“เจ้านี่...อย่าเอะอะเสียงดังไป!”
พ่อเฒ่าหยางเหลียวหลังไปมองอย่างระวังตัว ทันใดนั้นแม่เฒ่าหยางจึงเข้าใจในสิ่งที่หลิวเจี่ยได้อธิบายไปอย่างทะลุปรุโปร่ง
ดวงตาของแม่เฒ่าหยางหรี่ลง นิ่งงันไปเล็กน้อย
“เรื่องนี้ เรื่องนี้เป็นไปไม่ได้!” พอสติกลับคืนมา
สิ่งแรกที่แม่เฒ่าหยางทำคือปฏิเสธเรื่องนี้อย่างหัวเด็ดตีนขาด ไม่เช่นนั้น
ใจนางคงยากจะต้านทานความเจ็บปวดอันเกินระงับนี้!
เหลียนฟางโจวเด็กสาวผู้แสนขี้ขลาดหัวหดคนนั้น
นี่นางถึงกับเจอโชคหล่นใส่เลยหรือ?
นางสามารถมีคนใหญ่คนโตมาให้ความอนุเคราะห์จนมีเงินมาใช้จ่ายเป็นว่าเล่นได้เลยหรือ? เรื่องนี้เป็นไปไม่ได้! เป็นไปไม่ได้อย่างแน่นอนที่สุด! สวรรค์ไม่มีตาหรือไร!
“ข้าว่าตี้เป่าผู้นั้นไม่เต็มใจช่วยเหลือพวกเราเป็นแน่ จึงจงใจใช้คำพูดเช่นนั้นหลอกลวงเรา! เป็นเช่นนั้นแน่แท้!” คำพูดของแม่เฒ่าหยางมิใช่ถามเพราะสงสัย ทว่านางมั่นใจอย่างหาได้เปรียบ หญิงชราเอ่ยเสียงรอดไรฟัน “แค่เด็กสาวต่ำต้อยคนหนึ่ง ไฉนถึงโชคดีแบบนี้! หากนางยังโชคดีแบบนี้ได้ สกุลเราคงสามารถเป็นญาติกับฮ่องเต้ได้แล้ว!”
“เจ้าพูดเบาหน่อยได้ไหม! อย่างเจ้านี่เรียกว่าอะไรหรือ
หากมีคนผ่านมาได้ยินเข้า พวกเราทั้งตระกูลคงได้ประสบหายนะยกใหญ่เป็นแน่!” พ่อเฒ่าหยางเอ่ยอย่างฉุนเฉียว “หลิวเจี่ยก็อธิบายจนแจ่มแจ้งแล้ว ไยจึงวอนหาเรื่องอีก? ฮึ่ม...เจ้าคิดว่าเหลียนฟางโจวยังเป็นเหลียนฟางโจวคนก่อนหรือ? เจ้ายังจะทำอันใดได้อีกหรือ? เช่นนั้นเมื่อวานเจ้าก็คงไม่เป็นฝ่ายพ่ายแพ้ในกำมือของนางหรอก! ข้าอยากจะเตือนเจ้าเอาไว้ ที่เจ้าทำไปเนี่ย หากก่อหายนะให้มาเยือนอีก ข้าจะคอยดูตอนจบของเจ้าว่าจะเป็นไฉน! ที่ดิน 30หมู่นั่น ราคาที่ดินที่เราขายมิได้ขาดทุนอันใดเลย แทนที่จะหากำไร เจ้าดันมาคิดเรื่องพวกนี้ได้อย่างไร? ผู้อื่นเขามีชีวิตที่ดีขึ้นก็เรื่องของเขา พวกเราก็มีชีวิตของเรา เจ้ากระเหี้ยนกระหือรือจะยั่วโมโหนางใช่หรือไม่? ที่เจ้าพูดมาล้วนคือสิ่งที่เจ้าวางแผนไว้สินะ!”
“ข้า....” แม่เฒ่าหยางเคียดแค้นชิงชังได้แต่แค่นเสียงเย็น ใบหน้าเย็นชาไม่เอ่ยอันใด
“ข้าขอบอกกับเจ้า เผื่อเจ้าไม่ได้ยิน!” พ่อเฒ่าหยางเอ่ยเสียงห้วน “หากยังไปสาระแนก่อเรื่องร้ายๆขึ้นอีกละก็ อย่ามาหาว่าข้าหยาบคายก็แล้วกัน!”
แม่เฒ่าหยางเห็นสายตาเยียบเย็นของสามีที่จับจ้องมา จึงไม่มีทางเลือก จำต้องฝืนตนเองให้ดูเป็นไม่ได้ติดใจอะไร
เพียงเปล่งเสียงมาคำหนึ่ง “อื้ม” แต่จริงๆแล้วนางยังไม่พร้อมจะปล่อยวางได้ถึงเพียงนั้น
นางได้วางแผนในใจไว้แล้ว หากพรุ่งนี้มาถึงเมื่อไร นางยังจะไปบ้านเหลียนฟางโจวอีกครา จะยืนกรานบังคับเหลียนฟางโจวให้ไปหาตี้เป่าผู้นั้นกับนาง บังคับเหลียนฟางโจวให้เป็นฝ่ายเอ่ยเรื่องขายที่ดินออกมาเอง โดยที่นางไม่ต้องทำอะไร!
เนื่องจากไม่อาจได้ “คืน” กลับ ก็สามารถ
“ขาย”กลับมาได้นี่!
หลังเหลียนฟางโจวกลับจากเข้าเมือง ตกบ่ายก็ไปยังที่ดินตรงสามแยกนั่น การซ่อมแซมถนนเข้าที่ดินเป็นไปอย่างเรียบร้อย สามารถให้รถเกวียนจากถนนใหญ่วิ่งเข้าสู่ที่ดินโดยตรงได้เลย
พอเห็นเหลียนฟางโจวมาถึง คนงานทุกคนต่างพากันยิ้มแย้มร้องทักเธอคล้ายว่าเธอคือนายหญิงของพวกเขา
“นายหญิง” หญิงสาวก็ทักทายกลับด้วยเหมือนกัน เหลียนฟางโจวส่งยิ้มตอบให้คนทั้งหมด
เมื่อวานที่แม่เฒ่าหยางมาหาเรื่อง พวกเขาทุกคนต่างรู้กันทั่ว จึงอดมาพูดให้กำลังใจหญิงสาวสักหลายๆคำไม่ได้ เหลียนฟางโจวยิ้มเอ่ยขอบคุณพวกเขา โอภาปราศรัยกับพวกเขาพอสมควร หญิงสาวอดทอดถอนใจด้วยความเสียใจไม่ได้ ยามนี้ข่าวก็แพร่สะพัดไปทั่วแล้ว ช่างไปไวเสียจริง!
วันนี้วัว
12ตัวได้เข้ามาไถพรวนที่ดินอีกครั้ง
เมื่อวานเผาที่ดินที่รกเรื้อไปแล้ว
วันนี้จึงสามารถไถพรวนที่ดินกว้างใหญ่ไพศาลเพื่อเตรียมการเพาะปลูกได้
ที่ดินรกร้างเกือบ 700 หมู่ มีวัวมาไถพรวนเปิดหน้าดินก็ช่วยทุ่นแรงเป็นอันมาก ลงแรงวันเดียวงานก็เสร็จสิ้น
จากนั้นจะทำการสับดินก้อนใหญ่และซากวัชชพืชต่างๆบนที่ดินรกร้างผืนนี้ให้เป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยให้ทั่วอีกครั้ง
ก็เป็นอันเสร็จสิ้นกระบวนการ คำนวณแล้วคงใช้เวลาอีก 2-3วันคงจะเสร็จ
ส่วนเนินเขาเสื่อมโทรมลูกนั้นได้ถูกเผาจนทั่วไปตั้งแต่เมื่อวานแล้ว ยามนี้พื้นผิวมีแต่รอยไหม้ดำเกรียมไปทั่ว
เหลียนฟางโจวตั้งชื่อเนินเขานี้ว่า เสี่ยวฮวากั่วซาน(เขาผลไม้บุปผาน้อย) เมื่อวานเธอได้มอบหมายงานให้คนงานไปแล้ว ตรงตีนเขาให้ล้อมรั้วชั่วคราวโดยรอบกว้างออกมา
4 มี่(เมตร) และปล่อยไว้ไม่ต้องไถพรวน เตรียมไว้สำหรับปักเสากั้นเป็นรั้วล้อมด้วยตาข่ายตาถี่ๆ
ตอนนี้ มีคนงาน 6 คนกำลังวุ่นอยู่กับงานในเขาเสี่ยวฮวากัวซาน
เนินเขาลูกนี้มีสภาพเกือบเหมือนกับที่ดินตรงลานหิน คือต้องแผ้วถางให้ถูกวิธี เหลียนฟางโจวมองพื้นที่ ซึ่งได้รับการขุดถอนรากไม้
ต้นไม้มากมายออกมากองไว้เรียบร้อยแล้ว
พอใช้แรงคนแผ้วถางทุกสิ่งอย่างบนเนินเขานี้จนเรียบร้อย จากนั้นจึงจะเริ่มขุดหลุมสำหรับลงไม้ผล
โดยจะขุดหลุมแต่ละหลุมกว้างราว 3
มี่ แต่ละหลุมอยู่ห่างกันราว 1มี่ครึ่ง
เหลียนฟางโจวประเมินคร่าวๆ ว่าอาจสามารถขุดหลุมได้ถึง
4,200 -4,300 หลุมเลยทีเดียว ส่วนพื้นที่บนยอดเนินจะปล่อยทิ้งไว้เพื่อสร้างเรือน ส่วนด้านหน้าทั้งสองข้างของเนินเขาจะปล่อยเป็นพื้นที่เปิดโล่งไว้สำหรับทำเป็นเล้าไก่
เหลียนฟางโจวหวังไว้แต่แรกแล้วว่าอยากมีสวนผลไม้สักแห่ง ในสวนจะเต็มไปด้วยผลไม้นานาชนิด ดีที่สุดคือได้สร้างเรือนทั้งหมดไว้ท่ามกลางสวนป่าผลไม้นานาพันธุ์ ยามเปิดหน้าต่างออกไปก็สามารถเห็นผลไม้ที่ออกดอกออกผลสะพรั่งไปทั่วพร้อมให้เก็บกินได้! พอถึงช่วงหน้าร้อน ก็สามารถหลบร้อนไปนั่งใต้ร่มไม้ในสวนผลไม้นั่น!
ยามนี้สิ่งที่ปรารถนาใกล้จะเป็นจริงแล้ว
ไม่เพียงเป็นจริง ซ้ำยังดีกว่าที่วาดฝันไว้ตั้งแต่ทีแรกอีกด้วย
เหลียนฟางโจวจะให้น้องๆแต่ละคนเล่าแผนการปลูกผลไม้ของตนเองออกมา น้องๆทั้งสามคนต่างเบิกบานยินดียิ่งนัก มีสีหน้าฝันหวานตามเธอไปด้วย
ด้วยเหตุนี้ เหลียนฟางโจวจึงให้ความสำคัญกับเขาเสี่ยวฮวากั่วเป็นพิเศษ หญิงสาวถามคำถามสำคัญๆกับน้องๆไปไม่น้อย
ตกยามเซิน (บ่าย 3-5โมงเย็น) งานก็เสร็จไปมากกว่าครึ่ง เหลียนฟางโจวจึงกลับบ้านไปก่อน
เดี๋ยวนี้ที่บ้านมีวัวสองตัวแล้ว เธอจึงต้องกลับไปดูแล
วัวพวกนี้เพิ่งจะเข้ามาเป็นสมาชิกของครอบครัวเมื่อไม่นาน ยังไม่คุ้นกับคนแปลกหน้า ส่วนเหลียนฟางฉิงกับเหลียนเช่อสองคนนั้น ก็ยังไม่ได้กำหนดหน้าที่ให้ชัดเจน เหลียนฟางโจวไม่รู้สึกเบาใจนัก คอยให้ผ่านครึ่งเดือนไปก่อน เพียงส่งมอบหน้าที่ให้พวกเขาเรียบร้อยก่อน เธอถึงจะเบาใจได้เต็มที่ โดยทั่วไปครอบครัวชาวไร่ชาวนาบ้านอื่นๆ
เด็กโตมักจะช่วยพาวัวออกไปกินหญ้ากันเป็นเรื่องปกติ
เมื่อถึงเวลาที่เหลียนเช่อต้องเข้าเรียนต่อในสำนักศึกษา แรงงานในครอบครัว คงจะขาดแคลนเข้าขั้นวิกฤติ!
เหลียนฟางโจวกลับถึงบ้าน และให้เหลียนเช่อกับเหลียนฟางฉิงจูงวัวสองตัวออกไปกินหญ้ากินน้ำด้วยกัน เหลียนฟางฉิงกับเหลียนเช่อทั้งสองคนยังหมกมุ่นเรื่องเขาเสี่ยวฮวากั่วซานอยู่ จึงคุยจ้อเรื่องนี้กันไม่หยุด
พอพูดถึงเขาเสี่ยวฮวากั่วซานแล้ว เด็กทั้งสองเห่อเรื่องนี้กว่าที่เหลียนฟางโจวเป็นอยู่เสียอีก!
“พี่ใหญ่ ไม่เช่นนั้น พอผ่านไปสองวันพวกเราไปขุดต้นผลไม้ป่าที่เขาเซียนเถิงซานกันดีไหม?” ดวงตาของเหลียนเช่อเป็นประกายด้วยความคาดหวังยามเอ่ยออกมา
เหลียนฟางโจวเอ่ยแย้มยิ้ม “เขาเซียนเถิงซานมิได้อยู่ใกล้ๆนะ พวกเจ้าทั้งสองคนอยากไปจริงหรือ?”
เหลียนเช่อกับเหลียนฟางฉิงพยักหน้ารัวๆ
เอ่ยออกมาพร้อมเพียงกัน “พวกเราไม่กลัว! พวกเราจะช่วยหาต้นผลไม้ แล้วจะช่วยขุดให้ด้วยนะ!”
สีหน้าของเด็กทั้งสองกระตือรือร้นนัก
กระวนกระวายอย่างยิ่ง เหมือนกลัวว่าเหลียนฟางโจวจะไม่อนุญาต
เหลียนฟางโจวอดหัวเราะไม่ได้ จึงพยักหน้าเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “ก็ได้!
พวกเจ้าอยากไป เช่นนั้นก็ไปเถิด! ข้าเองก็เห็นด้วยตั้งแต่แรกแล้ว เมื่อถึงเวลานั้น หากพวกเจ้าเกิดเดินไม่ไหวขึ้นมา ก็ไม่มีใครแบกพวกเจ้าได้หรอกนะ! และก็ห้ามร้องงอแงด้วย!”
“ไม่แน่นอน!”
“ข้าจะไม่ทำแน่!”
เด็กทั้งสองอดตะโกนโห่ร้องด้วยความดีใจมิได้ ยิ้มหน้าบานเป็นจานเชิง ปากก็คุยจ้อกันไม่หยุด คุยหารือแต่เรื่องติดตามเหลียนฟางโจวไปเขาเซียนเถิงซานกันกันขโมงโฉงเฉง
เหลียนฟางโจวกับน้องเล็กทั้งสองเอาแต่สุมหัวหารือกัน อบอุ่นซ่านในหัวใจ แทบจะอดรนทนไม่ไหว อยากจะให้ถึงวันนั้นเร็วๆนัก!
วันต่อมา แม่เฒ่าหยางปิดบังพ่อเฒ่าหยาง
ทำทีเป็นว่าผ่านมาบ้านสกุลเหลียนด้วยความบังเอิญ
นางย่อมไม่เอ่ยเรื่องปัญหาการขายกับโฉนดที่ดินใหม่ที่หลิวเจี่ยเคยอธิบายมา เอาแต่อ้างว่านางได้บรรลุข้อตกลงกับหลิวเจี่ยแล้ว เพียงเหลียนฟางโจวไปแสดงตัว เพียงแค่จัดการแลกเปลี่ยนที่ดินกลับคืนเท่านั้น!
หากเหลียนฟางโจวไม่เต็มใจไป ถือเป็นการรังแกนางซึ่งเป็นหญิงชราหัวเดียวกระเทียมลีบ! หากไม่รักษาคำพูดก็คือทรยศความไว้เนื้อเชื่อใจของผู้อื่น!
บังเอิญนัก เหลียนฟางโจวยังมิได้ออกไปกับแม่เฒ่าหยาง หลิวเจี่ยก็เป็นฝ่ายมาเยี่ยมเยียนถึงบ้าน
แม่เฒ่าหยางเห็นหลิวเจี่ย สีหน้านางพลันเปลี่ยนไปเล็กน้อย ทว่าสมองนางรีบพลิกแพลงอย่างไว ทันใดนั้นก็อยากจะเปิดปากเจรจาเรื่องให้เหลียนฟางโจวตกลงเรื่องที่ดินที่จะให้แก่นาง เพื่อให้เรื่องเป็นจริงเสียที
เพียงหยิบยกเรื่องนี้มาตกลงสำเร็จ แม้หลิวเจี่ยจะไม่พอใจขึ้นมาอีกครา ก็มิอาจบังคับความตั้งใจที่จะซื้อและขายของทั้งสองฝ่ายได้!
-----------------------------------------------------------------
ขอบคุณสำหรับทุกคอมเมนต์และการติดตามค่ะ ^-^
ขอบคุณค่ะไรท์
ตอบลบขอบคุณค่ะ
ตอบลบขอบคุณค่ะ
ตอบลบเห้อเบื่อโว้ยยยย ดีนะที่ไม่ได้มาเป็นแม่ผัววว
ตอบลบหญิงแก่ปัญญาเลอะเลือนโดนอีกดอกแล้วจะหงอยไหม
ตอบลบอยากรู้ว่าแม่เฒ่าหยางจะโดนอะไรอีก เฮ้อ...
ตอบลบแม่เฒ่ากระ อักเลือดตายก็ครานี้แหละ
ตอบลบอย่างน้อยพ่อเฒ่าก็พอรู้เรื่องกว่าแม่เฒ่านี้อีก
ตอบลบอ่านแล้ว ทำให้นึกถึงตอนเด็กๆของตัวเอง ว่ามีผู้ใหญ่แบบนี้อยู่จริงๆ
ตอบลบรอตอนต่อไป
ตอบลบน่าเบื่อนิสัยแบบยายเฒ่านี่
ตอบลบช่างหน้าทนพอๆกับคู่ลุงป้าเลย
ตอบลบขอบคุณค่ะ
ตอบลบ