ในวันนี้เหลียนไห่ผู้ซึ่งหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย ในที่สุดก็มาเยี่ยมเยียนที่จวนตระกูลหลี่จนได้
ในตอนนั้น เหลียนฟางโจวเพิ่งรับสำรับมื้อเช้าเสร็จ พร้อมกับหลี่ฟู่ ซึ่งยามนี้อยู่ที่บ้าน และไม่มีงานอะไรเร่งด่วน ชายหนุ่มจึงไปเดินเล่นกับเธอในสวน
พอได้รับรายงาน เหลียนฟางโจวจึงยิ้มแล้วเอ่ยขึ้น "ข้าคิดว่าเขาจะไม่มา และข้าไม่ได้คาดหวังให้เขามาด้วย!"
หลี่ฟู่คลี่ยิ้ม "ในเมื่อเขามาแล้ว เราก็ไปพบเขากันเถอะ!"
เหลียนฟางโจวฉุดมือเขาไว้ แล้วเอ่ยอย่างขุ่นเคือง: "ข้าไปเอง ท่านไม่ควรไป! ข้ากลัวว่าเขาจะพูดอะไรที่ไม่ควรพูด แล้วจะทำให้คนโกรธน่ะ! "
หลี่ฟู่คิดใคร่ครวญ แล้วจึงพยักหน้ายิ้มๆ "เช่นนั้นเจ้าก็ไปพบเขาคนเดียวก็แล้วกัน ไม่ว่าเขาจะพูดอะไร ก็อย่าเอาไปใส่ใจเลย! "
เหลียนฟางโจวยิ้ม: "นี่คือสิ่งที่ท่านอยากพูดใช่หรือไม่?"
ในห้องโถงใหญ่ของจวนตระกูลหลี่ ซึ่งเป็นสถานที่เอาไว้ต้อนรับแขก เหลียนไห่นั่งครุ่นคิดอยู่บนเก้าอี้รับแขก ด้วยจิตใจกระสับกระส่าย ขณะที่นิ้วมือก็เคาะอยู่บนโต๊ะน้ําชาเป็นจังหวะโดยไม่รู้ตัว มาพักหนึ่งแล้ว
ทั้งๆที่มั่นใจ แต่ในท้ายที่สุด เขาเองไม่เคยนึกฝันเลยว่า ตนเองจะสอบตก และไม่มีชื่ออยู่ในโผรายชื่อ
เมื่อเขาค้นหาชื่อตนเอง ในใบประกาศรายชื่ออย่างละเอียดตั้งแต่บรรทัดบนสุดยันท้ายสุดถึงห้ารอบ ก็ยังไม่พบชื่อของตนเองอยู่ดี ในที่สุดเขาก็ต้องยอมรับความจริงข้อนี้ด้วยหัวใจที่หมดอาลัยตายอยากอย่างสมบูรณ์
เขาสอบไม่ผ่าน แต่ซุนหมิงสอบผ่าน!
ช่างน่าขายหน้าจริงๆ!
เด็กคนนั้นไม่รู้ว่าเขาไปโชคดีอะไรมา และโชคของเขาในช่วงสองปีที่ผ่านมาก็ดีเสียเหลือเกิน! อย่างแรก เขาเกี่ยวดองเป็นญาติกับตระกูลซู โดยแต่งงานกับคุณหนูใหญ่ของตระกูลซู และตอนนี้เขายังได้กลายเป็นจิ้นซื่ออีก!
หากข่าวนี้ถูกแพร่ไปถึงหมู่บ้านต้าฝาง และชาวบ้านพูดคุยเกี่ยวกับเรื่องนี้ คงหนีไม่พ้นที่จะเอาตัวเขากับซุนหมิงมาเปรียบเทียบกัน แล้วทีนี้เขาจะเอาหน้าไปวางไว้ที่ไหน!
ยิ่งเหลียนไห่คิดเกี่ยวกับเรื่องนี้มากเท่าไหร่ เขาก็ยิ่งโกรธมากขึ้นเท่านั้น พลางกํามือแน่นโดยไม่รู้ตัว
เมื่อเหลียนฟางโจวเข้ามา สิ่งแรกที่เห็นก็คือใบหน้าของเหลียนไห่ที่ดูหมองคล้ำและดูคิดไม่ตก รวมทั้งดูพ่ายแพ้หน่อยๆ
"ถางสยง!" เหลียนฟางโจวร้องเรียกพร้อมรอยยิ้ม
เหลียนไห่ไม่ได้ยิน
"ถางสยง!" เหลียนฟางโจวเปล่งเสียงเรียกดังขึ้นกว่าเดิม
ในที่สุดเสียงนี้ก็ทำให้เหลียนไห่ผู้ซึ่งกําลังขบคิดอยู่ในหัว ได้สติกลับคืนมา "หือ? “ เขาหันหน้ากลับมามอง แล้วนิ่งอึ้งไป ก่อนจะลุกขึ้นยืนด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม "ฟางโจว! "
เหลียนฟางโจวเองก็ส่งยิ้มให้เขา พลางให้ชุนซิ่งประคองไปนั่งลงบนเก้าอี้ประธาน แล้วเอ่ยด้วยรอยยิ้ม "ถางสยงเป็นแขกที่หาได้ยากจริงๆ! หายากนักที่ท่านจะมาเยือนถึงหน้าประตู! "
ใบหน้าของเหลียนไห่ร้อนซู่ เขาฝืนยิ้มอย่างฝืดเฝื่อน "ข้าได้ยินมาว่าเจ้ากําลังตั้งครรภ์ ดังนั้นข้าเลยไม่ต้องการรบกวนเจ้า..."
เหลียนฟางโจวคลี่ยิ้ม ชุนซิ่งเหยียดปากอย่างนึกดูถูก เมื่อคิดว่า พอคนอื่นได้ยินข่าว พวกเขาควรรีบมาแสดงความยินดีถึงหน้าประตูมิใช่หรือ? เรื่องดีๆที่มาหากันเพื่อแสดงความยินดี ดันกลายเป็นเรื่องไม่ดี เพราะกลัวจะมารบกวน!
ถ้าเป็นเช่นนั้นแล้ว ตอนนี้ท่านมาทำอะไรที่นี่กัน?
"ที่แท้เป็นเช่นนี้เอง! ข้าเลยเข้าใจถางสยงผิดไป! “ เหลียนฟางโจวคลี่ยิ้ม แต่ไม่ได้บอกว่าที่เข้าใจผิด คือเรื่องอะไร ก่อนจะเอ่ยด้วยรอยยิ้ม "ถางสยง มีแผนจะกลับบ้านเกิดหรือยัง? ไม่รู้ว่าท่านจะออกเดินทางเมื่อไหร่? "
เหลียนไห่รู้ว่า นางคงรู้แล้วว่าเขาสอบไม่ผ่านในครั้งนี้ ความจริง นี่ก็มิใช่เรื่องผิดปกติอะไร แล้วเหลียนฟางโจวจะไม่สอบถามเรื่องใหญ่เช่นนี้ได้อย่างไร? ทว่าเหลียนไห่กลับรู้สึกอึดอัดใจเล็กน้อย และรู้สึกว่าคําพูดของเหลียนฟางโจวดูเหมือนจะมีแรงจูงใจแอบแฝง!
"ข้าไม่ได้คาดหวังว่าการสอบรอบนี้จะไม่ผ่าน!" เหลียนไห่ยิ้มขมขื่น แล้วถอนหายใจ "เห็นได้ชัดว่า ตอนข้าตอบปัญหา ก็ทำได้ราบรื่นนัก แต่ใครเล่าจะรู้ว่าผลมันจะออกมาเช่นนั้น!"
จากคำพูดและเสียงถอนหายใจ สามารถตีความได้ว่า บทความของเขา ไม่ตรงกับรสนิยมของผู้ตรวจข้อสอบ และหากเจ้าโชคร้าย ก็ได้แต่ต้องกลับมาสอบอีกครั้งเท่านั้น! กระทั่งเขาก็ชื่นชมที่ซุนหมิงโชคดีขนาดหนัก จนสอบผ่านได้ในครั้งเดียว
เหลียนฟางโจวเองก็รู้นิสัยของอีกฝ่ายดี นั่นคือทุกคนในใต้หล้านี้ผิดหมด ส่วนเขาไม่เคยผิดเลย หรือต่อให้เขาผิด มันก็ต้องเป็นความผิดของใครสักคนก่อน - ซึ่งทำให้เขาเข้าใจผิดหรือโชคร้าย!
ดังนั้น เธอจึงฟังเขาด้วยรอยยิ้มที่ยิ้มไปแกนๆ และไม่มีแววตาคัดค้านเขา
หลังจากคุยกันไปพักหนึ่ง เหลียนไห่เองก็รู้สึกว่าเรื่องที่เล่ามาไม่น่าสนใจ ในที่สุดจึงค่อยๆหยุดเล่าไป
เหลียนฟางโจวจึงเอ่ยพร้อมรอยยิ้ม "ถางสยงอย่าได้ท้อแท้ไปเลย ถางสยงยังเยาว์อยู่ น่าจะสอบผ่านในครั้งต่อไป!"
เหลียนไห่รีบกล่าวทันที "ข้าจะไม่ท้อแท้! ในการสอบรอบถัดไป จะต้องมีใครสักคนชื่นชมบทความของข้าอย่างแน่นอน และข้าจะไม่โชคร้ายทุกครั้งไป! "
"ใช่แล้ว!" เหลียนฟางโจวหัวเราะ
เหลียนไห่ทำท่าลังเลอยู่ครู่หนึ่ง แล้วจึงเอ่ยด้วยรอยยิ้ม "ข้าคิดไว้ในใจว่า เวลาสามปีไม่ว่าจะคิดในแง่ใด เพียงพริบตาเดียว ก็มาถึงแล้ว และเมืองหลวงก็อยู่ห่างไกลจากเมืองยู่เหอของเราหลายพันลี้ การเดินทางกลับไปกลับมา ดูจะสร้างปัญหามากเกินไป แต่ในเมื่อเจ้าก็อาศัยอยู่ที่นี่แล้ว ฟางโจว อะแฮ่ม ข้าอยากรั้งอยู่ที่บ้านของเจ้า เพื่อทบทวนตำรา ไม่รู้ว่ามันพอจะเป็นไปได้ไหม? ท้ายที่สุด นี่ก็คือเมืองหลวง ข่าวสารย่อมดีกว่าเช่นกัน และหากข้าหามิตรสหายที่มีการศึกษาดีเพิ่มอีกสองสามคน มิตรสหายก็น่าจะหาครูหนึ่งหรือสองคน ที่ให้คำแนะนำที่เป็นประโยชน์แก่ข้า ซึ่งเรื่องทบทวนตำราก็จะดียิ่งขึ้นตามไปด้วย! "
ทันใดนั้นเหลียนฟางโจวก็พลันตระหนักในใจ: มิน่าเล่า เขาถึงมาเยือนที่จวน ที่แท้ก็ด้วยเหตุผลนี้นี่เอง!
อย่างไรก็ตาม แม้ว่าจะมีเรือนว่างที่ไม่ได้ใช้งานจํานวนมากในจวน และเธอก็ไม่ใช่คนใจคอคับแคบ แต่เธอก็ตัดสินใจที่จะไม่ให้เหลียนไห่พักที่นี่โดยไม่เสียเวลาคิด
ใครเล่าจะไปรู้ว่าความยุ่งเหยิงวุ่นวายของตระกูลจูจบแล้วจริงหรือยัง? ถางสยงคนนี้เป็นคนมีนิสัยแบบไหน เหลียนฟางโจวย่อมรู้ดีที่สุด ในกรณีที่ทางฝั่งตระกูลจู หลอกใช้เขาเป็นมีดทำร้ายคนอื่น มันจะมีประสิทธิภาพดีเสียยิ่งกว่าหลี่หว่านโหร่วเสียอีก ยิ่งเขามีชื่อเสียงมาก ก็จะยิ่งสร้างปัญหาให้ใหญ่โตขึ้นเป็นเงาตามตัว
หญิงสาวจึงไม่อาจทิ้งปัจจัยอันไม่แน่นอนเช่นนี้ไว้รอบตัวเธอได้ เพราะกลายเป็นว่า เธอก็ต้องจับตาดูเขาตลอดเวลา
เหลียนไห่เห็นเหลียนฟางโจวนิ่งคิด จึงรีบพูดขึ้น "เจ้าก็รู้ว่าข้าไม่ใช่คนที่พิถีพิถันหรือจู้จี้จุกจิก สำหรับข้า ขอแค่ให้มีสถานที่ที่สะอาดในการอยู่อาศัย เพื่อให้ข้ามีสมาธิ สามารถทบทวนตำราได้ดีก็พอแล้ว! ซึ่งจะไม่รบกวนชีวิตความเป็นอยู่ของเจ้าตามปกติแน่! "
เมื่อเปรียบเทียบกันแล้ว สำหรับซุนหมิง การกลับไปที่บ้านเกิดของตน มันน่าอับอายเกินไป เขาไม่อยากกลับไปเลยจริงๆ!
เหลียนฟางโจวแอบเบะปากเล็กน้อย เมื่อคิดว่า เขาเพิ่งบอกไปเองว่า จะหาสหายเพิ่มและขอให้อาจารย์ผู้มีชื่อเสียงมาให้คำแนะนำอยู่หยกๆ ทีตอนนี้มาบอกว่าเขาจะปิดประตูเพื่อทบทวนตำราอยู่ในห้องอีก ใครมันจะไปเชื่อ!
เหลียนฟางโจวยิ้มเจื่อนๆ พลางถอนหายใจ "ถางสยง ไม่ควรพักอยู่ที่นี่จะดีกว่านะ! ข้าเดาว่าท่านต้องเคยได้ยินเรื่องข้อพิพาทระหว่างข้ากับตระกูลจูมาด้วยใช่ไหม? ข้าเป็นห่วงว่า การที่ถางสยงใกล้ชิดเรามากเกินไป อาจถูกผู้อื่นเขม่นเข้าให้ก็เป็นได้ และอาจเจอการแก้แค้นเอาคืน! สามีข้าเป็นแม่ทัพ แต่ถางสยงกําลังจะเดินตามเส้นทางของขุนนางพลเรือน ถ้าตระกูลจูต้องการจะทําอะไร สามีข้าก็คงช่วยท่านไม่ได้! ดังนั้นถางสยง อย่างน้อยควรอยู่ที่บ้านตัวเอง ก็จะสบายใจมากกว่า! "
เหลียนไห่ใจเต้นตึกตัก แต่ก็ยังไม่ยอมแพ้ จึงเอ่ยว่า "ตระกูลจูนั่น พวกเขาคงไม่ถึงกับทำเรื่องรุนแรงเช่นนี้หรอกกระมัง?"
เหลียนฟางโจวคลี่ยิ้ม แล้วเอ่ยอย่างอย่างเย็นชา "นิสัยของคนตระกูลจู จะทำเรื่องดีได้ด้วยเหรอ? หากเป็นคนดีจริง คงไม่ปรารถนาสามีของข้าหรอก พวกเขาแพร่ข่าวลือเสียหายอย่างไร้ยางอาย และพยายามบังคับข้าให้ยอมรับคุณหนูจูมาเป็นภรรยาของสามีข้าอีกคน อะแฮ่ม เชิญฝันกลางวันต่อไปเถอะ! ข้าไม่ต้องการหาเรื่องใคร แต่กลัวว่าพวกเขาจะไม่รามือน่ะสิ! "
เหลียนไห่เห็นน้ําเสียงเฉยเมยของเหลียนฟางโจว เขาก็ยิ่งรู้สึกไม่สบายใจ
เหลียนฟางโจวไม่ต้องการหาเรื่อง แต่พวกเขาไม่รามือ! เขามีคําขอบางอย่าง ส่วนกำลังคิดหาทางสอบชุนซื่อให้ผ่านในรอบถัดไปด้วย!
ไม่จําเป็นต้องให้เหลียนฟางโจพูด เขาก็กระจ่างว่าคนอย่างคนในตระกูลจูเป็นแบบใด พวกเขาคงใช้อุบายจัดการกุ้งหอยตัวเล็กๆอย่างเขา ที่ไม่มีค่าราวกับเป่าฝุ่น
…
ทำตัวเองตั้งแต่แรกไม่อย่างนั้นก็จะไม่เป็นเช่นนี้
ตอบลบ