วันอาทิตย์ที่ 3 มีนาคม พ.ศ. 2567

จับแม่ทัพไปไถนา-บทที่ 788 ถางสยงมาหา

      ในวันนี้เหลียนไห่ผู้ซึ่งหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย ในที่สุดก็มาเยี่ยมเยียนที่จวนตระกูลหลี่จนได้

    ในตอนนั้น เหลียนฟางโจวเพิ่งรับสำรับมื้อเช้าเสร็จ พร้อมกับหลี่ฟู่ ซึ่งยามนี้อยู่ที่บ้าน และไม่มีงานอะไรเร่งด่วน ชายหนุ่มจึงไปเดินเล่นกับเธอในสวน


    พอได้รับรายงาน เหลียนฟางโจวจึงยิ้มแล้วเอ่ยขึ้น "ข้าคิดว่าเขาจะไม่มา และข้าไม่ได้คาดหวังให้เขามาด้วย!" 

    หลี่ฟู่คลี่ยิ้ม "ในเมื่อเขามาแล้ว เราก็ไปพบเขากันเถอะ!" 

    เหลียนฟางโจวฉุดมือเขาไว้ แล้วเอ่ยอย่างขุ่นเคือง: "ข้าไปเอง  ท่านไม่ควรไป! ข้ากลัวว่าเขาจะพูดอะไรที่ไม่ควรพูด แล้วจะทำให้คนโกรธน่ะ! "

    หลี่ฟู่คิดใคร่ครวญ แล้วจึงพยักหน้ายิ้มๆ "เช่นนั้นเจ้าก็ไปพบเขาคนเดียวก็แล้วกัน ไม่ว่าเขาจะพูดอะไร ก็อย่าเอาไปใส่ใจเลย! "

   เหลียนฟางโจวยิ้ม: "นี่คือสิ่งที่ท่านอยากพูดใช่หรือไม่?" 

   ในห้องโถงใหญ่ของจวนตระกูลหลี่ ซึ่งเป็นสถานที่เอาไว้ต้อนรับแขก เหลียนไห่นั่งครุ่นคิดอยู่บนเก้าอี้รับแขก ด้วยจิตใจกระสับกระส่าย ขณะที่นิ้วมือก็เคาะอยู่บนโต๊ะน้ําชาเป็นจังหวะโดยไม่รู้ตัว มาพักหนึ่งแล้ว

    ทั้งๆที่มั่นใจ แต่ในท้ายที่สุด เขาเองไม่เคยนึกฝันเลยว่า ตนเองจะสอบตก และไม่มีชื่ออยู่ในโผรายชื่อ

   เมื่อเขาค้นหาชื่อตนเอง ในใบประกาศรายชื่ออย่างละเอียดตั้งแต่บรรทัดบนสุดยันท้ายสุดถึงห้ารอบ ก็ยังไม่พบชื่อของตนเองอยู่ดี ในที่สุดเขาก็ต้องยอมรับความจริงข้อนี้ด้วยหัวใจที่หมดอาลัยตายอยากอย่างสมบูรณ์

   เขาสอบไม่ผ่าน แต่ซุนหมิงสอบผ่าน!

   ช่างน่าขายหน้าจริงๆ!

   เด็กคนนั้นไม่รู้ว่าเขาไปโชคดีอะไรมา  และโชคของเขาในช่วงสองปีที่ผ่านมาก็ดีเสียเหลือเกิน! อย่างแรก เขาเกี่ยวดองเป็นญาติกับตระกูลซู โดยแต่งงานกับคุณหนูใหญ่ของตระกูลซู และตอนนี้เขายังได้กลายเป็นจิ้นซื่ออีก!

    หากข่าวนี้ถูกแพร่ไปถึงหมู่บ้านต้าฝาง และชาวบ้านพูดคุยเกี่ยวกับเรื่องนี้ คงหนีไม่พ้นที่จะเอาตัวเขากับซุนหมิงมาเปรียบเทียบกัน แล้วทีนี้เขาจะเอาหน้าไปวางไว้ที่ไหน!

    ยิ่งเหลียนไห่คิดเกี่ยวกับเรื่องนี้มากเท่าไหร่ เขาก็ยิ่งโกรธมากขึ้นเท่านั้น พลางกํามือแน่นโดยไม่รู้ตัว

    เมื่อเหลียนฟางโจวเข้ามา สิ่งแรกที่เห็นก็คือใบหน้าของเหลียนไห่ที่ดูหมองคล้ำและดูคิดไม่ตก รวมทั้งดูพ่ายแพ้หน่อยๆ

   "ถางสยง!" เหลียนฟางโจวร้องเรียกพร้อมรอยยิ้ม

   เหลียนไห่ไม่ได้ยิน

   "ถางสยง!" เหลียนฟางโจวเปล่งเสียงเรียกดังขึ้นกว่าเดิม

   ในที่สุดเสียงนี้ก็ทำให้เหลียนไห่ผู้ซึ่งกําลังขบคิดอยู่ในหัว ได้สติกลับคืนมา "หือ? “ เขาหันหน้ากลับมามอง แล้วนิ่งอึ้งไป ก่อนจะลุกขึ้นยืนด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม "ฟางโจว! "

    เหลียนฟางโจวเองก็ส่งยิ้มให้เขา พลางให้ชุนซิ่งประคองไปนั่งลงบนเก้าอี้ประธาน แล้วเอ่ยด้วยรอยยิ้ม "ถางสยงเป็นแขกที่หาได้ยากจริงๆ! หายากนักที่ท่านจะมาเยือนถึงหน้าประตู! "

   ใบหน้าของเหลียนไห่ร้อนซู่  เขาฝืนยิ้มอย่างฝืดเฝื่อน "ข้าได้ยินมาว่าเจ้ากําลังตั้งครรภ์ ดังนั้นข้าเลยไม่ต้องการรบกวนเจ้า..."

   เหลียนฟางโจวคลี่ยิ้ม ชุนซิ่งเหยียดปากอย่างนึกดูถูก เมื่อคิดว่า พอคนอื่นได้ยินข่าว พวกเขาควรรีบมาแสดงความยินดีถึงหน้าประตูมิใช่หรือ? เรื่องดีๆที่มาหากันเพื่อแสดงความยินดี ดันกลายเป็นเรื่องไม่ดี เพราะกลัวจะมารบกวน!

   ถ้าเป็นเช่นนั้นแล้ว ตอนนี้ท่านมาทำอะไรที่นี่กัน?

   "ที่แท้เป็นเช่นนี้เอง! ข้าเลยเข้าใจถางสยงผิดไป! “ เหลียนฟางโจวคลี่ยิ้ม แต่ไม่ได้บอกว่าที่เข้าใจผิด คือเรื่องอะไร ก่อนจะเอ่ยด้วยรอยยิ้ม "ถางสยง มีแผนจะกลับบ้านเกิดหรือยัง? ไม่รู้ว่าท่านจะออกเดินทางเมื่อไหร่? "

   เหลียนไห่รู้ว่า นางคงรู้แล้วว่าเขาสอบไม่ผ่านในครั้งนี้ ความจริง  นี่ก็มิใช่เรื่องผิดปกติอะไร  แล้วเหลียนฟางโจวจะไม่สอบถามเรื่องใหญ่เช่นนี้ได้อย่างไร?  ทว่าเหลียนไห่กลับรู้สึกอึดอัดใจเล็กน้อย และรู้สึกว่าคําพูดของเหลียนฟางโจวดูเหมือนจะมีแรงจูงใจแอบแฝง!

   "ข้าไม่ได้คาดหวังว่าการสอบรอบนี้จะไม่ผ่าน!" เหลียนไห่ยิ้มขมขื่น แล้วถอนหายใจ "เห็นได้ชัดว่า ตอนข้าตอบปัญหา ก็ทำได้ราบรื่นนัก แต่ใครเล่าจะรู้ว่าผลมันจะออกมาเช่นนั้น!" 

    จากคำพูดและเสียงถอนหายใจ สามารถตีความได้ว่า บทความของเขา ไม่ตรงกับรสนิยมของผู้ตรวจข้อสอบ และหากเจ้าโชคร้าย ก็ได้แต่ต้องกลับมาสอบอีกครั้งเท่านั้น! กระทั่งเขาก็ชื่นชมที่ซุนหมิงโชคดีขนาดหนัก จนสอบผ่านได้ในครั้งเดียว

    เหลียนฟางโจวเองก็รู้นิสัยของอีกฝ่ายดี นั่นคือทุกคนในใต้หล้านี้ผิดหมด ส่วนเขาไม่เคยผิดเลย หรือต่อให้เขาผิด มันก็ต้องเป็นความผิดของใครสักคนก่อน - ซึ่งทำให้เขาเข้าใจผิดหรือโชคร้าย!

    ดังนั้น เธอจึงฟังเขาด้วยรอยยิ้มที่ยิ้มไปแกนๆ และไม่มีแววตาคัดค้านเขา

   หลังจากคุยกันไปพักหนึ่ง  เหลียนไห่เองก็รู้สึกว่าเรื่องที่เล่ามาไม่น่าสนใจ ในที่สุดจึงค่อยๆหยุดเล่าไป

   เหลียนฟางโจวจึงเอ่ยพร้อมรอยยิ้ม "ถางสยงอย่าได้ท้อแท้ไปเลย ถางสยงยังเยาว์อยู่  น่าจะสอบผ่านในครั้งต่อไป!" 

   เหลียนไห่รีบกล่าวทันที "ข้าจะไม่ท้อแท้!  ในการสอบรอบถัดไป จะต้องมีใครสักคนชื่นชมบทความของข้าอย่างแน่นอน และข้าจะไม่โชคร้ายทุกครั้งไป! "

   "ใช่แล้ว!" เหลียนฟางโจวหัวเราะ

   เหลียนไห่ทำท่าลังเลอยู่ครู่หนึ่ง แล้วจึงเอ่ยด้วยรอยยิ้ม "ข้าคิดไว้ในใจว่า เวลาสามปีไม่ว่าจะคิดในแง่ใด  เพียงพริบตาเดียว ก็มาถึงแล้ว และเมืองหลวงก็อยู่ห่างไกลจากเมืองยู่เหอของเราหลายพันลี้  การเดินทางกลับไปกลับมา ดูจะสร้างปัญหามากเกินไป แต่ในเมื่อเจ้าก็อาศัยอยู่ที่นี่แล้ว  ฟางโจว อะแฮ่ม ข้าอยากรั้งอยู่ที่บ้านของเจ้า เพื่อทบทวนตำรา ไม่รู้ว่ามันพอจะเป็นไปได้ไหม? ท้ายที่สุด นี่ก็คือเมืองหลวง ข่าวสารย่อมดีกว่าเช่นกัน และหากข้าหามิตรสหายที่มีการศึกษาดีเพิ่มอีกสองสามคน มิตรสหายก็น่าจะหาครูหนึ่งหรือสองคน ที่ให้คำแนะนำที่เป็นประโยชน์แก่ข้า ซึ่งเรื่องทบทวนตำราก็จะดียิ่งขึ้นตามไปด้วย! "

    ทันใดนั้นเหลียนฟางโจวก็พลันตระหนักในใจ: มิน่าเล่า เขาถึงมาเยือนที่จวน ที่แท้ก็ด้วยเหตุผลนี้นี่เอง!

    อย่างไรก็ตาม แม้ว่าจะมีเรือนว่างที่ไม่ได้ใช้งานจํานวนมากในจวน และเธอก็ไม่ใช่คนใจคอคับแคบ แต่เธอก็ตัดสินใจที่จะไม่ให้เหลียนไห่พักที่นี่โดยไม่เสียเวลาคิด

   ใครเล่าจะไปรู้ว่าความยุ่งเหยิงวุ่นวายของตระกูลจูจบแล้วจริงหรือยัง?  ถางสยงคนนี้เป็นคนมีนิสัยแบบไหน เหลียนฟางโจวย่อมรู้ดีที่สุด ในกรณีที่ทางฝั่งตระกูลจู หลอกใช้เขาเป็นมีดทำร้ายคนอื่น มันจะมีประสิทธิภาพดีเสียยิ่งกว่าหลี่หว่านโหร่วเสียอีก ยิ่งเขามีชื่อเสียงมาก ก็จะยิ่งสร้างปัญหาให้ใหญ่โตขึ้นเป็นเงาตามตัว

    หญิงสาวจึงไม่อาจทิ้งปัจจัยอันไม่แน่นอนเช่นนี้ไว้รอบตัวเธอได้  เพราะกลายเป็นว่า เธอก็ต้องจับตาดูเขาตลอดเวลา

   เหลียนไห่เห็นเหลียนฟางโจวนิ่งคิด จึงรีบพูดขึ้น "เจ้าก็รู้ว่าข้าไม่ใช่คนที่พิถีพิถันหรือจู้จี้จุกจิก สำหรับข้า ขอแค่ให้มีสถานที่ที่สะอาดในการอยู่อาศัย เพื่อให้ข้ามีสมาธิ สามารถทบทวนตำราได้ดีก็พอแล้ว!  ซึ่งจะไม่รบกวนชีวิตความเป็นอยู่ของเจ้าตามปกติแน่! "

    เมื่อเปรียบเทียบกันแล้ว สำหรับซุนหมิง การกลับไปที่บ้านเกิดของตน มันน่าอับอายเกินไป เขาไม่อยากกลับไปเลยจริงๆ!

   เหลียนฟางโจวแอบเบะปากเล็กน้อย  เมื่อคิดว่า เขาเพิ่งบอกไปเองว่า จะหาสหายเพิ่มและขอให้อาจารย์ผู้มีชื่อเสียงมาให้คำแนะนำอยู่หยกๆ ทีตอนนี้มาบอกว่าเขาจะปิดประตูเพื่อทบทวนตำราอยู่ในห้องอีก ใครมันจะไปเชื่อ!

   เหลียนฟางโจวยิ้มเจื่อนๆ พลางถอนหายใจ "ถางสยง ไม่ควรพักอยู่ที่นี่จะดีกว่านะ! ข้าเดาว่าท่านต้องเคยได้ยินเรื่องข้อพิพาทระหว่างข้ากับตระกูลจูมาด้วยใช่ไหม? ข้าเป็นห่วงว่า การที่ถางสยงใกล้ชิดเรามากเกินไป  อาจถูกผู้อื่นเขม่นเข้าให้ก็เป็นได้ และอาจเจอการแก้แค้นเอาคืน! สามีข้าเป็นแม่ทัพ แต่ถางสยงกําลังจะเดินตามเส้นทางของขุนนางพลเรือน ถ้าตระกูลจูต้องการจะทําอะไร สามีข้าก็คงช่วยท่านไม่ได้! ดังนั้นถางสยง อย่างน้อยควรอยู่ที่บ้านตัวเอง  ก็จะสบายใจมากกว่า! "

   เหลียนไห่ใจเต้นตึกตัก แต่ก็ยังไม่ยอมแพ้ จึงเอ่ยว่า "ตระกูลจูนั่น พวกเขาคงไม่ถึงกับทำเรื่องรุนแรงเช่นนี้หรอกกระมัง?" 

   เหลียนฟางโจวคลี่ยิ้ม แล้วเอ่ยอย่างอย่างเย็นชา "นิสัยของคนตระกูลจู จะทำเรื่องดีได้ด้วยเหรอ? หากเป็นคนดีจริง คงไม่ปรารถนาสามีของข้าหรอก พวกเขาแพร่ข่าวลือเสียหายอย่างไร้ยางอาย และพยายามบังคับข้าให้ยอมรับคุณหนูจูมาเป็นภรรยาของสามีข้าอีกคน อะแฮ่ม เชิญฝันกลางวันต่อไปเถอะ! ข้าไม่ต้องการหาเรื่องใคร  แต่กลัวว่าพวกเขาจะไม่รามือน่ะสิ! "

   เหลียนไห่เห็นน้ําเสียงเฉยเมยของเหลียนฟางโจว เขาก็ยิ่งรู้สึกไม่สบายใจ

   เหลียนฟางโจวไม่ต้องการหาเรื่อง แต่พวกเขาไม่รามือ! เขามีคําขอบางอย่าง ส่วนกำลังคิดหาทางสอบชุนซื่อให้ผ่านในรอบถัดไปด้วย!

   ไม่จําเป็นต้องให้เหลียนฟางโจพูด เขาก็กระจ่างว่าคนอย่างคนในตระกูลจูเป็นแบบใด พวกเขาคงใช้อุบายจัดการกุ้งหอยตัวเล็กๆอย่างเขา ที่ไม่มีค่าราวกับเป่าฝุ่น


1 ความคิดเห็น: