วันเสาร์ที่ 9 ธันวาคม พ.ศ. 2560

จับแม่ทัพไปไถนา -บทที่ 146 ไม่ยอมถอดใจ 2

                      “เจ้านี่...อย่าเอะอะเสียงดังไป!” พ่อเฒ่าหยางเหลียวหลังไปมองอย่างระวังตัว   ทันใดนั้นแม่เฒ่าหยางจึงเข้าใจในสิ่งที่หลิวเจี่ยได้อธิบายไปอย่างทะลุปรุโปร่ง
                   ดวงตาของแม่เฒ่าหยางหรี่ลง  นิ่งงันไปเล็กน้อย
                   “เรื่องนี้  เรื่องนี้เป็นไปไม่ได้!”  พอสติกลับคืนมา  สิ่งแรกที่แม่เฒ่าหยางทำคือปฏิเสธเรื่องนี้อย่างหัวเด็ดตีนขาด  ไม่เช่นนั้น  ใจนางคงยากจะต้านทานความเจ็บปวดอันเกินระงับนี้!

                        เหลียนฟางโจวเด็กสาวผู้แสนขี้ขลาดหัวหดคนนั้น  นี่นางถึงกับเจอโชคหล่นใส่เลยหรือ?  นางสามารถมีคนใหญ่คนโตมาให้ความอนุเคราะห์จนมีเงินมาใช้จ่ายเป็นว่าเล่นได้เลยหรือเรื่องนี้เป็นไปไม่ได้!  เป็นไปไม่ได้อย่างแน่นอนที่สุด!  สวรรค์ไม่มีตาหรือไร!
                        “ข้าว่าตี้เป่าผู้นั้นไม่เต็มใจช่วยเหลือพวกเราเป็นแน่   จึงจงใจใช้คำพูดเช่นนั้นหลอกลวงเรา!   เป็นเช่นนั้นแน่แท้!”  คำพูดของแม่เฒ่าหยางมิใช่ถามเพราะสงสัย  ทว่านางมั่นใจอย่างหาได้เปรียบ   หญิงชราเอ่ยเสียงรอดไรฟัน “แค่เด็กสาวต่ำต้อยคนหนึ่ง  ไฉนถึงโชคดีแบบนี้ หากนางยังโชคดีแบบนี้ได้  สกุลเราคงสามารถเป็นญาติกับฮ่องเต้ได้แล้ว!”
                        “เจ้าพูดเบาหน่อยได้ไหมอย่างเจ้านี่เรียกว่าอะไรหรือ  หากมีคนผ่านมาได้ยินเข้า  พวกเราทั้งตระกูลคงได้ประสบหายนะยกใหญ่เป็นแน่!”  พ่อเฒ่าหยางเอ่ยอย่างฉุนเฉียว “หลิวเจี่ยก็อธิบายจนแจ่มแจ้งแล้ว  ไยจึงวอนหาเรื่องอีก?  ฮึ่ม...เจ้าคิดว่าเหลียนฟางโจวยังเป็นเหลียนฟางโจวคนก่อนหรือ เจ้ายังจะทำอันใดได้อีกหรือ?  เช่นนั้นเมื่อวานเจ้าก็คงไม่เป็นฝ่ายพ่ายแพ้ในกำมือของนางหรอก!   ข้าอยากจะเตือนเจ้าเอาไว้  ที่เจ้าทำไปเนี่ย  หากก่อหายนะให้มาเยือนอีก  ข้าจะคอยดูตอนจบของเจ้าว่าจะเป็นไฉน!   ที่ดิน 30หมู่นั่น  ราคาที่ดินที่เราขายมิได้ขาดทุนอันใดเลย  แทนที่จะหากำไร  เจ้าดันมาคิดเรื่องพวกนี้ได้อย่างไร?   ผู้อื่นเขามีชีวิตที่ดีขึ้นก็เรื่องของเขา  พวกเราก็มีชีวิตของเรา   เจ้ากระเหี้ยนกระหือรือจะยั่วโมโหนางใช่หรือไม่?  ที่เจ้าพูดมาล้วนคือสิ่งที่เจ้าวางแผนไว้สินะ!”
                        “ข้า....”  แม่เฒ่าหยางเคียดแค้นชิงชังได้แต่แค่นเสียงเย็น  ใบหน้าเย็นชาไม่เอ่ยอันใด
              “ข้าขอบอกกับเจ้า เผื่อเจ้าไม่ได้ยิน!” พ่อเฒ่าหยางเอ่ยเสียงห้วน “หากยังไปสาระแนก่อเรื่องร้ายๆขึ้นอีกละก็  อย่ามาหาว่าข้าหยาบคายก็แล้วกัน!” 
                        แม่เฒ่าหยางเห็นสายตาเยียบเย็นของสามีที่จับจ้องมา  จึงไม่มีทางเลือก จำต้องฝืนตนเองให้ดูเป็นไม่ได้ติดใจอะไร   เพียงเปล่งเสียงมาคำหนึ่ง “อื้ม”   แต่จริงๆแล้วนางยังไม่พร้อมจะปล่อยวางได้ถึงเพียงนั้น
         นางได้วางแผนในใจไว้แล้ว  หากพรุ่งนี้มาถึงเมื่อไร  นางยังจะไปบ้านเหลียนฟางโจวอีกครา  จะยืนกรานบังคับเหลียนฟางโจวให้ไปหาตี้เป่าผู้นั้นกับนาง   บังคับเหลียนฟางโจวให้เป็นฝ่ายเอ่ยเรื่องขายที่ดินออกมาเอง  โดยที่นางไม่ต้องทำอะไร!
                        เนื่องจากไม่อาจได้ “คืน” กลับ  ก็สามารถ “ขาย”กลับมาได้นี่!
                        หลังเหลียนฟางโจวกลับจากเข้าเมือง  ตกบ่ายก็ไปยังที่ดินตรงสามแยกนั่น  การซ่อมแซมถนนเข้าที่ดินเป็นไปอย่างเรียบร้อย  สามารถให้รถเกวียนจากถนนใหญ่วิ่งเข้าสู่ที่ดินโดยตรงได้เลย
         พอเห็นเหลียนฟางโจวมาถึง  คนงานทุกคนต่างพากันยิ้มแย้มร้องทักเธอคล้ายว่าเธอคือนายหญิงของพวกเขา “นายหญิง”   หญิงสาวก็ทักทายกลับด้วยเหมือนกัน  เหลียนฟางโจวส่งยิ้มตอบให้คนทั้งหมด
              เมื่อวานที่แม่เฒ่าหยางมาหาเรื่อง พวกเขาทุกคนต่างรู้กันทั่ว  จึงอดมาพูดให้กำลังใจหญิงสาวสักหลายๆคำไม่ได้  เหลียนฟางโจวยิ้มเอ่ยขอบคุณพวกเขา  โอภาปราศรัยกับพวกเขาพอสมควร    หญิงสาวอดทอดถอนใจด้วยความเสียใจไม่ได้  ยามนี้ข่าวก็แพร่สะพัดไปทั่วแล้ว  ช่างไปไวเสียจริง!
                        วันนี้วัว 12ตัวได้เข้ามาไถพรวนที่ดินอีกครั้ง  เมื่อวานเผาที่ดินที่รกเรื้อไปแล้ว  วันนี้จึงสามารถไถพรวนที่ดินกว้างใหญ่ไพศาลเพื่อเตรียมการเพาะปลูกได้
              ที่ดินรกร้างเกือบ 700 หมู่  มีวัวมาไถพรวนเปิดหน้าดินก็ช่วยทุ่นแรงเป็นอันมาก  ลงแรงวันเดียวงานก็เสร็จสิ้น
                        จากนั้นจะทำการสับดินก้อนใหญ่และซากวัชชพืชต่างๆบนที่ดินรกร้างผืนนี้ให้เป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยให้ทั่วอีกครั้ง ก็เป็นอันเสร็จสิ้นกระบวนการ   คำนวณแล้วคงใช้เวลาอีก 2-3วันคงจะเสร็จ
         ส่วนเนินเขาเสื่อมโทรมลูกนั้นได้ถูกเผาจนทั่วไปตั้งแต่เมื่อวานแล้ว  ยามนี้พื้นผิวมีแต่รอยไหม้ดำเกรียมไปทั่ว
              เหลียนฟางโจวตั้งชื่อเนินเขานี้ว่า เสี่ยวฮวากั่วซาน(เขาผลไม้บุปผาน้อย)  เมื่อวานเธอได้มอบหมายงานให้คนงานไปแล้ว  ตรงตีนเขาให้ล้อมรั้วชั่วคราวโดยรอบกว้างออกมา 4 มี่(เมตร) และปล่อยไว้ไม่ต้องไถพรวน  เตรียมไว้สำหรับปักเสากั้นเป็นรั้วล้อมด้วยตาข่ายตาถี่ๆ
                        ตอนนี้  มีคนงาน 6 คนกำลังวุ่นอยู่กับงานในเขาเสี่ยวฮวากัวซาน
         เนินเขาลูกนี้มีสภาพเกือบเหมือนกับที่ดินตรงลานหิน  คือต้องแผ้วถางให้ถูกวิธี  เหลียนฟางโจวมองพื้นที่ ซึ่งได้รับการขุดถอนรากไม้ ต้นไม้มากมายออกมากองไว้เรียบร้อยแล้ว
                   พอใช้แรงคนแผ้วถางทุกสิ่งอย่างบนเนินเขานี้จนเรียบร้อย  จากนั้นจึงจะเริ่มขุดหลุมสำหรับลงไม้ผล
                   โดยจะขุดหลุมแต่ละหลุมกว้างราว 3 มี่ แต่ละหลุมอยู่ห่างกันราว 1มี่ครึ่ง  เหลียนฟางโจวประเมินคร่าวๆ  ว่าอาจสามารถขุดหลุมได้ถึง 4,200 -4,300 หลุมเลยทีเดียว  ส่วนพื้นที่บนยอดเนินจะปล่อยทิ้งไว้เพื่อสร้างเรือน   ส่วนด้านหน้าทั้งสองข้างของเนินเขาจะปล่อยเป็นพื้นที่เปิดโล่งไว้สำหรับทำเป็นเล้าไก่
                        เหลียนฟางโจวหวังไว้แต่แรกแล้วว่าอยากมีสวนผลไม้สักแห่ง  ในสวนจะเต็มไปด้วยผลไม้นานาชนิด  ดีที่สุดคือได้สร้างเรือนทั้งหมดไว้ท่ามกลางสวนป่าผลไม้นานาพันธุ์  ยามเปิดหน้าต่างออกไปก็สามารถเห็นผลไม้ที่ออกดอกออกผลสะพรั่งไปทั่วพร้อมให้เก็บกินได้!  พอถึงช่วงหน้าร้อน  ก็สามารถหลบร้อนไปนั่งใต้ร่มไม้ในสวนผลไม้นั่น!
                        ยามนี้สิ่งที่ปรารถนาใกล้จะเป็นจริงแล้ว  ไม่เพียงเป็นจริง  ซ้ำยังดีกว่าที่วาดฝันไว้ตั้งแต่ทีแรกอีกด้วย
                        เหลียนฟางโจวจะให้น้องๆแต่ละคนเล่าแผนการปลูกผลไม้ของตนเองออกมา  น้องๆทั้งสามคนต่างเบิกบานยินดียิ่งนัก   มีสีหน้าฝันหวานตามเธอไปด้วย
    ด้วยเหตุนี้  เหลียนฟางโจวจึงให้ความสำคัญกับเขาเสี่ยวฮวากั่วเป็นพิเศษ   หญิงสาวถามคำถามสำคัญๆกับน้องๆไปไม่น้อย
                   ตกยามเซิน (บ่าย 3-5โมงเย็น)  งานก็เสร็จไปมากกว่าครึ่ง  เหลียนฟางโจวจึงกลับบ้านไปก่อน
                        เดี๋ยวนี้ที่บ้านมีวัวสองตัวแล้ว   เธอจึงต้องกลับไปดูแล 
              วัวพวกนี้เพิ่งจะเข้ามาเป็นสมาชิกของครอบครัวเมื่อไม่นาน   ยังไม่คุ้นกับคนแปลกหน้า  ส่วนเหลียนฟางฉิงกับเหลียนเช่อสองคนนั้น  ก็ยังไม่ได้กำหนดหน้าที่ให้ชัดเจน  เหลียนฟางโจวไม่รู้สึกเบาใจนัก  คอยให้ผ่านครึ่งเดือนไปก่อน  เพียงส่งมอบหน้าที่ให้พวกเขาเรียบร้อยก่อน เธอถึงจะเบาใจได้เต็มที่  โดยทั่วไปครอบครัวชาวไร่ชาวนาบ้านอื่นๆ   เด็กโตมักจะช่วยพาวัวออกไปกินหญ้ากันเป็นเรื่องปกติ
                        เมื่อถึงเวลาที่เหลียนเช่อต้องเข้าเรียนต่อในสำนักศึกษา  แรงงานในครอบครัว  คงจะขาดแคลนเข้าขั้นวิกฤติ!
                        เหลียนฟางโจวกลับถึงบ้าน  และให้เหลียนเช่อกับเหลียนฟางฉิงจูงวัวสองตัวออกไปกินหญ้ากินน้ำด้วยกัน   เหลียนฟางฉิงกับเหลียนเช่อทั้งสองคนยังหมกมุ่นเรื่องเขาเสี่ยวฮวากั่วซานอยู่   จึงคุยจ้อเรื่องนี้กันไม่หยุด
    พอพูดถึงเขาเสี่ยวฮวากั่วซานแล้ว   เด็กทั้งสองเห่อเรื่องนี้กว่าที่เหลียนฟางโจวเป็นอยู่เสียอีก!
                   “พี่ใหญ่  ไม่เช่นนั้น พอผ่านไปสองวันพวกเราไปขุดต้นผลไม้ป่าที่เขาเซียนเถิงซานกันดีไหม?”  ดวงตาของเหลียนเช่อเป็นประกายด้วยความคาดหวังยามเอ่ยออกมา
                        เหลียนฟางโจวเอ่ยแย้มยิ้ม  “เขาเซียนเถิงซานมิได้อยู่ใกล้ๆนะ  พวกเจ้าทั้งสองคนอยากไปจริงหรือ?”
         เหลียนเช่อกับเหลียนฟางฉิงพยักหน้ารัวๆ  เอ่ยออกมาพร้อมเพียงกัน “พวกเราไม่กลัวพวกเราจะช่วยหาต้นผลไม้  แล้วจะช่วยขุดให้ด้วยนะ!”
                   สีหน้าของเด็กทั้งสองกระตือรือร้นนัก  กระวนกระวายอย่างยิ่ง   เหมือนกลัวว่าเหลียนฟางโจวจะไม่อนุญาต
              เหลียนฟางโจวอดหัวเราะไม่ได้  จึงพยักหน้าเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “ก็ได้!  พวกเจ้าอยากไป  เช่นนั้นก็ไปเถิด ข้าเองก็เห็นด้วยตั้งแต่แรกแล้ว  เมื่อถึงเวลานั้น หากพวกเจ้าเกิดเดินไม่ไหวขึ้นมา  ก็ไม่มีใครแบกพวกเจ้าได้หรอกนะและก็ห้ามร้องงอแงด้วย!”
                        “ไม่แน่นอน!”
                        “ข้าจะไม่ทำแน่!”
                        เด็กทั้งสองอดตะโกนโห่ร้องด้วยความดีใจมิได้  ยิ้มหน้าบานเป็นจานเชิง  ปากก็คุยจ้อกันไม่หยุด    คุยหารือแต่เรื่องติดตามเหลียนฟางโจวไปเขาเซียนเถิงซานกันกันขโมงโฉงเฉง
              เหลียนฟางโจวกับน้องเล็กทั้งสองเอาแต่สุมหัวหารือกัน  อบอุ่นซ่านในหัวใจ   แทบจะอดรนทนไม่ไหว  อยากจะให้ถึงวันนั้นเร็วๆนัก!
                   วันต่อมา  แม่เฒ่าหยางปิดบังพ่อเฒ่าหยาง ทำทีเป็นว่าผ่านมาบ้านสกุลเหลียนด้วยความบังเอิญ
                   นางย่อมไม่เอ่ยเรื่องปัญหาการขายกับโฉนดที่ดินใหม่ที่หลิวเจี่ยเคยอธิบายมา  เอาแต่อ้างว่านางได้บรรลุข้อตกลงกับหลิวเจี่ยแล้ว  เพียงเหลียนฟางโจวไปแสดงตัว  เพียงแค่จัดการแลกเปลี่ยนที่ดินกลับคืนเท่านั้น!
                        หากเหลียนฟางโจวไม่เต็มใจไป  ถือเป็นการรังแกนางซึ่งเป็นหญิงชราหัวเดียวกระเทียมลีบ!    หากไม่รักษาคำพูดก็คือทรยศความไว้เนื้อเชื่อใจของผู้อื่น!
                        บังเอิญนัก  เหลียนฟางโจวยังมิได้ออกไปกับแม่เฒ่าหยาง  หลิวเจี่ยก็เป็นฝ่ายมาเยี่ยมเยียนถึงบ้าน
                        แม่เฒ่าหยางเห็นหลิวเจี่ย  สีหน้านางพลันเปลี่ยนไปเล็กน้อย  ทว่าสมองนางรีบพลิกแพลงอย่างไว   ทันใดนั้นก็อยากจะเปิดปากเจรจาเรื่องให้เหลียนฟางโจวตกลงเรื่องที่ดินที่จะให้แก่นาง  เพื่อให้เรื่องเป็นจริงเสียที

                   เพียงหยิบยกเรื่องนี้มาตกลงสำเร็จ   แม้หลิวเจี่ยจะไม่พอใจขึ้นมาอีกครา   ก็มิอาจบังคับความตั้งใจที่จะซื้อและขายของทั้งสองฝ่ายได้!
       -----------------------------------------------------------------
     ขอบคุณสำหรับทุกคอมเมนต์และการติดตามค่ะ ^-^

13 ความคิดเห็น:

  1. ไม่ระบุชื่อ9 ธันวาคม 2560 เวลา 22:53

    ขอบคุณค่ะ

    ตอบลบ
  2. เห้อเบื่อโว้ยยยย ดีนะที่ไม่ได้มาเป็นแม่ผัววว

    ตอบลบ
  3. หญิงแก่ปัญญาเลอะเลือนโดนอีกดอกแล้วจะหงอยไหม

    ตอบลบ
  4. อยากรู้ว่าแม่เฒ่าหยางจะโดนอะไรอีก เฮ้อ...

    ตอบลบ
  5. แม่เฒ่ากระ อักเลือดตายก็ครานี้แหละ

    ตอบลบ
  6. อย่างน้อยพ่อเฒ่าก็พอรู้เรื่องกว่าแม่เฒ่านี้อีก

    ตอบลบ
  7. อ่านแล้ว ทำให้นึกถึงตอนเด็กๆของตัวเอง ว่ามีผู้ใหญ่แบบนี้อยู่จริงๆ

    ตอบลบ
  8. น่าเบื่อนิสัยแบบยายเฒ่านี่

    ตอบลบ
  9. ช่างหน้าทนพอๆกับคู่ลุงป้าเลย

    ตอบลบ