“อีกสองวันก็จะถึงวันตงจื้อเสี่ยวเหนียน [1] แล้วนะ ! หลังฉลองเทศกาลเสี่ยวเหนียน
แน่นอนเราต้องเตรียมการฉลองเทศกาลต้าเหนียนต่อ
[2] !
พวกเราเข้าเมืองไปซื้อของสำหรับใช้ในวันปีใหม่กันเถิด อืม พอถึงวันที่ 27-28
ค่อยเข้าเมืองไปซื้อของกินมาตุนเพิ่มอีกครา” เหลียนฟางโจวปรึกษาหารือกับอาเจี่ยน
อาเจี่ยนพยักหน้าแย้มยิ้ม “มิต้องพูดถึงเรื่องอื่นเลย,แค่เงินที่ได้จากการขายถ่านเพียงอย่างเดียว
ก็เพียงพอให้บ้านเราฉลองปีใหม่กันอย่างสบายๆเสียด้วยซ้ำ ! พวกเราลองมานึกรายการข้าวของทั้งหมดที่ต้องการซื้อหากันในตอนนี้เถิด
! ยังมีเช่อเอ๋อร์อีก มิใช่ว่าปีหน้าที่จะถึงนี้
จะต้องเข้าเรียนในสำนักศึกษาแล้วใช่หรือไม่? พวกเครื่องเขียน
อย่างเช่น พู่กัน กระดาษ แท่นฝนหมึก
รวมทั้ง ตำราแบบเรียนสอนเด็ก ควรหาซื้อกลับมาอีกด้วย ! ซ้ำยังมีเสื้อผ้า ถุงเท้า
รองเท้าล้วนต้องซื้อมาให้เขาอย่างน้อยสองชุด”
“เอาอย่างนี้สิ !” เหลียนฟางโจวเอ่ยด้วยสีหน้าระบายยิ้ม
“ไม่เพียงเช่อเอ๋อร์ที่ต้องเข้าเรียนในสำนักศึกษา
ข้ามาคิดๆดู ทุกคนในบ้านควรรู้หนังสือด้วย เพื่อประโยชน์ในภายภาคหน้า ! อาเจี่ยน..ข้ารู้ว่าท่านรู้หนังสือ
ท่านมาเป็นอาจารย์คนแรกของพวกเราได้ไหม?”
เหลียนเซ่อ เหลียนเช่อรวมทั้งทุกคนล้วนเชื่อว่าตัวอักษรจีนที่เหลียนฟางโจวรู้อย่างจำกัดจำเขี่ยในทุกวันนี้มีอาเจี่ยนเป็นผู้สอน หรือไม่พี่สาวเขาก็ดันปราดเปรื่องขึ้นมาอย่างน่าประหลาดใจ
จึงมิต้องมีใครสอนก็ทำได้
ทว่าเหลียนฟางโจวทำได้เพียงแค่อ่านออก
ขนาดตัวอักษรแซ่”เหลียน” ของตัวเอง
เธอยังเขียน
ไม่เป็นเสียด้วยซ้ำ จะว่าไปก็น่าอับอายยิ่งนัก
เธอเลยอยากถือโอกาสนี้ให้ทุกๆคน รวมทั้งเหลียนฟางฉิง ได้เล่าเรียนด้วย
อาเจี่ยนพยักหน้าคลี่ยิ้มแล้วเอ่ยว่า “ได้สิ เรื่องดีงามเช่นนี้ ต่อไปทุกๆคืนทุกคนจะเรียนอ่านเขียนตัวอักษรวันละครึ่งชั่วยาม
พอเรียนคัมภีร์สามอักษรจบแล้ว ก็ตามด้วยคัมภีร์ร้อยแซ่
บทอาขยานเบื้องต้น หากเพียงเขียนอ่านได้เกือบหมดก็นับว่าเก่งแล้ว แล้วเมื่อจะศึกษาเพิ่มเติม ถึงค่อยหาซื้อตำรามาอ่านเอง “
เหลียนฟางโจวเอ่ยด้วยรอยยิ้มกับเหลียนเซ่อรวมทั้งคนอื่นๆ
ว่าพรุ่งนี้จะเข้าเมืองไปหาซื้อของใช้ในเทศกาลขึ้นปีใหม่กัน
พอได้ยินว่าจะเข้าเมืองไปซื้อของใช้ในวันขึ้นปีใหม่พรุ่งนี้ เหลียนเซ่อและคนอื่นๆ
พากันตื่นเต้นดีอกดีใจ และหารือกันยกใหญ่ว่าจะซื้ออะไรบ้าง
เหลียนฟางฉิงกับอาสามคุยกันแต่เรื่องซื้อของกินกันเป็นวรรคเป็นเวร ส่วนเหลียนเซ่อและเหลียนเช่อไม่มีอะไรที่อยากได้จริงๆเป็นพิเศษ
คนหนึ่งต้องการรองเท้าหนังสำหรับใส่เดินป่าและถุงมือใส่ล่าสัตว์อย่างละคู่
ทว่าเหลียนเช่ออยากได้ประทัดแขวนไว้จุดเล่นสนุกๆ รวมทั้งลูกสุนัขมาเลี้ยงดูเล่นไว้สักหนึ่งตัว
ส่วนเหลียนฟางโจวกลับกำลังวางแผนซื้ออาภรณ์ รองเท้า ถุงเท้าใหม่เพิ่ม
รวมทั้งของใช้ในชีวิตประจำวันอื่นๆให้สมาชิกแต่ละคนในบ้าน ซ้ำยังเผื่อแผ่ไปถึงบรรดาบริวารใต้อาณัติเหมือนกันด้วย
อีกทั้งยังต้องหาซื้อเตาพกมาเตรียมไว้ให้เหลียนเช่ออีก ไม่เช่นนั้น หลังเทศกาลฤดูใบไม้ผลิ
เขาต้องไปเข้าเรียนในสำนักศึกษา ต้องหัดคัดอักษร
ซึ่งคงไม่ดีแน่ หากเอามือเย็นเฉียบไปคัดอักษร...
ทุกๆคนพูดคุยกันอย่างตื่นเต้นจนฟังไม่ได้ศัพท์ เหลียนฟางโจวเหลียวหลังไปมองอาเจี่ยนด้วยใบหน้าระบายยิ้ม แล้วถามขึ้นว่า “อาเจี่ยน..ท่านมีอันใดที่อยากซื้อหรือไม่? ”
เหลียนเซ่อได้ยินแล้วรีบเอ่ยถามขึ้นอีกคน “ใช่แล้ว พี่เจี่ยน ท่านตัดสินใจได้หรือยังว่าจะซื้ออันใด ! หลายเดือนมานี้
ช่างโชคดีนัก ที่บ้านเรามีท่านมาอยู่ด้วย !”
ทุกคนล้วนพูดเป็นเสียงเดียวกัน
ดวงตาทุกคู่จับจ้องชายหนุ่มพร้อมรอยยิ้มหวังดีจากใจจริง ไม่รู้เพราะเหตุใดในใจของอาเจี่ยน บังเกิดความอบอุ่นขึ้นสายหนึ่ง คล้ายว่าเขามิได้สัมผัสความอบอุ่นชนิดนี้มานานหนักหนาแล้ว
แม้ว่ายามนี้ชายหนุ่มยังฟื้นความทรงจำกลับมาไม่ได้ แต่แน่ใจได้ว่า ต่อให้เป็นช่วงก่อนสูญเสียความทรงจำ
เขามิเคยได้สัมผัสความอบอุ่นชนิดนี้มานานมากแล้วด้วยซ้ำ
เดิมทีชายหนุ่มมิได้รู้สึกอยากได้สิ่งใด ทว่ายามได้เห็นบรรยกาศดีงามเช่นนี้ ก็พลันสนใจอยากร่ำสุราขึ้นมาเสียอย่างนั้น
จึงเอ่ยแย้มยิ้ม “จริงสิ ได้ยินมาว่าสุราดอกหลี่ของเมืองยู่เหอขึ้นชื่อยิ่งนัก....”
“เรื่องนี้จะไปยากอะไร พอถึงเวลาก็ซื้อมาสักสองสามไห รินให้ท่านดื่มกินเสียให้พอใจเลย !” เหลียนฟางโจวเอ่ยด้วยรอยยิ้ม
เหลียนฟางฉิงโพล่งขึ้นบ้าง “ข้าได้ยินพี่เจ่าเอ๋อร์บอกว่า ที่บ้านพวกนางยังมีสุราผลไม้อีกด้วยนะ ! นางบอกว่ารสชาติหอมหวานทีเดียว นางเองยังสามารถดื่มได้เลย !” ขณะพูดไปน้องสาวตัวน้อยจ้องมองเหลียนฟางโจวอย่างลุ้นๆ
“ดี เมื่อถึงตอนนั้น พวกเราก็บุกไปบ้านนาง
ไปถามว่าพวกนางจะแบ่งขายให้พวกเราสักสองสามไหได้หรือไม่ ! จะได้ซื้อกลับมาลองชิมกัน
!” เหลียนฟางโจวเอ่ยยิ้มๆ
หลายคนฟังแล้วพากันปรบมือไชโยโห่ร้องด้วยความยินดี
จู่ๆดวงตาเหลียนเซ่อพลันฉายแววเข้มลึก แล้วเอ่ยว่า “เมื่อถึงตอนนั้น พวกเราอย่าลืมซื้อธูป เทียน
กระดาษเงิน กระดาษทองมาด้วย
ในวันตงจื้ออยากให้พวกเราจุดธูปเทียน เผากระดาษให้ท่านพ่อท่านแม่ก่อนนะ !”
พอสิ้นเสียงน้องชายคนรอง บรรยกาศอันแสนชื่นมื่นในคราแรก
พลันหดหายไปเกือบหมด เหลียนฟางฉิงเบะปากร่ำๆจะร้องไห้ออกมา ซ้ำเหลียนเช่อก็เศร้าซึมตามไปอีกคน
เหลียนฟางโจวถอนหายใจเบาๆ พลางเอ่ยเสียงอ่อนโยน “นี่คือเรื่องธรรมดาของชีวิต
พวกเราทั้งหมดจะไม่มีวันลืม และต้องไม่ปล่อยให้ความเจ็บปวดโศกเศร้าเข้าครอบงำจิตใจ
วิญญาณของท่านพ่อท่านแม่ที่คอยเฝ้ามองพวกเราจากบนสวรรค์ ได้เห็นพวกเราอยู่ดีมีสุข คงต้องเบิกบานยินดีเป็นแน่ หากพวกเราทำตัวเศร้าซึมให้ท่านเห็นอีก พวกท่านจะมีความสุขได้อย่างไร ! “
เหลียนเซ่อรวมทั้งคนอื่นๆพยักหน้ารับคำ สีหน้าจึงเริ่มดีขึ้นเล็กน้อย
ขณะพูดไป เหลียนฟางโจวได้ลุกขึ้นยืน พลางเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “เอาล่ะ
ข้าจะไปถามป้าจางและอาจวนเสียหน่อย ว่าพวกเขาสนใจไปซื้อของกับพวกเราหรือไม่ ยิ่งไปกันหลายคน
ก็ยิ่งครึกครื้นดี !”
อาสามได้ยิน ก็รีบเอ่ยขึ้น “ฟางโจว? เจ้าเอาแต่ชวนป้าจางไปด้วย ข้าเองก็อยากไปด้วยเหมือนกันนะ
! ข้าไม่ได้เข้าเมืองมานานแล้ว ก็อยากจะไปเปิดหูเปิดตากับเขาบ้าง !”
ขณะพูดไป ดวงตานางเบิกกว้างจ้องมองเหลียนฟางโจวด้วยสีหน้าตื่นๆ
กังวลหนักว่าหลานสาวจะไม่ยอมตกลง
เหลียนฟางฉิงเอ่ยขึ้นอีกคน “จริงด้วยๆ พี่ใหญ่ ให้อาสามไปด้วยนะ ไปหลายคนจะยิ่งครึกครื้นขึ้น
!”
ใจเหลียนฟางโจวแอบขำในใจ มิคาดว่าอาสามจะกลัวเธอยิ่งกว่าเมื่อก่อนนัก
!
หญิงสาวนึกไม่ถึงเลยว่า ยามนี้วีกรรมอันโหดเหี้ยมและเด็ดขาด
ที่เธอก่อไว้ คงทำให้ผู้คนขวัญหนีดีฝ่อแทบตายไปแล้วกระมัง เพราะในการควบคุมบ่าวไพร่ เธอใช้ทั้งพระเดชและพระคุณ ใครทำดีก็ตบรางวัล ใครขัดคำสั่ง
ก็โดนลงโทษ หากอาสามจะหวาดกลัว ก็คงมิแปลก
!
“ไปสิ ย่อมไปได้แน่นอน !” เหลียนฟางโจวหัวเราะแล้วเอ่ยว่า “ถึงวันนั้นอาสามจะได้ช่วยดูแลฉิงเอ๋อร์กับเช่อเอ๋อรดีไหม
!”
“ดีมากๆ ย่อมต้องเป็นเช่นนั้น ย่อมเป็นเช่นนั้นแน่ !” อาสามยินดีปรีดานัก รีบพยักหนักหงึกๆอย่างสมใจ
เหลียนเช่อประท้วงขึ้นมาอย่างไม่พอใจ “ข้าไม่ใช่เด็กนะ ไหนเลยจะให้ใครมาคอยดูแลเล่า !”
“โฮ้ย ทุกที่ในเมืองมีแต่คนกับคน มันไม่เหมือนในขนบทบ้านเรานะ
ต้องคอยระวังตัวให้ดี
ไม่เช่นนั้นพวกมิจฉาชีพมันจะมาลักพาตัวไปขาย !” อาสามโพล่งขึ้น
เหลียนฟางโจวคลี่ยิ้มขึ้นคราหนึ่ง
แล้วเดินออกนอกประตูไป
ถ่านของปีนี้มิได้เผาแล้ว
บรรดาสมาชิกสกุลหลี่ต่างพากันนั่งเล่นนอนเล่นอยู่ในบ้าน
ยามเหลียนฟางโจวมาถึง ป้าจาง จ้าวชื่อ และหลี่จวนกำลังนั่งผิงไฟอยู่รอบๆกระถางไฟ
ถ่านแดงร้อนในกระถางไฟย่อมเป็นถ่านในหลุมเตาเผาที่บ้านพวกเขาเผาเอง
“ฟางโจวมาหรือ ! มานั่งนี่มา มาอุ่นกายที่นี่ !” ป้าจางเห็นหญิงสาวมาหาถึงบ้าน
ก็กวักมือเรียกเธอให้เข้ามานั่งข้างกัน อย่างยิ้มแย้มดีใจ
จ้าวชื่อกับหลี่จวน แย้มยิ้มทักทายหญิงสาว และถามว่าวันนี้เธอปลีกตัวมาได้อย่างไร
เหลียนฟางโจวแย้มยิ้มรับคำ พลางนั่งลงข้างๆป้าจาง และคุยสัพเพเหระกันพอให้หายคิดถึง
“ข้าคิดว่าอีกสองวันจะถึงวันตงจื้อเสี่ยวเหนียน
ข้าวางแผนจะเข้าเมืองไปซื้อของใช้ในวันปีใหม่
ไม่ทราบว่าป้าจาง พี่สะใภ้ กับอาจวนอยากไปด้วยหรือไม่? ถ้าพวกท่านอยากไป เราก็ไปด้วยกัน จะได้สะดวกพวกท่านและเพิ่มความครึกครื้นไปด้วย
!”
ดวงตาจ้าวชื่อเป็นประกายเรืองวาบ พลางยิ้มแกมอิจฉา
“ก็สะดวกจริงๆนั่นแหละ ยามนี้บ้านเจ้ามีรถเกวียนเทียมลาแล้วนี่
! ท่านแม่ ท่านฟังนะ อย่างไรพวกเราก็อยากไปซื้อของใช้ในวันปีใหม่อยู่แล้วด้วย...หากท่านไม่อยากไป
ข้าขอไปได้หรือไม่?”
ป้าจางคิดใคร่ครวญสักครู่ ก็ยิ้มให้เหลียนฟางโจว “ถ้าไม่ลำบากเจ้าละก็ เช่นนั้นแล้ว....”
“ท่านแม่ ท่านเกิดมาเกรงอกเกรงใจฟางโจวอันใดนัก
!” หากฟางโจวลำบาก นางคงไม่มาชวนพวกเราหรอก
! ฟางโจว ถึงขนาดนี้แล้ว เอาเป็นว่าตกลงจ้ะ พรุ่งนี้ บ้านเจ้าจะออกเดินทางเมื่อใด
ก็ไปเรียกข้าด้วยนะ !” จ้าวซื่อยินดีปรีดานัก รีบเอ่ยตอบด้วยเสียงหัวเราะทันใด
ปีนี้ ที่บ้านสกุลหลี่หาเงินได้มากมายนัก เพียงพอให้ใช้ไปได้อีกสามหรือสี่ปีทีเดียว
ซ้ำวิถีชีวิตได้เปลี่ยนไป กลายเป็นสมบูรณ์พูนสุข มิต้องดิ้นรนทำงานแล้ว บวกกับได้เงินจากการขายเมล็ดฝ้ายที่บ้านตนไม่ได้ปลูกด้วย
เงินในมือจึงทวีขึ้นอีก จ้าวซื่อวางแผนเสร็จสรรพไว้ล่วงหน้าแล้วว่าจะซื้อหาอะไรบ้างเพื่อต้อนรับปีทองที่จะถึงนี้
*************************************
[1] วันตงจื้อ หรือเรียกว่า กว้อเสี่ยวเหนียน เป็นเทศกาลสำคัญมากเทศกาลหนึ่งในปฏิทินจีน
และเป็นเทศกาลเก่าแก่ที่สืบทอดกันมา หลายแห่งมีประเพณีนิยมฉลองตงจื้อกัน โดยทั่วไปตงจื้อมักตรงกับวันที่
21 หรือ 22 ธันวาคมตามปฏิทินสากล ตงจื้อถือว่าเป็นเทศกาลค่อนข้างใหญ่
มีคำพูดกันว่า "ตงจื้อต้าหรูเหนียน" (ตงจื้อใหญ่เหมือนฉลองตรุษจีน) และมีประเพณีนิยมฉลองตงจื้อ
หลายคนใช้แป้งข้าวเหนียวทำ "ตงจื้อหยวน" เพื่อแยกความแตกต่างกับคืนก่อนตรุษจีน
"ฉือซุ่ย" วันก่อนหน้าตงจื้อจึงเรียกว่า "เถียนซุ่ย" หรือ
"ย่าซุ่ย" หมายความว่ายังไม่ฉลองตรุษจีน ก็อายุเพิ่มขึ้นหนึ่งปีแล้ว ในวันนี้ครึ่งซีกโลกเหนือจะเป็นวันที่กลางวันสั้นที่สุด
และกลางคืนยาวนานที่สุด ในวันนี้มีการทานอาหารเฉลิมฉลองเทศกาลด้วยซึ่งจะปฏิบัติคล้ายๆกับในเทศกาลตรุษจีน
ประเทศจีนสมัยก่อนนั้น เนื่องจากช่วงปลายปีจะเป็นช่วงที่อากาศหนาวเย็นมาก อีกทั้งในสมัยนั้น
ยารักษาโรคไม่ค่อยดีเท่าไหร่ พอถึงฤดูหนาวมีผู้คนหนาวตายกันเป็นจำนวนมาก เพราะเหตุนี้นี่เองเมื่อถึงเทศกาลตงจื้อ
ทางภาคใต้ของจีน คนในครอบครัวจึงมารวมตัวกัน แล้วทำขนมทังหยวน(汤圆)หรือบัวลอย มาทานกันทั้งครอบครัวด้วยความสุข ในขณะที่ภาคเหนือของจีนนิยมกินเกี๊ยว
[2] เทศกาลต้าเหนียน หรือ วันขึ้นปีใหม่ของจีน ตามปฏิทินจันทรคติ การฉลองจะกินเวลาตั้งแต่วันปีใหม่ไปจนจบเทศกาลโคมไฟ
ตามตำนานบอกว่า คำว่า” ปี หรือเหนียน” นั้น
คนโบราณจินตนาการว่าเป็นสัตว์ร้ายที่นำพาความโชคร้ายมาสู่ผู้คน
เมื่อ “เหนียน พ้องเสียงกับคำว่า ปี “ เมื่อเหนียน มาถึง ต้นไม้จะตายลง ต้นหญ้าจะงอกใหม่ เมื่อ “ปี หรือเหนียน” สิ้นสุด ทุกสิ่งจะเจริญเติบโต
ดอกไม้จะบานทุกหนแห่ง ส่วนเจ้าตัว
"เหนียน" นั้นชาวจีนมีความเชื่อว่า เป็นสัตว์ร้ายชนิดหนึ่งที่มีร่างกายใหญ่โต
มีลักษณะคล้ายวัวผสมกับแรด แถมยังมีนิสัยดุร้าย และมักออกหากินช่วงเวลากลางคืน ในวันที่อากาศหนาว
ๆ เนื่องจากวันที่มีอากาศหนาวนั้นชาวบ้านจะมานั่งผิงไฟ หรือปิ้งย่างอาหารกันกลางหมู่บ้าน
และเมื่อเจ้าเหนียนสัตว์ร้ายเห็น ก็จะรีบกระโจนมาแย่งอาหาร แต่ทันใดนั้นนั่นเอง กองไฟที่ทำจากไม้ไผ่ก็เกิดประกายไฟ
แตกปะทุดังเปรี้ยงปร้าง เป็นเหตุให้เจ้าเหนียนหวาดกลัวและวิ่งหนีไปในที่สุด ส่วนชาวบ้านบางกลุ่มก็เชื่อว่า
เจ้าเหนียนกลัวสีแดงของประกายไฟ จึงได้นำผ้าแดง และกระดาษแดง มาเขียนตัวอักษรถ้อยคำที่เป็นสิริมงคล
ติดไว้ตามอาคารบ้านเรือนต่าง ๆ เพื่อให้เหนียนเห็นแล้วไม่กล้าเข้าใกล้ ทั้งนี้ การเขียนกระดาษแดงก็เป็นที่นิยม
และเป็นสิ่งที่สืบทอดกันมาจนถึงปัจจุบัน
นอกจากชาวจีนจะเชื่อว่า "เหนียน"
นั้นเป็นสัตว์ร้ายแล้ว คำว่า "เหนียน" ยังพ้องเสียงกับคำศัพท์ที่แปลว่า
"ปี" ซึ่งคนจีนจะเชื่อว่า ช่วงสิ้นปีนั้น อากาศจะหนาวเย็นจัด ผู้คนมักไม่สบายกันมาก
เพราะเจ้าตัวเหนียนออกอาละวาด ทั้งนี้การจุดประทัดเสียงดัง ก็น่าจะไล่เจ้าตัวเหนียน
โรคภัยไข้เจ็บได้ และความอัปมงคลไปได้ ส่วนคนจีนบางกลุ่มก็เชื่อว่า การจุดประทัดนั้นเป็นการเรียกโชค
ส่วนบางกลุ่มก็บอกว่า เป็นการจุดเพื่อให้เทพเจ้าได้ยิน ท่านจะได้มาช่วยคุ้มครองให้ชาวจีนอยู่เย็นเป็นสุข
------------------------------------------------------------------------------------
ขอบคุณสำหรับทุกคอมเมนต์และการติดตามนะคะ
ขออภัยท่านผู้อ่านด้วยค่ะ ช่วงนี้ติดงาน เลยอัพช้าไปหน่อยค่ะ ^_^
ขอบคุณมากค่ะ
ตอบลบขอให้คุณชัญภัทร สุขใจ สุขกาย ตลอดไปนะคะ
ขอบคุณค่ะ ตอนนี้อ่านสนุกแล้วยังได้ความรู้อีกด้วย รอไปซื้อของเตรียมฉลองปีใหม่ด้วยค่ะ
ตอบลบสนุกมาก อ่านแล้วลื่นไหลขึ้นเรื่อยๆ ฝีมือผู้แปลเก่งขึ้นเรื่อยๆ ขอบคุณมากนะคะที่เสียสละเวลามาแปลและลงให้ได้อ่าน^^
ตอบลบขอบคุณค่ะ..สนุกมากมายค่ะ
ตอบลบขอบคุณมากค่ะ
ตอบลบขอบคุณค่ะฟางโจวจะฉลองปีใหม่จีนพี่ไทยก็ใกล้จะถึงแล้วเหมือนกัน
ตอบลบขอบคุณมากๆนะคะ ที่แปลให้อ่าน น่ารักที่สุดค่ะ
ตอบลบขอบคุณค่ะ รู้สึกสนุกไปด้วย อยากไปซื้อขอสำหรับปีใหม่ทันทีเลยค่ะ
ตอบลบขอบคุณไรท์ค่ะปีใหม่ของฟางโจวต้องสนุกแน่ๆ
ตอบลบความคิดเห็นนี้ถูกผู้เขียนลบ
ตอบลบขอบุณค่ะ เย้ปีใหม่แล้ว
ตอบลบ