วันเสาร์ที่ 4 พฤษภาคม พ.ศ. 2567

จับแม่ทัพไปไถนา-บทที่ 841 คนของไท่จื่อ

    การที่หลี่ฟู่ขับไล่ตระกูลสายรองออกจากเมืองหลวง ด้วยท่าทีเด็ดขาด โดยไม่มีที่ว่างให้เจรจานั้น เหลียนฟางโจวคิดว่า น่าจะมีเรื่องราวอื่นอยู่ภายใน


  เพราะเธอรู้จักหลี่ฟู่เป็นอย่างดี บางครั้งเขาก็โหดเหี้ยมกับคนบางคน แต่ไม่ใช่ในระดับเดียวกับตระกูลหลี่สายรองนี้

  ก่อนที่หญิงสาวจะมีเวลาถาม หลี่ฟู่ก็ได้มาสนทนาอย่างจริงจังกับเธอ หลังจากที่เธอกลับไปที่ห้อง และผล็อยหลับไปในวันนั้น

  หลังมรสุมสวาทผ่านไป ชายหนุ่มก็กอดหญิงสาวไว้ในอ้อมแขน แล้วเอ่ยกระซิบว่า "ฮูหยิน ข้าต้องออกจากเมืองหลวงในอีกสามหรือสี่วันนี้"

  เหลียนฟางโจวตัวแข็งทื่อไปในบัดดล จนชายหนุ่มชะงักคำพูด แล้วจ้องมองหญิงสาวด้วยสายตาอ่อนโยน พลางลูบร่างกายที่แข็งทื่อของเธอเบา ๆ

   เธอแค่รู้ว่าต้องมีเรื่องบางอย่างเกิดขึ้นเป็นแน่!

   เหลียนฟางโจวคลายอาการเกร็งลง แล้วเอ่ยถามเบา ๆ "ท่านจะไปทำอะไร? แล้วจะกลับมาเมื่อไหร่?"

  หลี่ฟู่กล่าวว่า "เหลียวตงไม่ค่อยสงบนัก  ฮ่องเต้ทรงมีพระบัญชาให้ข้าไปที่นั่น บางทีข้าอาจจะกลับมาหลังผ่านไปหนึ่งปี หรือบางทีอาจจะราวในเดือนสามหรือสี่ปีหน้า สรุปก็คือ ไม่เกินเดือนหกถึงหรือเดือนเจ็ดปีหน้า!"

  “เรากำลังจะมีสงครามรึ!” หัวใจของ เหลียนฟางโจวพลันเต้นผิดจังหวะ แม้ว่าเธอจะรู้ว่า ด้วยสถานะปัจจุบันของเขา ถึงแม้ว่าเขาจะไปรบในสงคราม เขาจะไม่มีวันเป็นคนที่วิ่งออกไปสู้เป็นด่านหน้า ทว่าเธอก็ยังกังวลอยู่

   เป็นไปไม่ได้ที่เธอจะมีอารมณ์เช่นนี้ ในกรณีที่มันไม่ใช่เรื่องของเธอ ในทำนองเดียวกัน เมื่อเป็นสิ่งที่เธอใส่ใจ มันก็กลายเป็นความปั่นป่วนว้าวุ่น หญิงสาวจึงอดรู้สึกสับสนไม่ได้

  "วางใจเถอะ!" หลี่ฟู่ยิ้มบาง “ชาวเผ่าหนู่เจินทางฝั่งเหลียวตงนั้น มีฝีมือแย่กว่าชาวเผ่าหูยิ่งนัก! ชาวเผ่าหูไม่น่ากลัว นับประสากับพวกเขาเล่า? เหตุผลที่ข้าต้องรั้งอยู่เป็นเวลานาน ก็เพื่อไปดูแลจัดการผลกระทบที่ตามมา!”

   เหลียนฟางโจวถอนหายใจเบา ๆ แล้วเอ่ยด้วยรอยยิ้ม: "จะให้ข้าวางใจ ก็คงยาก ท่านเป็นสามีของข้า ท่านออกไปรับใช้ชาติ ไม่ว่าอย่างไร ข้าซึ่งเฝ้าคอยอยู่ที่บ้าน คงไม่อาจวางใจได้ ดังนั้น หากเกิดอะไรขึ้นมา ท่านต้องคิดถึงข้า คิดถึงลูกชายของเรา! ถึงแม้ชาวเผ่าหนู่เจินจะฝีมือด้อยกว่าคนเผ่าหู แต่ท่านไม่อาจประมาทศัตรูได้ ท่านต้องระวังตัวให้มากๆ หากท่านประเมินศัตรูต่ำเกินไป  แล้วละเลยการป้องกัน ย่อมจะก่อให้เกิดปัญหาได้ง่าย นอกจากนี้ สภาพอากาศในเหลียวตงนั้นหนาวเย็น ผู้คนทางโน้นคุ้นเคยกับสภาพแวดล้อมทางภูมิประเทศ รวมทั้งสภาพอากาศที่เย็นจัด มากกว่าคนฝั่งท่านยิ่งนัก มีคำกล่าวว่า ของล้ำค่า 3 สิ่งที่จะทำให้ประสบความสำเร็จ นั่นก็คือ กาลเวลาที่เหมาะสม สถานที่ที่เหมาะสม และแรงสามัคคีของผู้คน และอย่างน้อยท่านต้องครอบครองให้ได้สักสองสิ่ง ดังนั้นท่านจึงต้องระวังตัวให้มากขึ้น!"

   “เมียข้า!” หลี่ฟูอดหัวเราะไม่ได้ แล้วเอ่ยด้วยรอยยิ้ม "ฮูหยินของข้าช่างมีความรู้กว้างขวางยิ่งนัก ข้าจะจดจำทุกคำพูดของผู้หญิงข้า!"

   เหลียนฟางโจวคลี่ยิ้ม รู้สึกสบายใจขึ้นมาหน่อย "ข้าจะเลี้ยงซู่เอ๋อร์อยู่ที่บ้าน  และรอคอยท่าน แต่ตอนนี้จวนจะไม่อยู่ที่นั่นอีกต่อไปแล้ว ข้าจะอาศัยอยู่ในสถานที่อันเงียบสงบ และข้าจะไม่ไปมีเรื่องกับผู้อื่น! ในเมื่อท่านไม่อยู่ที่จวน การที่ข้าไปร่วมงานเลี้ยง หรือกิจกรรมอะไรที่จวนผู้อื่น ก็ไม่ใช่เรื่องเสียมรรยาท ข้าไม่มีสามีอยู่ที่นี่ เพราะเขาต้องไปทำงานหนักที่แนวหน้า ข้าผู้เป็นภรรยาจะมาแต่งกายหรูหราออกงาน ทำตัวโดดเด่น และเล่นสนุกสนานอยู่ในเมืองหลวงได้รึ!”

    หลี่ฟู่กล่าวด้วยรอยยิ้ม: "นั่นเป็นเหตุผลที่ข้ากังวลที่สุด ข้าถึงได้ส่งอารองและคนอื่น ๆ ออกไปจากเมืองหลวงไง! เจ้าสามารถปิดจวน และเก็บตัวอยู่แต่ในจวนได้ คราวนี้เซียวมู่จะไปกับข้าด้วย ข้าเกรงว่า วันแต่งงานของเขากับปี้เถาคงต้องปรับเปลี่ยนกันใหม่! ปกติข้ามีแม่ทัพที่เป็นสหายที่ดีหลายคน ทว่ามีแต่แม่ทัพ จางเท่านั้นที่ไม่ไปด้วย แต่ก็น่าเสียดายที่เขาเป็นเพียงขุนนางขั้นห้า และเป็นเพียงแม่ทัพ เขาอาจจะไม่สามารถช่วยเจ้าในเมืองหลวงแห่งนี้ได้ ! เซวียอี้ชิงเป็นหมอ แม้ว่าเขาจะมีหน้ามีตาอยู่สามส่วนในที่ทำการทุกที่ของราชสำนัก แต่ข้าไม่ต้องการให้เขามาเกี่ยวข้องกับเรื่องเหล่านี้ หากเจ้ามีปัญหาใด ๆ เจ้าสามารถไปหาฮูหยินเสิ่น นางจะช่วยเจ้าเมื่อเจ้ามีปัญหายุ่ง แต่หากเกี่ยวข้องกับตระกูลจู...”

   หลี่ฟู่ เลิกคิ้วแล้วพูดว่า "จะดีที่สุด หากตระกูลจูไม่สร้างปัญหาใดๆ แต่ข้าก็กังวลในเรื่องนี้ ท้ายที่สุด ตระกูลจูนั้นเป็นทั้งขุนนางและราชวงศ์ และบุตรชายคนที่สามของตระกูลจู ก็เข้าสู่สำนักราชบัณฑิตหลวง ในฐานะผู้สอบเข้ารับราชการได้อันดับที่หนึ่ง หากตระกูลของเขาต้องการสร้างเรื่องใส่ร้าย และสมคบคิดกันใช้กลอุบายเล่นงาน ก็คงไม่ง่าย หากเรามี ผู้บัญชาการห้ากองพลมาออกหน้า ดังนั้น หากมีสิ่งใดไม่ชอบมาพากล เจ้าสามารถส่งคนสนิทไปแจ้ง - โดยเฉพาะ ชุนซิ่ง หรือลั่วกว่าง ให้ไปที่โรงเตี๊ยมชิงย่วน ทางตะวันออกของปลายถนนหูเถา เพื่อไปหาหลงจู๊ไต้! ฮูหยิน เจ้าต้องจดจำเอาไว้!”

  น้ำเสียงของหลี่ฟู่ทุ้มนุ่มและจริงจัง ชายหนุ่มมองเธอด้วยสายตาที่เปล่งประกายพร่างพราย

  เมื่อเขาไม่ได้อยู่ในเมืองหลวง ตระกูลจูอาจเล่นไม่ซื่อได้!

  เมื่อไม่กี่วันก่อน มีบางคนมาบอกเขา ด้วยความปรารถนาดีว่า พอทางโน้นรู้ว่าภรรยาของเขาได้ให้กำเนิดบุตรชายให้กับเขา คุณหนูหกตระกูลจู ก็มีอาการลมชักอย่างหนักอีกครั้งที่จวงจื่อของครอบครัว สร้างความวุ่นวายโกลาหลให้ครอบครัวอย่างหนัก!

   วัดของตระกูลอะไรกัน? ถือศีลภาวนาอะไรกัน? ตระกูลจูให้ข่าวไปแบบนั้น  แต่กลับไม่ได้ส่งจูอี๋อิง ไปถือศีลภาวนาเลย  เขาไม่เชื่อในน้ำคำของคนพวกนั้นหรอก  และมีความเป็นไปได้สูงมาก ที่จะเกิดเรื่องบางอย่างขึ้น!

   เมื่อเห็นหลี่ฟู่เป็นแบบนี้ ใจของเหลียนฟางโจว ก็บังเกิดความวิตกกังวลขึ้นมาทันที เธอจึงฝืนยิ้มออกมา พลางพยักหน้ารับคำ "ข้าจดจำได้แล้ว หากมีความจำเป็นใดๆ ข้าจะส่งคนไป และจะไม่มีใครรู้เรื่องนี้ หลงจู๊ไต้คนนั้น——”

หลี่ฟู่ลังเล แล้วพูดด้วยเสียงต่ำว่า "หลงจู๊ไต้ผู้นั้น—"

หลี่ฟู่ลังเลอยู่ครู่หนึ่ง แล้วเอ่ยเสียงแผ่วว่า “เป็นคนของไท่จื่อ(รัชทายาท)

   เหลียนฟางโจวตกตะลึงพรึงเพริด เธออดอุทานเบาๆไม่ได้ "อา!" แล้วจ้องหลี่ฟู่เขม็ง ด้วยดวงตาเบิกกว้างอย่างประหลาดใจ

   เธอมักคิดอยู่เสมอว่า หลี่ฟู่ไม่ได้ยืนอยู่ในแถว และจงรักภักดีต่อฮ่องเต้เท่านั้น เป็นไปได้ไหมว่า เขาได้ถือข้างไท่จื่อแล้ว?

    ในหัวพลันว่างเปล่าไปครู่หนึ่ง หญิงสาวอดเอ่ยเบาๆไม่ได้ว่า “ว่ากันว่าไท่จื่อทรงมีพระวรกายอ่อนแอและประชวรบ่อยครั้ง แล้วท่านจะทำอย่างไร—”

   ในเมื่อหลี่ฟูบอกภรรยาไปแล้ว เขาจึงไม่มีความคิดจะปกปิดเป็นความลับอีกต่อไป ชายหนุ่มจึงกล่าวว่า “ไท่จื่อ(รัชทายาท)ทรงไม่ได้อ่อนแอนัก แม้ว่าพระองค์จะทรงประชวรบ่อย แต่ก็สามารถบำรุงจนฟื้นตัวกลับมาได้ และไม่ได้รุนแรงถึงขั้นทำลายส่วนสำคัญจนเสียหาย นอกจากนี้ ไท่จื่อยังทรงมีพระทัยงาม พระนัดดาองค์โตของฮ่องเต้ ก็ทรงฉลาดปราดเปรื่องและได้รับความโปรดปรานจากฮ่องเต้ ทั้งไท่จื่อ และไท่จื่อเฟย(พระชายาเอกของไท่จื่อ) ต่างก็ทรงมีคุณธรรม ต่อหน้าฮ่องเต้ ทุกคนกล่าวกันว่า อย่างน้อยก็ไม่มีใครสามารถสั่นคลอน สถานะของไท่จื่อได้ รออีกสักสองสามปี เมื่อพระนัดดาองค์โตมีพระชนมายุมากขึ้น ตำแหน่งของไท่จื่อก็จะยิ่งมั่นคงขึ้น!"

   เหลียนฟางโจวหนาวเหน็บในใจเมื่อได้ยินเรื่องนี้ รออีกสองสามปีรึ!

   กล่าวอีกนัยหนึ่งก็คือ ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา สถานะของรัชทายาทไม่ใช่ว่าจะแตกหักไม่ได้อย่างที่เขากล่าวไว้!

    เรื่องราวของราชวงศ์ ใครเล่าจะสามารถบอกได้? ไม่ใช่ว่า โลกจะพลิกขั้วได้ในชั่วข้ามคืนไม่ได้! จากคนที่อยู่เหนือคนนับหมื่นคน สู่การเป็นนักโทษในขุมนรกที่สิบแปด ไม่มีอะไรเลย นอกจากความไม่เที่ยง

   หลี่ฟู่เขา——

   โดยไม่ต้องรอให้เหลียนฟางโจวถามอีก หลี่ฟู่เอ่ยด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา "หากไม่มีท่านราชครูติง ข้าก็คงไม่สามารถอยู่ในที่ๆข้าอยู่ในวันนี้ได้ ข้าจะไม่ลืมพระคุณที่ได้พบเขาเลย นอกจากนี้ ไท่จื่อก็ทรงถือกำเนิดจากฮองเฮา สมควรสืบทอดราชบัลลังก์ อีกทั้งทรงมีคุณธรรม รวมทั้งความสามารถที่โดดเด่น การที่พระองค์มีสิทธิ์อันชอบธรรม ในฐานะไท่จื่อ ก็ถูกต้องตามกฎของฟ้าดิน ดังนั้น การที่ข้าจะปกป้องพระองค์ ก็เป็นเรื่องที่ถูกต้องชอบธรรมแล้ว!”

   ในเมื่อเป็นเช่นนี้!

   เหลียนฟางโจวจะพูดอะไรได้อีก?

   หญิงสาวพยักหน้า แล้วเอ่ยเบา ๆ ว่า “ข้าเป็นภรรยาของท่าน ข้ากับท่านเป็นสามีภรรยากัน ข้าก็ย่อมสนับสนุนทุกเรื่องที่ท่านตัดสินใจ หากท่านมีปัญหาใดๆ ก็อย่าได้ปิดบังสิ่งที่ท่านสามารถบอกข้าได้  แม้ว่าข้าจะช่วยไม่ได้ ข้าก็จะไม่ทำร้ายท่าน! หากท่านไม่ว่าอะไร ข้าจะคิดหาวิธีแอบเปิดร้านค้าเพิ่ม ไม่ว่าเราจะทำอะไร ก็ต้องใช้เงินตลอด!"

   เหลียนฟางโจวแอบคิดเรื่องนี้ไว้ในใจแล้ว และเธอก็ต้องคิดให้รอบคอบเผื่อไปถึงอนาคต อาทิเช่น ร้านค้าประเภทใดที่ควรเปิด ที่ไม่ได้อยู่ในเมืองหลวง และไม่โดดเด่นเกินไป และควรคัดเลือกและฝึกฝนอบรมผู้มีความสามารถด้านการจัดการอย่างค่อยเป็นค่อยไป

   ในเมื่อหลี่ฟู่เลือกข้างแล้ว เธอย่อมไม่ละความพยายามที่จะช่วยเหลือเขา

   หลี่ฟู่อดหัวเราะไม่ได้และพูดว่า: "เจ้าพูดจริงใช่ไหม เพราะไม่มีใครภายใต้ไท่จื่อที่เก่งกาจเรื่องการค้า และการเงินของไท่จื่อก็ตึงตัวเสมอ เจ้าน่าจะช่วยพระองค์ได้ดีที่สุด อย่างไรก็ตาม เจ้าไม่จำเป็นต้องรีบเร่งเกินไป ค่อยๆทำไปตามสบายเถิด”

    เหลียนฟางโจวยิ้ม แล้วพยักหน้าให้อีกฝ่าย











ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น