สัตว์ที่วิ่งไปมาระหว่างภูเขาและทุ่งหญ้า
คุณภาพของเนื้อย่อมเลิศล้ำ ดีกว่าสัตว์ที่เลี้ยงไว้อย่างชนิดเทียบกันไม่ติด เหลียนฟางโจวแค่ดูด้วยตา ก็เหมือนได้กลิ่นเนื้อหวงหยางลอยมาแต่ไกลแล้ว
ไม่ว่าจะเอาไปตุ๋นโดยไม่ปรุงรส เอาไปเคี่ยวไฟอ่อนๆ ผัดด้วยน้ำมัน หรือเอาไปย่าง ล้วนให้รสชาติโอชาเป็นแน่ !
อาเจี่ยนหัวเราะพรืด แล้วเอ่ยขึ้น “ฟังดูแล้ว เจ้าคงจะชอบพวกมันมากทีเดียว
เช่นนั้น...ก็ไม่เสียเปล่าแล้วที่อุตส่าห์ดั้นด้นมาถึงที่นี่ !”
“ย่อมเป็นเช่นนั้น ไยข้าจะไม่ชมชอบได้เล่า
!” เหลียนฟางโจวเอ่ยพร้อมรอยยิ้ม “ท่านรีบเดินเข้ามาก่อนเถิด ข้าและอาเซ่อจะช่วยขนไปด้วย !”
อาเจี่ยนรู้นิสัยหญิงสาวดี ชายหนุ่มจึงชี้ร่องทางเดิน
ซ้ำยังคอยเตือนคนทั้งสองให้คอยระวังอยู่เป็นระยะๆ
ขณะปล่อยให้คนทั้งสองเดินเข้ามาช่วยแบกขน
สักพักหวงหยางทั้งหมดก็ถูกขนกลับมา
คนทั้งห้านั่งล้อมวงรอบกองไฟที่กำลังลุกโชน น้องน้อยสองคนถามไถ่ถึงการล่าหวงหยางที่เพิ่งผ่านมาหยกๆ ทั้งสองคนตั้งใจฟังด้วยความสนใจใคร่รู้
เหลียนฟางโจวเอาไก่ฟ้าที่ย่างสุกแล้ว ซึ่งปักไว้ด้านหนึ่ง
นำมาย่างซ้ำอีกครู่หนึ่ง ครั้นแล้วจึงส่งให้เหลียนเซ่อและอาเจี่ยนแบ่งกันกิน พร้อมเอ่ยด้วยรอยยิ้ม
“รอพวกเรากลับไปถึงก่อนเถิด ! หวงหยางสามตัวนี้
ต้องรีบนำกลับไปแล่โดยด่วนเลย !”
อาเจี่ยนพยักหน้าขานรับ
บรรดาไก่ฟ้า กระต่าย และนกอื่นๆ
ถูกบรรจุลงในกระสอบ แล้วพาดไว้บนหลังลา
หวงหยางตัวหนึ่งก็ถูกนำมาพาดไว้บนหลังลาด้วย ส่วนอีกสองตัว อาเจี่ยนเป็นผู้แบกไป ครั้นแล้วคนทั้งห้าจึงเดินทางกลับ
ลงท้ายก็ขนหวงหยางตรงดิ่งไปยังหมู่ตึก เพราะที่นั่นมีพื้นที่กว้างขวาง
แรงงานพรักพร้อม หนำซ้ำยังอยู่ใกล้แม่น้ำอีกต่างหาก นำมาแล่ที่นี่นับว่าสะดวกที่สุดแล้ว
หวงหยางพวกนี้ตัวใหญ่มาก เหยื่อตัวใหญ่โตมโหฬารปานนี้นับว่าหาได้ยากนัก
ทุกๆคนทั้งดีใจและตื่นเต้นกับของหายาก ต่างสอบถามกันขโมงโฉงเฉงมิได้หยุด
ใครๆก็รู้ว่าเหลียนฟางโจวเป็นผู้มีจิตใจกว้างขวาง มิต้องเอ่ยให้มากความ รับรองเย็นนี้ ทุกคนในหมู่ตึกจะได้ลิ้มลองหวงหยางเป็นหนแรกในชีวิต
แถมยังได้ลิ้มรสต่อไปในอีกหลายมื้อเป็นแน่ !
ด้วยแรงงานคนจำนวนมาก จึงทำการแล่หวงหยางและล้างทำความสะอาดในเวลาอันรวดเร็ว
โดยแยกเอาส่วนเครื่องในออกมา แล้วสั่งคนงานมาล้างทำความสะอาด เหลียนฟางโจวออกคำสั่ง โดยตั้งใจกันหวงหยาง 1
ตัว พร้อมเครื่องในเอากลับไป เพื่อพรุ่งนี้จะได้จัดเตรียมไปพร้อมกับสัตว์ป่านานาชนิดที่ล่าได้บนภูเขา
ส่งไปให้เปี่ยวเจีย(ญาติสาวผู้พี่) ที่อยู่ ณ เมืองชวงหลิว
จะอย่างไร นางก็เป็นผู้มีพระคุณใหญ่หลวงต่อตนเอง นี่ก็ใกล้จะสิ้นปีแล้ว ก็ควรส่งของกำนัลสิ้นปีไปให้ จับหวงหยางส่งเป็นของกำนัล นับว่าคู่ควรที่สุด
แม้มิใช่แก้วแหวนเงินทองของมีค่า ทว่าการล่าสัตว์ประเภทนี้ได้
นับว่ามิใช่เรื่องที่เกิดขึ้นบ่อย
มาดว่าทางสกุลซูจะต้องถูกใจด้วยซ้ำ
ยังเหลือหวงหยางอีกสองตัว ทิ้งไว้ที่หมู่ตึกครึ่งตัว
พร้อมเครื่องในอีกสองชิ้น ที่เหลือมากกว่าครึ่งตัวเอาไว้ส่งเป็นของขวัญ
มอบให้ครอบครัวจางลี่เจิ้ง และครอบครัวป้าจาง ครอบครัวละ 1 ขา หลังจากเหลียนไห่
ผู้เป็นถางสยงกลับมา ก็ได้ไปมาหาสู่ที่บ้านตนอยู่หลายครั้ง อุตส่าห์ตากหน้ามาขอโทษ
แสดงความจริงใจให้เห็น คนทั้งหมู่บ้านล้วนรับรู้โดยทั่วกัน
หญิงสาวจึงส่งไปให้บ้านเขา 1 ขาด้วย หาไม่แล้ว
คนทั้งหมู่บ้านคงได้คิดว่าพวกตนพี่น้อง เป็นพวกแล้งน้ำใจเป็นแน่
ยังมีเหล่าผู้ผู้อาวุโสหลายคนในหมู่บ้านอีก
เหลียนฟางโจวนึกถึงความช่วยเหลือที่ได้รับจากพวกเขาด้วย
อีกทั้งเหล่าผู้อาวุโสก็แก่ชรามากแล้ว การแสดงความกตัญญูตอบตามธรรมเนียม
ล้วนเป็นสิ่งที่ต้องยึดไว้ในใจด้วยเหมือนกัน หญิงสาวจึงตัดแบ่งไปให้พวกเขาครอบครัวละ 2-3
ชั่ง
มิหนำซ้ำ บรรดาเพื่อนบ้านที่อยู่รายรอบบ้านตนเองอีกหลายครอบครัวเล่า
ครอบครัวเธอก็ควรแสดงน้ำใจต่อพวกเขาด้วย
พอตัดแบ่งแจกจ่ายส่งไปให้เช่นนี้
จึงยังเหลือหวงอยางที่เป็นส่วนของบ้านตนเองไม่มากนัก
ทว่าเหล่าพี่น้องสกุลเหลียนและอาเจี่ยน
ล้วนไม่ใส่ใจสักนิด พอเห็นบรรดาผู้รับแช่มชื่นยินดีมีความสุข พวกเขาล้วนอิ่มเอมใจกันถ้วนหน้า
การส่งของขวัญไปให้จางลี่เจิ้ง
และบรรดาครอบครัวอื่นๆ เหลียนฟางโจวและเหลียนเซ่อ เป็นผู้ไปส่งมอบให้ด้วยตนเอง
จางลี่เจิ้งและบรรดาคนอื่นๆทุกคนย่อมยิ้มแย้มขอบคุณ
ที่รบกวนให้นางต้องมาเป็นธุระเอาใจใส่เช่นนี้
ทว่าเฉียวซื่อพอรู้ว่าบ้านหลานสาวล่าหวงหยางมาได้
3 ตัว และส่งเพียงขา 1 ข้างมาให้บ้านตน เข้าเท่านั้น
พลันบังเกิดความไม่พอใจอย่างแรง
หญิงวัยกลางคนทอดมองขาหวงหยางหนักราว
7-8 ชั่ง ครั้นแล้วจึงแค่นเสียง “นังยาโถวนั่น ถึงยังไง ก็มีจิตใจคดโกงอยู่วันยังค่ำ
! ฮึ่ม ส่งของมาให้พวกเราเพียงเท่านี้ น้อยนิดเพียงนี้ ยังส่งมาได้ ! นั่นก็เพราะหวังป่าวประกาศให้ผู้อื่นยกย่องว่านางมีความกตัญญูกตเวที
! ไม่มีใครในใต้หล้านี้
จะเจ้าแผนการกว่านางแล้วล่ะ !”
ยิ่งคิดใจของเฉียวชื่อยิ่งไม่ยินยอม ไม่พอใจ หญิงสูงวัยได้แต่ก่นด่าเหลียนฟางโจวรวมทั้งเหลียนเซ่อไม่หยุด
แม้เหลียนลี่มิได้พูดอะไรสักคำ อย่างไรก็ดี เขาก็ไม่ชอบหน้าเหลียนฟางโจวสักเท่าไรนัก
เพียงผู้หญิงของตนคอยก่นด่าหลานแต่ละคนให้ได้ยิน
เขาก็พอใจแล้ว !
ขณะเฉียวชื่อเริ่มบริภาษบรรดาหลานๆ เหลียนไห่ย่อมเดินไปปิดประตูรั้วบ้าน
เขาได้แต่อดกลั้นอดทนฟัง จนในที่สุดก็ทนไม่ไหว
ชายหนุ่มพยายามเกลี้ยกล่อมบุพการี “ท่านแม่
ท่านจะเป็นเดือดเป็นแค้นไปทำไม? ต่อให้ด่าทอพวกเขาไปมากเพียงใด ใจท่านเองคงมิรู้สึกดีขึ้นนักหรอกกระมัง?
นั่นเป็นเพราะแต่ก่อนพวกท่านเคยทำไม่ดีกับพวกนางไว้ ดีแค่ไหนแล้ว ที่นางยังส่งของกำนัลเหล่านี้มาให้!”
“เพ้ย” เฉียวชื่อถ่มน้ำลายหนึ่งครา พลางแค่นเสียง
“เจ้ายังเป็นลูกชายข้าอยู่รึ? มิคิดเลยว่าเจ้าจะช่วยพูดแทนพวกมัน แล้วมาต่อว่ามารดาแท้ๆของเจ้า ! เจ้าออกหน้าแทนนังยาโถวน่าตายนั่น ในใจเจ้ายังมีพวกข้าอยู่บ้างไหม? ฮึ่ม มิใช่ว่านางทำไปเพื่อเอาหน้า มิใช่ว่านางกลัวผู้คนจะแอบนินทานางลับหลังหรอกรึ
! ไม่เช่นนั้นของเล็กน้อยเพียงนี้นางคงไม่ส่งมาให้เสียด้วยซ้ำ
! แต่ก่อนพวกข้าไปทำอะไรกับพวกนางรึ?”
เฉียวชื่อเอาความชอบธรรมเข้าข่ม
น้ำเสียงเกรี้ยวกราดด้วยความโมโหโกรธา “พวกข้าเป็นญาติผู้ใหญ่ของพวกมัน
บิดามารดาของพวกมันตายจากไปแล้ว ทุกๆสิ่ง
ไม่ว่าเรื่องราวน้อยใหญ่ เดิมทีควรเป็นพวกข้าที่ต้องเข้ามาจัดการดูแล ! ทว่าเจ้าเบิ่งตาดูสิ นังยาโถวน่าตายนั่น มันเคยเห็นพวกข้าอยู่ในสายตาเสียที่ไหน ? พวกมันคอยตามขัดขวางพวกเข้า ทำราวกับพวกข้าเป็นประหนึ่งขโมย
เคยเห็นพวกข้าเป็นญาติผู้ใหญ่ของพวกมันเสียที่ไหน ! พวกมันยกย่องเชิดชูแต่ญาติห่างๆนั่น
แต่ทีพวกเราที่เป็นลุงป้าสายเลือดเดียวกันแท้ๆ กลับเหยียบย่ำจมโคลน เพ้ย
ช่างน่าขำอะไรเช่นนี้ ! อาไห่เอ๋ย บิดามารดาของเจ้า
จริงใจกับเจ้าที่สุด ไม่มีแผนการเล่ห์เหลี่ยมอะไรทั้งนั้น ชัดเจนว่าเจ้าโดนผู้อื่นวางแผนการเสียแล้ว
นางไปเรียกชาวบ้านทุกคนมาบอกว่าพวกเราไม่ใช่ผู้ดูแล
! ต่อหน้าคนนอก นางตลบแตลงแสดงทีท่าว่าทุกข์ระทมเพราะโดนใส่ร้าย
! แล้วมาบอกว่าเป็นข้าที่ลงมือทำเรื่องเหล่านั้น จะเป็นเช่นนั้นได้อย่างไร? นางเคารพผู้อื่นซึ่งเป็นตระกูลเศรษฐีมากกว่าญาติยากจนที่เป็นคนตระกูลเดียวกัน ไม่ต้องดูอื่นใกลเลย ดูอย่างหัวจินเถาสิ ดูสิว่าตอนนี้ ผู้อื่นเขามีชีวิตที่สุขสบายอู้ฟู่เพียงใด
! ตัวข้าที่ทำไป
ก็หวังให้นังยาโถวน่าตายนั่น ได้มีโอกาสพบพานชีวิตที่สุขสบายเช่นนั้นบ้าง แม้นางไม่รู้สึกซาบซึ้งบุญคุณข้า
ข้าก็ไม่ว่า แต่สุดท้ายนางกลับใช้วาทศิลป์หลอกลวงพวกเขาด้วยการใส่ร้ายป้ายสีข้าซึ่งๆหน้า…”
ยิ่งเฉียวชื่อก่นด่าไปมากเท่าใด
ก็ให้รู้สึกว่าตนเองเป็นฝ่ายถูกต้องเพียงนั้น ยิ่งรู้สึกว่าเหลียนฟางโจว ต้อยต่ำกว่านางเป็นพันเป็นหมื่นเท่า
หลังจากพร่ำพรรณาระบายความขุ่นข้องหมองใจที่สะสมมานานไปเกือบหมด หญิงวัยกลางคนจึงดึงเหลียนไห่มาพูดด้วยความขมขื่นใจ
“อาไห่เอ๊ย ความปรารถนาทั้งหมดของแม่ ล้วนฝากไว้กับเจ้าแล้ว ! เจ้าต้องแก้แค้นเพื่อแม่นะ
! เจ้าต้องเป็นปากเป็นเสียงเพื่อพวกเรา ! จัดการนังยาโถวหยาบช้านั่น
เหยียบมันให้จมดิน ถึงข้าตายไป ก็อย่าได้เลิกรา !”
“ท่านแม่ ! ท่านพูดจาเหลวไหลอะไรของท่านกัน !”
คิ้วของเหลียนไห่ขมวดเป็นปม
ชายหนุ่มรีบโพล่งขึ้น “นี่มันช่วงเทศกาลฉลองวันขึ้นปีใหม่แล้วนะ ท่านดูสิ ที่ท่านพูดมามันคือถ้อยคำอันใดกัน เลิกพูดเสียเถิด !”
เฉียวชื่อไม่สนใจ เอ่ยด้วยน้ำเสียงจงชัง
“ที่ข้ามีโทสะปานนี้ ล้วนมีนางเป็นต้นเหตุทั้งสิ้น เจ้ายังจะกลัวลางร้ายอะไรอีกเล่า
! อาไห่ เจ้าต้องรับปากแม่นะ !”
เหลียนไห่ได้แต่จนใจ ชายหนุ่มถอนหายใจบางเบา “ท่านแม่ ไม่ใช่ว่าข้าไม่ได้พูดแทนท่านในฐานะลูกชาย เรื่องราวเหล่านี้ พวกท่านเป็นฝ่ายผิดตั้งแต่เริ่มต้น ! พวกท่านไม่ควรไปดูถูกเหยียดหยามพวกนางจนเกินไปนัก
อะไรที่พวกท่านคิดหวังไว้ ขอให้รามือเสียเถิด
ถือโอกาสนี้ทิ้งความขัดแย้งลงเสีย ยังจะมีสิ่งอื่นใดที่เราสามารถทำได้อีกเล่า?”
เฉียวชื่อแค่นเสียง “ปกตินางยาโถวน่าตายนั่น ซื่อบื้อจะตาย จู่ๆไม่รู้ปีศาจตนใดเปลี่ยนนางไปเป็นคนละคนเสียนี่”
“นางสามารถคงนิสัยแบบเดิมโดยไม่เปลี่ยนได้หรือ?” เหลียนไห่ตรึกตรองดูสักครู่ เขาก็นึกไม่ออกว่าแต่ก่อนเหล่าพี่น้องพวกนั้นเป็นคนเช่นไร
ก็ในเมื่อตั้งแต่เด็กเขาไม่เคยไปเล่นหัวกับพวกนั้นเลยนี่นา ในส่วนลึกแล้ว เขามีความดูแคลนคนพวกนั้นเช่นเดียวกับบิดามารดาอยู่บ้าง
เพียงแต่ โดยปกติเขาจะไม่แสดงออกทางสายตาหรือฝีปากเหมือนมารดา ได้แต่เก็บงำความรู้สึกดูแคลนไว้ในใจเพียงเท่านั้น
-----------------------------------------------------------------------------------
ขอบคุณสำหรับทุกคอมเมนต์และการติดตามค่ะ
ต้องขออภัยผู้อ่านทุกท่านที่ห่างหายไปนาน พอดีผู้แปลมีเดินทางไปต่างประเทศอีกแล้วค่ะ
เนื่องในเทศกาลวันสงกรานต์ 2562 ผู้แปลขอให้คุณพระศรีรัตนตรัย และสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งปวง ดลบันดาลให้ผู้อ่านทุกท่านมีความสุข สมหวัง โชคดี เฮงๆ รวยๆ ตลอดไปนะคะ ^_^
ขอให้คิดสิ่งใดก็สมใจนึก สุขภาพแข็งแรงค่ะ
ตอบลบสวัสดีปีใหม่ไทยนะค่ะ ขออวยพรให้ผู้แปลมีความสุขความเจริญและสุขภาพดียิ่งๆขึ้นไปในปีนี้ค่ะ
ตอบลบขอบคุณสำหรับคำอวยพรมากๆค่ะ ขอให้ผู้แปลก็มีความสุขความเจริญเช่นกันค่ะ
ตอบลบความคิดเห็นนี้ถูกผู้เขียนลบ
ตอบลบสุขสันต์สงกรานต์ ถึงร้อนกายแต่ขอให้เย็นใจนะคะ
ตอบลบความคิดเห็นนี้ถูกผู้เขียนลบ
ตอบลบขอบคุณมากค่ะ
ตอบลบสุขกายสุขใจทุกวันคืนนะคะ
ขอให้ผู้แปลมีความสุขมากๆ ขอบคุณค่ะ
ตอบลบขอบคุณมากนะคะ ขอให้เดินทางโดยปลอดภัยค่า
ตอบลบขอบคุณค่ะ ขอให้โชคดี สุขสมหวังในทุกสิ่งที่ปราถนานะคะ
ตอบลบ