะใภ้ทั้งสอง และบุตรสาว มาที่จวนตระกูลหลี่ เธอคาดไม่ถึงว่า พวกนางจะไม่ยอมแพ้

   ทว่าข้าเกรงว่า พวกนางคงต้องผิดหวังกลับไปแล้วล่ะ

   เพียงไม่ถึงครึ่งชั่วยามต่อมา มารดากับบุตรสาว และลูกสะใภ้ ทั้งสี่คนที่เข้าไป  ต่างก็กลับออกมาอีกครั้งด้วยสีหน้าสลดหดหู่และโกรธจัด พวกนางต่างขึ้นรถม้าโดยไม่พูดอะไรสักคำ

   หญิงชาวบ้านคนนี้ ก็ยังเป็นหญิงชาวบ้านอยู่วันยังค่ำ นางไม่ให้หน้าใดๆแก่พวกนางเลย!

   ตามคาด เหมือนกันทั้งสามีภรรยา!

   “ท่านแม่ ฟังนะ ข้าพูดถูกแล้วใช่ไหม! ข้ารู้ว่านางเป็นคนแบบนี้ เพราะท่านไม่เชื่อข้า ท่านเลยต้องวางหน้าตนเองต่อหน้าผู้อื่น เพื่อให้ผู้อื่นเหยียบซ้ำ ฮึ่ม!” หลี่หว่านโหรวกล่าวเบาๆ

   “หุบปากไปเลยนะ!” ฮูหยินรองรู้สึกฉุนเฉียวในใจ นางทนไม่ได้ที่ลูกสาว มาซ้ำเติมนาง จึงจ้องมองอีกฝ่ายเขม็ง แล้วพูดอย่างเย็นชาว่า “หากเจ้าไม่รังแกเหลียนฟางโจวถึงขนาดนั้น พวกเราก็คงไม่มาไกลถึงจุดนี้กันหรอก! ในช่วงหน้าสิ่วหน้าขวานนี้ หากเจ้าไม่เล่าสิ่งที่เจ้าคิด เจ้าก็คงจะบ่นเรื่องข้าแทนแน่!"

   หลี่หว่านโหรวตกตะลึง มารดาที่ไม่เคยตำหนินาง กลับว่านางเป็นคนนิสัยเสีย กลับถากถางนางต่อหน้าพี่สะใภ้ทั้งสองคน!

  ในใจหญิงสาวรู้สึกแสบร้อนและหงุดหงิด ดวงตาอดหลั่งน้ำตาออกมาไม่ได้ นางร้องไห้คร่ำครวญ “ท่านรู้แต่ว่า มันเป็นความผิดของข้า! แม้ว่าข้าจะทำ  มันก็ไม่ได้มาจากเจตนาของข้าทั้งหมด! สาเหตุที่เกิดเรื่องนี้ขึ้น มันยังไม่หมดนะ มันยังมีเรื่องดีๆที่ท่านไปสั่งให้พ่อบ้านทำด้วย! ท่านกลัวว่าท่านพ่อจะตำหนิท่าน  ท่านก็เลยมาโทษข้าก่อนใช่ไหม!”

“เจ้า! เจ้าลูกสาวอกตัญญู! เจ้าพูดอะไรของเจ้า!” ฮูหยินรองโกรธจัดจนมือเท้าเย็น นางยกมือขึ้นตบหน้าลี่หว่านโหรวสองที

หลี่หว่านโหรวรู้สึกเพียงว่า ใบหน้าของนางกำลังร้อนผ่าวราวกับโดนไฟ นางเสียหน้าไม่เหลือหรอแล้ว จากนั้นจึงเริ่มร้องไห้ดังขึ้นเรื่อยๆ แล้วก็โวยวายไปด้วย

    โซซื่อและฉีซื่อต่างมองหน้ากัน คนหนึ่งหลับตาเอนกายพิงผนังรถ แสร้งทำเป็นมองไม่เห็นอะไร ส่วนอีกคนก้มหน้าลง ไม่รู้ว่ากำลังคิดอะไรอยู่ ราวกับว่านางไม่ได้ยินอะไร เมื่อฟังมารดาและบุตรสาวต่างกล่าวโทษกันไปมา ทันทีที่ประโยคหนึ่งถูกพูดออกมา โซซื่อและฉีซื่อก็เริ่มรำคาญมากขึ้นเรื่อยๆ พวกนางจึงตำหนิฮูหยินรอง 

   ทั้งสี่กลับมาถึงจวนด้วยความสลดใจ  พอเห็นเข้า สีหน้าของนายท่านรอง ผู้บิดาและบุตรชายก็เปลี่ยนไป พวกเขารู้แล้วว่า ไม่มีโอกาสให้หันหลังสำหรับเรื่องนี้แล้ว

   ส่วนหลี่ฟู่ได้ส่งพ่อบ้านเฉียนมาถ่ายทอดถ้อยคำโดยเฉพาะ ซึ่งเตือนพวกเขาว่ายังมีเวลาอีกสองวันหลังจากวันนี้!

  คนทั้งครอบครัวเริ่มตื่นตระหนกมากขึ้นกว่าเดิม

 นายท่านรองทำอะไรไม่ถูก ท้ายที่สุด เขากลัวว่า หลี่ฟู่จะคิดบัญชีเก่าขึ้นมาจริงๆ  เขาจึงกระทืบเท้า พลางร้องว่า: “พอแล้ว! กลับไปที่บ้านเกิดของพวกเจ้ากัน!”

   ทันทีที่คำพูดเหล่านี้หลุดออกมาจากปาก หัวใจของคนทั้งครอบครัวก็จมดิ่งลง

    ทันทีที่จดหมายลาออกถูกส่งไป มัน    ก็ได้รับการอนุมัติทันที สามนายท่านถึงได้ตระหนักว่า หลี่ฟู่ได้เตรียมการไว้ทุกทางแล้ว

   เดชะบุญที่ พวกเขาเป็นฝ่ายเริ่มลงมือ ไม่เช่นนั้น สวรรค์เท่านั้นที่รู้ว่า หลี่ฟู่จะคิดแผนเล่นงานอะไรออกมาบ้าง!

   นายท่านรองถึงกับตกใจหวาดหวั่น ทั้งโกรธทั้งชิงชังยิ่งกว่าเดิม: เขาไม่เคยคิดเลยว่าคนที่มีอารมณ์เยือกเย็นและไม่แยแสกับทุกสิ่ง จะลงมืออย่างโหดเหี้ยมถึงปานนี้!

   เขาไม่ได้คิดในประเด็นนี้มาก่อนเลย หากหลี่ฟู่ไม่มีวิธีการสักสองสามวิธีเตรียมไว้ในมือ เขาจะมีฐานะและชื่อเสียง อย่างที่เขามีในทุกวันนี้อย่างไร?

   เพียงแต่เขาถือว่าพวกเขาเป็นตระกูลเดียวกัน และไม่เคยสนใจพวกเขาเลย!

   อย่างไรก็ตาม ความอดทนของหลี่ฟู่ถูกแลกกับ การที่พวกเขาคำนวณแผนการเล่นงานอีกฝ่ายซ้ำแล้วซ้ำเล่า!

   ฮูหยินรองต้องการจัดการกับทรัพย์สินหลายอย่าง เช่น บ้านไร่ จวน ร้านค้าและอื่นๆ และขออยู่ในเมืองหลวงต่ออีกสองเดือนกว่า

  แน่นอนว่า ที่นางขอไม่ใช่เวลาสองเดือนกว่าหรอก ด้วยกิจกรรมในช่วงสองเดือน ใครจะรับรองได้ว่าสถานการณ์ต่างๆจะไม่พลิกกลับ?

  ยิ่งไปกว่านั้น บางทีผ่านไปสองเดือน หลี่ฟู่เอง ก็อาจจดจำเหตุการณ์นี้ไม่ได้กระมัง?

   หลี่ฟู่ไม่ได้ให้โอกาสพวกเขาแม้แต่น้อย ชายหนุ่มมอบเงินจำนวนมหาศาลแก่พวกเขา เพื่อซื้อทรัพย์สินทั้งหมด พวกเขาจึงสามารถย้ายทุกอย่างในบ้านเท่าที่จะทำได้

   ฮูหยินรองไม่มีทางเลือกอื่น นอกจากต้องยอมรับชะตากรรมไป

    ดังนั้น เมื่อครอบครัวสายรองย้ายออกจากเมืองหลวงแล้ว พวกเขาจึงจ้างเรือลำใหญ่ และเริ่มขนของขึ้นไปไว้บนเรือในคืนแรกของการเดินทาง พวกเขาขนย้ายกันทั้งคืน บวกกับอีกครึ่งวันในวันถัดไป หากไม่ใช่เพราะคนพายเรือเร่งมา  บางทีก็คงต้องขนย้ายกันต่อไปเรื่อยๆ บางทีพวกเขาอาจจะจ้างเรืออีกลำ!

   หลังจากที่พวกเขาจากไป ก็มีความรกรุงรังในบ้าน แต่ด้วยประกาศิตของเหลียนฟางโจว การเก็บกวาด ก็ราวกับปีศาจได้เข้ามาในหมู่บ้านเพื่อกวาดล้าง!

   เมื่อครอบครัวสายรองจากไปกันเกลี้ยง เหลียนฟางโจวก็ต้องจัดการกับเรื่องที่เหลือ

   คุณภาพดินและที่ตั้งของทั้งสองจวงจื่อที่เพิ่งซื้อมา อยู่ในระดับปานกลาง แต่การใช้ดินเหล่านี้ในการเพาะพันธุ์ก็ไม่ใช่เรื่องผิดแต่ประการใด เหลียนฟางโจวจึงส่งหลี่ซีไปทำการเตรียมการ

  ในจวนหลังนั้น นางสั่งให้พ่อบ้านเฉียนพาคนไปทำความสะอาด แล้วทิ้งให้บ่าวสองครอบครัวคอยดูแล เพื่อไม่ให้จวนถูกทิ้งร้าง เพื่อที่นางจะได้มาจัดการในภายหลัง

   คนรับใช้คนเดิมในบ้าน ยกเว้นบางคนก็ถูกครอบครัวของนายท่านรองพาไป ที่เหลือก็ถูกฮูหยินรองขายทิ้ง ปล่อยให้จวน กลายเป็นจวนเปล่า

   สำหรับร้านค้าทั้งสามแห่ง เหลียนฟางโจว สั่งให้ชุนซิ่งไปจัดการสะสาง และให้หยุดกิจการผ้าไหมและผ้าแพรในทันที  เป็นต้น

   ในสมองของฮูหยินรอง ไม่รู้จริงๆ ว่ามีปัญหาหรือเปล่า ในพื้นที่ประเภทนั้น ผู้คนที่อาศัยอยู่ในบริเวณนั้นล้วนเป็นคนธรรมดา ไปจนถึงระดับล่าง พวกเขาจะขายไหมและผ้าซาตินอย่างดีได้สักกี่พับกัน

   ความจริงแล้ว บรรดาผู้ที่ต้องการซื้อผ้าที่ประณีตกว่า และเป็นผู้ซึ่งไม่ชอบไปตลาดที่จอแจ และแหล่งที่ขายของเพื่อชนชั้นสูงอย่างถนนต้าเฉียนเหมิน พวกเขาก็จะมาที่นี่!

    เหลียนฟางโจวเพียงสั่งการในเรื่องเหล่านี้ เธอไม่จำเป็นต้องลงมือทำเอง เพราะจวนสายรอง เป็นแค่ทรัพย์สินเล็ก ๆ น้อย ๆ จึงไม่คู่ควรปล่อยให้นางต้องลงมือทำ

   อย่างไรก็ตาม ท่าทีของหลี่ฟู่ ทำให้หญิงสาวเริ่มรู้สึกไม่สบายใจขึ้นมา


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น